(ต่อ)
เมื่อตาที่เขามองผู้หญิงทั้งหลาย มันก็ไม่พ้นเรื่องเห็นแก่เงินทอง เพราะโดยส่วนใหญ่ผู้หญิงมันก็เห็นแก่เงินกันหมดทั้งนั้นแหละวะ นี่ถ้าเขาเป็นเพียงชาวไร่จนๆธรรมดาๆคนหนึ่ง ก็ไม่รู้ว่าแม่นี่จะยอมแต่งงานกับเขาหรือเปล่าหรอก เพราะแม้แต่หน้าตาก็ไม่เคยได้เห็นกันมาก่อนเลยด้วยซ้ำ มองแค่นี้ก็รู้ไปถึงลำไส้กี่ขดต่อกี่ขดของเจ้าหล่อนแล้ว เขาก็ไม่ใช่ไก่อ่อนที่มองใครไม่ออกเสียเมื่อไหร่กัน...
“สวยหวานเหมือนนางในละคร นายยังบอกงั้นๆอีกเหรอ อ้อ...แต่นายอย่าลืมคำพูดของตัวเองเมื่อกี้ด้วยนะ นายจะยกนางฟ้าให้มืด..” คนแอบหมั่นไส้เจ้านายตัวเองเอ่ยทักท้วงพร้อมรอยยิ้มจนหน้าบานเป็นจานเชิง น่านพยัคฆ์ได้แต่กัดกรามตัวเองกรอดๆ รู้สึกไม่พอใจไอ้ลูกน้องคู่กายขึ้นมาตงิดๆอย่างไม่รู้สาเหตุ
ไม่ใช่เฉพาะปากของไอ้มืดที่เอ่ยชมแม่นั่น แม้แต่ดวงตาของมัน ก็ดูเยิ้มหยดย้อยจนน่านพยัคฆ์ยังอยากจะหาอะไรแข็งๆทิ่มเบ้าตาเข้าให้เสียเลย ...หึ...หมั่นไส้จริงโว้ย ชมกันเข้าไปฟังแล้วยิ่งระคายรูหูฉิบหาย คนบอกไม่สวยก็คือไม่สวย จะมองให้สวยได้ยังไงกันวะ...น่านพยัคฆ์รู้สึกหงุดหงิดในหัวใจ ถึงแม้จะพยายามบังคับสายตาให้มองผู้หญิงตรงหน้าไม่สวยยังไง ไอ้ความรู้สึกบ้าบอก็ดันย้ำชัด ว่าเธอผู้นั้นสวยอย่างไม่มีที่ติ...
“หรือไม่ก็คงจะสวยแต่รูป แต่จูบไม่หอมมากกว่าล่ะมั้ง” เมื่อใจเผลอยอมรับว่าสวย น่านพยัคฆ์จึงหาเหตุผลอื่นเข้ามาขัดแย้งต่อ ริมฝีปากหยัหนาเบ้ออกเล็กน้อย แต่ก็ถึงกับนั่งไม่ติดต้องยกฝ่ามือหนาขยับแว่นสายตาขึ้น สายตาสีสนิมจ้องมองเขม็ง เมื่อเห็นหญิงสาว เดินเข้าไปหา ชายหนุ่มหน้าตาตี๋ขาวสูง ดูมีฐานะคนหนึ่ง ...
ไอ้หน้าปลาจรวดนั่นมันเป็นใครวะ?...แล้วดูๆแม่นั่นทำเข้าสิ ยังไม่ทันไรก็เดินเร่เข้าไปหาผู้ชายก่อนเสียแล้ว น่านพยัคฆ์คิดด้วยหัวใจเดือดดาล รู้สึกไม่พอใจขึ้นมากระทันหัน ใบหน้าชักเริ่มนิ่งขึงขึ้นมา ...
ร่าน...ปากก็เอาแต่พูดกระแหนะกระแหนเขาไปเรื่อย เมื่อน่านพยัคฆ์รู้สึกหงุดหงิดตรงหัวใจพิลึก รู้สึกเหม็นขี้หน้าไอ้หนุ่มนักบิดนั้นขึ้นมาครามครัน ยายนั่นก็กระไร พอเห็นเป็นผู้ชายเข้าหน่อยก็รีบเดินจ้ำอ้าวเข้าไปหาอย่างระริกระรี้...
“สวัสดีค่ะคุณวิน...” นิดายกมือขึ้นไหว้ชายหนุ่มข้างบ้าน ซึ่งมีอายุแก่กว่าเธออยู่หลายปี ใบหน้าภายใต้หมวกันน๊อกระบายยิ้มกว้าง
“นิจะไปตลาดเหรอ” นาวินมองตะกร้าในมือหญิงสาวจึงทำให้ชายหนุ่มรู้ได้ในทันที
“เดี๋ยวผมไปส่งให้ มา...ขึ้นมาซ้อนท้ายรถของผมได้เลย” นาวินขยับรถบิ๊กไบค์คันโตเตรียมพร้อม ขยับร่างให้นิดาขึ้นมานั่งซ้อนท้ายของตัวเอง แต่ก็ต้องผิดหวังเหมือนดั่งครั้งก่อนๆอีกตามเคย เมื่อนิดาส่ายหน้าเพื่อปฏิเสธ ไม่ยอมให้เขาไปส่งอีกเช่นเคย
“อุ้ย!... ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณวิน นิไม่รบกวนดีกว่าค่ะ เดี๋ยวคุณวินจะไปทำงานสายเอา นิกำลังรอมอเตอร์ไซด์รับจ้างอยู่ค่ะเชิญคุณวินไปก่อนได้เลย...” นิดาปฏิเสธเพราะความเกรงใจ เธอไม่อาจเอื้อมไปนั่งซ้อนท้าย เพราะเจียมตัวเองอยู่เสมอ เขาเป็นใคร และเธอเป็นใคร
“เมื่อไหร่นิจะเลิกเกรงใจผมสักทีฮึ...ผมเต็มใจ ไม่ได้ลำบงลำบากอะไรเลยสักนิด ถึงจะไม่ใช่ทางผ่าน แต่ก็ไม่ได้ไกลจนทำให้ผมเสียเวลาไปทำงานสายได้หรอกนะ นิดื้อเองต่างหากล่ะ หรือกลัวใครจะมาเห็นอีก...” นาวินระบายยิ้มอ่อนโยนให้หญิงสาว เขารู้...ทำไมนิดาถึงได้ปฏิเสธไม่ยอมให้เขาเข้าใกล้ ถ้าหากไม่ใช่คำสั่งจากหญิงสาวอีกคนที่มีนิสัยร้ายกาจ จนเขานึกไม่ชอบใจอย่างมาก สุดาพรรณมีสิทธิ์อะไรมาสั่งห้ามไม่ให้เขากับนิดาคุยกัน...
แต่สิ่งที่นาวินไม่เข้าใจ ทำไมสุดาพรรณต้องมากีดกันไม่ให้นิดาเข้าใกล้เขาด้วย ทั้งๆที่เขากับเจ้าหล่อนก็ไม่ได้เป็นอะไรกันมากไปกว่าเพื่อนบ้านธรรมดาๆแค่นั้น และไม่ว่าตอนไหนๆเขาก็ไม่เคยคิดกับสุดาพรรณมากไปกว่าแค่คนรู้จักกันธรรมดาทั่วไปได้หรอก ไอ้ผู้หญิงประเภทสวยเฉพาะรูปแต่จูบไม่หอม ไม่เคยอยู่ในหัวสมองของเขาแม้แต่น้อย ถ้าหากเป็นนิดานี่สิ เขาจะไม่เสียเวลาคิดอะไรอีกเลย ถ้าเธอยอมตกลงให้เขาเป็นคนดูแลน่ะนะ ...
“น้องแพรออกไปเรียนแล้วไม่ใช่เหรอ ก่อนผมขับรถออกมา ยังเห็นหลังคารถขับผ่านหน้าบ้านไปอยู่เลย”
“ค่ะคุณวิน...คุณแพรเธอออกไปเรียนแล้ว” นิดาพยักหน้ารับ ร่างน้อยค่อยๆขยับเดินเลี่ยงออกมายืนรอมอเตอร์ไซด์ รับจ้างตามเดิม ถึงแม้สุดาพรรณ จะออกไปมหาวิทยาลัยแล้ว แต่ก็ยังมีปากเหยี่ยวปากกา คอยสอดส่องแอบดูพฤติกรรมของเธอเพื่อที่จะเอาไปฟ้องเจ้านายอยู่อีกคน หากบังเอิญออกมาเห็นตอนเธอกับนาวินยืนคุยกัน อาจคาบข่าวไปบอกสุดาพรรณเย็นนี้ก็ได้ และมีหวัง เย็นนี้เธอคงได้มีเรื่องให้เจ็บตัวอีกเช่นเคย
“ งั้นก็ไม่ต้องกลัวใครเห็นแล้วซิ หรือยังจะมีใครมารังแกนิอีกนอกเหนือจากน้องแพร...” นาวินถอนใจ ส่งสายตาเป็นห่วงอย่างไม่ปิดบัง
“ไม่มีค่ะ...” นิดาส่ายหน้าปฏิเสธเพราะไม่อยากให้เขาต้องมาเป็นกังวลเรื่องของเธออีก เท่าที่ผ่านมาเธอก็รู้สึกเกรงใจเขาจะแย่อยู่แล้ว
อีกอย่างเธอเองก็ไม่อยากสร้างปัญหาไปมากกว่าที่เป็นอยู่ เรื่องบางอย่างถ้ายอม และทนได้เธอก็จะอดทน เพราะก็ทนมาหลายปีจนเกิดอาการชินชาไปเสียแล้ว...
“ งั้นก็ขึ้นรถสิ...ผมบอกแล้วไง เต็มใจที่จะช่วยนิทุกเรื่อง ถ้าหากนิทนไม่ไหว แค่บอกผมมาคำเดียว ผมจะไม่เสียเวลาคิดอะไรเลย และจะให้ความช่วยเหลือนิด้วยความเต็มใจอย่างที่สุด ขอเพียงนิพูด ผมพร้อมทำเพื่อนิได้ตลอดวเวลาอยู่แล้ว...” แววตาภายใต้หมวกกันน็อก อยากสื่ออะไรออกมาให้มากกว่าคำพูด หากนิดาจะเปิดใจยอมรับเขาเข้าไปเป็นคนคอยปกป้องและดูแลเธอ อยางที่ใจเขาปรารถนามาตลอดหลายปี...
คนในบ้านหลังนี้ล้วนแต่จิตใจคับแคบ ชอบทำร้ายทุบตีสาวน้อยผู้นี้อยู่เป็นประจำ เขาเห็นและรับรู้มาโดยตลอด แต่การเป็นคนนอก ก็ไม่อาจยื่นมือเข้าไปช่วยเหลืออะไรเธอได้ นอกจากคำปลอบใจและพาไปหาหมอเพื่อรักษาอาการภายนอกให้หายได้เท่านั้น...
นิดายกมือไหว้ขอบคุณนาวิน ด้วยความซึ้งใจ แต่เธอไม่อาจรับความปารถนาดีนี้ได้ การอยู่ให้ห่างสิ่งต้องห้าม นั่นเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเธอ เพื่อลดการเจ็บตัวเพิ่มนั่นเอง...
“ขอบคุณค่ะ...แต่นิไม่เป็นอะไรจริงๆ นิยังทนได้ค่ะ คุณท่านทั้งสองมีพระคุณท่วมหัวกับนิ นิจะทิ้งพวกท่านไปได้อย่างไรกันล่ะคะ” ถึงความจริงการอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ เธอแทบจะหาความสุขไม่ได้เลย ทว่าท่านทั้งสองก็มีบุญคุณกับเธออยู่ท้วมหัวเช่นกัน ถ้าหากไม่ได้คุณลุงชาติชายกับคุณหญิงเพียงใจรับเลี้ยงเธอเอาไว้ ป่านนี้เธอคงได้ไปอยู่ในการอุปถัมณ์ของบ้านเด็กกำพร้าสักแห่งหนึ่งแล้วก็ได้
ตลอดเวลานิดารับรู้ปัญหาทางการเงินของครอบครัววนาสินธ์ดี ทุกอย่างในตอนนี้หลงเหลือแค่เพียงเปลือกนอกให้สังคมจอมปลอมได้เห็นกัน การโอ้อวดว่าตัวเองนั้นมี ต้องเสียค่าใช้จ่ายและเงินทองมากมาย แต่ภายในใครจะรู้ พวกเขากำลังจะถูกฟ้องล้มละลาย...หากยังไม่ยอมชดใช้หนี้สินมหาศาลให้กับพ่อเลี้ยงทางเหนือ แต่อะไรก็ไม่ร้ายแรงเท่ากับข้อเสนอของทางนั้น นิดาแอบถอนใจออกมาหนักหน่วงเมื่อนึกถึงข้อเสนอและสัญญาของฝ่ายนั้น เมื่อเธอบังเอิญผ่านไปได้ยินเข้า...
“นิต้องขอตัวก่อนนะคะคุณวิน...สวัสดีค่ะ” เมื่อเธอเห็นมอเตอร์ไซรับจ้างเจ้าประจำขับผ่านมา นิดาเลยกล่าวลาพร้อมยกมือไหว้ เพื่อเป็นการตัดบทไปในตัว ตอนนี้เธอเองก็ได้แต่ภาวนา ขอให้มีทางออกทางอื่น ที่ไม่ใช่ข้อเสนอบ้าๆนั่นด้วยเถิด...
ชายหนุ่มนักบิดได้แต่ถอนหายใจ เมื่อให้ถึงอย่างไรนิดาก็ไม่ยอมให้เขาเข้าไปช่วยเหลือเธออยู่ดี ตาชั้นเดียวแต่แฝงไว้ด้วยความเด็ดเดี่ยว มองตามร่างงามไปจนสุดลูกหูลูกตา แม้มันจะอีกนานแค่ไหนก็ตาม เขาก็จะพยายามเดินไปให้ถึงหัวใจของเธอให้ได้ นาวินก็ได้แต่แอบหวังอยู่ในใจลึกๆ สักวันเขาจะต้องไปให้ถึงให้ได้...
“ตามไปไหมนาย...” พอเห็นอณาคตนายหญิงขึ้นซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างไปแล้ว มืดจึงเอ่ยถามเจ้านาย พอหันไปดู มืดได้แต่หลุดเสียงครางฮือๆ เมื่อใบหน้าของนายนั้นดูเหี้ยมโหดอย่างน่าสยดสยอง
“ก็ตามไปสิ มึงจะรอห่าเหวอะไรอีกวะ เดี๋ยวก็ได้ตามแม่ผู้หญิงหน้าด้านนั้นไม่ทันกันพอดี...” คนอารณ์เดือดกระชากเสียงด่า น่านพยัคฆ์นั่งเข่นเขี้ยวกัดฟันตัวเองกรอดๆ ก่อนจะออกคำสั่งให้ตามนิดาไป เพียงไม่นานรถเบนซ์สีดำคันหรู ก็ขับเคลื่อนออกไปจากบริเวณรั้วหน้าบ้าน นาวินเองก็รู้สึกสะดุดตา รู้สึกไม่คุ้นกับรถคันนี้เลย ก่อนเขาจะสตาร์ทเครื่องขับออกไปอีกคัน
*****************************
(ต่อ)เมื่อตาที่เขามองผู้หญิงทั้งหลาย มันก็ไม่พ้นเรื่องเห็นแก่เงินทอง เพราะโดยส่วนใหญ่ผู้หญิงมันก็เห็นแก่เงินกันหมดทั้งนั้นแหละวะ นี่ถ้าเขาเป็นเพียงชาวไร่จนๆธรรมดาๆคนหนึ่ง ก็ไม่รู้ว่าแม่นี่จะยอมแต่งงานกับเขาหรือเปล่าหรอก เพราะแม้แต่หน้าตาก็ไม่เคยได้เห็นกันมาก่อนเลยด้วยซ้ำ มองแค่นี้ก็รู้ไปถึงลำไส้กี่ขดต่อกี่ขดของเจ้าหล่อนแล้ว เขาก็ไม่ใช่ไก่อ่อนที่มองใครไม่ออกเสียเมื่อไหร่กัน...“สวยหวานเหมือนนางในละคร นายยังบอกงั้นๆอีกเหรอ อ้อ...แต่นายอย่าลืมคำพูดของตัวเองเมื่อกี้ด้วยนะ นายจะยกนางฟ้าให้มืด..” คนแอบหมั่นไส้เจ้านายตัวเองเอ่ยทักท้วงพร้อมรอยยิ้มจนหน้าบานเป็นจานเชิง น่านพยัคฆ์ได้แต่กัดกรามตัวเองกรอดๆ รู้สึกไม่พอใจไอ้ลูกน้องคู่กายขึ้นมาตงิดๆอย่างไม่รู้สาเหตุไม่ใช่เฉพาะปากของไอ้มืดที่เอ่ยชมแม่นั่น แม้แต่ดวงตาของมัน ก็ดูเยิ้มหยดย้อยจนน่านพยัคฆ์ยังอยากจะหาอะไรแข็งๆทิ่มเบ้าตาเข้าให้เสียเลย ...หึ...หมั่นไส้จริงโว้ย ชมกันเข้าไปฟังแล้วยิ่งระคายรูหูฉิบหาย คนบอกไม่สวยก็คือไม่สวย จะมองให้สวยได้ยังไงกันวะ...น่านพยัคฆ์รู้สึกหงุดหงิดในหัวใจ ถึงแม้จะพยายามบังคับสายตาให้มองผู้หญิงตรงหน้าไม่สวยยังไง ไอ้ค
ตอน...สะดุดใจตัวร้าย“นายๆ..นั่นๆ ใช่คนนั้นหรือเปล่านาย คนสวยๆคนนั้นน่ะ...” ลูกน้องคนสนิทรีบแหกปากบอกเจ้านายเสียงดังข่มไปทั้งรถ ทันทีที่มืดเห็นประตูรั้วเหล็กสีเหลืองทองเปิดอ้าออกทางฝั่งซีกขวามือ ปรากฏร่างอรชรอ่อนแอ้นของหญิงสาวนางหนึ่งเดินรอดรั้วเล็กนั้นออกมา การนั่งซุ่มแอบดูว่าที่เมียของเจ้านายนานกว่าสามชั่วโมงจึงสิ้นสุดลงเสียที...มืดเมื่อยจะตายอยู่แล้วเนี่ย ไม่รู้นายคิดอะไรถึงได้ชวนมืดมาทำตัวไม่ต่างจากมหาโจรพวกถ้ำมองเขาทำกัน...คนแอบบ่นอุบในใจขยับร่างหลังพวงมาลัย สายตาก็เพ่งมองไปทางด้านหน้าตาเขม็ง...คุณพระ! นั่นคนหรือนางฟ้ากันแน่วะ ผู้หญิงอะไรสวยจนวัวตาย...มืดต้องยกมือขึ้นขยี้ตาตัวเองแรงๆ เพื่อให้แน่ใจ ภาพที่มันเห็นตรงหน้า นั่นคือคนจริงๆไม่ใช่นางฟ้าจำแลงแปลงกายมาจากบนฝากฟ้าไหน...ส่วนคนเป็นนายก็รีบหันไปมองตามนิ้วที่มืดชี้บอก แววตาหลังแว่นสีชา จ้องมองหญิงสาวในชุดเรียบจนดูเชยไม่กระพริบ เพราะชุดที่เธอผู้นั้นสวมใส่อยู่ เป็นเพียงเสื้อเชิ้ตสีชมพูอ่อนกับกางเกงผ้าขาบานสีดำเรียบอีกทั้งยังดูซีดเหมือนผ่านการใช้งานมานานหลายปี เธอผู้นั้นกำลังหันซ้ายหันขวา เหมือนกำลังรอคอยอะไรสักอย่
(ต่อ)เมื่อมืดเห็นนายคร่ำครวญถึงอดีตความเจ็บปวดขึ้นมาทีไร ก็ได้แต่นึกเห็นใจและอดสงสารเรื่องราวในอดีตเมื่อครั้งที่นายยังเป็นเด็กตัวน้อยๆอยู่ไม่ได้...ในตอนนั้นนายเกือบจะเสียผู้เสียคนจนกลายเป็นอันธพาลครองเมืองไปแล้ว หากไม่ได้คุณพาดายื่นมือเข้ามาช่วย เพราะจิตใจของนายในตอนนั้น ยังคงฝั่งใจเจ็บเกี่ยวกับสาเหตุที่ทำให้นายหญิงต้องตรอมใจตาย นี่ถ้าไม่ได้คุณพาดา มารดาของคุณพีรยุทธ์คอยสั่งสอนและห้ามปรามกันเอาไว้ ป่านนี้ไม่รู้ไอ้มืดจะมีนายเป็นเจ้าของไร่ส้มใหญ่โตอันดับหนึ่งของเมืองเหนือ หรือจะมีนายเป็นพวกนักเลงหัวไม้เสียก็ไม่รู้ คิดขึ้นมาทีไรขนแขนก็พาลจะลุกซู่ขึ้นมาอีกจนได้... “เพราะอะไรรู้ไหมไอ้มืด ก็เพราะมึงไม่เคยทิ้งกู ทิ้งแม่กูไปไหน เหมือนกับใครบางคนไง เขาทิ้งกู ทิ้งแม่กูไปกกกอดอยู่กับอีพวกหน้าด้านหิวเงินพวกนั้น พวกมันมีความสุขอยู่บนความทุกข์ของแม่กู กูเห็น..ทำไมกูจะไม่เห็น ท่านร้องไห้เสียใจหนักหนาจะเป็นจะตายให้ได้ขนาดไหน กูเห็นแต่กูก็ช่วยอะไรท่านไม่ได้เลย ไอ้มืด กูช่วยแบ่งเบาความเจ็บช้ำของท่านไม่ได้เลย...” น่านพยัคฆ์ยังคงพูดตัดพ้อเสียงแผ่วด้วยความเจ็บช้ำในทรวงอก หางตาเริ่มมีน้ำใสๆไหลคลอ ไม่ย
บทนำ...พยัคฆ์พิโรธเพล้ง!!! เพล้ง!!! เสียงอึกทึกครึกโครมดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งบริเวณรอบตัวบ้านไม้สักหลังโตโอ้อ่า เมื่อเจ้าของบ้านหลังงามหลังนี้กำลังลงมืออาละวาดพังทำลายข้าวของเครื่องใช้ จำพวกเฟอร์นิเจอร์ราคาแพงหูฉีกลงอย่างบ้าคลั่ง น่านพยัคฆ์เป็นเช่นนี้ทุกครั้ง หลังจากที่เขาได้กลับออกมาจากบ้านหลังใหญ่ บ้านซึ่งมีผู้อาศัยเป็นถึงเจ้าของไร่ ราชพยัคฆ์ ไร่ส้มที่กินบริเวณเนื้อที่เกินกว่าสองพันไร่... “กูไม่แต่ง...ได้ยินไหมโว้ย!ว่ากูไม่แต่ง...” เสียงตะโกนควบคู่ไปกับการพังทำลายข้าวของ เรียกให้คนหมอบร่างสั่นเทาอยู่ใต้โต๊ะ นั้นต้องแอบโผล่หัวขึ้นมาชำเลืองสายตา เมียงมองไปยังเจ้านายของตัวเองเพียงนิด แต่ก็ไม่กล้าโผล่พรวดขึ้นมามองอย่างเต็มตาทั้งตัวนักหรอกนะ ดวงตากลมแป๋วเหล่มองเจ้านายสุดรักอย่างท้อใจ ไม่แต่งก็ไม่แต่งสินาย ใครหน้าไหนเขาจะไปกล้าบังคับนายได้ ถึงแม้จะเป็นนายใหญ่ก็ตามเถอะ เห็นพอนายลุกขึ้นมาอาละวาดทำตัวคล้ายเด็กมีปัญหาทีไร เดี๋ยวนายใหญ่ก็ยอมลงให้อีกเช่นเคยนั่นแหละ ก็มันเป็นเสียแบบนี้ไง นาย