“พี่วินทร์จะทิ้งนุ๊กเหรอคะ ไม่กลัวว่า…”
“อยากพูดอะไรก็พูดไปสิ ชื่อเสียงพี่ไม่ได้ดีอยู่แล้ว อีกอย่างปีนี้ก็เป็นปีสุดท้ายแล้วพี่ไม่สนใจหรอกนะว่าจะต้องเสียชื่อเสียงอีกแค่ไหน เพราะสุดท้ายคนที่พูดเรื่องโกหกก็ต้องรับผลของมันอยู่ดี”
“พี่วินทร์! นี่พี่จะบอกว่าฉันโกหกเหรอคะ"
“ไม่ทำก็ดีแล้ว รีบไปเถอะพี่จะรีบทำงาน”
อีกฝ่ายรีบคว้ากระเป๋าและมือถือเดินออกจากคอนโดนหรูของภาวินทร์ทันที เมื่อเสียงประตูปิดลงภาวินทร์ก็รวบถือแฟ้มที่เพื่อนสนิทเขาเอามาให้เดินเข้าไปในห้องและเอนตัวลงกับเตียงและอ่านอีกครั้ง
“นักศึกษาพยาบาล รับทุนเรียนดีทุกปีเพื่อชำระค่าเทอมแล้วยังมีสิทธิ์สอบชิงทุนเรียนต่อระดับปริญญาโทและบรรจุเข้าทำงานในโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัย เก่งไม่เบาเลยนี่ยัยแว่น”
เขามองรูปถ่ายของเธอและเพ่งดูอีกครั้ง ซึ่งเมื่อมองดูช้า ๆ แบบนี้ก็ยังไม่คุ้นเคยว่าเคยเจอเธอในบาร์นั้นหรือเปล่า เพราะเขาไม่เห็นคนที่มีลักษณะสาวเฉิ่มแบบนี้ในสถานที่แบบนั้น
“จะเป็นไปได้ยังไงที่มองพลาด ถ้ารู้จักและเคยเห็นแค่ผ่านหน้าก็ต้องรู้สึกคุ้นหน้าสิวะ”
ลักษิกาเข้ามาเรียนได้เพราะการสอบชิงทุนการศึกษาของมหาวิทยาลัยได้และยังเป็นที่หนึ่งในคณะพยาบาลมาสองปีซ้อน เธอมีเพียงคุณยายเพียงคนเดียวและไม่มีประวัติของพ่อแม่
“แต่พวกเด็กทุนห้ามทำงานกลางคืนนี่หว่า แล้วเธอไปทำอะไรที่นั่น ถ้าไปที่บาร์นั่นก็แสดงว่าเธอกำลังทำผิดกฎเด็กทุนน่ะสิ ได้การล่ะยัยแว่น ถึงเวลาแก้แค้นเก่าที่เธอทำไว้แล้ว”
ภาวินทร์ลุกจากเตียงและเก็บเอกสารของลักษิกาเอาไว้ในลิ้นชักก่อนจะแต่งตัวพรมน้ำหอมออกจากคอนโดเพื่อท่องราตรี เป้าหมายของเขาคือที่ Q-Bar อย่างไม่ต้องสงสัยเพราะเขาต้องการอยากจะรู้ว่าสิ่งที่เขาสงสัยผิดหรือถูก
Q-Bar
“อะไรวะ รสชาติไม่อร่อยเหมือนวันก่อนเลยแฮะ นี่น้อง แล้วบาร์เทนเดอร์หญิงคนนั้นไม่มาเหรอ”
“อ่อ เรเน่เหรอครับ เธอจะมาแค่ศุกร์กับเสาร์และอาทิตย์เป็นบางวันที่คนไม่พอครับ”
“อ้อ แบบนี้นี่เอง”
แต่วันนี้เป็นวันพุธ เขารู้สึกเซ็งเล็กน้อยแต่ก็ฝืนดื่มเครื่องดื่มในมือให้หมดก่อนจะเดินดูรอบ ๆ แต่ก็ไม่พบผู้ต้องสงสัย จนบาร์ใกล้จะเลิกเขาก็ต้องยอมแพ้เพราะคิดว่ามิวอาจจะไม่ได้มาที่นี่จริง ๆ
“ศุกร์ กับเสาร์งั้นเหรอ แต่เธอก็ชงเครื่องดื่มอร่อยกว่าจริง ๆ ช่างเถอะ”
วันถัดมา / หอสมุด
“ผมมาคืนหนังสือ”
“สักครู่นะคะ…”
ลักษิกาที่กำลังก้มเก็บหนังสืออยู่เมื่อหันมายิ้มและพบว่าคนที่พูดอยู่คือภาวินทร์ก็ทำให้รอยยิ้มของเธอหายไปทันที เขาทันได้เห็นเพียงแวบเดียวก่อนจะมองเธออีกครั้ง ซึ่งรู้สึกว่าอีกฝ่ายจงใจหลบตาเขาแต่เขาเลือกจะไม่พูดอะไรกับเธอ
“เรียบร้อยแล้วค่ะ”
“อืม”
“เฮ้ยไอ้วินทร์ อยู่นี่เองไอ้ภัทรโทรมาบอกว่าวันนี้ไปทำรายงานที่หอของมัน อ้าวน้องมิววันนี้มาเป็นบรรณารักษ์ที่นี่เหรอ”
ชินกรเป็นคนเดียวในกลุ่มเพื่อนของภาวินทร์ที่พอจะสุภาพกว่าคนอื่นแต่เรื่องความเจ้าชู้กลับไม่ได้แพ้เพื่อนคนอื่น ๆ เลยเมื่อหันมายิ้มให้มิวที่กำลังก้มขยับแว่นและเลือกที่จะไม่ตอบคำถาม ภาวินทร์ไม่เคยรู้สึกรำคาญใครเท่ากับเธอมาก่อน
“ช่างเถอะ รีบไปเถอะ”
“เดี๋ยวสิ กูจะยืมหนังสือมึงไปนั่งรอก่อน”
“อืม”
เขาเดินไปนั่งรอโต๊ะใกล้ ๆ ชินกรเอารายชื่อหนังสือยื่นให้เธอก่อนที่จะพูดกับเธออย่างสุภาพ
“น้องมิวช่วยพี่หน่อยนะ คือรายการหนังสือนี้พี่ไปดูแล้วเหมือนว่าจะไม่มีที่ชั้น ไม่รู้ว่าจะมีที่ยังไม่ได้คัดแยกหรือเปล่า”
“สักครู่นะคะ มิวกำลังแยกหนังสือเข้าชั้นอาจจะอยู่แถวนี้ ส่วนเล่มนี้อยู่ที่ชั้นยี่สิบห้าโซนกลาง ๆ หน่อยค่ะ เล่มนี้…”
ภาวินทร์หันไปมองมิวที่กำลังคุยกับเพื่อนของเขาด้วยท่าทางธรรมดาและยังดูเป็นมิตรกว่าเขา ทั้ง ๆ ที่ชินกรเองก็เป็นหนึ่งในแก๊งเพื่อนสนิทของเขา แต่เธอกลับยอมช่วยเหลือชินกรอย่างเต็มใจและยังยิ้มให้เขาอีกด้วย
“อ่อ ไม่ต้อง ๆ เดี๋ยวพี่ไปเอาเอง หนังสือนี่จะเอาไปเก็บใช่ไหมเดี๋ยวพี่จัดการให้พี่จะไปพอดี”
“ขอบคุณค่ะพี่กร”
“ไม่เป็นไร พี่ฝากหาเล่มนั้นให้ทีนะ”
“ได้ค่ะ”
ชินกรรีบเข็นรถไปที่ชั้นวางหนังสือเป็นการตอบแทนที่เธอช่วยหาหนังสือให้เขา ภาวินทร์นั่งมองมิวที่ไล่หาหนังสือที่ชินกรต้องการเพื่อจะนำไปทำงานโปรเจคของกลุ่มพวกเขา เธอมองเห็นแค่ชั้นที่อยู่เสมอสายตา ส่วนเขาเห็นหนังสือเล่มที่ชินกรจะหาแล้วจึงเดินเข้าไปด้านหลังเธอเพื่อจะหยิบมาให้
“เล่มนี้”
“ขอบคุณค่ะพี่กร…. เอ่อ ขอบคุณ”
เธอปรับน้ำเสียงเย็นชาใส่เขาซึ่งทำให้ภาวินทร์หงุดหงิดเพิ่มมากขึ้น ทีกับชินกรเธอพูดเหมือนกับรุ่นพี่ในคณะเดียวกัน เขาจึงอยากแกล้งเธอนิดหน่อย
“คิดไม่ถึงว่าจะมาทำหน้าที่พิเศษที่นี่ด้วย”
“ไม่ได้ใช้ชีวิตไร้สาระเหมือนใครบางคนนี่คะ”
“นี่! … ไม่รู้สำนึกฉันอุตส่าห์ช่วย”
“หึ ใช่เหรอคะ หนังสือนั่นพวกคุณก็กำลังหา ฉันเป็นเจ้าหน้าที่บรรณารักษ์ก็ทำตามหน้าที่ ในเมื่อหาเจอแล้วก็รีบทำเรื่องยืมเถอะค่ะจะได้ไม่เสียเวลาคนอื่น”
“นี่คุณบรรณารักษ์”
เขารู้สึกหมั่นไส้ความหยิ่งของเธอตั้งแต่วันที่เธอด่าเขาหน้าคณะวันนั้นแล้ว ตอนนี้จึงนึกอยากจะแกล้งคืนเขาก้มลงมาเกือบจะชิดหน้าของเธอ กลิ่นหอมบางอย่างที่ไม่เหมือนน้ำหอมราคาแพงแต่ก็ไม่ได้ฉุนจนน่ารำคาญทำให้ภาวินทร์เผลอมองทะลุแว่นหนา ๆ นั้นอย่างลืมตัว
“รุ่นพี่คะ คุณจะทำอะไร”
“กำลังจะ….”
เขาก้มลงไปอีกนิดจนเธอหลับตาและยกมือขึ้นมาบังทำเอาเขากลั้นขำและรีบหันไปหยิบหนังสืออีกเล่มออกมา
“เอื้อมเอาหนังสือ รอไอ้กรมายืมทีเดียวก็แล้วกัน”
เขาพูดเชิงกระซิบซึ่งทำให้มิวรู้สึกใจสั่นจนแทบจะยืนไม่อยู่ เธอหันไปคว้าชั้นหนังสือเหมือนจะจัดของในชั้นซึ่งภาวินทร์ที่หันไปเห็นใบหูที่แดงจัดจนลงมาถึงคอก็รู้สึกสะใจเล็กน้อยที่ได้แกล้งเธอ
“หึ “ยัยลูกแกะน้อย” แค่นี้ก็สั่นจนลนลานแล้ว”
ไม่นานชินกรก็เดินกลับมาพร้อมกับหนังสือในมือและเขาก็ได้ยืมหนังสือทั้งหมดก่อนจะเดินมาหาภาวินทร์
“ไปเถอะวินทร์เดี๋ยวไอธิศกับไอ้ภัทรจะรอ”
“อืม”
เมื่อพวกเขาเดินออกมาจากหอสมุดภาวินทร์จึงได้หันไปถามชินกร
“ไอกร มึงคุยกับยัยเด็กแว่นนั่นได้ด้วยเหรอวะ”
“ใคร อ๋อน้องมิน่ะเหรอ ก็กูไม่เคยร่วมแซวน้องเหมือนพวกมึงเลยนี่ อีกอย่างนะกูเป็นคนเดียวที่มาที่หอสมุดแล้วเจอน้องบ่อย ๆ ที่จริงมิวก็ไม่ใช่คนที่จะดูถูกได้นะเว้ย ได้ทุนเรียนดีทุกปีไม่ต้องเสียค่าเทอม อีกอย่างคะแนนเธอก็สูงเป็นอันดับหนึ่งถึงจะไม่สวยเป็นดาวคณะแต่ก็เรียนเก่ง ที่จริงนอกจากเรื่องที่พวกมึงล้อแล้ว น้องมิวถือเป็นคนน่าคบหาคนหนึ่งเลยล่ะ นิสัยใช้ได้เลยนะมีน้ำใจ ชอบช่วยเหลือคนอื่น ครั้งแรกที่กูหาหนังสือไม่เจอก็ได้น้องช่วยแต่ก็แอบหน้าซีดเหมือนกันนะเพราะเหมือนว่ามิวจะจำกูได้ ฮ่า ๆ”
ชินกรเล่าไปพร้อมกับหัวเราะเพราะครั้งแรกที่เจอเธอในหอสมุด คือตอนที่เขาตามหาหนังสืออยู่เล่มหนึ่งซึ่งยังไม่ถูกเอามาวางที่ชั้น มิวที่เข้าเวรเป็นบรรณารักษ์จึงเดินมาถามเขาเมื่อหันมาแล้วพบว่าเป็นเขา เธอถึงกับถอยและรีบเข็นรถไปทันที
เขาเรียกเธอเอาไว้เพราะเห็นว่าหนังสือที่เขากำลังหาอยู่ที่รถของเธอ จากนั้นเขาก็ขอโทษและชวนเธอคุยและสอบถามเรื่องหนังสือเล่มอื่นที่เขาจะใช้ทำโปรเจคซึ่งเธอช่วยเขาได้อย่างดีเยี่ยม
“ไอ้กร ทำไมมึงพูดไปยิ้มไป”
"เปล่าโว้ย ถึงกูจะบอกว่าน้องนิสัยดีน่าคบแต่ไม่ใช่สไตล์กู มึงก็รู้ว่ากูไม่ชอบแนวใส ๆ แบบนี้"
“ยัยแว่นนั่นน่ะเหรอน่าคบหา แค่พูดก็ขนลุกแล้ว"
นิธิศเดินมากอดเธอจากด้านหลัง และเริ่มซุกหน้ามาที่ซอกคอเพื่อปลุกเร้าอารมณ์ของเธอ“ไม่ต้องมาอ้อนเลย วันนี้...อื้อ อืออ”นิธิศรู้ว่าเธอกำลังจะเริ่มอีกแล้ว หาเรื่องทะเลาะ แต่เขารู้ทันและไม่ยอมให้เธอมีโอกาสหรอก เขาดื่มมานิดหน่อย เพราะต้องการปลุกอารมณ์เธอนี่แหละ“ที่รักคะ คุณ...ดูรีบร้อนจัง”“คุณไม่รู้หรอกว่า ผมรีบแล้วก็หิวแบบนี้ทุกคืนนั่นแหละ แต่ผมเข้าใจคุณ ที่ต้องเลี้ยงลูกทั้งวัน ผมก็เลยไม่อยากกวนคุณ แต่คืนนี้ลูกชายของเราเป็นใจแบบนี้ ผมขอทวงคืนเวลาของผมบ้าง ได้ไหม”“ก็ได้ค่ะ”จูบที่เล้าโลม หวานซึ้งจนแยมแทบจะทนไม่ไหว เสียงรูดชุดเดรสของเขาทำเอาหลังเธอเย็นวาบเพราอากาศในห้อง ไม่นานชุดสวยก็ถูกดึงออกจากตัว ลิ้นทีเกี่ยววนพัลวันในปาก เริ่มทำให้หายใจติดขัด เมื่อเธอเริ่มผละออกมาและช่วยเขาถอดเสื้อผ้า“ไหนว่าจะไปแช่อ่าง”“เอาไว้ทีหลังเถอะ ผมทนไม่ไหวแล้ว”“อื้อ...”เขาอุ้มร่างของภรรยาสาว ไปที่เตียงทันที เมื่อกี้เขาคิดจะพาเธอไปอาบน้ำก่อนจริง ๆ นั่นแหละ แต่พอจับเธอถอดชุดแล้ว เขาก็เปลี่ยนใจ อยากทำอย่างอื่นแทน“อื้อ....ที่รักคะ เสียว อ๊า....”ลิ้นที่พรมจูบไปทั่วหน้าอก นิ้วมือที่บีบเคล้นสองเต้า และบดขยี้ส่
บ้านของภาวินทร์“เด็ก ๆ ครับ ไปล้างมือกันได้แล้ว จะได้มากินขนมกันเร็วเข้า”“ไปกันเถอะกองทัพ คุณพ่อเอาขนมมาให้แล้ว”“ครับ พี่คินทร์”กองทัพ เด็กน้อยซึ่งเป็นลูกของแยมและนิธิศ เพื่อนสนิทอีกคู่หนึ่ง ที่แต่งงานกันหลังจากภาวินทร์และลักษิกา คลอดภาคินทร์ได้เพียงหกเดือน“มาเร็ว ๆ ค่ะ ไปล้างมือให้สะอาด กองทัพแม่บอกว่ายังไงครับ”“รู้แล้วครับคุณแม่ ผมจะตามพี่คินทร์ไปเดี๋ยวนี้”“ดีมากเด็กดี”“อย่าไปดุลูกมากเลย ลูกกลัวจนไม่กล้ามองหน้าแกแล้วนั่น”“ฉันเหรอดุ แกไม่เห็นพ่อของกองทัพน่ะสิ พี่ธิศดุกว่าฉันเสียอีก ถ้าอะไรเกี่ยวกับลูกนะ ไม่ได้เลย นี่ฉันยังคิดอยู่เลยว่า เขาเรียนจบวิศวะมาจริงเหรอ ดูแล้วละเอียดมากกว่าพยาบาลวิชาชีพอย่างฉันเสียอีก”“จริงสิ ว่าแต่แกจะไม่กลับไปทำงาน ที่โรงพยาบาลแล้วจริง ๆ เหรอ”“แกดูหน้าผัวฉันก่อน ตอนนี้แค่พูดขึ้นมาว่า ขอไปเยี่ยมเพื่อน ๆ ที่โรงพยาบาล หน้าก็หงิกไปสองวัน อารมณ์อย่างกับสาววัยทอง”“พี่ธิศเขาขี้หึงขนาดนั้นเลยเหรอ ดูไม่ออกเลยว่า จะขี้หึงขนาดนั้น”“ใครจะไปเหมือนพี่วินทร์ของแกกันล่ะ รายนั้นทั้งขี้อ้อนทั้งกลัวเมีย น่าอิจฉาจะตายไป แกไม่รู้เหรอว่า คนอื่นเขาบอกกันว่า พี่วินทร์
ทั้งหมอฟิวส์และฝัน รุ่นน้องต่างคณะยืนนิ่งไปทันที เมื่อถูกวีรภัทร ที่ขึ้นชื่อเรื่องความดุ และปากหมาของคณะวิศวะ ด่าสาดเสียเทเสียจนทำหน้าไม่ถูก“จริงเหรอแคร์... เขากับแคร์”“ยังไม่ชัดอีกเหรอ ถ้ามึงกล้ามายุ่งกับแฟนกูอีกละก็ อย่าหาว่ากูไม่เกรงใจ ไปบอกหมาตัวเมีย ที่หึงจนตกมันของมึงด้วย”“พี่ว่าใครเป็นหมาตกมัน! ทำไมหยาบคายแบบนี้”“ทำไม คนที่หยาบก่อนไม่ใช่เธอเหรอ โยนก้อนหินให้คนอื่นมา จะให้โยนทองให้หรือไง”“พี่ฟิวส์คะ อย่าไปยุ่งกับพวกเขาเลย เรากลับบ้านกันดีกว่า”“เดี๋ยวก่อน”“คุณต้องการอะไรอีก”วีรภัทรที่ยืนกอดแคร์ ซึ่งกำลังช็อกกับเหตุการณ์ตรงหน้า เธอไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน ก็เลยพูดอะไรไม่ออกเลยสักคำ มีแต่วีรภัทรที่ยืนด่าแทนให้“มายืนด่าแฟนคนอื่นขนาดนี้ ขอโทษสักคำน่ะทำเป็นไหม ขอโทษแคร์เดี๋ยวนี้เลย ไม่งั้นอย่าหาว่ารุ่นพี่ไม่เตือน”“ผมน่าจะรุ่นเดียวกับคุณ หรือไม่ก็เป็นรุ่นพี่”“จะรุ่นไหนผมไม่สน แต่คนทำผิดก็ต้องขอโทษไม่ใช่เหรอหมอ หรือว่าคณะของหมอ ไม่สอนเรื่องมารยาท”“พี่ฟิวส์! อย่าไปเถียงกับพวกคณะหยาบคายนี่เลย เรากลับบ้านกันเถอะค่ะ”“ถ้าเธอกล้าเดินออกไป โดยไม่ขอโทษแคร์ หลังจากพรุ่งนี้ไป ก็เต
ประเทศอังกฤษ“ที่รักครับ ผมเก็บของที่มาส่ง เข้ามาให้แล้วนะ”“ขอบคุณค่ะพี่ภัทร”แคร์เดินมาดูของหลายอย่าง ที่ถูกส่งมาจากประเทศไทย เธอแต่งงานกับวีรภัทร และย้ายมาอยู่ที่อังกฤษ หลังจากเรียนจบ ตอนนี้ทั้งคู่กำลังดูแลธุรกิจของที่บ้านวีรภัทรอยู่“นั่นกล่องอะไรเหรอ ดูจากชื่อนี้ เมียไอ้วินทร์ส่งมาให้ล่ะสิ”“รูปเก่า ๆ สมัยเรียนน่ะค่ะ ตายจริงไม่คิดว่ามิวจะมีเยอะขนาดนี้”“น้องมิวส่งรูปสมัยเรียนมาทำไมกัน”“แคร์บอกให้มิวส่งมาเองแหละค่ะ อยากจะเก็บเอาไว้ให้ “เฟรย์ย่า”ดูตอนที่ลูกโตขึ้นมา จะได้รู้ว่าสมัยเรียน พ่อกับแม่เป็นยังไง”“แต่ลูกยังไม่คลอดเลยนะที่รักจ๋า หรือแคร์กลัวว่า ลูกจะเกิดมาไม่สวยเหมือนแม่ แต่พี่ไม่กลัวเลยนะ เพราะพี่มั่นใจมากว่า เมียพี่สวยที่สุด”“เหรอคะ แต่ตอนนั้นพี่ภัทร ก็ไม่ได้คิดจะจีบแคร์ก่อนเลยนี่คะ เพราะแคร์ไม่ใช่ผู้หญิงที่ตรงสเป็กพี่”“โธ่ที่รัก เรื่องมันก็นานมาแล้วนะ ยังจำได้อีกเหรอ” “นี่ถ้าลูกคลอดออกมา แล้วพี่บอกว่า มาชอบแคร์ตอนที่นั่งเล่นไพ่ในงานศพ ลูกจะขำหรือเปล่านะ”“ใครบอกว่าพี่ชอบแคร์ ตอนที่เล่นไพ่กันล่ะ”แคร์หันมามองหน้าวีรภัทร เธอจำได้ว่า ครั้งนั้นที่ทั้งสองคนเริ่มสนิท และเร
สี่ปีผ่านไป“ดูสิคะรูปลูกของแคร์กับพี่ภัทร นี่พวกเขาไม่คิดจะกลับเมืองไทยมาให้เรารับขวัญหลานเลยสินะ”“ช่วยไม่ได้นี่นาเห็นว่าไอ้ภัทรเปิดบริษัทที่โน่น พ่อมันเองก็ไปอยู่ด้วยอีกนานเลยมั้งกว่าจะกลับเมืองไทย”“แยมกับพี่ธิศจะมาหาวันอาทิตย์นี้นะคะจะพา "กองทัพ" มาด้วย”“ได้สิ อย่างน้อยก็มีเพื่อนเล่นละนะ “ภาคินทร์” จะได้มีเพื่อนเล่น"“แล้วนี่ลูกไปไหนแล้วคะ”“โน่น ไปเดินเล่นกับพี่เรย์ พอมาเจอกันก็พากันซนเห็นว่าไปเล่นทราย”“อะไรนะ! เล่นทรายอีกแล้วเดี๋ยวก็เขาหูอีก…โอย…”“เมียจ๋าอย่าโวยวายสิ อย่าลืมสิครับว่าท้องเกือบเจ็ดเดือนแล้ว อย่าพึ่งวีนนะเดี๋ยวพี่ไปจัดการเอง”“พี่วินทร์เป็นแบบนี้อีกแล้ว บอกแล้วว่าอย่าให้เล่นทรายบ่อย ๆ มันล้างออกยากถ้าลูกต้องไป…โอย”“ที่รักจ๋าอย่าโวยวายนะผัวผิดไปแล้วมา ๆ ตีมือผัวนี่ไม่เอาน่ามีพี่นัยช่วยดูอยู่เด็ก ๆ ไม่เป็นไรหรอกอีกอย่างมีป้ารินทร์เฝ้าอยู่ เจ้าคินทร์ตัวแสบนั่นไม่กล้าดื้อหรอก”“พยุงหน่อยเร็ว ๆ เข้า”“จ้า ๆ มาแล้ว ๆ ไม่ตะเบ็งเสียงแล้วนะครับคนดีค่อย ๆ เดินนะ มาพี่พยุงเข้าบ้าน”“ปึก!”“โอ๊ย! เจ็บนะทำไมความโหดไม่ลดลงเลยล่ะ สิบปีก็จะโหดแบบเดิมไม่ได้นะ หรือว่าพอจะได้ลูก
Q-Bar / 1 ปีถัดมา“ดรายมาร์ตินี่ครับ”ภาวินทร์นั่งที่หน้าบาร์เพื่อสั่งเครื่องดื่มที่เขาชอบดื่ม และต้องเป็นบาร์เทนเดอร์สาวสวย “เรเน่” คนเดียวเท่านั้นที่เป็นชงให้ดื่ม เรเน่ในชุดบาร์เทนเดอร์สาวที่รัดกุมมากกว่าเดิมแต่ก็หรูหราและดูมีระดับมากขึ้นเริ่มชงเครื่องดื่มและเท ระหว่างที่เทก็ยิ้มให้เขาเมื่อเธอยกขึ้นมาก็ส่งให้เด็กเสิร์ฟทันที“ของโต๊ะห้าค่ะ”“ครับบอส”ภาวินทร์มองเครื่องดื่มที่เด็กยกออกไปแล้วหันมาค้อนภรรยาสาวอีกครั้ง ซึ่งตอนนี้เธอรับหน้าที่ดูแลบาร์แทนพัชรินทร์ที่ลาคลอดอยู่ ส่วนภาวินทร์รับหน้าที่ดูแลผับทั้งหมดแทนคุณพ่อที่กำลังเห่อหลานชาย“ที่รัก แล้วของผม…”“ตึง!”ลักษิกายกนมผลไม้คั้นสดมาให้เขาตรงหน้า ภาวินทร์ขมวดคิ้วมองเธอทันที“นี่อะไรน่ะ ทำไมผมต้องดื่มนมผลไม้นี่อีกแล้ว”“เพื่อสุขภาพที่ดีค่ะ”“แต่ว่าที่รัก… ผมขอแค่แก้วเดียวเองคุณก็รู้ว่าผมไม่ได้ดื่มมากเหมือนเมื่อก่อน”“แต่คุณต้องขับรถให้มิวนะคะที่รัก เพราะฉะนั้นคืนนี้ดื่มไม่ได้ค่ะ”“อะไรกัน ไม่ยุติธรรมเลยรู้แบบนี้ไม่ให้มาทำหรอก”“คุณภาวินทร์คะขอร้องอย่ามางอแงแบบนี้ หรืออยากจะให้มิวกลับไปทำงานที่โรงพยาบาลอีก”“ไม่เอา! ไม่เอาครับเมียจ๋า