ตอนที่
18
รักที่ถูกซ่อน
หลังจากเดินทางมาถึงหัวหินแล้ว ทุกคนก็แยกย้ายกันเข้าพักในห้องของตัวเองเพื่อเก็บสัมภาระและพักผ่อนจากการเดินทางอันยาวนาน
พราวตะวันอยู่ในห้องพักที่ตกแต่งอย่างเรียบหรูภายในบ้านพักตากอากาศของตระกูลวรวิชญ์ แต่มีความอบอุ่นซ่อนอยู่ เธอเดินไปที่ระเบียงห้องซึ่งเปิดรับวิวทะเลกว้างสุดลูกหูลูกตา เสียงคลื่นซัดสาดเข้าฝั่งช่วยขับกล่อมให้จิตใจที่ว้าวุ่นตลอดทั้งวันสงบลงได้ไม่น้อย
อคิณที่เพิ่งออกจากห้องน้ำในชุดลำลองสบายๆ เดินมายืนอยู่ข้างๆ พราวตะวัน เขามองไปที่ท้องทะเลที่ทอดตัวอยู่เบื้องหน้าอย่างเงียบๆ
“เหนื่อยไหมครับ” อคิณถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล
พราวตะวันหันไปมองเขาแวบหนึ่งก่อนจะตอบ “ไม่เหนื่อยค่ะ”
“เมื่อครู่คุณแม่ให้คนมาตามไปทานข้าวเย็นด้วยกัน” อคิณบอก “ผมอยากให้คุณลงไปพร้อมกับผมเลยได้ไหมครับ”
พราวตะวันเงียบไปครู่หนึ่ง เธอรู้ดีว่าในฐานะสามีภรรยา การทำกิจกรรมร่วมกันเป็นเรื่องปกติ แต่เธอก็ยังคงไม่คุ้นชินกับการอยู่ใกล้ชิดกับเขา
“แต่ถ้าไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรนะ ตามใจคุณ” อคิณกล่าวเมื่อเห็นว่าเธอเงียบไปนาน
“ไม่เป็นไรค่ะ ไปพร้อมกันนี่แหละ” พราวตะวันตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว เธอไม่รู้ว่าทำไมถึงตอบแบบนั้น แต่ในใจลึกๆ เธอก็รู้สึกอบอุ่นกับความใส่ใจของเขา
เมื่อทุกคนแต่งตัวเสร็จแล้ว พราวตะวันและอคิณก็เดินลงไปยังห้องอาหารของโรงแรมที่ทุกคนมานั่งรออยู่ก่อนแล้ว คุณหญิงอรุณี นายแพทย์ธีระ และอรัญญา กำลังนั่งพูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติ ส่วนพราวฟ้าและอคินัยก็นั่งอยู่ข้างๆ กัน บรรยากาศอบอุ่นเมื่อสองครอบครัวอยู่รวมกันกลายเป็นครอบครัวใหญ่
“หนูพราวมาแล้ว” คุณหญิงอรุณีกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้ม
“ค่ะ คุณแม่” พราวตะวันพูดอย่างนอบน้อม อคิณกระชับมือเธอไว้แน่นอย่างให้กำลังใจ ทุกคนยิ้มและพยักหน้าให้เธออย่างอบอุ่น
“สวยจังเลยลูก” แม่สามีเอ่ยชมลูกสะใภ้ “ไม่ว่าจะมองกี่ครั้งก็ไม่เบื่อเลย”
“เหมาะสมกับตาคินน์มากเลยนะว่าไหมสุริยะ” นายแพทย์ธีระเอ่ยขึ้นมาแล้วก็หันไปยิ้มให้กับสุริยะ
“อคิณก็หล่อ ลูกของเราเหมาะสมกันจริงๆ” สุริยะเอ่ยขึ้นมาแล้วก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุขที่ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันอย่างนี้
นายแพทย์ธีระ คุณหญิงอรุณี สุริยะและอรัญญาต่างมองลูกสาวลูกชายอย่างมีความสุข
“แล้วเมื่อไร พวกเราจะได้อุ้มหลานล่ะเนี่ย” คุณหญิงอรุณีเอ่ยขึ้นมาด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง พราวตะวันหันไปมองอคิณด้วยความตกใจ อคิณยิ้มและหันมาตอบมารดาของเขา
“ไว้ให้พวกเราพร้อมก่อนนะครับคุณแม่” อคิณตอบกลับไปอย่างใจเย็น
“พวกเราไม่พร้อมกันตรงไหน แต่งงานกันแล้วนะ” คุณหญิงอรุณีกล่าว
“ถ้าพวกเราได้อุ้มหลานนะ รับรองว่าสุขภาพของพ่อกับแม่จะดีขึ้นแน่นอน” นายแพทย์ธีระพูดเสริมขึ้นมา
พราวตะวันได้แต่ก้มหน้าด้วยความเขินอาย เธอไม่เคยคิดว่าเรื่องแบบนี้จะถูกพูดขึ้นมาในวงสนทนาแบบนี้ อคิณที่เห็นท่าทางของเธอจึงบีบมือของเธอเบาๆ เพื่อให้กำลังใจ
“คุณพ่อคุณแม่ แล้วก็พ่อตา แม่ยายใจเย็นๆ นะครับ” อคิณกล่าว
“แล้วตานัยเมื่อไรจะแต่งงานมีครอบครัวสักที” อรัญญาเอ่ยขึ้นมาแล้วหันไปมองพราวฟ้าที่อยู่ๆ ก็หน้าแดงขึ้นมา
“ผมก็อยากแต่งงานมีครอบครัวนะครับคุณอา” อคินัยพูดขึ้นมาพร้อมกับหันไปมองพราวฟ้า
“แต่ก็ยังหาคนที่ใช่ไม่ได้เลยครับ”
พราวฟ้าที่ได้ยินดังนั้นจึงหันไปค้อนให้กับอคินัยหนึ่งที “ทีไม่เจอคนที่ใช่เพราะว่ามัวแต่เจ้าชู้หรือเปล่า”
“ถ้าผมเจ้าชู้แล้วทำไมคุณต้องหน้าแดงล่ะครับ” อคินัยยิ้มกวนประสาทของพราวฟ้า
“บ้า!!! ใครหน้าแดงกัน” พราวฟ้าพึมพำเสียงแผ่ว “พูดอะไรไม่รู้เรื่อง”
อคินัยหัวเราะเบาๆ ด้วยความเอ็นดู และมันทำให้ทุกคนเริ่มจับตามองอคินัยกับพราวฟ้า
หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จแล้ว อคิณก็เอ่ยชวนพราวตะวันออกไปเดินเล่นที่ชายหาด
“ไปเดินเล่นที่ชายหาดกันไหมครับ” เขาเอ่ยชวนด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น
พราวตะวันพยักหน้าเล็กน้อย แล้วเดินตามเขาลงไปยังชายหาดเบื้องล่าง
สายลมยามค่ำคืนพัดโชยอ่อนๆ พาเอาความเย็นสบายมาปะทะผิวกาย พราวตะวันเดินทอดน่องอยู่บนผืนทรายสีขาวละเอียดริมชายหาดหัวหิน แสงจันทร์สาดส่องลงมากระทบผิวน้ำทะเลเป็นประกายระยิบระยับ อคินเดินอยู่ข้างๆ เธออยู่ในระยะที่พอเหมาะ ไม่ใกล้จนน่าอึดอัดแต่ก็ไม่ไกลจนรู้สึกห่างเหิน บรรยากาศเงียบสงบมีเพียงเสียงคลื่นซัดเข้าหาฝั่งเป็นจังหวะและเสียงฝีเท้าที่ก้าวเดินไปพร้อมกัน
“คุณชอบที่นี่ไหมครับ” อคิณเริ่มบทสนทนาขึ้นมาเบาๆ
พราวตะวันเงยหน้าขึ้นมองเขา เธอยิ้มบางๆ ที่มุมปาก “ชอบค่ะ” เธอบอกความรู้สึกตามตรง “ที่นี่เงียบสงบดี”
ความเงียบกลับมาอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นความเงียบที่อบอุ่นและสบายใจ พราวตะวันเหลือบมองเขาเป็นระยะ เธอยังคงสงสัยในตัวเขาอยู่ลึกๆ ภาพของเขาที่คอยดูแลและอยู่เคียงข้างเธอตลอดเวลาที่ผ่านมามันสวนทางกับข่าวลือที่เธอเคยได้ยินเกี่ยวกับผู้ชายคนนี้
“คุณ ฉันอยากถามอะไรคุณอย่างหนึ่งได้ไหมคะ” พราวตะวันรวบรวมความกล้าถามขึ้น อคิณหันมามองเธออย่างตั้งใจ
“ได้สิครับ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล
“เรื่องข่าวลือ เรื่องที่คุณเป็นคนเจ้าชู้” พราวตะวันพูดเสียงแผ่ว “มันเป็นความจริงหรือเปล่าคะ”
อคิณหยุดเดินช้าๆ เขาหันมาเผชิญหน้ากับพราวตะวัน แววตาของเขามีประกายบางอย่างที่พราวตะวันไม่คุ้นเคย มันมีความเจ็บปวดและความเศร้าซ่อนอยู่ลึกๆ
“ผมเคยเป็นแบบนั้นครับ” อคิณยอมรับอย่างตรงไปตรงมา “แต่ไม่ใช่เพราะผมอยากเป็น”
“ผมเคยเป็นแบบนั้นครับ” อคิณยอมรับอย่างตรงไปตรงมา “แต่ไม่ใช่เพราะผมอยากเป็น”
“ผมเคยรักผู้หญิงคนหนึ่งมาก” เขาเริ่มเล่า “เราคบกันมานานหลายปี ผมวางแผนจะแต่งงานกับเธอ แต่แล้ววันหนึ่งเธอก็ทิ้งผมไป”
พราวตะวันยืนนิ่งเงียบ เธอรู้สึกตกใจเล็กน้อยที่ได้ยินเรื่องราวนี้จากเขา น้ำเสียงของเขาเจือความเจ็บปวดอย่างเห็นได้ชัด “ตอนนั้นผมไม่เข้าใจว่าทำไมเรื่องแบบนี้ถึงเกิดขึ้นกับผมได้ ผมทุ่มเทให้เธอทุกอย่างแต่สุดท้ายผมก็ได้แต่ความเจ็บปวดกลับมา”
“ทำให้ผมทำตัวเหมือนเจ้าชู้ เพื่อปิดกั้นหัวใจตัวเอง ผมคิดว่าถ้าผมไม่รักใคร ผมก็จะไม่เจ็บปวด”
คำพูดของอคิณทำให้พราวตะวันรู้สึกสงสารเขาอย่างจับใจ เธอเข้าใจความรู้สึกนั้นดี เพราะเธอก็เพิ่งผ่านความเจ็บปวดแบบนั้นมาเหมือนกัน
“แล้วคุณเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” พราวตะวันถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
อคิณยิ้มบางๆ แล้วยื่นมือมาจับมือของเธอไว้ “ตั้งแต่เจอคุณ” เขากล่าว “ผมรู้ว่าคุณก็กำลังเจ็บปวดเหมือนกัน ผมจึงอยากอยู่เคียงข้างคุณ อยากปกป้องคุณจากความเจ็บปวดนั้น”
“ผมอยากทำให้คุณว่ายังมีคนที่รักคุณและพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างคุณเสมอ”
พราวตะวันมองเข้าไปในดวงตาของอคิณ เธอมองเห็นความจริงใจที่ฉายชัดอยู่ในนั้น ความคลางแคลงใจที่เคยมีในใจเธอสลายไปในพริบตา เธอรู้แล้วว่าอคิณไม่ใช่ผู้ชายเจ้าชู้ที่เธอเคยได้ยินมา แต่เขาเป็นผู้ชายที่เคยเจ็บปวดและกำลังพยายามจะรักษาหัวใจตัวเองให้กลับมาเป็นปกติ
“ฉันขอโทษนะคะที่เคยตัดสินคุณ” พราวตะวันกล่าว
“ไม่เป็นไรหรอกครับ” อคิณบีบมือเธอเบาๆ “ผมอยากให้คุณเชื่อในสิ่งที่ผมทำให้คุณมากกว่าข่าวลือที่คนอื่นสร้างขึ้น”
พราวตะวันพยักหน้า เธอเริ่มเชื่อในตัวอคิณมากขึ้น เธอรู้แล้วว่าเขาคือผู้ชายที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างเธอ ไม่ว่าวันข้างหน้าจะต้องเจอกับอุปสรรคอะไรก็ตาม และในคืนนั้นบนชายหาดหัวหิน พราวตะวันก็เริ่มเปิดใจให้กับผู้ชายที่เธอเคยเกลียดที่สุดอย่างไม่รู้ตัว
ทุกๆ วันของเธอเริ่มต้นด้วยการเตรียมอาหารอ่อนๆ ให้พ่อ อ่านหนังสือพิมพ์ให้ท่านฟังในช่วงสาย และช่วยท่านทำกายภาพบำบัดเบาๆ ในช่วงบ่าย “พ่อรู้สึกดีขึ้นเยอะเลยลูก ที่มีพราวอยู่ด้วย” คุณสุริยะเอ่ยขึ้นในวันหนึ่งขณะที่เธอกำลังช่วยนวดแขนให้ท่าน รอยยิ้มบนใบหน้าของท่านดูสดใสและมีชีวิตชีวาขึ้นมาก “พราวก็ดีใจค่ะที่เห็นพ่อแข็งแรงขึ้น” เธอยิ้มตอบ ความสุขจากการได้ทำหน้าที่ลูกที่ดีช่วยเติมเต็มหัวใจของเธอแต่ดูเหมือนมันจะเติมเต็มได้ไม่ทั้งหมด เพราะในยามค่ำคืนเมื่อเธอต้องอยู่กับตัวเองตามลำพังในห้องนอนเก่าที่แสนคุ้นเคย ความรู้สึกว้าเหว่กลับคืบคลานเข้ามาในหัวใจอย่างช้าๆ เธอนอนพลิกตัวไปมาบนเตียงที่เคยนอนมาตั้งแต่เด็ก แต่กลับรู้สึกว่ามันกว้างเกินไปอย่างน่าประหลาด หลายครั้งที่เธอเผลอขยับตัวไปด้านข้างตามความเคยชินเหมือนจะหาอ้อมกอดของใครบางคนก่อนจะต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาพบกับความว่างเปล่า ‘บ้าจริงพราวตะวัน! แกจะไปคิดถึงเขาทำไม!’ เธอต่อว่าตัวเองในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า พยายามข่มตานอน แต่ภาพใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดของอคิณในวันที่เธอเดินจากมา ก็ยังคงตามมาหลอกหลอนอยู่ไม่ห่าง การหนีออกมาจากเขามันคือการหนีออกจากความ
ตอนที่28ความห่วงใยที่ไม่ถูกมองเห็น--- Part ของอคิณ ---เสียงปิดประตูรถของพราวตะวันยังคงดังก้องอยู่ในโสตประสาทของอคิณ เขายืนนิ่งอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน มองบ้านหลังใหญ่ที่บัดนี้เงียบสงัดและอ้างว้างลงไปถนัดตา กลิ่นกายหอมอ่อนๆ ของเธอยังคงหลงเหลืออยู่ในอากาศแต่เจ้าของกลิ่นได้จากไปแล้วเขาเดินอย่างไร้เรี่ยวแรงขึ้นไปยังห้องนอน ภาพโซฟาที่ว่างเปล่าตอกย้ำความจริงที่ว่าเขาถูกทิ้งให้อยู่เพียงลำพังอีกครั้ง อคิณทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงกว้าง ความเหนื่อยล้าจากการทำงานเทียบไม่ได้เลยกับความเหนื่อยล้าในหัวใจของเขาในตอนนี้‘ผมทำอะไรผิด...หรือการที่ผมเปิดใจให้คุณเร็วเกินไป...’เขาไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมทุกอย่างถึงพังทลายลงได้ง่ายดายขนาดนี้ เพียงแค่การปรากฏตัวของผู้หญิงคนเดียวที่เขาพยายามจะลบออกจากชีวิตมาตลอดวันต่อมาที่โรงพยาบาล อคิณจมตัวเองอยู่กับงานอย่างหนัก เขาประชุม สั่งงาน และตรวจคนไข้ด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยและน่าเกรงขามกว่าเดิม จนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ แต่ชวินมองปราดเดียวก็รู้ว่าเพื่อนรักของเขากำลังแตกสลายจากข้างใน“มึงโอเคนะไอ้คินน์” ชวินเอ่ยถามขึ้นเมื่ออยู่กันตามลำพังในห้องทำงานอคิณถอนหายใจยาว
ตอนที่27ใต้ชายคาที่อึดอัด พราวตะวันลืมตาขึ้นบนโซฟา ความปวดร้าวที่แล่นไปทั่วแผ่นหลังเทียบไม่ได้กับความรู้สึกอึดอัดที่บีบรัดอยู่ในหัวใจ เธอตื่นก่อนแสงแรกของวันจะมาถึง จัดการเก็บผ้าห่มและหมอนเข้าที่อย่างเงียบเชียบ แล้วก้าวออกจากห้องนอนโดยไม่หันกลับไปมองเตียงกว้าง เมื่ออคิณตื่นขึ้น เขาพบเพียงความว่างเปล่าข้างกายและโซฟาที่ถูกจัดเรียบร้อยราวกับว่าเมื่อคืนไม่มีอะไรเกิดขึ้น บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเช้าหนักอึ้งจนน่าอึดอัด เสียงช้อนส้อมกระทบจานเป็นเพียงเสียงเดียวที่ทำลายความเงียบงัน พราวตะวันเอาแต่ก้มหน้าทานข้าวราวกับว่าอาหารในจานคือสิ่งที่น่าสนใจที่สุดในโลก “อรุณสวัสดิ์ครับ” อคิณเอ่ยขึ้นเบาๆ “เมื่อคืนนอนไม่สบายใช่ไหม” “ก็ดีค่ะ” เธอตอบโดยไม่สบตา คำตอบสั้นๆ ที่ไร้เยื่อใยนั้นเหมือนกำแพงที่มองไม่เห็น “วันนี้ผมไม่มีประชุมช่วงบ่าย เราไปหาอะไรทำกันข้างนอกไหม เผื่อคุณจะรู้สึกดีขึ้น” เขาพยายามอีกครั้ง ความหวังริบหรี่ฉายอยู่ในแววตา “ไม่ดีกว่าค่ะ” พราวตะวันวางช้อนลงทันที “พอดีฉันมีธุระต้องทำ” เธอลุกขึ้นยืน เป็นการจบการสนทนาอย่างสิ้นเชิง แล้วเดินจากไป ทิ้งให้อค
ตอนที่26คืนที่เงียบงัน บรรยากาศภายในรถยนต์คันหรูเงียบสนิท แสงสีของกรุงเทพฯ ยามค่ำคืนที่วิ่งผ่านกระจกไปอย่างรวดเร็ว ความสุขและความโรแมนติกเมื่อชั่วโมงก่อนได้เลือนหายไปจนหมดสิ้น เหลือทิ้งไว้เพียงความเงียบที่หนักอึ้งและน่าอึดอัด อคิณกำพวงมาลัยแน่นขึ้นเล็กน้อย เขาเหลือบมองร่างบางที่นั่งอยู่ข้างๆ เป็นระยะ พราวตะวันเอาแต่จ้องมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างไร้จุดหมาย แสงไฟนีออนสาดกระทบใบหน้าสวยของเธอ เผยให้เห็นแววตาที่ว่างเปล่าและเย็นชา ในหัวของเธอ มีแต่เสียงของนิชาที่วนเวียนซ้ำไปซ้ำมา คำพูดเหล่านั้นเหมือนยาพิษที่ค่อยๆ ซึมลึกเข้าไปในหัวใจที่เพิ่งจะเริ่มแข็งแรงของเธอ ความเชื่อใจที่เพิ่งก่อตัวขึ้นอย่างสวยงาม บัดนี้กลับถูกความสงสัยเข้ากัดกินหัวใจของเธอ เดทที่ควรจะพิเศษที่สุด กลายเป็นเพียงการตอกย้ำว่าเธอเป็นเพียงเงาของใครอีกคน เป็นเพียงตัวแทนในสถานที่แห่งความทรงจำของเขา “พราว...” อคิณลองเรียกชื่อเธอเบาๆ ทำลายความเงียบที่น่าทรมาน เธอไม่ได้หันมามอง เพียงแต่ขานรับในลำคอด้วยน้ำเสียงที่ห่างเหิน “คะ” ความเย็นชาในน้ำเสียงนั้นทำให้อคิณรู้สึกจุกในอก แต่เข
ตอนที่25แขกที่ไม่ได้รับเชิญ ค่ำคืนนั้นงดงามราวกับความฝัน... บนชั้นดาดฟ้าของโรงแรมหรูใจกลางกรุงเทพ อคิณและพราวตะวันกำลังนั่งทานอาหารค่ำด้วยกัน ท่ามกลางบรรยากาศที่แสนโรแมนติก แสงเทียนบนโต๊ะสะท้อนแววตาที่มีความสุขของคนทั้งสอง ขณะที่เบื้องหลังคือทะเลดาวที่ส่องระยิบระยับ “ไม่ยักรู้นะคะว่าท่านประธานจะมีมุมโรแมนติกแบบนี้กับเขาด้วย” พราวตะวันแกล้งแซว ขณะจิบไวน์รสเลิศ อคิณหัวเราะเบาๆ ในลำคอ เขาเอื้อมมือข้ามโต๊ะมากุมมือของเธอไว้ “กับคุณ ผมมีทุกมุมที่คุณยังไม่เคยเห็นอีกเยอะครับ” บรรยากาศอบอวลไปด้วยความรกัและความเข้าใจที่สมบูรณ์แบบ ทันใดนั้นเอง โทรศัพท์มือถือของพราวตะวันที่วางอยู่บนโต๊ะก็สั่นขึ้นมาเบาๆ หน้าจอที่สว่างวาบขึ้นมาปรากฎชื่อที่เธอเคยจดจำขึ้นใจ “ P’ Film ” รอยยิ้มบนใบหน้าของพราวตะวันชะงักไปชั่วครู่ หัวใจของเธอกระตุกวูบด้วยสัญชาตญาณ แต่มันเป็นเพียงชั่ววูบเดียวเท่านั้น เธอเหลือบมองใบหน้าของอคิณที่นั่งอยู่ตรงหน้า ผู้ชายที่มอบความสุขและความปลอดภัยให้เธอในตอนนี้ เขาสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเธอและมองไปยังโทรศัพท์ที่ยังคงสั่นไม่หยุด
ตอนที่24เดทแรก เย็นวันหนึ่งหลังจากอคิณกลับมาจากที่ทำงาน เขาบอกกับพราวตะวันด้วยรอยยิ้มที่มีเลศนัยว่า “คืนนี้แต่งตัวสวยๆ นะครับ” พราวตะวันที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนโซฟาเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยความประหลาดใจ แววตาฉายแววสงสัยระคนตื่นเต้น “ทำไมคะ” เขาเดินเข้ามาใกล้โซฟาที่เธอนั่งอยู่ ทรุดตัวลงนั่งข้างๆ แล้วคลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยน “ก็เพราะว่าคืนนี้ เป็นคืนพิเศษของเราไงครับ” พราวตะวันเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย หัวใจเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ “พิเศษยังไงเหรอคะ” “ถ้าบอกก็ไม่เซอร์ไพรส์สิครับ” เขาขยิบตาให้เธออย่างมีเลศนัย “แต่รับรองว่า คุณจะต้องชอบแน่นอน” ความขี้เล่นของเขาทำให้เธออดที่จะยิ้มตามไม่ได้ “ก็ได้ค่ะ ไม่บอกก็ไม่บอก” เธอยอมแพ้ “แล้วต้องสวยขนาดไหนคะ มีธีมสีหรือเปล่า” อคิณส่ายหน้าช้าๆ สายตาของเขาจ้องมองเธออย่างลึกซึ้ง “ไม่ต้องมีธีมหรอกครับ” เขายกมือขึ้นเกลี่ยปอยผมที่ข้างแก้มของเธอเบาๆ “แค่เป็นตัวคุณเองก็สวยที่สุดแล้ว” อคิณเอ่ยจบก็มองหน้าของพราวตะวันด้วยสายตที่ทำให้เธอเขินจนแทบไปไม่เป็นแต่คำพูดของเขาก็ทำให้เธอรู้สึกมีความสุขจนแก้มร้อนผ่าว เธ