"เสื้อผ้าผู้หญิงของนายเหรอน่ะ"
ผู้เป็นแม่เอ่ยถามลูกสาววัยสิบสี่ที่นั่งซักเสื้อผ้าในกะละมังใบเล็กอย่างทะมัดทะแมง "ผู้หญิงที่ไหนล่ะแม่? ของพี่มนเขา" "ของมน?" เอ่ยถามออกไปเหมือนไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยินจากปากลูกสาว "ก็นายอุ้มพี่มนมาจากคอกม้า เห็นว่าใช้งานจนเป็นลม...กลัวเป็นขี้ปากคนอื่น" "แล้วเอามาไว้ที่บ้าน? แม่ว่าชักจะแปลก ๆ" "ใช่ไหมแม่? แต่นายคงไม่อยากดูแลเองนั่นล่ะ เลยต้องเอาพี่มนมาด้วย" เด็กสาวเงียบไปอีกอึดใจ...ก่อนจะหันมาสบตาแม่คล้ายจะมีความคิดไปในทิศทางเดียวกัน "ที่แปลกกว่านั้นคืออะไรรู้ไหมแม่?" "แล้วแกจะพูดให้แม่อยากรู้ทำไมเนี่ย...จะเล่าก็เล่ามา แต่อย่าเสียงดังไป หน้าต่างมีหู ประตูมีช่อง" ผู้เป็นแม่ตั้งใจรอฟังประโยคสำคัญจากปากลูกสาว "นายพาพี่มนไปนอนที่ห้อง...ห้องที่ว่าก็คือห้องนอนของนายเอง" "อกอีแป้นจะแตก!" "อุทานได้เชยมากแม่...แค่ขึ้นไปนอนบนเตียง นายไม่ได้ทำอะไรพี่มน...นี่ก็ออกไปรีสอร์ต เดี๋ยวสักพักพี่มนตื่นก็คงกลับไปเองนั่นล่ะ" "รู้แล้วก็เหยียบไว้เลย ไม่ต้องเล่าไปเล่ามา...เข้าใจที่แม่พูดไหม?" น้ำเสียงที่เอ่ยออกไปสั่งกำชับอย่างหนักแน่น ด้วยความที่ทำงานที่นี่มานานโดยเฉพาะช่วงหลัง ๆ ที่สองแม่ลูกทั้งมาทำความสะอาดและทำกับข้าวมื้อเย็นให้ผู้เป็นเจ้านาย ซึ่งส่วนใหญ่ธราดลจะไม่โปรดอาหารเช้า เนื่องจากดื่มเพียงกาแฟดำแก้วเดียวก็อยู่ท้อง ส่วนตอนกลางวันถ้าไม่ไปรับประทานอาหารพร้อมกับคนงานในไร่ที่โรงอาหารส่วนกลาง...ก็จะไปรับประทานอาหารที่รีสอร์ตนับเป็นการดูงานไปในตัว แต่ที่ทำให้เธอแปลกใจจนต้องหวนกลับมาคิดซ้ำไปซ้ำมาก็คือ...นายของเธอไม่เคยพาผู้หญิงที่ไหนขึ้นห้องนอนตัวเอง หากจะอาศัยบริการเพื่อบำบัดความต้องการในเรื่องอย่างว่า นายของเธอก็จะไปที่รีสอร์ตเป็นส่วนใหญ่ แม้กระทั่งคนรักล่าสุดอย่างคุณศศิธรที่นายเศร้าโศกเสียใจมาแรมปี...ยังให้พักห้องแยกต่างหาก เธอเองก็ชักได้กลิ่นทะแม่ง ๆ ไม่ต่างกับบุตรสาวที่อยู่ในวัยอยากรู้อยากเห็นนั่นล่ะ เปรี้ยง!!! เสียงฟ้าร้องดังขึ้นคาดว่าพายุฤดูร้อนจะเข้าตามพยากรณ์อากาศที่แจ้งไว้ จนสองแม่ลูกถึงกับผงะด้วยความตกใจ สาวน้อยวัยสิบสี่ที่ตากผ้าในที่ร่มเสร็จเรียบร้อยถึงกับรีบวิ่งไปเก็บกะละมังคว่ำไว้ที่เดิม ส่วนผู้เป็นแม่ก็รีบปิดเตาในครัวให้เรียบร้อย "แม่หนูลืมเก็บผ้า" "งั้นก็ไปกันก่อน...ค่อยวนกลับมาดูมนใหม่" ประทับจิตพยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับความคิดของผู้เป็นแม่ ขืนชักช้ากว่านี้ได้ซักผ้าใหม่อีกรอบแหง ๆ สาวน้อยรีบเดินออกไปล็อกประตูหน้าเรือนใหญ่ของเจ้านายให้เรียบร้อย ก่อนจะวนกลับมาทางหลังบ้าน กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ที่ผู้เป็นแม่สตารต์ไว้รอก่อนหน้านั้นอยู่ก่อนแล้ว "บิดสุดแรงเกิดไปเลยแม่!...หนูกลัวเราจะเปียกก่อนถึงบ้านซะก่อน" "งั้นก็เกาะเอวแน่น ๆ พร้อมหรือยังนังหนู? จะไปแล้วนะ!" บรื้น!!! บรื้น!!! สิ้นเสียงบิดรถของผู้เป็นแม่ สาวน้อยวัยสิบสี่ก็ดูเหมือนจะหัวเราะชอบอกชอบใจเป็นพิเศษกับการซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ที่ออกตัวแรงด้วยความเร็วสูง ปกติแม่ของเธอจะไม่ขับรถเร็ว...แต่ด้วยสถานการณ์บังคับให้ต้องแข่งกับเวลาจึงจำเป็นต้องทำเช่นนั้น ประทับจิตอดคิดถึงพี่สาวที่นอนป่วยอยู่ที่เรือนใหญ่คนเดียวไม่ได้... 'รอหน่อยนะพี่มน เดี๋ยวองุ่นจะรีบกลับมา' โดยหารู้ไม่ว่า...คนที่จะต้องนอนแบ็บเป็นรายต่อไปก็คือเธอกับแม่นั่นเอง ธราดลกลับมาถึงบ้านก่อนฝนจะตก แต่ยิ่งควบม้าให้เร็วเท่าไหร่...ก็ดูเหมือนว่าจะยังไม่ทัน เพราะทั้งเนื้อทั้งตัวของเขาตอนนี้ชุมฉ่ำไปด้วยเม็ดฝน ชายหนุ่มปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีเข้มออกจากตัวก่อนจะโยนไปที่ตะกร้าในส่วนของโซนซักล้าง หางตาเหลือบไปเห็นชุดชั้นในของผู้หญิงที่ตากไว้แล้วก่อนหน้านี้ แต่พอมองย้อนไปเห็นเสื้อยืดสีอ่อนคุ้นตากับกางเกงยีนสีซีดก็พอนึกออกว่าใครเป็นเจ้าของชุดนั้น แอบนึกเคืองอยู่หน่อย ๆ ที่กล้าดียังไงเอาชุดของตัวเองมาตากไว้ที่บ้านของเขา...ป่านนี้คงจะกลับไปที่ท้ายไร่แล้วล่ะมั้ง คิดมาได้ถึงตรงนั้นก็อดมีความรู้สึกสงสารขึ้นมาไม่ได้ บ้านหลังเก่าซอมซ่อที่แค่ฝนหยดเล็ก ๆ ยังซึมไปทั่วทั้งบ้าน แล้วนี่พายุฤดูร้อนโหมกระหน่ำขนาดนี้...เธอจะใช้ชีวิตยังไงกัน? หากความคิดด้านดำมืดกลับบอกตัวเองว่า...นั่นคือสิ่งที่ลูกสาวนักโทษอย่างเธอสมควรได้รับแล้ว กายแกร่งค่อย ๆ ถอดกางเกงยีนสีเข้มสะบัดออกจากกายตามเสื้อไปอีกตัว ทั้งกายของเขาตอนนี้จึงล่อนจ้อน เพราะแม้แต่กางเกงชั้นในที่เปียกจนฉ่ำไปทั้งพวง...ก็เห็นทีว่าจะใส่ต่อไม่ได้ มือหนาคว้าผ้าขนหนูที่ตากอยู่เพียงผืนเดียวมาพันเอวสอบไว้แน่นเพื่อไม่ให้อุจาดตาเจ้าบ้านเจ้าเรือนจนเกินไป ทั้งมัดกล้ามหน้าอกหน้าท้องที่เต็มไปด้วยลอนซิกแพ็กอย่างคนที่มักออกกำลังกายเป็นประจำ เนื่องจากธราดลมีฟิตเนสส่วนตัวที่บ้าน...ไหนจะงานที่ฟาร์มวึ่งต้องใช้แรงกายเป็นหลัก จึงทำให้ร่างกายของเขาค่อนข้างหนาขึ้นจากเมื่อสี่ปีที่แล้ว ไฟในห้องรับแขกดับลงเหลือเพียงแสงสลัวจากโคมไฟตรงหัวบันไดที่ยังเปิดค้างไว้ บรรยากาศเงียบเชียบจนน่าประหลาดใจ อันที่จริงเขาควรจะชินกับความรู้สึกนี้ด้วยซ้ำ...สี่ปีที่ผ่านมาล้วนตอกย้ำได้เป็นอย่างดีว่าเขาสามารถเผชิญกับมันได้... แม้จะเงียบเหงาหรือเจ็บปวดเจียนตายยามมองไปที่ภาพของแม่บนกรอบไม้สีทองนั่น เขาเพียงแค่รอเวลา...ตามเบาะแสที่เพื่อนของเขาเพิ่งแจ้งให้ทราบก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน ธราดลหยุดอยู่หน้าประตูครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อย ๆ เปิดมันออกอย่างเบาที่สุด ไม่รู้เขาแอบหวังไปเองหรือเปล่า?... หวังว่าใครบางคนที่เขานึกเกลียดแสนเกลียดจะยังอยู่ที่เดิม...บนเตียงของเขา ห้องทั้งห้องมืดมิด...หากยังพอมีแสงจากฟ้าที่แลบเป็นระยะ ๆ พอให้เห็นร่างเล็กที่ยังนอนขดตัวอยู่บนเตียง "เธอนี่มัน...อู้งานชะมัด!" คนถูกบ่นยังคงหลับสนิท...มีเพียงเสียงลมหายใจแผ่วเบาสม่ำเสมอ ร่างหนายืนพิงกรอบประตู มองใครบางคนอยู่นานโดยไม่พูดอะไรเลย ก่อนที่ร่างบางจะพลิกตัวไปอีกฝั่ง...โดยไม่รู้เลยว่าผ้าห่มหนาร่นลงไปอยู่ที่ปลายเท้าแทบทั้งหมด นัยน์ตาคมถึงกับเบิกกว้างด้วยความตกใจ...ทันทีที่เห็นแก้มก้นงามงอนได้รูปโผล่พ้นออกมาจากชายเสื้อเชิ้ตตัวโปรดของเขา "นี่คงเป็นแผนการของเธอที่ตั้งใจยั่วฉันสินะ" พูดออกไปราวกับโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ... ทว่าบางอย่างภายใต้ผ้าขนหนูกลับแข็งขันขึ้นมาอย่างควบคุมไม่อยู่ แม้กระทั่งเจ้าตัวเองยังรับรู้ได้ถึงความทรมานจากอาการปวดหนึบที่ว่า...ร้อนรนจนต้องนึกหาทางปลดปล่อย ก่อนที่คนต้นเหตุจะตื่นมาเห็นก่อนนั่นล่ะ "ร้อน...หิว..." เสียงเล็ก ๆ บ่นพึมพำเบา ๆ ทว่าเขาได้ยินทุกถ้อยคำที่เธอเอื้อนเอ่ยทั้งหมด จะขยับเข้าไปใกล้กว่านี้ก็ไม่ใช่เรื่อง...เดี๋ยวจะเข้าแผนยัยตัวร้ายนั่นเสียก่อน เปลือกตาบาง ๆๆค่อนข้างหนักอึ้งยามที่เธอค่อย ๆ พยายามลืมตาตื่นขึ้นมา พอรับรู้ได้ว่าร่างกายของตัวเองอ่อนเพลียจากการเดินทางประกอบกับการทำงานหนัก จ๊อก!!! เสียงท้องร้องขึ้นมาด้วยความหิวโหย แน่สิ...วันนี้ทั้งวันข้าวสักคำก็ยังไม่ตกถึงท้อง เพราะคน ๆ เดียวเลยแท้ ๆ ดีหน่อยแค่ได้นอนเต็มตื่น วิมลลักษณ์ค่อย ๆ ปรับสายตาท่ามกลางความมืด อากาศภายในห้องนี้เย็นฉ่ำ แต่เหมือนตัวเธอจะเริ่มร้อนนิด ๆ ฟูกที่นอนหนา ๆ นิ่ม ๆ แบบนี้ เห็นทีว่าจะไม่ใช่ฟูกนอนประจำของเธอแน่ ๆ "ที่นี่คือที่ไหนกัน?" ริมฝีปากอวบอิ่มบ่นพึมพำออกไปด้วยความฉงน ก่อนจะยกมือจับตามเนื้อตัวของตัวเองแล้วพบว่า...นี่มันไม่ใช่ชุดของเธอ ร่างกายของเธอมีเพียงเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่เพียงตัวเดียวไว้ห่อหุ้มร่างกายเท่านั้น มือบางล้วงเข้าไปด้านใน...มันไม่เหลืออะไรเลย ทั้งชุดชั้นในด้านบนและด้านล่าง ร่างบางสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ ก่อนจะดีดตัวเองลุกขึ้นมาจากเตียงนอนกว้าง...ฟูกนอนหนานุ่มที่เธอเองก็ไม่รู้ว่ามาหลับอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? แต่เป็นเพราะความไม่ระวังตัวอีกนั่นล่ะ ที่ทำให้ตัวเธอเองถึงกับหน้สมืดจนจะหล่นไปกองอยู่กับพื้น...หากไม่มีมือหนาของใครบางคนมาคว้าเอาไว้เสียก่อน "กรี๊ด!!!!!!"เสียงน้ำไหลกระทบจานชามดังเป็นจังหวะเบา ๆ เธอพยายามระมัดระวังมากที่สุดเพื่อไม่ให้น้ำกระเซ็นมาใส่เสื้อเชิ้ตราคาแพงของเขา ในขณะที่คนตัวโตที่กำลังนั่งเอนตัวพิงพนักเหมือนไม่มีอะไรอยู่ในสายตานอกจากภาพยนตร์บนหน้าจอแอลอีดีที่กำลังฉายอยู่ แต่ในความเป็นจริง นัยน์ตาสีนิลกำลังเลื่อนไปทางห้องครัวบ่อยครั้งมากกว่าที่จะมองหน้าจอเสียอีก ดวงตาคมคู่นั้นแอบชำเลืองไปทางเธอเป็นระยะ ๆ ทุกครั้งที่เธอเอื้อมมือไปหยิบจานที่เพิ่งล้าง หรือสะบัดน้ำออกจากมือ เขาก็อดไม่ได้ที่จะเผลอมองอากัปกิริยาของคนร่างบางโดยไม่ให้เธอรู้ตัว ก่อนที่จานใบสุดท้ายจะถูกล้างจนเสร็จสิ้น มือบางคู่นั้นเช็ดมือจนแห้งก่อนจะหันตัวกลับมาทางเขา ธราดลนั่งหลังตรงก่อนจะเบนสายตาไปทางหน้าจอแอลอีดีขนาดใหญ่ พร้อมกับเร่งเสียงภาพยนตร์ที่กำลังฉายอยู่เบื้องหน้าให้ดังขึ้น วิมลลักษณ์ไม่แน่ใจมากนักว่าชุดปฐมพยาบาลยังเก็บไว้อยู่ที่เดิมหรือเปล่า ก่อนที่ดวงตากลมโตจะเหลือบไปเห็นว่ามันวางอยู่สูงกว่าที่ควร มือบางเอื้อมไปหยิบกล่องยาที่อยู่ด้านบนจนปลายเท้าเขย่ง "อ๊ะ...อีกนิดเดียว" ใบหน้าเล็กขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะใช้แขนเรียวยืดขึ้นจนสุดความสามารถ อีกเพียง
วิมลลักษณ์ไม่ได้ปรายตามองเขา หญิงสาวยังคงก้มหน้าหลุบตาลงต่ำอย่างทุกครั้งที่มักจะทำเป็นประจำยามที่ต้องเผชิญหน้ากับเจ้านายที่แสนใจร้าย เพียงแค่วันนี้เธอออกจะบ้าดีเดือดกับเขาไปสักหน่อย อดรู้สึกผิดไม่ได้กับสิ่งที่ตัวเองทำกับเขาก่อนหน้านี้ เธอตั้งใจจะหันหลังกลับไปเงียบ ๆ ทว่า"จะไปไหน?"คนตัวโตที่สวมใส่เพียงกางเกงผ้าฝ้ายขายาวเปลือยเปล่าท่อนบนทำเป็นถามเสียงเข้มออกไป มองคนตัวเล็กที่กำลังเดินก้มหน้าก้มตาไปทางครัวอย่างไม่มีทีท่าว่าจะเงยหน้ามองเขาสักนิด "จะไปเก็บถาดค่ะ"ยืนหันหลังตอบ...เธอรู้ว่าตัวเองไม่ควรทำกิริยาแบบนี้กับเขา แต่จะให้ทำยังไงได้ ตอนนี้เธอทั้งหิว ทั้งอาย ทั้งรู้สึกแย่กับตัวเองจนไม่อาจทนมองเขาต่อไปได้ไหว"นั่งกินข้าวกับฉันก่อน""ไม่เป็นไรค่ะ"จ๊อก!!!!บางทีเธอก็นึกเกลียดเสียงท้องตัวเองที่ปล่อยคิวผิดให้เจ้าตัวได้อายซ้ำแล้วซ้ำเล่า หิวน่ะมันก็หิวอยู่หรอก...แต่ศักดิ์ศรีมันค้ำคอมากกว่าน่ะสิ หรือบางทีศักดิ์ศรีอาจประทังชีวิตต่อไปไม่ได้...กองทัพยังต้องเดินด้วยท้องสินะ"จะเย่อหยิ่งให้ได้อะไรขึ้นมา ไม่ได้เต็มใจจะชวนหรอกนะ แค่ไม่อยากเป็นขี้ปากคนอื่นว่าใช้งานลูกน้องเยี่ยงทาส กักขังหน
ร่างหนาในความสูงเกือบหนึ่งร้อยเก้าสิบแซนติเมตรเปลือยกายแกร่งล่อนจ้อนเดินอาด ๆ เข้าไปในห้องน้ำ สิ่งแรกที่ทำคือเปิดฝักบัวให้แรงที่สุด ก่อนที่ร่างสูงจะยืนอยู่ใต้ฝักบัวเต็มความสูงเพื่อดับความร้อนรุ่มภายในกายของตนเอง ร้อนไปทั้งกาย...แต่แข็งอยู่แค่บางส่วน บางส่วนที่ว่าก็ดูเหมือนว่าจะไม่ยอมสงบโดยง่าย มันตั้งโด่ครั้งแล้วครั้งเล่าจนต้องมายืนเมื่อยมือเพื่อรูดเข้ารูดออกมันอยู่อย่างนี้"อะ...อ่า...หลายรอบแล้วนะ!...อ๊า"เสียงบ่นพึมพำในขณะที่ภายในหัวกำลังคิดถึงเรือนร่างนุ่มนิ่มขาวผ่องที่เพิ่งสัมผัสด้วยสองมือหนา ก่อนหน้านี้หลายปีเขาเองก็ต้องยื่นเมื่อยมือเพราะดันเผลอไปเห็นของดีบางอย่างเข้า ภาพนั้นยังติดตา...ตรึงใจ แต่ก็รู้ดีว่าไม่สามารถเปิดเผยทุกอย่างออกไปได้ในตอนนั้น...ยิ่งเรื่องราวกลับตาลปัตรเป็นไปในทางลบเช่นนี้ ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่านกับตัวเองอยากจะโกรธให้มากกว่านี้อยากจะเกลียดให้มากกว่านี้อยากจะร้ายให้มากกว่านี้เป็นร้อยเท่าพันเท่ากับสิ่งที่แม่เธอทำแต่พอเห็นแววตาคู่นั้นที่มองมา เขากลับนึกโกรธนึกเกลียดตัวเองทุกครั้งที่ทำร้ายเธอ...ธราดลรู้ดีว่าไม่สามารถถอยหลังกลับไปยืนในความรู้สึกเดิม ๆ
"กรี๊ด!!!!!!"เสียงกรีดร้องดังขึ้นด้วยความตกใจไม่พอ ทันทีที่เห็นนัยน์ตาคมกริบจ้องกลับมายังเธออย่างคาดโทษ นัยน์ตาอำมหิตที่มองมาจากนอกโลกยังรุ้ว่าเป็นเขา...คนที่เกลียดเธอและแม่จนเข้ากระดูกดำ!"เธอจะร้องแหกปากให้ได้อะไรขึ้นมา! หรือว่าจงใจให้คนอื่นเข้ามาเห็นว่าเธอกับฉันอยู่ด้วยกัน เพื่อจะจับฉันอย่างนั้นเหรอ? แผนโง่ ๆ" เอ่ยออกไปอย่างกระทบกระทั่ง ก่อนจะปล่อยร่างบางให้เป็นอิสระในทันทีราวกับตัวเองจับไปโดนของร้อน...ทั้งที่เจ้าตัวเขาก็ไม่ได้ขอร้องให้ช่วย"ฉันไม่เคยคิดทำอะไรสิ้นคิดแบบนั้น!...และฉันก็ไม่รู้ว่ามาอยู่ที่บ้านของคุณได้ยังไง?""แล้วแต่จะคิด" ร่างหนากับผ้าขนหนูผืนเดียว ตอบออกไปอย่างไม่ยี่หระ...และไม่แม้แต่จะอธิบายสิ่งใดต่อจากนั้น ปล่อยให้คนตัวเล็กที่นั่งอยู่นพื้นเข้าใจไปอีกอย่างร่างบางนั่งก้มหน้าอยู่อย่างนั้น...น้ำตาร่วงหยดลงพื้นช้า ๆ หญิงสาวกัดฟันแน่น ไม่ยอมให้เสียงสะอื้นเล็ดรอดออกมาให้เขาได้ยิน เขาทำร้ายร่างกายเธอด้วยการใช้งานยังไม่พอ นี่ยังทำร้ายจิตใจด้วยการเหยียบย่ำศักดิ์ศรีจนไม่เหลือชิ้นดี ใจคอเขาจะไม่ให้เธอเหลือความภาคภูมิใจไว้กับตัวเองเลยสินะ...แววตาเคียดแค้นฉายแววออกทางดว
"เสื้อผ้าผู้หญิงของนายเหรอน่ะ" ผู้เป็นแม่เอ่ยถามลูกสาววัยสิบสี่ที่นั่งซักเสื้อผ้าในกะละมังใบเล็กอย่างทะมัดทะแมง "ผู้หญิงที่ไหนล่ะแม่? ของพี่มนเขา" "ของมน?" เอ่ยถามออกไปเหมือนไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยินจากปากลูกสาว "ก็นายอุ้มพี่มนมาจากคอกม้า เห็นว่าใช้งานจนเป็นลม...กลัวเป็นขี้ปากคนอื่น" "แล้วเอามาไว้ที่บ้าน? แม่ว่าชักจะแปลก ๆ" "ใช่ไหมแม่? แต่นายคงไม่อยากดูแลเองนั่นล่ะ เลยต้องเอาพี่มนมาด้วย" เด็กสาวเงียบไปอีกอึดใจ...ก่อนจะหันมาสบตาแม่คล้ายจะมีความคิดไปในทิศทางเดียวกัน "ที่แปลกกว่านั้นคืออะไรรู้ไหมแม่?" "แล้วแกจะพูดให้แม่อยากรู้ทำไมเนี่ย...จะเล่าก็เล่ามา แต่อย่าเสียงดังไป หน้าต่างมีหู ประตูมีช่อง" ผู้เป็นแม่ตั้งใจรอฟังประโยคสำคัญจากปากลูกสาว "นายพาพี่มนไปนอนที่ห้อง...ห้องที่ว่าก็คือห้องนอนของนายเอง" "อกอีแป้นจะแตก!" "อุทานได้เชยมากแม่...แค่ขึ้นไปนอนบนเตียง นายไม่ได้ทำอะไรพี่มน...นี่ก็ออกไปรีสอร์ต เดี๋ยวสักพักพี่มนตื่นก็คงกลับไปเองนั่นล่ะ" "รู้แล้วก็เหยียบไว้เลย ไม่ต้องเล่าไปเล่ามา...เข้าใจที่แม่พูดไหม?" น้ำเสียงที่เอ่ยออกไปสั่งกำชับอย่างหนักแน่น ด้วยความที่ทำงานที่นี่มาน
กลิ่นฟางเปียกกับกลิ่นม้าอบอวลทั่วคอก ร่างบางของคนตัวเล็กที่ก้มหน้าก้มตาถูพื้นดินที่เปื้อนโคลนและมูลม้าด้วยมือเปล่า ๆ เสื้อตัวบางยังเปียกชื้นแนบตัว ผมยาวถูกรวบขึ้นลวก ๆ น้ำหยดลงจากปลายเส้นผมขณะเธอขยับมืออย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยธราดลยืนพิงรั้วไม้ ห่างออกมาไม่กี่ก้าว ดวงตาคมจ้องมองเธอไม่วางตา สีหน้าอ่านอารมณ์ได้ยากนัก แต่ในแววตากลับนิ่งลึกจนแทบสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่ปะทุอยู่เงียบ ๆลูกน้องสองสามคนที่ยืนอยู่ไม่ไกล ทำท่าจะเดินเข้ามาช่วย แต่เจ้านายหนุ่มเพียงยกมือขึ้นช้า ๆ ไม่ต้องพูดอะไร เสียงฝีเท้าก็หยุดกึก“พวกนายออกไปก่อน” เขาออกคำสั่งเสียงเรียบ ไม่ต้องเสียงดัง แต่อำนาจแฝงอยู่ในทุกถ้อยคำที่พูดลูกน้องหันมองหน้ากันเล็กน้อย ก่อนจะรีบก้าวถอยหลังออกจากคอกม้า ทิ้งไว้เพียงความเงียบงัน กับเสียงแปรงขัดไม้ที่คนตัวเล็กยังคงก้มหน้าก้มตาทำต่อไปอย่างมุ่งมั่นเธอรู้ว่าเขายืนอยู่ตรงนั้น เพียงแต่ไม่อยากเงยหน้าขึ้นมองไม่ใช่ไม่กล้า...แค่ไม่อยากเห็นคนทำหน้ายักษ์ถมึงทึงก็เท่านั้น“จะล้างให้สะอาดก็ต้องใช้แรงเพิ่มขึ้นอีก” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นในที่สุด เธอเงยหน้าขึ้นทันที แววตาต่อต้านผสมความเหนื่อยยิ่ง