…เด็กนั่นบอบบางเป็นบ้า
คำจำกัดความที่อิฐมอบให้กับคนที่เพิ่งพบเจอไม่นาน หน้าตาสะสวยขนาดนั้น ผิวก็ขาวราวหยวก แถมตรอกซอยที่อยู่อาศัยก็ไม่ได้ปลอดภัยหรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีนัก แต่กลับไม่เคยผ่านใครมาเสียอย่างนั้น หนำซ้ำยังอ่อนปวกเปียกอีกต่างหาก
อิฐสูบม้วนบุหรี่เข้าปอดลึก ๆ ก่อนจะปล่อยควันและปาลงบนผืนทรายอย่างไม่คิดใส่ใจ ร่างกำยำสวมเสื้อกล้ามสีขาวกางเกงลำลองสบาย ๆ ดวงตาสีดำขลับถอดมองไปยังชายหาดที่เขาเป็นเจ้าของ พลันนึกถึงเรื่องราวในอดีต ใบหน้าของเด็กอวบอ้วนคนหนึ่งไม่ว่าผ่านไปนานแค่ไหนก็ยังคงฝังรากลึกอยู่ในความทรงจำพอ ๆ กับอดีตอันแสนเลวร้ายที่อยากจะลืมมันให้สิ้นซาก
ผ่านไปหลายชั่วโมงพระอาทิตย์ที่เคยทอแสงสว่างเจิดจ้า บัดนี้ได้หม่นลงเพื่อเตรียมเข้าสู่ความมืดมิด ขลุ่ยที่ต้องระหกระเหินมาใช้ชีวิตในบ้านพักที่ตั้งเรียงกันอยู่ แต่ยังคงมีพื้นที่แบ่งแยกกันอย่างชัดเจน
“นี่ที่นอนของมึง ส่วนห้องน้ำอยู่ตรงนู้น” เสือที่นำทางมาส่งถึงที่พัก พลางชี้นิ้วไปยังข้างหลัง
“ขอบคุณครับ” ร่างผอมบางเดินด้วยท่าทีทุลักทุเลเข้ามา ท่าทางเหมือนจะล้มลงได้ทุกเมื่อ
“งั้นมึงวางสัมภาระลง เดี๋ยวกูพาไปทานข้าว ไหวหรือเปล่า”
“...ครับ”
“เห้อ งั้นมึงรอตรงนี้แล้วกัน เดี๋ยวกูเอาข้าวเอายามาให้ ขืนเดินแบบนี้ทั้งชาติคงไม่ได้กินพอดี”
“ขอบคุณครับคุณเสือ”
“ไอ้เหี้ย! เรียกกูว่าพี่ก็พอ คุณอะไรไม่ต้อง ได้ยินแล้วขนลุกฉิบหาย”
“ครับ…พี่เสือ”
“เออ ว่านอนสอนง่ายดีว่ะ มึงรอตรงนี้แหละ” ขลุ่ยยกมือเพื่อทำการขอบคุณคนตรงหน้าอีกครั้ง ในใจคิดว่าอย่างน้อยก็ยังหลงเหลือคนดี ๆ ให้พึ่งพาอยู่บ้าง
ขลุ่ยเดินกะโผลกกะเผลกออกไปตามทางข้างหลังที่เสือบอก ซึ่งเป็นลานกว้าง มีแทงก์น้ำและขันวางเอาไว้ ข้าง ๆ กันมีห้องน้ำแบบไม้ขนาดเล็กอยู่ด้วย คาดว่าคงสำหรับปลดทุกข์หรือทำกิจส่วนตัว
เมื่อกลับเข้ามาข้างในก็ต้องกางมุ้งและฟูกนอนที่มีฝุ่นเขรอะเกาะเกรอะกรังออกไปเล็กน้อย ก่อนจะเปิดกระเป๋าตัวเองขึ้นมา พร้อมข้าวของบางส่วนหยิบติดไม้ติดมือเพื่อไปชำระกายเตรียมเข้านอน
ขลุ่ยใช้เวลาเพียงไม่นานก็เสร็จเรียบร้อย ไม่นานกับข้าวที่ได้จากเสือก็มาถึงพอดี
“อ่ะ รีบกินให้หมดแล้วก็รีบกินยาแล้วเข้านอน พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่หัวรุ่ง”
“ครับ” เสือเมื่อได้กำชับคนมาใหม่เรียบร้อย นั่นก็เท่ากับว่าหน้าที่ของตนในวันนี้เสร็จสิ้นแล้ว ก่อนแยกย้ายไปอีกฟากของพื้นที่แห่งเดียวกันเพื่อพักผ่อนเช่นกัน
.
.
.
ตะวันรุ่งยามตีสี่กว่า ๆ ขลุ่ยต้องรีบตื่นขึ้นมาจัดแจงที่นอนและธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย ระหว่างแปรงฟันล้างหน้าอยู่นั้น สายตาก็พลันเหลือบไปเห็นเจ็ทสกีกำลังจอดเทียบท่าอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล จู่ ๆ ความคิดอยากหลบหนีก็พลันผุดขึ้นมาอีกครั้ง ขลุ่ยคิดเพียงแค่ว่าต้องกลับเข้าฝั่งให้ได้ จากนั้นรีบไปขอความช่วยเหลือจากไอ้เป้แล้วหนีจากตรงนี้ให้ไกลที่สุด
ก๊อก ๆ ๆ
“ไอ้ขลุ่ย! มึงตื่นหรือยัง” เสียงตะโกนของเสือทำให้ขลุ่ยตกใจเล็กน้อย ก่อนชะโงกหน้ามองดูและกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกไป
“ตื่นแล้วครับพี่เสือ”
“เออดี ไม่เหมือนคนเก่า ๆ กว่าจะตื่นยากเย็นฉิบหาย” เสือว่าพลางเอ่ยชื่นชมคนตรงหน้า
“ว่าแต่เราจะไปทำอะไรกันแต่เช้าเหรอครับ” ขลุ่ยหันมาถาม เมื่อเห็นอุปกรณ์แปลก ๆ โพกอยู่บนหัวของเสือ
“กูจะเข้าถ้ำเก็บรังนก ส่วนมึงไปช่วยงานบ้านนายหัว พร้อมทำหน้าที่ของมึงนั่นแหละ”
“ละ...แล้วผมไม่ต้องไปกับพี่เสือเหรอ”
“การจะเก็บรังนกส่วนนี้ได้ ต้องเป็นคนที่นายหัวไว้ใจเท่านั้น” ขลุ่ยพยักหน้าเข้าใจ แต่แค่ได้ยินชื่อคนโหดร้ายนั่นแล้วก็แทบไม่อยากย่างกายเฉียดเข้าไปใกล้สักนิดเดียว
ขณะเดียวกันอิฐเองกำลังยืดเหยียดกายที่ค้างเกร็งเพื่อคลายความขบเมื่อย ก่อนเปิดหน้าต่างออกมาสูดบรรยากาศยามเช้า ฉับพลันสายตาดำขลับเห็นร่างผอมบางคุ้นตากำลังแยกออกมาจากลูกน้องพอดี ท่าทีนั้นเหมือนจะเดินตรงมายังเส้นทางที่เขาอยู่
แต่แล้วเจ้าตัวกลับหยุดฝีเท้าลง ก่อนทำลับ ๆ ล่อ ๆ หันกลับไปอีกทางแยกหนึ่ง อิฐขมวดคิ้วมองด้วยความสงสัย ดูท่าทีว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไรกันแน่ และไม่รอช้าแอบตามไปโดยไม่ให้รู้ตัว
ขลุ่ยหันมองซ้ายขวารีบสลับเดินกึ่งวิ่งตรงไปยังเรือเล็กที่จอดเทียบท่าอยู่ ใบหน้าคมเข้มมีหนวดเครายิ้มเย็นเมื่อเห็นเหยื่อกำลังทำตัวสิ้นคิด
หารู้หรือไม่…ว่าคนอย่างอิทธิกรเกลียดพวกขัดคำสั่ง หรือไม่เคารพกฎเกณฑ์เป็นที่สุด
ร่างผอมบางก้าวลงไปในน้ำ ตัดเชือกด้วยคัตเตอร์ที่พกติดตัวมาด้วยออกไปทันที ไม่นานเรือก็ล่องลอยเพื่อเตรียมออกสู่ทะเล
แต่แล้ว…
กริ้ก!
“มึงลองก้าวอีกนิดเดียว รับรองหัวมึงกระจุยแน่” ใบหน้าเรียวยาวได้รูปซีดเผือด ขาที่เตรียมก้าวขึ้นถอยลงมาอยู่ที่เดิม ก่อนหันมองคนที่กำลังข่มขู่ตนด้วยท่าทีหวาดหวั่น
“นะ…นายหัว”
“เออ! กูเอง! มึงมานี่เลย”
“อะ…โอ๊ย ผมเจ็บนะ!” มือใหญ่ขยุ้มปลายเส้นผมจากข้างหน้าขึ้นมา พร้อมลากขึ้นมาบนบ้าน
ตุ๊บ!
“ไอ้ทัพ! มึงพามันไปขึงไว้ตรงหน้าหมู่บ้าน”
“ครับนาย!”
“มึงอยากตายเหรอ ถึงสร้างเรื่องหนีนายหัวแบบนั้น” ทัพว่าพลางส่ายหัว แต่เพราะไม่มีหน้าที่ช่วยเหลือใครนอกจากฟังคำสั่งจากเจ้านายเท่านั้น
ร่างผอมบางถูกหิ้วตัวมายังหน้าชายหาด ใบหน้าของชายฉกรรจ์คุ้นเคยกำลังล้อมรอบอยู่ใกล้ตัว จากนั้นขลุ่ยถูกถอดเสื้อผ้าตัวบนออก
“เกิดอะไรขึ้นวะไอ้ทัพ ทำไมไอ้ขลุ่ยมันไปอยู่ตรงนั้น” เสือเห็นคนงานออกมายืนกันเต็มไปหมด จึงต้องออกจากถ้ำตามมาด้วย
“มันเสือกหนีน่ะสิ”
“เหี้ยเอ๊ย…เวรจริง” เสือว่าอย่างจนใจ คงได้แต่หาข้าวและยามาช่วยบรรเทาให้เท่านั้น
ระหว่างนั้นที่กายของขลุ่ยเย็นเฉียบ ร่างกำยำของอิฐปรากฏพร้อมแส้ไม้ในมือคุ้นเคย มือใหญ่เชยคางเด็กหนุ่มให้ขึ้นมามอง ก่อนฟาดไม่ยั้ง
ฟึ่บ! เพี้ยะ! ฟึ่บ! เพี้ยะ!
“อะ…อ้ากกก” เสียงร้องของขลุ่ยทำให้เสือสงสารจับใจ แต่ก็มีอีกหลายคนที่กำลังยืนมองราวกับมันเป็นเรื่องปกติ
“กูลงโทษเพื่อให้มึงจดจำว่าอย่าทำแบบนี้อีก!” เสียงตวาดกร้าวพูดกับร่างผอมบางที่เงียบไม่พูดไม่จา แต่ใครจะรู้ว่าตอนนี้ในใจของขลุ่ยไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว ตายก็ตาย ดีเหมือนกันจะได้จบ ๆ ความฉิบหายบนโลกนี้เสียที
“ถุ้ย!! ใครสั่งสอนให้บังคับคนด้วยวิธีสกปรกเช่นนี้ว่ะ แบบนี้ใครจะอยากอยู่กับมึง!!” ใบหน้าคมเข้มนิ่งอึ้งไม่คาดคิดว่าเด็กที่เคยเกรงกลัวตัวเองตรงหน้าจะคิดสู้ ก่อนเช็ดน้ำลายที่ถูกคายจากคนที่เพิ่งมาอยู่เพียงแค่สองวันเท่านั้น แถมยังกล้าสั่งสอนคนอย่างเขาอีกต่างหาก
“ดูท่า...กูคงใจดีมากไปสินะ” อิฐส่งสัญญาณให้เสือกับทัพเข้ามาหิ้วร่างปวกเปียกของขลุ่ยกลับเข้าไปในบ้านพักตัวเอง พร้อมจับขลุ่ยเปลือยกายขังเอาไว้ห้องใต้ดินเย็นเหยียบ
อิฐกลับเข้ามาในห้องไล่หาสิ่งของที่พอจะใช้ควบคุมเด็กดื้อรั้นให้เชื่อง มือใหญ่กระตุกเชือกเส้นหนึ่งขึ้นมาพลางหัวเราะอย่างขบขัน เพราะตั้งแต่อยู่มาก็ไม่เคยเจอใครที่กล้าท้าทายเขาเช่นนี้มาก่อนเลย
"หึ...น่าสนุกจริง ๆ "
อิฐที่ตื่นขึ้นมาในเช้าวันนี้ดูจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เขาอาศัยจังหวะจังหวะที่ขลุ่ยยังไม่ตื่นดี นอนตะแคงมองใบหน้าคนข้างกายอย่างเงียบ ๆ ด้วยความรู้สึกอบอุ่นและสุขล้นในอก รอยยิ้มบางผุดขึ้นตรงมุมปาก ก่อนกายกำยำจะก้มลงหอมพวงแก้มอิ่มเบา ๆ อย่างอ่อนโยนแกร๊ก! พรึ่บ!ภายหลังอาบน้ำแต่งตัวจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว อิฐคว้าลูกบิดเปิดประตูออกจากห้องหวังจะออกไปสะสางงานที่คั่งค้างอยู่ทันที แต่ทันใดนั้นร่างของลูกน้องที่เปรียบเสมือนทั้งมือซ้ายและขวากลับล้มระเนระนาดลงมากองอยู่ตรงหน้า แถมเสื้อผ้ายังคงอยู่ในชุดเดิมราวกับว่าเมื่อคืนพวกมันสองตัวนั่งกันอยู่ตรงนี้“... แหะ ๆ ครึกครื้นดีนะครับนายหัว ” เสือสะลึมสะลือพูดขึ้นมา ทั้งที่ตายังไม่ทันลืมดี“คะ…คือผมกับไอ้เสือจะมาแจ้งว่า ลูกค้ารายใหญ่จากสิงคโปร์ที่เราเลื่อนดีลสินค้าเอาไว้เมื่อวาน จะเข้ามาช่วงสายวันนี้ครับ”“อืม…กูเห็นอีเมลแจ้งจากลูกค้าแล้ว ส่วนพวกมึงรีบจัดการธุระของตัวเองให้เรียบร้อย สายไปแค่วินาทีเดียว กูหักเงิน!”ขณะเดียวกันขลุ่ยที่รู้สึกหนัก ๆ ตัว จากขนอะไรบางอย่างที่กำลังทิ่มแทงอยู่บนใบหน้า แต่เมื่อลืมตาขึ้นมากลับพบว่าเป็นเจ้าเตาฟืนนั่นเองที่มานอนแหมะอยู่บ
แม้ต้องกลับมาเพราะแผนที่วางไว้ล่มไม่เป็นท่า แถมลูกชายยังปวดหนึบและเจ็บตึงไปหมด อิฐก็ได้แต่กัดฟันทน ข่มความกระสันที่ถูกปลุกขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ คิดในใจว่า...หากได้ขลุ่ยกลับมาเมื่อไหร่ เขาจะจัดให้หนักสมกับที่ต้องอดทนรอเกือบเดือน แต่ตอนนี้ต้องเบรกทุกความคิดไว้ก่อน เพราะทั้งเสือและทัพต่างก็เตือนกันหนักหนา ว่าหากไม่อยากสูญเสียอีกฝ่ายไปก็ต้องหักห้ามใจให้มากกว่านี้อิฐนึกถึงคำพูดที่ขลุ่ยเคยบอกไว้เมื่อตอนนั้น ก่อนตัดสินใจค่อย ๆ ละนิสัยความรุนแรงของตัวเองลง แต่ถามว่าหายขาดเลยไหม…ก็คงไม่ เพราะทุกอย่างต้องใช้เวลา แม้กระทั่งตอนที่เขาไม่สามารถพาอีกฝ่ายกลับมาได้ ทั้งที่ความจริงจะลากกลับไปเลยก็ทำได้ไม่ยาก เพียงแต่ผลได้เสียจากนั้นคงไม่คุ้มค่าที่จะเสี่ยง จึงจำใจต้องอดทนรออยู่อย่างนั้น จนกว่าอีกฝ่ายจะพร้อม“อึ้ม...อ่าส์...ซี้ด...ขลุ่ย…” เสียงครางต่ำสะท้อนก้องออกมาจากห้องน้ำ เงาร่างสูงกำยำที่กำลังพิงผนังรูดรั้งส่วนกลางกาย มือหยาบใหญ่เร่งเร้าขณะนึกถึงใบหน้าได้รูปของอีกคน เมื่อครั้งร่วมรักกัน ไม่นานน้ำสีขาวขุ่นก็ทะลักออกจากส่วนปลายพุ่งเปรอะเต็มพื้นกระเบื้องหรู พร้อมเสียงหอบถี่จากแรงอารมณ์ที่ผ่อนเบาลงแล้ว
“กว่าจะมาได้นะมึง แล้วนั่นที่คอโดนอะไรกัดมาน่ะ” มือบางรีบคว้าปิดลำคอตัวเองเอาไว้ ใบหน้าเลิ่กลั่ก ก่อนรีบตอบแก้เก้อ“สงสัยคงเป็นแมลงแถวนี้มั้งพ่อ แถวบ้านเราจะมีบ้างก็ไม่แปลกหรอก...เนอะ” ขลุ่ยว่าพลางเสิร์ฟข้าวสวยร้อน ๆ พร้อมกุนเชียงผัดไข่วางลงบนโต๊ะ“เออ ๆ จะนอนหรือทำอะไรก็ปัด ๆ หน่อยแล้วกัน”“ได้พ่อ” ขลุ่ยก้มหน้าถอนหายใจอย่างโล่งอก แววตาเหลือบมองรอบ ๆ เห็นเสือกับทัพกำลังกลั้นหัวเราะกันอยู่ แถมไม่ไกลจากนั้น คนที่เป็นเจ้าของรอยประทับบนคอก็กำลังยืนปั้นหน้าแบบไม่รู้สึกรู้สาขลุ่ยชวนเสือและทัพมาทานข้าวด้วยกัน ผิดกับอีกคนแม้ไม่ได้เอ่ยสักนิด กลับมานั่งแหมะอยู่ข้าง ๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตพร้อมตักข้าวให้ตัวเองเสร็จสรรพ“นายหัวกินได้เหรอครับ?” คำพูดเชิงประชดถูกแทรกกลางวงสนทนาขึ้นมา“นั่นสิ จะกินกันได้เหรอ” สองพ่อลูกผู้มีศักดิ์เป็นเจ้าของบ้านเอ่ยถาม เนื่องจากเห็นพ้องต้องกัน“ก็แค่กับข้าว อยู่ไหนก็กินได้หมดนั่นแหละครับ” อิฐพูดพลางตักข้าวเข้าปากไม่หยุด จนจานตรงหน้าพร่องไปเกือบหมดในพริบตา“งั้นผมถามอะไรจริง ๆ เลยนะนายหัว” มือที่กำลังกวาดข้าวก้อนสุดท้ายหยุดลง ก่อนเงยหน้าตั้งใจฟังอย่างดี“ไอ้ขลุ่ยมันใช้ห
เป็นเวลาตีสองกว่าแล้วเจ้าของห้องยังเอาแต่นั่งขบคิดว่าจะทำยังไงให้อีกฝ่ายยอมคืนดี คิดวกไปวนมาอยู่อย่างนั้น จนแทบไม่ได้นอนจริงจังเสียที กระทั่งจังหวะเหลือบไปมองเจ้าเตาฟืนที่กำลังขดตัวนอนอย่างสบายใจข้างล่าง จู่ ๆ อิฐก็ผุดไอเดียบางอย่างขึ้นมาได้ เขาลุกไปอุ้มมันออกมา จากนั้นจึงพลิกตัวลำตัวที่เริ่มหนักของมันไปมา พร้อมจัดท่าทางให้ดูเหมือนกำลังตรอมใจม๊าว!...ฟ่อ...เสียงขู่ฟ่อ ๆ ดังลั่น เพื่อแสดงถึงความไม่พอใจสุดขีด เล็บแหลม ๆ ของมันกางออกมาเตรียมจะข่วนอีกครั้ง“อยากได้แม่แกกลับมาหรือเปล่า ฉะนั้นทำตัวให้มีประโยชน์หน่อยสิ” อิฐเริ่มจัดท่าทางจนได้มุมที่ต้องการแล้ว เขาก็รู้สึกว่ามันยังไม่พอ ก่อนหยิบถ้วยชามที่เพิ่งเติมไว้จนเต็ม จากนั้นอุ้มเจ้าเตาฟืนมานอนเกยอยู่ตรงนั้น ราวกับว่ามันเศร้าซึมสุด ๆ จนไม่สามารถกินอะไรได้ เก็บไว้เป็นไม้ตายเผื่อเอาไว้เรียกร้องความสนใจจากอีกฝ่ายระหว่างทางนั่งสปีดโบ๊ททั้งเสือและทัพต่างคอยรายงานถึงคำสั่งที่นายหัวได้สั่งเอาไว้ว่าเป็นไปด้วยความเรียบร้อยดี และไม่มีอะไรต้องกังวล“แล้วของที่กูสั่งไว้ล่ะ ได้มาครบหรือยัง”“ครบแล้วครับนาย” เสือเป็นคนรายงานรายละเอียดทั้งหมด เพราะตอน
อิฐกลับมาถึงเกาะก็ต้องเคลียร์งานจนหัวหมุน หลังเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อเช็กงานอีเมลต่าง ๆ ก็ทยอยหลั่งไหลเข้ามารัว ๆ ส่วนปัญหาที่น่าปวดหัวที่สุดคงหนีไม่พ้นเรื่องจากลูกค้าเก่าที่เวียดนามแจ้งมาว่าพบสินค้าที่ส่งไปมีตำหนิหลายจุด แต่พอเช็กดูดี ๆ ก็พบว่าทุกอย่างเกิดจากการท่าขนส่ง ถึงจะไม่ใช่ความผิดของบริษัทต้นทางเราเต็ม ๆ ก็ต้องรับผิดชอบอยู่ดี ในห้องทำงานที่เอกสารกองพะเนินล้นโต๊ะ อิทธิกรเอนกายพิงพนักเก้าอี้ ผ่อนลมหายใจเฮือกยาวทิ้งอย่างคนได้หยุดพัก พอหันกลับไปดูปฏิทินถึงได้รู้ว่าเวลาผ่านไปเกือบสองอาทิตย์แล้ว ร่างกำยำนั่งเงียบ ๆ อยู่คนเดียว ใจพะวงคิดถึงใครบางคน ดวงตาเคล้าโศกเศร้า ใบหน้าเรียวยาวได้รูป ริมฝีปากที่ต่อล้อต่อเถียงอย่างไม่เกรงกลัว ทั้งที่ตั้งใจว่าจะขึ้นไปหาบ่อย ๆ แต่ก็มัวแต่ยุ่งจนไม่ได้ออกไปไหนเลยแต่ไม่เป็นไร ตอนนี้เขาว่างแล้ว จะไปทุกวันเลย ต่อให้อีกคนไม่อยากเจอก็ไม่สน...ตรงหน้าอิทธิกรที่ไม่รู้จะทำอะไรต่อ หยิบรีโมตขึ้นมากดเปิดโทรทัศน์แบบลวก ๆ หวังแค่หาสิ่งใดมาช่วยเบี่ยงเบนความคิดถึงชั่วคราว ภาพบนหน้าจอปรากฏเป็นรายการข่าวด่วน ผู้ประกาศสาวสวยน้ำเสียงฉะฉานรายงานถึงการเสียชีวิตของเสี่ยมนต
“คนไข้ปลอดภัยแล้วครับ โชคดีที่ไม่โดนอวัยวะสำคัญ และจะย้ายผู้ป่วยไปยังห้องพิเศษทั่วไปนะครับ” เสียงคุณหมอดังขึ้นทันทีที่ประตูห้องฉุกเฉินเปิดออก ทุกสายตาหันขวับไปมองต้นทางอย่างจดจ่อไม่กี่นาทีต่อมา พยาบาลเข็นเตียงออกมา อิทธิกรที่ยังคงหลับไม่ได้สติ ตามตัวมีสายระโยงระยางเต็มไปหมด ขลุ่ยตั้งท่าเดินขนาบเตียง แต่ทว่ากลับต้องชะงัก เมื่อได้ยินเสียงจากเหมที่ยืนอยู่ข้างหลัง“ดีนะที่มึงปลอดภัย เฮ้อ!” ขลุ่ยและเป้หันขวับมามองทันที“พี่เหมรู้จักเขาด้วยเหรอครับ?” เป้ถามขึ้นด้วยสีหน้าประหลาดใจ“อะ…เอ่อ แหะ ๆ ครับ” เหมหัวเราะแห้ง ๆ ลูบท้ายทอยแก้เขินกลบเกลื่อน ขลุ่ยเลิกคิ้วน้อย ๆ ความสงสัยก่อตัวตั้งแต่ได้ยินคำพูดสนิทสนมของทั้งคู่แล้ว“มึงกับพี่เขากลับไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวกูเฝ้าต่อเอง” ขลุ่ยหันไปบอกเป้“แน่ใจนะ” เป้ถามให้แน่ใจอีกที“อือ ไปเถอะ”“แต่ถ้ามีอะไร โทรหากูได้ตลอดนะ”“...อื้อ”“พี่ฝากมันด้วยล่ะ” เหมเอ่ยพลางมองออกไปยังหน้าห้องผู้ป่วยที่เพิ่งเดินออกมาด้วยสายตาเป็นห่วง"พี่เสือและคุณทัพก็เหมือนกัน"“งั้นพวกกูฝากนายหัวด้วยนะไอ้ขลุ่ย พรุ่งนี้เช้าจะรีบมาหา” เสียงจากเสือแทรกตามมาด้วย ส่วนทัพทำเพียงพยักหน้าข