หญิงสาวร่างบางในวัยยี่สิบต้น ๆ กำลังยืนอยู่ริมถนนในตัวอำเภอ
เสื้อยืดสีฟ้าอ่อนตัวเก่งและกางเกงยีนสีซีด ๆ ซึ่งมีรอยยับจากการเดินทาง แม้จะหมดค่าใช้จ่ายไปพอสมควรในระยะเวลาเกือบห้าวันที่เธอมารับเอกสารการศึกษาจบในระดับปริญญาตรีจากการเรียนแบบออนไลน์ด้วยตนเองที่บ้านที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ในมือกำซองเอกสารสีน้ำตาลแน่น ใบรับรองการสำเร็จการศึกษา ที่เธอไม่กล้ารับทางไปรษณีย์...ด้วยกลัวว่าคนที่นั่นจะคาบข่าวไปบอกเจ้าของไร่ ร่างบางยืนกอดหลักฐานของความอดทนตลอดสี่ปีที่แม้จะไม่มีใครส่งเสีย... หากเธอก็พยายามเก็บหอมรอมริบจากงานในไร่ที่เจ้านายให้ค่าแรงขั้นต่ำเท่าที่ควรจะได้ รวมถึงงานอย่างอื่นที่พอจะทำได้เพื่อส่งเสียตัวเองเรียน รวม ๆ เดือนหนึ่งเฉลี่ยราว ๆ สักหมื่นนิด ๆ ไหนจะเงินสนับสนุนจากทุนการศึกษาที่แม่ของเขามอบให้เธอทุกปี ปีละหลายหมื่นบาท นับเป็นเงินเก็บที่วิมลลักษณ์แทบจะไม่นำออกมาใช้หากไม่มีความจำเป็น ชีวิตที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ...หากสามารถแลกกับการได้มีอาหารกินครบสามมื้อ...มีที่ซุกหัวนอน เท่านี้ก็คงนับเป็นพระคุณมากพอสำหรับลูกสาวฆาตกรที่ถูกคนอื่นตราหน้าอย่างเธอ หญิงสาววัยยี่สิบสองหันมองสองข้างถนนยังไม่พบรถโดยสารที่จะผ่านไร่ธราดล มีเพียงแค่ลมร้อนยามบ่ายที่พัดให้เธอรู้ว่า ตัวเองยังยืนอยู่ที่เดิม...ก่อนจะมีเสียงหนึ่งสาดซัดลงมาที่ตัวเธอจนสะดุ้งโหยง ซ่า!!!!! เธอเกลียดความรู้สึกนี้เป็นที่สุด...เหมือนความรู้สึกเดิมเมื่อหลายปีที่แล้วจะหวนคืนมาในความทรงจำอีกครั้ง หากครั้งนี้แตกต่างออกไปด้วยเป็นเทศกาลสงกรานต์ที่ทุกคนกำลังมีความสุข วิมลลักษณ์ยอมเปียกได้...แต่เอกสารที่ยืนอยู่ในมือตอนนี้เห็นทีจะยอมเปียกไม่ได้ นี่เธออุตส่าห์ยอมเสี่ยงชีวิตไปเอามันมาด้วยตัวเอง ก่อนจะรู้สึกเหมือนน้ำตากำลังตกใน "เล่นน้ำกันนะครับพี่สาวคนสวย" กลุ่มเด็กวัยรุ่นสองสามคนเหมือนจะกรูกันเข้าขอประแป้งหญิงสาวใบหน้าสวยหวานที่กำลังยืนทำตาละห้อยเหมือนลูกหมาตกน้ำก็ไม่ปาน ปี๊น!!! ปี๊น!!! เสียงแตรรถดังขึ้นจากรถที่จอดอยู่ข้างทางในขณะนี้ จนเด็กหนุ่มวัยรุ่นถึงกับต้องหยุดชะงัก ทันทีที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์เดินลงมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า จนพวกเขาเผลอทำความเคารพโดยอัตโนมัติ "คำนึงถึงความยินยอมของผู้อื่นด้วยนะครับน้อง ๆ อย่าเอาเทศกาลดีงามของไทย มาเป็นเครื่องมือฉวยโอกาสเลยครับ มันจะไม่สนุกเสียเปล่า ๆ นะพี่ว่า" "พวกผมขอโทษครับคุณตำรวจ ขอโทษพี่สาวด้วยครับ" ทั้งสามรีบยกมือขอโทษขอโพยคนทั้งคู่ด้วยกลัวจะต้องไปเล่นสงกรานต์ในห้องกรงเสียมากกว่า ก่อนจะรีบวิ่งกลับไปยังซุ้มเล่นน้ำของตนตามเดิม "ขอบคุณสารวัตรมาก ๆ นะคะที่ช่วยมนไว้" "แล้วทำไมมายืนตรงนี้คนเดียวล่ะครับ ให้ผมไปส่งที่ไร่ไหม?" ตำรวจหนุ่มเอ่ยปากถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใย เขารู้จักวิมลลักษณ์เป็นอย่างดีนับตั้งแต่ที่ได้รับมอบหมายเกี่ยวกับคดีการเสียชีวิตของนลินเมื่อสี่ปีก่อน ผู้เป็นแม่ของเธอถูกออกหมายจับตามหมายเรียกที่ส่งไปถึงสองครั้งหากก็ยังไม่มาให้ปากคำ กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ นั่นก็เท่ากับว่าเธอมีเจตนาหลบหนี ตำรวจหนุ่มอยากแสดงความรู้สึกของตนให้มากกว่านี้ หากกลัวว่าจะมีผลต่อรูปคดี...เขารอให้ทุกอย่างจบลงจนไปสู่วันที่สามารถปิดสำนวนคดีนี้ได้ และถ้าวันนั้นมาถึง...เขายินดีที่จะดูแลเธอไปตลอดชีวิต รู้ว่าเธอเองต้องลำบากเพราะความจงเกลียดจงชังของเพื่อนสนิทที่มีต่อหญิงสาวตรงหน้า นิติกรทำได้เพียงอยู่ห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ หากทุกครั้งที่มีโอกาสแวะเวียนไปหาธราดลที่ไร่ ก็มักจะชะเง้อแลชะแงคอยหาสาวน้อยหน้าใสเป็นประจำ แอบมองตั้งแต่เป็นสาวแรกรุ่นจนเป็นสาวสวยเต็มตัวในวันนี้ เต็มตัวไม่เต็มตัวก็เห็นจะเป็นหลักฐานตรงหน้าที่ถูกน้ำสาดเข้าไปเต็ม ๆ ภายใต้เสื้อยืดสีอ่อน จนหญิงสาวต้องยกกระเป๋าเป้ใบใหญ่มาบดบังความงามนั้นเอาไว้ "มนไปทำธุระมาค่ะ แต่พอดีติดวันหยุดยาวรถเต็ม...มนเลยต้องรอให้ถึงวันที่คนเดินทางไม่ค่อยเยอะถึงมีรถกลับมา" "เอกสารเปียกหมดเลยนะครับนั่น ไปเป่าบนรถก่อนไหม? โดนแอร์เย็น ๆ น่าจะแห้งไว" ดูเธอเป็นห่วงเอกสารนั่นจนแอบเห็นน้ำตาคลอ หัวใจชายหนุ่มอกสามศอกแท้ ๆ ยังรู้สึกอดสงสารไม่ได้ ตาย ๆ เลยอาการแบบนี้ สารวัตรหนุ่มต้องแอบสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ด้วยกลัวประชาชนตรงหน้าจะแอบจับพิรุธความรู้สึกได้ในที่สุด ดวงตากลมโตสบตาคนตรงหน้าเล้กน้อย ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากกลับไปกับเขา...แต่เพราะกลัวว่าเขาจะเดือดร้อนเพราะเธอต่างหากล่ะ "ผมไม่กลัวไอ้ดลมันหรอกครับ มันคนละส่วนกัน...ถ้าคุณมนจะรอรถประจำทางท่าจะยาก ยิ่งเทศกาลแบบนี้ผมเกรงว่าเขาอาจไม่วิ่ง" "งั้นมนรบกวนสารวัตรด้วยนะคะ แค่ส่งตรงปากทางเข้าไร่ก็พอ" "ยินดีครับ" นิติกรเผลอยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีอกดีใจจนเกิดเหตุ ก่อนจะรีบเดินไปเปิดประตูรถฝั่งข้าง ๆ คนขับให้กับผู้โดยสารที่อยากมีเธอร่วมเดินทางไปด้วยทั้งชีวิต วิมลลักษณ์เอ่ยปากขอบคุณก่อนจะเข้าไปนั่งยังเบาะข้าง ๆ คนขับ มือบางเอื้อมรัดเข็มขัดนิรภัยด้วยความเรียบร้อย สารวัตรหนุ่มมัวแต่กระหยิ่มยิ้มย่องที่วันนี้ได้เข้าใกล้นางในฝันในรอบปี ก่อนจะถูกน้ำสาดมาจากรถกระบะที่ขับผ่านไปเมื่อครู่ ซ่า!!! "หล่อจังเลยค่ะคุณตำรวจ" เสียงหญิงสาววัยรุ่นหลังรถกระบะโบกมือให้นายตำรวจหนุ่มที่ดูภูมิฐานที่สุดในย่านนี้ เป็นเหตุให้ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ต้องรีบวิ่งไปยังฝั่งคนขับ ก่อนที่จะถูกประแป้งจนอาจมองไม่เห็นทาง วิมลลักษณ์ที่เห็นแบบนั้นจึงอดยิ้มให้กับภาพตรงหน้าไม่ได้ ก่อนที่สารถีจะใจฟูมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัวที่มีโอกาสได้เห็นรอยยิ้มหวานจากหญิงสาวข้างกายส่งยิ้มมาให้ แม้จะเป็นเพียงแว่บเดียวก็เถอะ แต่นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้เขามีกำลังใจในการทำงานไปได้อีกมากโขเลยทีเดียวร่างหนาที่พอได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินเข้ามาแกล้งทำเป็นหลับ ใบหน้าคมฟุบลงบนโต๊ะราวกับคนไม่ได้สติให้สมกับที่ซักซ้อมเพื่อขอความเห็นใจเมียก่อนหน้านี้"คุณดล!"คนถูกเรียกใบหน้าซีดเผือดอย่างเห็นได้ชัด ศีรษะก้มต่ำเหมือนคนหมดแรง มือข้างหนึ่งแนบอยู่ตรงข้างลำตัวราวกับไม่รู้สึกตัว จนคนตัวเล็กต้องเขย่าร่างหนาไม่ยอมให้เขาหลับ"คุณดลคะ! คุณอย่าหลับนะ ตื่นมาคุยกับมนก่อน...คุณดล!" เสียงเรียกด้วยความเป็นห่วงจนร่างบางถลาเข้าไปหาพร้อมกับเขย่าคนแกล้งหลับจนหัวสั่นหัวคลอน ทิ้งความโกรธทั้งหมดทั้งมวลก่อนหน้านี้ไว้ข้างหลังจนหมดสิ้น หัวใจแทบหลุดออกจากอกเมื่อเห็นร่างสูงไม่ตอบสนองใด ๆ"คุณดล! ตื่นสิ!" มือเล็ก ๆ สั่นเทา เขย่าไหล่เขาแรง ๆ น้ำเสียงสั่นเครือเต็มไปด้วยความหวาดกลัว "มน..." น้ำเสียงแหบพร่านั้นเอ่ยตอบกลับมาราวกับกำลังฝืนความง่วงงุนเต็มทน"ตื่นมาคุยกับมนก่อน มนจะพาคุณไปโรง'บาล แข็งใจไว้ก่อนนะคะ" เพียงเสี้ยววินาที ที่คนตัวโตพยายามเงยหน้าขึ้นมาช้า ๆ ดวงตาคมทอดมองร่างบางในชุดสวยหวาน มือหนาเอื้อมกอดคนตรงหน้าอย่างต้องการคำปลอบประโลมก่อนตาย ควรเป็นเช่นนั้นสินะ...ตามบทบาทของคนที่กำลังจะตายเพราะพิษงู"ขอฉัน
เป็นเวลาเกือบสัปดาห์ที่วิมลลักษณ์ยอมกลับมากับเขาแต่ไม่ยอมให้คนตัวโตเข้าใกล้แม่แต่น้อย ธราดลยอมแม้กระทั่งไปนอนที่บ้านพักท้ายไร่ที่เคยให้คนตัวเล็กไปอาศัยอยู่ ทั้งที่เธอไม่ได้ขอ เขาแค่อยากชดเชยกับสิ่งที่เคยทำร้ายเธอ ส่วนคนตัวเล็ก...เขาให้สิทธิ์เธอในการอยู่เรือนใหญ่ได้เต็มที่ ทว่าวิมลลักษณ์ก็ขอปฏิเสธ เธอขออยู่ที่เรือนพักรับรองท้ายไร่สะดวกใจกว่า ธราดลยอมรับปากอย่างว่าง่าย เธอสั่งอะไรเขาก็ยินดีทำให้ได้ทั้งนั้น เรียกได้ว่าชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ หรืออยากชี้ดาวชี้เดือนที่อยู่บนท้องฟ้า หากเขาปีนขึ้นไปสอยลงมาให้เธอได้...เขาก็จะทำแม้กระทั่งหน้าที่ในการเก็บกวาดคอกม้าหรืออาบน้ำม้าที่เคยเป็นของวิมลลักษณ์ทั้งหมด เขายินดีรับทำหน้าที่นั้นแทนเธอ ร่างสูงเต็มไปด้วยเหงื่อจากการทำงานหนัก ดยเฉพาะยามที่เจ้าสีนิลสะบัดขนใส่เขาจนเปียกม่อล่อกม่อแล่กไปครึ่งตัว "สีนิล!...ทำไมแกทำกับฉันแบบนี้" บ่นออกไปพร้อมกับชี้หน้าคาดโทษเจ้าม้าสีดำตัวแสบที่ยืนยิงฟันใส่เจ้านายของมันราวกับเห็นเป็นเรื่องตลกขบขัน ฟิ้ว!!!!เสียงปลิวพร้อมกับสิ่งของบางอย่างลอยละล่องตกลงมาที่ศีรษะของเจ้าของไร่หนุ่มอย่างพอดิบพอดี ก่อนจะพบว่ามัน
"คุณดลปล่อยมน!""ปล่อยแน่มน...แต่เราต้องคุยกันก่อน เปิดประตูเข้าไป...ไปคุยกันข้างใน" ข้างในที่ว่าหมายถึงห้องพักของเธอ วิมลลักษณ์นึกแปลกใจที่เขารู้ได้อย่างไรว่าเธอพักที่นี่...ไม่พอคือรู้ด้วยว่าเป็นห้องพักห้องนี้ ทั้งที่เขาเป็นคนเดินนำเธอกึ่งลากกึ่งจูงให้ตามเขามา แต่ก็อย่างว่า...คนอย่างเขามีหรือที่อยากรู้อะไรแล้วจะไม่ได้คำตอบ คนที่บ้าอำนาจตลอดเวลาเช่นเขา...ย่อมทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว"คุยกันข้างนอกก็ได้ค่ะ มนอึดอัด" ตอบออกไปโดยไม่ยอมมองหน้า...คนตัวสูงก็เหลือเกิน...ยืนกักเธอไว้ด้วยวงแขนกว้างทั้งสองข้าง ในขณะที่ร่างบอบบางยืนหันหน้าเข้าหาประตูห้องพัก"ถ้าไม่อายที่จะคุยกันท่านี้ก็แล้วแต่นะ ฉันได้ทั้งนั้น""คุณดล!...เลิกบังคับมนสักที""แล้วเธอหนีฉันมาทำไมล่ะมน ฉันจะเป็นบ้าตายเพราะเธออยู่แล้ว!"เสียงร้องโวยวายเริ่มดังขึ้น จนแขกที่เข้าพักเริ่มเปิดประตูออกมาดูเพื่อหาที่มาของเสียง...ท้ายที่สุดวิมลลักษณ์จึงจำใจยอมเปิดประตูห้องพัก ตั้งใจจะรีบปิดทันทีที่เข้าไปได้ หากมีหรือที่จะทันแรงวัวแรงควายของคนตัวโตหน้าหนาที่ยืนประกบเธอตลอดเวลาอย่างคนเอาแต่ใจ "คุณดล!""จ๋าจ้ะ...คิดถึงมนที่สุดในโลกเลย" ไม่พู
แสงนวลอ่อน ๆ ของพระจันทร์ในยามค่ำคืนลอดสว่างผ่านม่านหน้าต่าง ทาบเป็นลวดลายบนพื้นห้องว่างเปล่า วิมลลักษณ์ยืนเหม่อมองไปยังผืนทะเลเบื้องหน้าที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตาในเวลานี้ลมทะเลพัดโชยบางเบา ร่างบอบบางในชุดเดรสสีขาวเดินเท้าเปล่าไปตามแนวทรายที่เย็นเฉียบ ดวงตาคู่สวยทอดมองออกไปยังผืนน้ำกว้างใหญ่ที่กำลังส่องประกายระยิบระยับเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเพราะเหตุใดจึงพาตัวเองมาที่นี่ รู้แค่ว่า...หัวใจเหนื่อยล้าเกินกว่าจะเผชิญหน้ากับเขาอีก บางครั้งเธอเองก็อยากให้เขามั่นใจ...ว่าเขารักเธอด้วยหัวใจจริง ๆ ไม่ใช่เพียงเพราะความใกล้ชิดผูกพันในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา หรืออาจเป็นเพราะการตอบสนองทางร่างกายของเธอและเขาที่เข้ากันได้ดี วิมลลักษณ์อาศัยจังหวะที่เขากลับไปในเช้ามืดวันนั้น...ก่อนที่ช่วงสาย ๆ คุณหมอจะให้เซ็นอนุญาตให้เธอออกจากโรงพยาบาล ร่างบางพร่ำบอกกับผู้เป็นแม่ให้ปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ...เธอใช้ชีวิตอยู่กับท่านในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา และพบว่าแม่ของเธอมีคนที่จะสามารถดูแลท่านได้เป็นอย่างดีชายคนนั้นมีวัยใกล้เคียงกับท่านชื่อว่า 'แดเนียล' ความรักของคนทั้งสองแม้ไม่หวือหวาเหมือนความรักหนุ่มสาวแต่วิมลลักษณ
เสียงฝีเท้าเร่งรีบดังขึ้นทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออกไปยังชั้นที่ชายหนุ่มร่างสูงตั้งใจมาหายอดดวงใจของเขาในเวลานี้ เดินเร็วเสียจนใครบางคนที่ตามมาด้วยถึงกับเดินตามไม่ทัน ธราดลผลักประตูเข้ามาในห้องผู้ป่วยอย่างไม่ทันได้เคาะ ดวงตาคมไหวระริกด้วยความกังวล ใบหน้าเขาซีดเผือดอย่างเห็นได้ชัด"น้ารัตน์...""คุณดล..."ธราดลยกมือไหว้คนตรงหน้า ในขณะที่วิมลรัตน์เองก็รีบยกมือไหว้คนตรงหน้าด้วยเช่นกัน นัยน์ตาคมกริบสีนิลจับจ้องไปยังร่างบางที่กำลังหลับตาพริ้มบนเตียงสีขาว เธอนอนนิ่ง ๆ อยู่เช่นนั้น มีเพียงเสียงจังหวะของลมหายใจที่ดังสม่ำเสมอ ริมฝีปากซีดน้อย ๆ ทำให้หัวใจเขาบีบรัดแน่นเข้าไปอีก หากสักพักนายตำรวจหนุ่มจึงตามเข้ามาสมทบ"ผมมีเรื่องอยากคุยกับน้ารัตน์""ได้สิคะ...น้าเองก็อยากคุยกับคุณดลเหมือนกัน"ชายหนุ่มร่างสูงที่กระวนกระวายใจแทบทุกวินาทีรู้สึกใจชื้นขึ้นเมื่อรู้ว่าคนที่เขาเป็นห่วงพ้นขีดอันตราย หากสิ่งที่เขาต้องการจะพุดกับแม่ของเธอ...เป็นเรื่องที่เขาตั้งใจจะทำมานานแล้ว ธราดลเดินนำหน้าหญิงวัยกลางคนออกไปพูดคุยธุระกันด้านนอก ในห้องนั้นจึงเหลือเพียงเยาวภา ประทับจิต และสารวัตรหนุ่มที่เดินมานั่งตรงเก้าอี้ม
แกร๊ก!!!เสียงเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับบุคคลที่ยืนอยู่ในนั้นดวงตาเบิกกว้างด้วยความดีใจ แทบไม่เชื่อสายตาเมื่อเห็นหญิงว่าวัยกลางคนในชุดเสื้อคลุมเรียบ ๆ เดินเข้ามา...คือ 'วิมลรัตน์'"รัตน์...รัตน์จริง ๆ ด้วย""ป้ารัตน์!""แม่..."เสียงแผ่วเบาที่แทบจะไม่ได้ยินหลุดออกจากริมฝีปากซีด ๆ ของเธอวิมลรัตน์ยิ้มทั้งน้ำตา ก่อนจะรีบสาวเท้าเข้ามานั่งข้างเตียง จับมือบุตรสาวพร้อมกับดอบกอดร่างบางไว้แน่นเสมือนไม่อยากให้คนตรงหน้าต้องเจ็บปวดทรมานแม้สักนิดเดียววิมลลักษณ์กอดตอบด้วยความคิดถึง เพ่งมองใบหน้าที่คุ้นเคย ใบหน้าที่เธอคิดถึงทุกค่ำคืนความอบอุ่นจากมือที่สั่นเล็กน้อยของแม่ทำให้น้ำตาของเธอไหลออกมาเงียบ ๆ น้ำตาแห่งความดีใจที่ได้เห็นหน้าผู้ให้กำเนิดกำลังกลบน้ำตาแห่งความเสียใจเมื่อครู่ไปโดยสิ้นเชิงแม่ของเธอเองก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ท่านค่อย ๆ ยกมืออีกข้างลูบศีรษะลูกสาวอย่างแผ่วเบา แล้วเอ่ยออกมาเสียงสั่นด้วยความคิดถึง"แม่ขอโทษ...ที่ปล่อยให้ลูกต้องอยู่ลำพังมาโดยตลอด..."วิมลลักษณ์ร้องไห้สะอึกสะอื้น ซุกหน้ากับฝ่ามือแม่อย่างเด็กน้อยที่เฝ้ารออ้อมกอดอันแสนอบอุ่นมานานแสนนาน"แม่...แม่จ๋า ขอมนไปอยู่กับแม่ด้วยนะ"