แสงแดดอ่อนยามบ่ายสาดส่องกระทบใบหน้าของพราวตะวัน ทำให้รอยยิ้มของเธอดูกระจ่างสดใสเป็นพิเศษ วันนี้คือวันจบการศึกษาของเธอ ท่ามกลางเสียงหัวเราะและรอยยิ้มของเพื่อนฝูงที่กำลังฉลองกันอย่างคึกคัก พราวตะวันหันไปคุยกับ กานต์ เพื่อนสนิท และพราวฟ้า น้องสาวที่ยืนอยู่ไม่ไกล ดวงตาคู่สวยเปล่งประกายด้วยความสุขที่เปี่ยมล้น
“ในที่สุดก็จบสักทีกานต์ พราวฟ้า ต่อจากนี้ฉันก็จะทำงานเก็บเงินอย่างที่ฝันไว้แล้วรอพี่ฟิล์มกลับมาสร้างครอบครัวด้วยกัน” พราวตะวันกล่าวด้วยน้ำเสียงมีความสุขล้นปรี่ โลกทั้งใบของเธอเต็มไปด้วยภาพอนาคตที่สดใสกับชายที่เธอรักหมดหัวใจ
กานต์อดแซวไม่ได้ “แหม ตอนนี้ก็เหมือนรอเจ้าชายกลับมาแต่งงานเลยนะแก”
พราวตะวันหัวเราะเบา ๆ แก้มใสขึ้นสีระเรื่อ
“ก็ใกล้แล้วล่ะ เราคุยเรื่องอนาคตกันไว้เยอะเลย ทั้งเรื่องบ้าน เรื่องงาน เรื่องลูก เขาบอกว่าจะดูแลฉันไปตลอดชีวิตเลยนะ” เสียงของเธอเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นและเปี่ยมสุข
พราวฟ้าเข้ามากอดพี่สาวแน่น “ดีใจด้วยนะพี่พราว ชีวิตพี่กำลังจะไปได้สวยเลย นี่แหละที่พราวฟ้าอยากเห็นที่สุด”
แต่ในขณะที่ทุกคนกำลังยิ้มแย้มยินดี เสียงโทรศัพท์ของพราวตะวันก็ดังขึ้น หน้าจอแสดงชื่อแม่ของเธอ น้ำเสียงปลายสายที่รับฟังนั้นฟังดูตื่นตระหนกและสั่นเครือจนเธอรู้สึกใจหายวาบ
“พราวรีบมาที่โรงพยาบาลเดี๋ยวนี้เลยนะลูก พ่ออาการไม่ดีเลย”
โลกทั้งใบของพราวตะวันพังทลายลงอย่างไม่เหลือชิ้นดีในพริบตา เมื่อเธอมาถึงโรงพยาบาล ภาพแรกที่เห็นคือแม่ที่กำลังทรุดตัวร้องไห้อย่างหนักอยู่บนเก้าอี้ พยาบาลหลายคนกำลังวิ่งวุ่นและใบหน้าของนายแพทย์ที่เดินออกมาจากห้องฉุกเฉินนั้นดูหนักใจอย่างเห็นได้ชัดจนเธอรู้สึกเหมือนหัวใจหล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่ม
“โรคหัวใจกำเริบอย่างรุนแรงครับ ต้องใช้เครื่องพยุงหัวใจและทำการรักษาเร่งด่วน ค่าใช้จ่ายทั้งหมดค่อนข้างสูงนะครับ”
คำพูดของหมอเหมือนค้อนทุบลงกลางศีรษะ พราวตะวันหันไปมองแม่ที่ส่ายหน้าน้ำตาไหลเป็นทางไม่หยุด “ไม่รู้ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้พร้อม ๆ กัน ธุรกิจที่ลงทุนไปก็ขาดทุนยับเยิน ตอนนี้เราไม่มีเงินเหลือเลยลูก ไม่มีแม้แต่บาทเดียวที่จะรักษาพ่อ”
พราวตะวันรู้สึกหัวใจหล่นวูบไปถึงตาตุ่มอีกครั้ง เธอเพิ่งจะวาดฝันอนาคตอย่างสวยงามอยู่แท้ ๆ แต่ตอนนี้ทุกอย่างกลับกลายเป็นสีดำมืด ไม่มีเงินรักษาพ่อ
ชีวิตที่เคยวาดฝันไว้พังทลายลงในพริบตา ความรู้สึกโดดเดี่ยวและไร้ทางออกถาโถมเข้าใส่ เธอเดินเข้าไปนั่งข้างเตียงพ่อที่นอนหมดสติอยู่ด้วยความสิ้นหวัง มือเรียวสั่นเทาเอื้อมไปกุมมือหยาบกร้านของพ่อไว้แน่น ใบหน้าซีดเซียวของพ่อแทบจะกลืนไปกับผ้าปูที่นอน เสียงเครื่องพยุงหัวใจดังเป็นจังหวะหนักอึ้งชวนใจหาย
“พ่อต้องไม่เป็นอะไรนะ” เธอพึมพำกับตัวเองเสียงสั่นเครือ
ในขณะที่ทุกคนกำลังหมดหวัง ประตูห้องพักผู้ป่วยก็เปิดออก พร้อมกับชายร่างสูงสองคน นายแพทย์ธีระผู้เป็นพ่อของอคิณและชายหนุ่มอีกคนที่มีใบหน้าคมคายทว่าสงบนิ่งจนอ่านไม่ออกอย่างอคิณ วรวิชญ์ ทายาทโรงพยาบาลที่เธอเคยได้ยินแต่ข่าวลือด้านลบ
นายแพทย์ธีระเดินเข้ามาหาพราวตะวันด้วยสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตา แต่ก็แฝงความจริงจัง
“หนูพราวลุงได้ข่าวก็รีบมาดูเลยนะ” เขามองไปที่สุริยะพ่อของพราวตะวันที่นอนอยู่บนเตียงอย่างห่วงใย ก่อนจะหันมามองพราวตะวันอีกครั้ง
“ลุงยินดีที่จะช่วยค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการรักษาสุริยะและจะดูแลจนกว่าเขาจะหายดี”
คำพูดของเขาเหมือนแสงสว่างจ้าที่ปลายอุโมงค์ พราวตะวันมองเขาด้วยความรู้สึกขอบคุณอย่างท่วมท้น เธอแทบจะทรุดตัวลงกราบ แต่แสงสว่างนั้นก็ดับลงอย่างรวดเร็วเมื่อเธอได้ยินประโยคต่อมา น้ำเสียงของนายแพทย์ธีระแปรเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นเล็กน้อย
“แต่มีข้อแลกเปลี่ยนเล็กน้อย ลุงอยากให้หนูแต่งงานกับลูกชายของลุง ตามสัญญาที่ลุงกับพ่อหนูเคยให้ไว้เมื่อครั้งยังหนุ่ม เพราะลุงเองก็อยากให้อคิณเป็นฝั่งเป็นฝาและมีทายาทสืบสกุลเสียที”
พราวตะวันช็อกจนพูดไม่ออก ลมหายใจสะดุดไปชั่วขณะ เธอเหลือบไปมองอคิณที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขาไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่มองมาที่เธอด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา นิ่งเฉยราวกับว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติสามัญ และการแต่งงานคลุมถุงชนนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของธุรกิจไม่ใช่ชีวิตของเธอ
พราวตะวันปฏิเสธในทันทีด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าวและเจ็บปวด “ไม่ค่ะ!!! หนูแต่งงานกับเขาไม่ได้”
นายแพทย์ธีระดูเหมือนจะเข้าใจสถานการณ์ดีแต่ก็พยายามอธิบายด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนลง
“เราอยากให้หนูกับอคิณได้รู้จักกันและแต่งงานกันจริง ๆ นะ”
“แต่หนูมีแฟนอยู่แล้วค่ะ” พราวตะวันตะโกนออกไปน้ำตาเริ่มเอ่อคลอ
“หนูรักเขาหมดหัวใจ มีคนเดียวที่หนูอยากแต่งงานด้วยและต่อให้หนูไม่มีใคร หนูก็ไม่มีทางแต่งงานกับเขาหรอกค่ะ เขาเป็นคนเจ้าชู้ เป็นเสือผู้หญิงทำไมต้องเป็นคนแบบนี้” อคิณที่ยืนนิ่งมาตลอดขยับตัวเล็กน้อย สีหน้าของเขาไม่ได้แสดงอารมณ์ใด ๆ แต่แววตาคมกริบกลับดูจริงจังและเจ็บปวดขึ้นมาเพียงชั่วขณะเท่านั้น ทว่าพราวตะวันกลับมองไม่เห็นมันเลยเธอถูกความโกรธ ความอัดอั้น และความกลัวเข้าครอบงำจนมองไม่เห็นสิ่งอื่นใด
ก่อนที่เธอจะทันได้พูดอะไร นายแพทย์ธีระก็กล่าวขึ้นด้วยเสียงที่จริงจังแต่ยังคงอบอุ่น
“เราจะให้เวลาหนูตัดสินใจ แต่พ่อหนูต้องได้รับการรักษาโดยด่วน ถ้านานกว่านี้อาจไม่ทัน”
คำพูดนั้นเหมือนคำขู่กลาย ๆ ที่บีบให้พราวตะวันจนมุม เธอรู้สึกเหมือนถูกบีบคั้นจนหายใจไม่ออก หญิงสาวหันไปมองพ่อที่หายใจอย่างลำบากอยู่บนเตียง และหันไปมองแม่ที่พยักหน้าอย่างขอร้องพร้อมน้ำตาที่ไหลลงมาอย่างช้า ๆ
พราวตะวันเดินออกมาจากห้องพักผู้ป่วยราวกับคนไร้วิญญาณ กานต์รีบเดินเข้ามาหาเพื่อนด้วยสีหน้าเป็นห่วง
“พราว! เกิดอะไรขึ้น เล่ามาให้หมด” กานต์รั้งแขนเพื่อนไว้ พราวตะวันมองหน้าเพื่อนแล้วก็ร้องไห้ออกมาก่อนที่เธอจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้กับเพื่อนฟัง
หลังจากที่เล่าทุกอย่างให้เพื่อนฟังเสร็จแล้ว พราวตะวันตัดสินใจทำในสิ่งที่เธอคิดว่าถูกต้องที่สุดในเวลานั้น เธอโทรหาฟิล์ม แม้จะรู้ว่าเขาเรียนหนักแต่เธอก็ต้องการกำลังใจจากเขามากที่สุดในตอนนี้ เพียงแค่ได้ยินเสียงของเขา เธอก็คิดว่าจะเข้มแข็งพอที่จะผ่านเรื่องเลวร้ายนี้ไปได้
เสียงรอสายดังขึ้นหลายครั้งจนเธอรู้สึกใจหาย ความกังวลกัดกินหัวใจอย่างช้า ๆ ก่อนที่เขาจะกดรับด้วยเสียงที่ยังงัวเงียเล็กน้อยจากต่างประเทศ “ฮัลโหลพราวเหรอ ทำไมโทรมาดึกจัง”
“พี่ฟิล์มพราวมีเรื่องอยากเล่าให้ฟัง” เธอพยายามกลั้นน้ำตาขณะเล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟัง
“จริงเหรอพราว โห แย่จังเลยนะ” ฟิล์มตอบกลับด้วยน้ำเสียงเห็นใจแต่ก็แฝงไปด้วยความลังเล และเย็นชาอย่างน่าประหลาด
“แต่พราวก็รู้นี่ว่าพี่ช่วยอะไรไม่ได้เลยนะ พี่ยังเรียนไม่จบแล้วเรื่องเงิน”
“แล้วเรื่องของเราล่ะพี่ฟิล์ม” พราวตะวันกล่าวด้วยความเจ็บปวด หัวใจของเธอเริ่มบีบรัดอย่างแรง
“พี่จะทิ้งพราวไปใช่ไหม”
“ไม่ใช่แบบนั้นนะพราว” ฟิล์มกล่าวอย่างอึกอักเสียงของเขาเริ่มแข็งขึ้น ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ในความไร้น้ำใจ
“แค่เรื่องมันซับซ้อนมากนะพราว พี่ยังต้องเรียน ต้องทำงานพิเศษ พี่ไม่สามารถกลับไปได้จริง ๆ นะ”
“พี่ต้องช่วยพราวสิ” พราวตะวันบอกเขาด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน ความหวังสุดท้ายกำลังเลือนหายไป
“พี่จะช่วยได้ยังไงล่ะพราว พี่ก็อยู่ห่างจากพราวขนาดนี้ พี่ขอโทษนะ” ฟิล์มกล่าวอย่างรีบร้อน น้ำเสียงแสดงความรำคาญอย่างชัดเจน
“พี่ว่าพราวลองคิดเรื่องข้อเสนอของเขาก่อนนะ ถ้ามันจะช่วยให้พ่อพราวหาย”
คำพูดของเขาทำให้พราวตะวันรู้สึกเหมือนถูกมีดกรีดลงกลางใจ เลือดทุกหยดในร่างกายเหมือนหยุดไหล นี่คือคนที่เธอรักหมดหัวใจแต่เขากลับเป็นคนบอกให้เธอไปพิจารณาการแต่งงานกับคนอื่นเพื่อแก้ปัญหาของตัวเองอย่างนั้นหรือ
“พี่ขอโทษนะแต่พี่ต้องไปทำงานแล้ว ไว้พี่จะโทรกลับนะ” ฟิล์มกล่าวอย่างรีบร้อนแล้วกดวางสายไปทันทีโดยที่ไม่ได้รอฟังคำตอบใด ๆ ทิ้งให้พราวตะวันจมดิ่งในความเจ็บปวดเพียงลำพัง
พราวตะวันจ้องมองโทรศัพท์ในมือที่ดับไปแล้วด้วยความว่างเปล่า มันจุกแน่นในลำคอจนเธอหายใจไม่ออก กานต์ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เห็นท่าทางของเพื่อนก็รีบเอื้อมมือไปกอดเพื่อนเอาไว้แน่น
พราวตะวันปล่อยโฮออกมาสุดเสียงอย่างที่ไม่ได้ทำมาหลายวัน ร่างกายสั่นสะท้านไปทั้งตัว มันไม่ใช่แค่ความเศร้าจากปัญหาครอบครัว แต่เป็นคำปฏิเสธที่ได้รับจากฟิล์มมันรุนแรงยิ่งกว่าความเจ็บปวดจากปัญหาที่เผชิญอยู่เสียอีก
พราวตะวันผละออกจากอ้อมกอดของเพื่อน เธอเช็ดน้ำตาออกอย่างลวก ๆ ดวงตาคู่สวยที่เคยเศร้าหมองตอนนี้เต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยวและแข็งกร้าว แววตาที่เคยอ่อนไหวบัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นเปลวไฟแห่งความมุ่งมั่น เธอลุกขึ้นยืนเต็มความสูงและมองไปที่ท้องถนนที่เต็มไปด้วยผู้คนด้วยแววตาที่เปลี่ยนไป
เธอจะยอมรับการแต่งงานนี้เพราะมันคือทางเดียวที่จะช่วยครอบครัว แต่การแต่งงานนี้จะไม่มีทางสำเร็จไปอย่างที่อคิณและครอบครัวของเขาวาดหวังเอาไว้ เธอจะทำทุกวิถีทางเพื่อทำลายมันลงให้สิ้นซาก เธอจะทำให้อคิณเกลียดเธอจนกว่าเขาจะทนไม่ไหวและขอหย่ากับเธอเอง เธอจะทำให้เขาเจ็บปวดเช่นเดียวกับที่เธอรู้สึก
ตอนที่ 50 แผนร้ายแต่ก็ยังรักในเวลาเดียวกัน อคิณกำลังนั่งอยู่ในร้านกาแฟแห่งหนึ่ง เขาได้รับข้อความจากฟิล์มที่บอกว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย อคิณรู้สึกสงสัยแต่ก็ตัดสินใจที่จะมาพบฟิล์มเพียงลำพังเพื่อที่จะได้รู้ความจริงทั้งหมด ฟิล์มปรากฏตัวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและดูเหนื่อยล้า“ผมต้องขอโทษด้วยที่โทรหาคุณในเวลาแบบนี้” ฟิล์มพูด “แต่ฉันมีเรื่องสำคัญจะบอกคุณ”อคิณวางแก้วกาแฟลงแล้วมองฟิล์มอย่างสงสัย “ว่ามาเลย”“พราวตะวัน... เธอยังติดต่อกับผมอยู่” ฟิล์มบอกด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความลังเล “เราไม่ได้เลิกกันจริงๆ เราแค่แกล้งทำเป็นเลิกกันเพื่อให้คุณตายใจ”อคิณมองฟิล์มด้วยสายตาที่ว่างเปล่าราวกับว่าคำพูดของเขาเป็นเพียงแค่เรื่องตลก “คุณกำลังพูดเรื่องอะไร”“ก็เรื่องที่พราวตะวันกับฉันยังคบกันอยู่ไง” ฟิล์มพูด “เธอแค่ต้องการจะแก้แค้นคุณที่ทิ้งเธอไป แล้วเธอก็ใช้ฉันเป็นเครื่องมือ”อคิณหัวเราะในลำคอ “คุณคิดว่าผมจะเชื่อเรื่องแบบนี้เหรอ”“แต่ผมพูดความจริง!” ฟิล์มตะโกน “คุณต้องเชื่อผม”อคิณส่ายหน้า “ผมเชื่อในตัวพราว” อคิณบอก“และผมก็ไม่เชื่อว่าคุณจะยอมมาเจอผมเพียงลำพังเพื่อพูดเรื่องแบบนี้”ฟิล์ม
ตอนที่50แผนร้ายแต่ยังรัก เสียงกริ่งประตูบ้านดังขึ้นในยามเย็น พราวตะวันมองไปที่หน้าจออินเตอร์คอมแล้วก็ต้องขมวดคิ้ว เมื่อเห็นณิชายืนอยู่ข้างนอกเพียงลำพัง พราวตะวันเปิดประตูบ้านให้พร้อมกับเอ่ยทักทายด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง“มีอะไรหรือเปล่าคะณิชา”ณิชาไม่ตอบ เธอเดินเข้ามาในบ้านอย่างถือวิสาสะ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความมั่นใจที่เกินจริง“ฉันรู้ว่าอคิณไม่อยู่ และฉันก็มีเรื่องสำคัญจะคุยกับเธอ”พราวตะวันถอนหายใจ “ถ้าไม่มีเรื่องอะไรที่สำคัญจริงๆ ฉันขอให้คุณกลับไปเถอะค่ะ”“เรื่องของอคิณไงล่ะ” ณิชาพูดพร้อมกับยิ้มเยาะ “เธอคิดว่าเธอชนะแล้วเหรอพราวตะวัน”พราวตะวันมองณิชาด้วยสายตาที่สงสาร “ฉันไม่เคยคิดจะเอาชนะใครค่ะ และฉันก็ไม่ได้อยากแข่งกับคุณด้วย”“แต่ฉันอยากแข่ง!” ณิชาตะคอก“ฉันอยากจะบอกเธอว่าสิ่งที่เธอได้มามันคือความหลอกลวง!” ณิชาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเปิดเสียงให้พราวตะวันฟัง เป็นเสียงของฟิล์มที่พูดว่า“ฉันจะบอกความจริงทั้งหมดให้อคิณรู้ว่าเราแค่เล่นละครตบตาเขา”พราวตะวันอึ้งไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงของฟิล์ม แต่เธอก็รีบดึงสติกลับมาและรู้ทันทีว่านี่คือแผนการของณิชาที่จะทำลายความสัมพันธ์ของเธอก
ตอนที่ 49เลขาคนใหม่อคิณขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะลุกไปเปิดประตู เมื่อประตูเปิดออกเขาก็พบกับอคินัย น้องชายของเขาที่ยืนอยู่ข้างนอกด้วยท่าทางที่ดูจริงจังผิดปกติ อคินัยไม่รอช้าที่จะเดินเข้ามาในห้องแล้วพูดกับอคิณทันที “พี่คินน์ครับ ผมมีเรื่องอยากจะปรึกษา” อคิณพยักหน้าให้เขา แล้วทั้งสองก็นั่งลงบนโซฟาแล้วหันไปมองพราวตะวัน“เดี๋ยวผมขอคุยกับน้องชายก่อนนะครับ” พราวตะวันยิ้มให้ก่อนจะขอตัวออกไปจากห้องทำงาน แต่เมื่อเธอจะเดินออกไปเธอก็พบกับ พราวฟ้าที่ยืนอยู่หน้าห้องพอดี“พี่พราว ฟ้าคิดถึงก็เลยมาหาค่ะ ได้ยินว่าพี่มาทำงานวันแรกก็เลยซื้อผลไม้มาฝากค่ะ”พราวตะวันรับถึงผลไม้มาแล้วยิ้ม “ขอบใจนะ เดี๋ยวเราไปนั่งรอข้างนอกก่อนนะ พอดีพี่คินน์มีเรื่องต้องคุยกับอคินัย”พราวฟ้าพยักหน้าเข้าใจแล้วก็เดินไปนั่งที่โซนร้านอาหารของโรงพยาบาลในห้องทำงาน อคินัยเริ่มพูดกับอคิณด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เลขาคนเก่าของผมลาออกกะทันหัน ผมอยากให้พี่ช่วยหาเลขาคนใหม่ให้หน่อย” “ถ้าพี่หาให้ได้ พี่จะได้อะไรเหรอ” อคิณถามอย่างยิ้มๆ อคินัยเลิกคิ้ว “แล้วพี่อยากได้อะไรล่ะครับ” “ฉันมีคนในใจแล้ว” อคิณตอบก่อนจะหันไ
ตอนที่48ข่าวลือที่ไม่อาจสั่นคลอนวันจันทร์ที่สดใส พราวตะวันเดินทางมายังโรงพยาบาลของอคิณด้วยความรู้สึกที่ตื่นเต้นและกังวลใจในเวลาเดียวกัน เธอสวมชุดทำงานที่ดูทะมัดทะแมงและมั่นใจในตัวเอง อคิณเดินมารอรับเธอที่หน้าลิฟต์ด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น“พร้อมไหมครับคุณผู้ช่วย” เขาถามอย่างล้อเล่นพราวตะวันยิ้มตอบ “พร้อมแล้วค่ะ”เมื่อลิฟต์เปิดออก พราวตะวันก็ต้องตกใจเมื่อเห็นพนักงานจำนวนมากกำลังยืนรอต้อนรับเธออยู่ อคิณหันไปแนะนำพราวตะวันกับทุกคน“นี่คือพราวตะวัน ภรรยาของผม และเธอกำลังจะมาเป็นผู้ช่วยผู้บริหารคนใหม่ของผมครับ”พนักงานต่างปรบมือแสดงความยินดี แต่พราวตะวันก็สังเกตเห็นสายตาบางคู่ที่มองเธออย่างไม่เป็นมิตรและมีการกระซิบกระซาบกันเบาๆ ซึ่งทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจนักอคิณพาเธอเข้าไปในห้องทำงานของเขาและอธิบายรายละเอียดต่างๆ ของงานให้เธอฟัง พราวตะวันตั้งใจฟังทุกคำพูดของอคิณ แต่ในใจของเธอก็ยังคงกังวลกับสายตาแปลกๆ ของพนักงานเหล่านั้นในระหว่างที่พักเที่ยง พราวตะวันตัดสินใจเดินไปที่โซนพักผ่อนเพื่อหาอะไรดื่ม แต่แล้วเธอก็ได้ยินพนักงานกลุ่มหนึ่งกำลังพูดคุยกันถึงข่าวลือที่กำลังแพร่สะพัดในโซเชียลมีเดีย“ได้ยิน
ตอนที่47ไม่รับสาย หลังจากใช้เวลที่บ้านสวนด้วยกันอย่างมีความสุข อคิณและพราวตะวันก็ขึ้นรถเพื่อเดินทางกลับบ้านที่อยู่ในตัวเมือง บรรยากาศในรถเต็มไปด้วยความรัก ของทั้งสองที่ยิ่งได้อยู่ด้วยกันก็ยิ่งรักกันมากขึ้น พราวตะวันเองก็ไม่อยากเชื่อว่าตัวเองจะรักอคิณได้เพราะวันแรกเธอแทบไม่อยากจะอยู่ใกล้เขาเสียด้วยซ้ำ อคิณขับรถด้วยรอยยิ้ม ขณะที่พราวตะวันเอนศีรษะซบลงที่ไหล่ของเขาอย่างผ่อนคลาย “คุณมีความสุขไหมครับ” อคิณเอ่ยถามเบาๆ พราวตะวันพยักหน้า “ที่สุดเลยค่ะ” เธอตอบ “พราวไม่คิดเลนว่าการได้มาอยู่ด้วยกันแบบนี้จะมีความสุขได้มากขนาดนี้” อคิณยิ้ม “ผมจะทำให้ทุกๆ วันของเราเป็นวันที่มีความสุขแบบนี้ไปเรื่อยๆ ครับ” เขาบอกพลางยกมือขึ้นลูบผมของเธอเบาๆ ระหว่างที่รถกำลังแล่นอยู่บนถนน จู่ๆ โทรศัพท์มือถือของพราวตะวันก็ดังขึ้น เธอหยิบมันขึ้นมาดูแล้วก็ต้องขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ เพราะชื่อที่ปรากฎอยู่บนหน้าจอคือฟิล์ม อคิณหรี่ตาลงเล็กน้อยเมื่อเห็นชื่อนี้ “ใครโทรมาหาเหรอพราว” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่เริ่มไม่สบายใจ เขารู้ว่าเป็นใครแต่ก็แกล้งถามไปอย่างนั้น พรา
ตอนที่46เร่าร้อนที่บ้านสวน หลังจากงานเลี้ยงที่เต็มไปด้วยความสุขจบลง อคิณและพราวตะวันก็เดินกลับเข้ามาในบ้านสวนที่เงียบสงบยามค่ำคืน บรรยากาศรอบตัวเปลี่ยนจากความครื้นเครงมาเป็นความเงียบสงบที่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่ทั้งคู่มีให้กัน อคิณดึงพราวตะวันเข้ามากอดจากด้านหลังแน่นขึ้นขณะที่เดินผ่านห้องโถง “ผมรักคุณนะพราว” เสียงกระซิบแหบพร่าเบาๆ ที่ข้างหูทำให้พราวตะวันรู้สึกถึงกระแสความอบอุ่นที่วิ่งไปทั่วร่าง “ฉันก็รักคุณค่ะคินน์” เธอกระซิบตอบกลับพร้อมกับหันหน้าเข้าหาเขา ริมฝีปากของอคิณทาบทับลงมา พราวตะวันตอบรับสัมผัสจากเขาอย่างเร่าร้อน มือของเธอประสานเข้าไปในกลุ่มผมด้านหลังของอคิณก่อนจะดึงทิ้งอย่างแผ่วเบาเพื่อเพิ่มความเร่าร้อนให้กับการจูบ มือของอคิณก็เลื่อนลงมาโอบเอวของพราวตะวันไว้แน่นก่อนจะค่อยๆ ไล่ขึ้นไปตามแผ่นหลัง ทำให้ทั้งคู่รู้สึกถึงความต้องการของกันและกัน ลมหายใจของทั้งคู่เริ่มติดขัดเมื่ออคิณค่อยๆ ถอดเสื้อของพราวตะวันออกจนเปลือยเปล่า อ้อมกอดที่อบอุ่นค่อยๆ เคลื่อนมาโอบกอดร่างกายเปลือยเปล่าของเธอไว้ ก่อนที่จะค่อยๆ อุ้มเธอขึ้นมาอย่างช้าๆ พราวตะวันโอบแขนรอบคอขอ