"จอดตรงนี้แหละพี่ลม เดี๋ยวมนเดินเข้าไปเอง"
เสียงหวานร้องตะโกนให้ชายหนุ่มรุ่นพี่ที่อายุห่างกับเธอไม่กี่ปีด้วยความเกรงใจ ก่อนหน้านี้ก็แทบจะกระโจนลงจากรถทันทีที่สารวัตรหนุ่มขับเลยเข้ามาภายในไร่จนเกินข้อตกลงที่ได้บอกเขาไว้... แล้วนี่ยังมีพี่ชายในไร่ที่เห็นกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ ยังคอยถามไถ่สารทุกข์สุกดิบเธอเสมอ...ทั้งยังคอยรับส่งเธออีกคน กลัวว่าเจ้านายจะมาเห็นน่ะสิว่ากล้าดียังไงถึงขโมยมือขวาคนสนิทของเขามาใช้งาน... ท้ายที่สุดคนที่ถูกด่าคงไม่พ้นเธอเป็นแน่ ด้วยรู้ดีว่าเขาไม่ชอบขี้หน้าเธอแม้แต่น้อย...ค่อนไปทางเกลียดเข้ากระดูกดำนั่นล่ะ "ไม่ต้องคิดมาก นายอยู่ฟาร์มงูตั้งแต่เช้า...เห็นว่าเพื่อนนายที่เป็นเทคนิคการแพทย์อยากได้พิษงูไปผลิตเซรุ่มเพิ่มน่ะ" "ถึงว่า...พี่ถึงมาส่งฉันได้ ขอบคุณนะ" สาวน้อยที่เติบโตเป็นหญิงสาวสวยสะพรั่งล้วนเป็นที่หมายปองจากคนงานในไร่หลายคน เขาเองก็นึกเป็นห่วงความปลอดภัยของคนตรงหน้าไม่ได้ ด้วยสภาพที่เธออาศัยอยู่...ค่อนข้างห่างไกลคำว่าปลอดภัยมากนัก ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเจ้านานจะใจร้ายใจดำกับผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เพียงคนเดียวไปถึงไหน "แล้วกินข้าวมาหรือยัง?" "ไม่ต้องห่วง มีข้าวเหนียวหมูปิ้งติดกระเป๋า" ยิ้มหวานรับความเป็นห่วงออกไป เธอซื้อไว้ตั้งแต่เช้ายังไม่ทันได้กินอะไรก็ต้องรีบขึ้นรถเสียก่อน ครั้นจะกินบนรถก็มีป้ายห้ามเตือน...ด้วยกลิ่นของอาหารจะไปรบกวนผู้โดยสารท่านอื่น กะว่าจะอาบน้ำให้เรียบร้อยแล้วนอนเอาแรงสักงีบ "งั้นพี่ไปดูนายก่อนนะ ตอนเย็นจะแวะเอาข้าวมาให้" "ขอบคุณนะพี่ลม" มือเล็กโบกมือบ๊ายบายผู้มีพระคุณอีกคน ก่อนจะถือกระเป๋าสะพายที่บังหน้าอกไว้เมื่อครู่ไปถือไว้ในมือ แม้เสื้อยืดสีฟ้าอ่อนจะยังไม่แห้งดี...แต่เธอก็รู้ว่าไม่ควรที่จะปล่อยให้บางอย่างในร่างกายประเจิดประเจ้อเกินไปนัก เสียงแมลงกลางทุ่งร้องระงมใต้ฟ้ายามบ่ายแก่ ๆ กลิ่นดินแห้งค่อนข้างร้อนระอุในช่วงฤดูร้อน ก่อนจะต้องตกใจมากกว่าเดิมทันทีที่เห็นคนตรงหน้าจนกระเป๋าเป้ร่วงหล่นจากมือ “หายหัวไปหลายวัน คิดว่าตัวเองเป็นใคร ถึงได้ทำตัวตามใจแบบนี้!” ดวงตาคมดุกร้าวกวาดมองไปทั่วดวงหน้าหวาน นัยน์ตาคมกริบจับจ้องตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าก่อนจะเผลอหยุดมองที่ทรวงอกอิ่มเปียกน้ำตรงหน้า ดูมันใหญ่เกินตัวแม้อยู่ภายใต้เสื้อยืดราคาถูก มือบางรีบยกสองมือมาไขว้กันราวกับต้องการปิดบังให้พ้นดวงตาคู่นั้นยามมองมา คนที่เธอไม่อยากเห็นหน้ามากที่สุด...ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหนก็ตาม ร่างบางยังคงยืดตัวตรง...พยายามจะไม่แสดงความกลัวหรือผิด แม้ในใจจะรู้ว่าพายุลูกใหญ่กำลังรอถาโถมเธอในอีกไม่กี่อึดใจก็ตาม “ไม่ได้นึกพิศวาส ไม่ต้องทำหวงเนื้อหวงตัว แม้แต่หน้าเธอฉันยังไม่อยากจะมองด้วยซ้ำ!” น้ำเสียงเข้มประกาศออกไปชัดเจน เธอเม้มปากแน่น...หากพยายามไม่โต้ตอบกลับไป ด้วยรู้ดีว่ายิ่งพูดเหมือนยิ่งแก้ตัวให้เขาได้เกลียดเธอมากกว่าเดิม "มาถึงก็ไปทำหน้าที่ของตัวเองได้แล้ว ขี้ม้าที่คอกยังไม่มีคนเก็บกวาด!" "ค่ะ หนูขออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วจะรีบไปค่ะ" ใบหน้าคมดุกร้าวยามที่มองมาที่เธอโดยไม่ได้เอื้อนเอ่ยประโยคใดต่อจากนั้น...นิ่งจนเธอเริ่มกลัว แต่ไม่ใช่เพราะเขาตวาด เพราะเขา ไม่พูดอะไรต่อจากนั้นเลยต่างหาก ธราดลหันกลับไปมองไร่ที่อยู่เบื้องหลัง ก่อนจะพูดเสียงเรียบช้า “เลิกทำตัวสำส่อนจับปลาหลายมือได้แล้ว ไม่มีผู้ชายคนไหนเขาจริงจังกับผู้หญิงที่มีแม่เป็นฆาตกรหรอกนะ!” "ฉันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณพูด แม่ฉันไม่ได้ทำ!...สักวันที่ความจริงเปิดเผย แล้วคุณ..." เธออ้าปากจะอธิบายต่อ แต่ยังไม่ทันได้โต้ตอบกลับไปให้จบประโยคดี เขากลับยกมือขึ้นห้ามเสียก่อนก่อน ดวงตานั้นแดงจนวาวโรจน์ยามมองมาที่เธออย่างเคียดแค้น...จนนึกอยากบีบคอเล็ก ๆ ให้แหลกคามือ “ถ้าไม่ใช่แล้วจะหนีทำไม! ก็ไม่แปลกหรอกที่คนแบบแม่เธอเลือกที่จะหนีไปอย่างขี้ขลาด อย่าบอกนะว่าเธอก็จะเลือกทางเดียวกัน” นัยน์ตาคมวาววับยามปรายหางตามองเหมือนกำลังล่วงรู้ความคิดบางอย่างของคนที่กำลังจะคิดหนีไปจากเขาเช่นกัน “เธอเป็นหนี้ฉันทั้งชีวิต ไม่มีสิทธิ์จะไปไหนทั้งนั้น รู้ตัวไว้ด้วย!” "คุณมันใจร้าย!" เสียงนั้นสั่นเล็กน้อย เหมือนบาดแผลในใจที่ถูกขูดให้เจ็บซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนถลอกปอกเปิก "ถ้าเธอหาว่าฉันใจร้าย เธอก็ช่วยใช้สมองน้อยนิดที่เธอมีย้อนกลับไปมองสิ่งที่แม่เธอทำเถอะ ฆ่าคนที่มีพระคุณแล้วขโมยทองไป...ต้องชั่วหรือว่าเลวเบอร์ไหน! ถึงจะทำแบบนั้นได้ ทีนี้เธอตอบฉันมาซิ...ว่าใครร้ายกว่ากัน?" เสียงเข้มนั้นตวาดกลับไป...เขาเองก็กำลังใช้ความพยายามอยู่ ความพยายามที่จะไม่ตรงเข้าไปบีบคอคนตรงหน้าให้ขาดอากาศหายใจตายเสียก่อน "แม่ไม่เคยเนรคุณใคร! แม่สอนให้ฉันรู้จักตอบแทนผู้มีพระคุณเสมอ ถึงฉันอาจจะโง่...แต่ฉันก็ยังพอมีสติพิจารณาว่าใครดี ใครร้าย...ไม่ใช่ฟังความข้างเดียวเชื่อแต่คนรักของตัวเอง" "แล้วกล้องวงจรปิดจะมีไว้เพื่ออะไร นอกจากไม่ฉลาดแล้วคนที่ไม่มีสติก็คือเธอ! แน่จริงก็ให้แม่เธอกลับมาตอบฉันสิ เธอทำได้ไหมล่ะ? ถ้าทำไม่ได้ก็หุบปากแล้วเลิกอวดดี! น้ำก็ไม่ต้องไปอาบแล้วล่ะ ไปมันทั้งชุดแบบนี้แหละ...อู้งานมาหลายวัน อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าเธอกำลังทำอะไร!" "ปล่อยฉันนะ!...บอกให้ปล่อย!" มือบางพยายามบิดออกจากข้อมือหนาในขณะที่กระเป๋าเป้ที่บรรจุเอกสารสำคัญของเธอถูกเขาโยนเข้าไปภายในตัวบ้าน ดีที่แรงเหวี่ยงยังรอดพ้นให้กระเป่าเป้ใบเขื่องไปนอนกองแอ้งแม้งที่แคร่ไม้ใต้หลังคา เสื้อยืดสีอ่อนแนบเนื้อเพราะน้ำที่ยังชุ่มทั่วร่างไม่แห้งดี ริมฝีปากสั่นน้อยๆ ทั้งจากความหนาวและความโกรธที่ยังไม่ทันได้อาบน้ำหรือเปลี่ยนชุด ก็ถูกคนตรงหน้าทั้งบังคับขู่เข็ญด้วยสีหน้าเย็นชา... เธอเกลียดเขาที่สุด! แน่นอนว่าเขาเองก็เกลียดเธอไม่ต่างกัน! “จะยืนสั่นอีกนานไหม? ขึ้นไป” เขาถามเสียงเรียบ ไม่รอคำตอบ มือหนากระตุกแขนร่างบางให้ขยับตาม ธราดลไม่พูดพร่ำทำเพลง มืออีกข้างจับเอวเธอแน่น ก่อนจะยกตัวเธอขึ้นพาดบนอานม้าอย่างง่ายดายราวกับตุ๊กตากระเบื้องเคลือบ...ด้วยกลัวว่าจะแหลกสลายคามือไปเสียก่อน เธอพยายามดิ้น...แต่เขาก็โหนตัวตามขึ้นไปนั่งด้านหลังอย่างมั่นคง “เลิกทำตัวสะดีดสะดิ้งได้แล้ว ถ้าขืนเธอยังดิ้นไม่เลิก...ฉันจะจับเธอโยนลงบนหลังม้าทันที!” เสียงเข้มกระซิบข้างหู ทำเอาเธอชะงัก ตัวแข็งทื่อ แผ่นอกเขาแนบอยู่ด้านหลัง ลมหายใจอุ่น ๆ สัมผัสจากคนที่แสนจะเกลียดกันและกันช่างน่าอึดอัดนัก เธออยากจะโวยวาย อยากจะถีบเขาลงจากหลังม้า แต่ก็ทำได้แค่กัดฟันแน่น ร่างกายสั่นน้อยๆ ไม่รู้ว่าเพราะหนาว…หรือเพราะร่างกายเริ่มจะอ่อนแรงจากการเดินทาง ข้าวสักเม็ดก็ยังไม่ตกถึงท้อง... ไม่รู้ว่าชีวิตนี้เธอต้องชดใช้เขาไปถึงเมื่อไหร่? หรือจนกว่าจะตายจากกันเขาถึงจะพอใจฝากกดติดตามไรต์ด้วยนะ มารีวิวให้กำลังใจกันนะคะทุกคน
ร่างหนาที่พอได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินเข้ามาแกล้งทำเป็นหลับ ใบหน้าคมฟุบลงบนโต๊ะราวกับคนไม่ได้สติให้สมกับที่ซักซ้อมเพื่อขอความเห็นใจเมียก่อนหน้านี้"คุณดล!"คนถูกเรียกใบหน้าซีดเผือดอย่างเห็นได้ชัด ศีรษะก้มต่ำเหมือนคนหมดแรง มือข้างหนึ่งแนบอยู่ตรงข้างลำตัวราวกับไม่รู้สึกตัว จนคนตัวเล็กต้องเขย่าร่างหนาไม่ยอมให้เขาหลับ"คุณดลคะ! คุณอย่าหลับนะ ตื่นมาคุยกับมนก่อน...คุณดล!" เสียงเรียกด้วยความเป็นห่วงจนร่างบางถลาเข้าไปหาพร้อมกับเขย่าคนแกล้งหลับจนหัวสั่นหัวคลอน ทิ้งความโกรธทั้งหมดทั้งมวลก่อนหน้านี้ไว้ข้างหลังจนหมดสิ้น หัวใจแทบหลุดออกจากอกเมื่อเห็นร่างสูงไม่ตอบสนองใด ๆ"คุณดล! ตื่นสิ!" มือเล็ก ๆ สั่นเทา เขย่าไหล่เขาแรง ๆ น้ำเสียงสั่นเครือเต็มไปด้วยความหวาดกลัว "มน..." น้ำเสียงแหบพร่านั้นเอ่ยตอบกลับมาราวกับกำลังฝืนความง่วงงุนเต็มทน"ตื่นมาคุยกับมนก่อน มนจะพาคุณไปโรง'บาล แข็งใจไว้ก่อนนะคะ" เพียงเสี้ยววินาที ที่คนตัวโตพยายามเงยหน้าขึ้นมาช้า ๆ ดวงตาคมทอดมองร่างบางในชุดสวยหวาน มือหนาเอื้อมกอดคนตรงหน้าอย่างต้องการคำปลอบประโลมก่อนตาย ควรเป็นเช่นนั้นสินะ...ตามบทบาทของคนที่กำลังจะตายเพราะพิษงู"ขอฉัน
เป็นเวลาเกือบสัปดาห์ที่วิมลลักษณ์ยอมกลับมากับเขาแต่ไม่ยอมให้คนตัวโตเข้าใกล้แม่แต่น้อย ธราดลยอมแม้กระทั่งไปนอนที่บ้านพักท้ายไร่ที่เคยให้คนตัวเล็กไปอาศัยอยู่ ทั้งที่เธอไม่ได้ขอ เขาแค่อยากชดเชยกับสิ่งที่เคยทำร้ายเธอ ส่วนคนตัวเล็ก...เขาให้สิทธิ์เธอในการอยู่เรือนใหญ่ได้เต็มที่ ทว่าวิมลลักษณ์ก็ขอปฏิเสธ เธอขออยู่ที่เรือนพักรับรองท้ายไร่สะดวกใจกว่า ธราดลยอมรับปากอย่างว่าง่าย เธอสั่งอะไรเขาก็ยินดีทำให้ได้ทั้งนั้น เรียกได้ว่าชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ หรืออยากชี้ดาวชี้เดือนที่อยู่บนท้องฟ้า หากเขาปีนขึ้นไปสอยลงมาให้เธอได้...เขาก็จะทำแม้กระทั่งหน้าที่ในการเก็บกวาดคอกม้าหรืออาบน้ำม้าที่เคยเป็นของวิมลลักษณ์ทั้งหมด เขายินดีรับทำหน้าที่นั้นแทนเธอ ร่างสูงเต็มไปด้วยเหงื่อจากการทำงานหนัก ดยเฉพาะยามที่เจ้าสีนิลสะบัดขนใส่เขาจนเปียกม่อล่อกม่อแล่กไปครึ่งตัว "สีนิล!...ทำไมแกทำกับฉันแบบนี้" บ่นออกไปพร้อมกับชี้หน้าคาดโทษเจ้าม้าสีดำตัวแสบที่ยืนยิงฟันใส่เจ้านายของมันราวกับเห็นเป็นเรื่องตลกขบขัน ฟิ้ว!!!!เสียงปลิวพร้อมกับสิ่งของบางอย่างลอยละล่องตกลงมาที่ศีรษะของเจ้าของไร่หนุ่มอย่างพอดิบพอดี ก่อนจะพบว่ามัน
"คุณดลปล่อยมน!""ปล่อยแน่มน...แต่เราต้องคุยกันก่อน เปิดประตูเข้าไป...ไปคุยกันข้างใน" ข้างในที่ว่าหมายถึงห้องพักของเธอ วิมลลักษณ์นึกแปลกใจที่เขารู้ได้อย่างไรว่าเธอพักที่นี่...ไม่พอคือรู้ด้วยว่าเป็นห้องพักห้องนี้ ทั้งที่เขาเป็นคนเดินนำเธอกึ่งลากกึ่งจูงให้ตามเขามา แต่ก็อย่างว่า...คนอย่างเขามีหรือที่อยากรู้อะไรแล้วจะไม่ได้คำตอบ คนที่บ้าอำนาจตลอดเวลาเช่นเขา...ย่อมทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว"คุยกันข้างนอกก็ได้ค่ะ มนอึดอัด" ตอบออกไปโดยไม่ยอมมองหน้า...คนตัวสูงก็เหลือเกิน...ยืนกักเธอไว้ด้วยวงแขนกว้างทั้งสองข้าง ในขณะที่ร่างบอบบางยืนหันหน้าเข้าหาประตูห้องพัก"ถ้าไม่อายที่จะคุยกันท่านี้ก็แล้วแต่นะ ฉันได้ทั้งนั้น""คุณดล!...เลิกบังคับมนสักที""แล้วเธอหนีฉันมาทำไมล่ะมน ฉันจะเป็นบ้าตายเพราะเธออยู่แล้ว!"เสียงร้องโวยวายเริ่มดังขึ้น จนแขกที่เข้าพักเริ่มเปิดประตูออกมาดูเพื่อหาที่มาของเสียง...ท้ายที่สุดวิมลลักษณ์จึงจำใจยอมเปิดประตูห้องพัก ตั้งใจจะรีบปิดทันทีที่เข้าไปได้ หากมีหรือที่จะทันแรงวัวแรงควายของคนตัวโตหน้าหนาที่ยืนประกบเธอตลอดเวลาอย่างคนเอาแต่ใจ "คุณดล!""จ๋าจ้ะ...คิดถึงมนที่สุดในโลกเลย" ไม่พู
แสงนวลอ่อน ๆ ของพระจันทร์ในยามค่ำคืนลอดสว่างผ่านม่านหน้าต่าง ทาบเป็นลวดลายบนพื้นห้องว่างเปล่า วิมลลักษณ์ยืนเหม่อมองไปยังผืนทะเลเบื้องหน้าที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตาในเวลานี้ลมทะเลพัดโชยบางเบา ร่างบอบบางในชุดเดรสสีขาวเดินเท้าเปล่าไปตามแนวทรายที่เย็นเฉียบ ดวงตาคู่สวยทอดมองออกไปยังผืนน้ำกว้างใหญ่ที่กำลังส่องประกายระยิบระยับเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเพราะเหตุใดจึงพาตัวเองมาที่นี่ รู้แค่ว่า...หัวใจเหนื่อยล้าเกินกว่าจะเผชิญหน้ากับเขาอีก บางครั้งเธอเองก็อยากให้เขามั่นใจ...ว่าเขารักเธอด้วยหัวใจจริง ๆ ไม่ใช่เพียงเพราะความใกล้ชิดผูกพันในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา หรืออาจเป็นเพราะการตอบสนองทางร่างกายของเธอและเขาที่เข้ากันได้ดี วิมลลักษณ์อาศัยจังหวะที่เขากลับไปในเช้ามืดวันนั้น...ก่อนที่ช่วงสาย ๆ คุณหมอจะให้เซ็นอนุญาตให้เธอออกจากโรงพยาบาล ร่างบางพร่ำบอกกับผู้เป็นแม่ให้ปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ...เธอใช้ชีวิตอยู่กับท่านในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา และพบว่าแม่ของเธอมีคนที่จะสามารถดูแลท่านได้เป็นอย่างดีชายคนนั้นมีวัยใกล้เคียงกับท่านชื่อว่า 'แดเนียล' ความรักของคนทั้งสองแม้ไม่หวือหวาเหมือนความรักหนุ่มสาวแต่วิมลลักษณ
เสียงฝีเท้าเร่งรีบดังขึ้นทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออกไปยังชั้นที่ชายหนุ่มร่างสูงตั้งใจมาหายอดดวงใจของเขาในเวลานี้ เดินเร็วเสียจนใครบางคนที่ตามมาด้วยถึงกับเดินตามไม่ทัน ธราดลผลักประตูเข้ามาในห้องผู้ป่วยอย่างไม่ทันได้เคาะ ดวงตาคมไหวระริกด้วยความกังวล ใบหน้าเขาซีดเผือดอย่างเห็นได้ชัด"น้ารัตน์...""คุณดล..."ธราดลยกมือไหว้คนตรงหน้า ในขณะที่วิมลรัตน์เองก็รีบยกมือไหว้คนตรงหน้าด้วยเช่นกัน นัยน์ตาคมกริบสีนิลจับจ้องไปยังร่างบางที่กำลังหลับตาพริ้มบนเตียงสีขาว เธอนอนนิ่ง ๆ อยู่เช่นนั้น มีเพียงเสียงจังหวะของลมหายใจที่ดังสม่ำเสมอ ริมฝีปากซีดน้อย ๆ ทำให้หัวใจเขาบีบรัดแน่นเข้าไปอีก หากสักพักนายตำรวจหนุ่มจึงตามเข้ามาสมทบ"ผมมีเรื่องอยากคุยกับน้ารัตน์""ได้สิคะ...น้าเองก็อยากคุยกับคุณดลเหมือนกัน"ชายหนุ่มร่างสูงที่กระวนกระวายใจแทบทุกวินาทีรู้สึกใจชื้นขึ้นเมื่อรู้ว่าคนที่เขาเป็นห่วงพ้นขีดอันตราย หากสิ่งที่เขาต้องการจะพุดกับแม่ของเธอ...เป็นเรื่องที่เขาตั้งใจจะทำมานานแล้ว ธราดลเดินนำหน้าหญิงวัยกลางคนออกไปพูดคุยธุระกันด้านนอก ในห้องนั้นจึงเหลือเพียงเยาวภา ประทับจิต และสารวัตรหนุ่มที่เดินมานั่งตรงเก้าอี้ม
แกร๊ก!!!เสียงเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับบุคคลที่ยืนอยู่ในนั้นดวงตาเบิกกว้างด้วยความดีใจ แทบไม่เชื่อสายตาเมื่อเห็นหญิงว่าวัยกลางคนในชุดเสื้อคลุมเรียบ ๆ เดินเข้ามา...คือ 'วิมลรัตน์'"รัตน์...รัตน์จริง ๆ ด้วย""ป้ารัตน์!""แม่..."เสียงแผ่วเบาที่แทบจะไม่ได้ยินหลุดออกจากริมฝีปากซีด ๆ ของเธอวิมลรัตน์ยิ้มทั้งน้ำตา ก่อนจะรีบสาวเท้าเข้ามานั่งข้างเตียง จับมือบุตรสาวพร้อมกับดอบกอดร่างบางไว้แน่นเสมือนไม่อยากให้คนตรงหน้าต้องเจ็บปวดทรมานแม้สักนิดเดียววิมลลักษณ์กอดตอบด้วยความคิดถึง เพ่งมองใบหน้าที่คุ้นเคย ใบหน้าที่เธอคิดถึงทุกค่ำคืนความอบอุ่นจากมือที่สั่นเล็กน้อยของแม่ทำให้น้ำตาของเธอไหลออกมาเงียบ ๆ น้ำตาแห่งความดีใจที่ได้เห็นหน้าผู้ให้กำเนิดกำลังกลบน้ำตาแห่งความเสียใจเมื่อครู่ไปโดยสิ้นเชิงแม่ของเธอเองก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ท่านค่อย ๆ ยกมืออีกข้างลูบศีรษะลูกสาวอย่างแผ่วเบา แล้วเอ่ยออกมาเสียงสั่นด้วยความคิดถึง"แม่ขอโทษ...ที่ปล่อยให้ลูกต้องอยู่ลำพังมาโดยตลอด..."วิมลลักษณ์ร้องไห้สะอึกสะอื้น ซุกหน้ากับฝ่ามือแม่อย่างเด็กน้อยที่เฝ้ารออ้อมกอดอันแสนอบอุ่นมานานแสนนาน"แม่...แม่จ๋า ขอมนไปอยู่กับแม่ด้วยนะ"