…เด็กนั่นบอบบางเป็นบ้า
คำจำกัดความที่อิฐมอบให้กับคนที่เพิ่งพบเจอไม่นาน หน้าตาสะสวยขนาดนั้น ผิวก็ขาวราวหยวก แถมตรอกซอยที่อยู่อาศัยก็ไม่ได้ปลอดภัยหรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีนัก แต่กลับไม่เคยผ่านใครมาเสียอย่างนั้น หนำซ้ำยังอ่อนปวกเปียกอีกต่างหาก
อิฐสูบม้วนบุหรี่เข้าปอดลึก ๆ ก่อนจะปล่อยควันและปาลงบนผืนทรายอย่างไม่คิดใส่ใจ ร่างกำยำสวมเสื้อกล้ามสีขาวกางเกงลำลองสบาย ๆ ดวงตาสีดำขลับถอดมองไปยังชายหาดที่เขาเป็นเจ้าของ พลันนึกถึงเรื่องราวในอดีต ใบหน้าของเด็กอวบอ้วนคนหนึ่งไม่ว่าผ่านไปนานแค่ไหนก็ยังคงฝังรากลึกอยู่ในความทรงจำพอ ๆ กับอดีตอันแสนเลวร้ายที่อยากจะลืมมันให้สิ้นซาก
ผ่านไปหลายชั่วโมงพระอาทิตย์ที่เคยทอแสงสว่างเจิดจ้า บัดนี้ได้หม่นลงเพื่อเตรียมเข้าสู่ความมืดมิด ขลุ่ยที่ต้องระหกระเหินมาใช้ชีวิตในบ้านพักที่ตั้งเรียงกันอยู่ แต่ยังคงมีพื้นที่แบ่งแยกกันอย่างชัดเจน
“นี่ที่นอนของมึง ส่วนห้องน้ำอยู่ตรงนู้น” เสือที่นำทางมาส่งถึงที่พัก พลางชี้นิ้วไปยังข้างหลัง
“ขอบคุณครับ” ร่างผอมบางเดินด้วยท่าทีทุลักทุเลเข้ามา ท่าทางเหมือนจะล้มลงได้ทุกเมื่อ
“งั้นมึงวางสัมภาระลง เดี๋ยวกูพาไปทานข้าว ไหวหรือเปล่า”
“...ครับ”
“เห้อ งั้นมึงรอตรงนี้แล้วกัน เดี๋ยวกูเอาข้าวเอายามาให้ ขืนเดินแบบนี้ทั้งชาติคงไม่ได้กินพอดี”
“ขอบคุณครับคุณเสือ”
“ไอ้เหี้ย! เรียกกูว่าพี่ก็พอ คุณอะไรไม่ต้อง ได้ยินแล้วขนลุกฉิบหาย”
“ครับ…พี่เสือ”
“เออ ว่านอนสอนง่ายดีว่ะ มึงรอตรงนี้แหละ” ขลุ่ยยกมือเพื่อทำการขอบคุณคนตรงหน้าอีกครั้ง ในใจคิดว่าอย่างน้อยก็ยังหลงเหลือคนดี ๆ ให้พึ่งพาอยู่บ้าง
ขลุ่ยเดินกะโผลกกะเผลกออกไปตามทางข้างหลังที่เสือบอก ซึ่งเป็นลานกว้าง มีแทงก์น้ำและขันวางเอาไว้ ข้าง ๆ กันมีห้องน้ำแบบไม้ขนาดเล็กอยู่ด้วย คาดว่าคงสำหรับปลดทุกข์หรือทำกิจส่วนตัว
เมื่อกลับเข้ามาข้างในก็ต้องกางมุ้งและฟูกนอนที่มีฝุ่นเขรอะเกาะเกรอะกรังออกไปเล็กน้อย ก่อนจะเปิดกระเป๋าตัวเองขึ้นมา พร้อมข้าวของบางส่วนหยิบติดไม้ติดมือเพื่อไปชำระกายเตรียมเข้านอน
ขลุ่ยใช้เวลาเพียงไม่นานก็เสร็จเรียบร้อย ไม่นานกับข้าวที่ได้จากเสือก็มาถึงพอดี
“อ่ะ รีบกินให้หมดแล้วก็รีบกินยาแล้วเข้านอน พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่หัวรุ่ง”
“ครับ” เสือเมื่อได้กำชับคนมาใหม่เรียบร้อย นั่นก็เท่ากับว่าหน้าที่ของตนในวันนี้เสร็จสิ้นแล้ว ก่อนแยกย้ายไปอีกฟากของพื้นที่แห่งเดียวกันเพื่อพักผ่อนเช่นกัน
.
.
.
ตะวันรุ่งยามตีสี่กว่า ๆ ขลุ่ยต้องรีบตื่นขึ้นมาจัดแจงที่นอนและธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย ระหว่างแปรงฟันล้างหน้าอยู่นั้น สายตาก็พลันเหลือบไปเห็นเจ็ทสกีกำลังจอดเทียบท่าอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล จู่ ๆ ความคิดอยากหลบหนีก็พลันผุดขึ้นมาอีกครั้ง ขลุ่ยคิดเพียงแค่ว่าต้องกลับเข้าฝั่งให้ได้ จากนั้นรีบไปขอความช่วยเหลือจากไอ้เป้แล้วหนีจากตรงนี้ให้ไกลที่สุด
ก๊อก ๆ ๆ
“ไอ้ขลุ่ย! มึงตื่นหรือยัง” เสียงตะโกนของเสือทำให้ขลุ่ยตกใจเล็กน้อย ก่อนชะโงกหน้ามองดูและกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกไป
“ตื่นแล้วครับพี่เสือ”
“เออดี ไม่เหมือนคนเก่า ๆ กว่าจะตื่นยากเย็นฉิบหาย” เสือว่าพลางเอ่ยชื่นชมคนตรงหน้า
“ว่าแต่เราจะไปทำอะไรกันแต่เช้าเหรอครับ” ขลุ่ยหันมาถาม เมื่อเห็นอุปกรณ์แปลก ๆ โพกอยู่บนหัวของเสือ
“กูจะเข้าถ้ำเก็บรังนก ส่วนมึงไปช่วยงานบ้านนายหัว พร้อมทำหน้าที่ของมึงนั่นแหละ”
“ละ...แล้วผมไม่ต้องไปกับพี่เสือเหรอ”
“การจะเก็บรังนกส่วนนี้ได้ ต้องเป็นคนที่นายหัวไว้ใจเท่านั้น” ขลุ่ยพยักหน้าเข้าใจ แต่แค่ได้ยินชื่อคนโหดร้ายนั่นแล้วก็แทบไม่อยากย่างกายเฉียดเข้าไปใกล้สักนิดเดียว
ขณะเดียวกันอิฐเองกำลังยืดเหยียดกายที่ค้างเกร็งเพื่อคลายความขบเมื่อย ก่อนเปิดหน้าต่างออกมาสูดบรรยากาศยามเช้า ฉับพลันสายตาดำขลับเห็นร่างผอมบางคุ้นตากำลังแยกออกมาจากลูกน้องพอดี ท่าทีนั้นเหมือนจะเดินตรงมายังเส้นทางที่เขาอยู่
แต่แล้วเจ้าตัวกลับหยุดฝีเท้าลง ก่อนทำลับ ๆ ล่อ ๆ หันกลับไปอีกทางแยกหนึ่ง อิฐขมวดคิ้วมองด้วยความสงสัย ดูท่าทีว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไรกันแน่ และไม่รอช้าแอบตามไปโดยไม่ให้รู้ตัว
ขลุ่ยหันมองซ้ายขวารีบสลับเดินกึ่งวิ่งตรงไปยังเรือเล็กที่จอดเทียบท่าอยู่ ใบหน้าคมเข้มมีหนวดเครายิ้มเย็นเมื่อเห็นเหยื่อกำลังทำตัวสิ้นคิด
หารู้หรือไม่…ว่าคนอย่างอิทธิกรเกลียดพวกขัดคำสั่ง หรือไม่เคารพกฎเกณฑ์เป็นที่สุด
ร่างผอมบางก้าวลงไปในน้ำ ตัดเชือกด้วยคัตเตอร์ที่พกติดตัวมาด้วยออกไปทันที ไม่นานเรือก็ล่องลอยเพื่อเตรียมออกสู่ทะเล
แต่แล้ว…
กริ้ก!
“มึงลองก้าวอีกนิดเดียว รับรองหัวมึงกระจุยแน่” ใบหน้าเรียวยาวได้รูปซีดเผือด ขาที่เตรียมก้าวขึ้นถอยลงมาอยู่ที่เดิม ก่อนหันมองคนที่กำลังข่มขู่ตนด้วยท่าทีหวาดหวั่น
“นะ…นายหัว”
“เออ! กูเอง! มึงมานี่เลย”
“อะ…โอ๊ย ผมเจ็บนะ!” มือใหญ่ขยุ้มปลายเส้นผมจากข้างหน้าขึ้นมา พร้อมลากขึ้นมาบนบ้าน
ตุ๊บ!
“ไอ้ทัพ! มึงพามันไปขึงไว้ตรงหน้าหมู่บ้าน”
“ครับนาย!”
“มึงอยากตายเหรอ ถึงสร้างเรื่องหนีนายหัวแบบนั้น” ทัพว่าพลางส่ายหัว แต่เพราะไม่มีหน้าที่ช่วยเหลือใครนอกจากฟังคำสั่งจากเจ้านายเท่านั้น
ร่างผอมบางถูกหิ้วตัวมายังหน้าชายหาด ใบหน้าของชายฉกรรจ์คุ้นเคยกำลังล้อมรอบอยู่ใกล้ตัว จากนั้นขลุ่ยถูกถอดเสื้อผ้าตัวบนออก
“เกิดอะไรขึ้นวะไอ้ทัพ ทำไมไอ้ขลุ่ยมันไปอยู่ตรงนั้น” เสือเห็นคนงานออกมายืนกันเต็มไปหมด จึงต้องออกจากถ้ำตามมาด้วย
“มันเสือกหนีน่ะสิ”
“เหี้ยเอ๊ย…เวรจริง” เสือว่าอย่างจนใจ คงได้แต่หาข้าวและยามาช่วยบรรเทาให้เท่านั้น
ระหว่างนั้นที่กายของขลุ่ยเย็นเฉียบ ร่างกำยำของอิฐปรากฏพร้อมแส้ไม้ในมือคุ้นเคย มือใหญ่เชยคางเด็กหนุ่มให้ขึ้นมามอง ก่อนฟาดไม่ยั้ง
ฟึ่บ! เพี้ยะ! ฟึ่บ! เพี้ยะ!
“อะ…อ้ากกก” เสียงร้องของขลุ่ยทำให้เสือสงสารจับใจ แต่ก็มีอีกหลายคนที่กำลังยืนมองราวกับมันเป็นเรื่องปกติ
“กูลงโทษเพื่อให้มึงจดจำว่าอย่าทำแบบนี้อีก!” เสียงตวาดกร้าวพูดกับร่างผอมบางที่เงียบไม่พูดไม่จา แต่ใครจะรู้ว่าตอนนี้ในใจของขลุ่ยไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว ตายก็ตาย ดีเหมือนกันจะได้จบ ๆ ความฉิบหายบนโลกนี้เสียที
“ถุ้ย!! ใครสั่งสอนให้บังคับคนด้วยวิธีสกปรกเช่นนี้ว่ะ แบบนี้ใครจะอยากอยู่กับมึง!!” ใบหน้าคมเข้มนิ่งอึ้งไม่คาดคิดว่าเด็กที่เคยเกรงกลัวตัวเองตรงหน้าจะคิดสู้ ก่อนเช็ดน้ำลายที่ถูกคายจากคนที่เพิ่งมาอยู่เพียงแค่สองวันเท่านั้น แถมยังกล้าสั่งสอนคนอย่างเขาอีกต่างหาก
“ดูท่า...กูคงใจดีมากไปสินะ” อิฐส่งสัญญาณให้เสือกับทัพเข้ามาหิ้วร่างปวกเปียกของขลุ่ยกลับเข้าไปในบ้านพักตัวเอง พร้อมจับขลุ่ยเปลือยกายขังเอาไว้ห้องใต้ดินเย็นเหยียบ
อิฐกลับเข้ามาในห้องไล่หาสิ่งของที่พอจะใช้ควบคุมเด็กดื้อรั้นให้เชื่อง มือใหญ่กระตุกเชือกเส้นหนึ่งขึ้นมาพลางหัวเราะอย่างขบขัน เพราะตั้งแต่อยู่มาก็ไม่เคยเจอใครที่กล้าท้าทายเขาเช่นนี้มาก่อนเลย
"หึ...น่าสนุกจริง ๆ "
ร่างผอมบางขดขาเกร็งอยู่ในห้องที่มีแสงสว่างหลงเหลืออยู่เพียงน้อยนิด ใบหน้าที่เคยขาวเนียนบัดนี้แลดูซูบซีดและอ่อนล้า เนื่องจากบาดแผลจากการถูกลงโทษซ้ำ ๆ อย่างสาหัสสากรรจ์ขลุ่ยประสานสองฝ่ามือบีบเอาไว้แน่น ก่อนค่อย ๆ หลับตาลงเพื่อหวังจะบรรเทาความเจ็บปวดตรงนี้ลงไปบ้าง…เสียงกุกกักดังเล็ดลอดจากข้างนอก ทำให้ขลุ่ยจำต้องเปิดเปลือกตาอันหนักอึ้งขึ้นมามองด้วยความหวาดระแวง ก่อนรีบถอยกายห่างไปข้างหลังอัตโนมัติร่างกำยำคุ้นเคยเดินมาคนเดียว พร้อมกระเป๋าสีดำปริศนาในมือ ก่อนนั่งลงยอง ๆ พลางรวบใบหน้าที่กำลังมองเขาราวกับโกรธเกรี้ยวขึ้นมา“ไง อยู่ตรงนี้เหงาหรือเปล่า”“...มึงมันเหี้ย” เสียงอ่อนระโหยพูดอย่างเดือดดาล“จุ๊ ๆ จากนี้มึงคือทาสของกูเท่านั้น…”“ตอนเด็กครอบครัวของมึงไม่ได้สั่งสอนเหรอวะ! ว่าอย่าใช้ความรุนแรงกับคนอื่นแบบนี้!” อิฐที่กำลังรูดซิปก้มมองหาอุปกรณ์ในกระเป๋าเงยหน้าขึ้นมา เมื่อถูกจี้จุดให้ย้อนนึกถึงอดีตอันแสนเจ็บปวดอีกครั้ง“เรื่องของกู ไม่ต้องมาสะเออะจะดีกว่านะ…”“...สารเลว”“หึ เดี๋ยวมึงก็รู้ว่าความรุนแรงแบบนี้ จะสั่งสอนให้มึงเชื่องได้แค่ไหน ดูจากตอนนี้ก็พอเป็นคำตอบได้แล้วนะ” มีดสั้นถูกหยิบข
…เด็กนั่นบอบบางเป็นบ้าคำจำกัดความที่อิฐมอบให้กับคนที่เพิ่งพบเจอไม่นาน หน้าตาสะสวยขนาดนั้น ผิวก็ขาวราวหยวก แถมตรอกซอยที่อยู่อาศัยก็ไม่ได้ปลอดภัยหรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีนัก แต่กลับไม่เคยผ่านใครมาเสียอย่างนั้น หนำซ้ำยังอ่อนปวกเปียกอีกต่างหาก อิฐสูบม้วนบุหรี่เข้าปอดลึก ๆ ก่อนจะปล่อยควันและปาลงบนผืนทรายอย่างไม่คิดใส่ใจ ร่างกำยำสวมเสื้อกล้ามสีขาวกางเกงลำลองสบาย ๆ ดวงตาสีดำขลับถอดมองไปยังชายหาดที่เขาเป็นเจ้าของ พลันนึกถึงเรื่องราวในอดีต ใบหน้าของเด็กอวบอ้วนคนหนึ่งไม่ว่าผ่านไปนานแค่ไหนก็ยังคงฝังรากลึกอยู่ในความทรงจำพอ ๆ กับอดีตอันแสนเลวร้ายที่อยากจะลืมมันให้สิ้นซากผ่านไปหลายชั่วโมงพระอาทิตย์ที่เคยทอแสงสว่างเจิดจ้า บัดนี้ได้หม่นลงเพื่อเตรียมเข้าสู่ความมืดมิด ขลุ่ยที่ต้องระหกระเหินมาใช้ชีวิตในบ้านพักที่ตั้งเรียงกันอยู่ แต่ยังคงมีพื้นที่แบ่งแยกกันอย่างชัดเจน“นี่ที่นอนของมึง ส่วนห้องน้ำอยู่ตรงนู้น” เสือที่นำทางมาส่งถึงที่พัก พลางชี้นิ้วไปยังข้างหลัง“ขอบคุณครับ” ร่างผอมบางเดินด้วยท่าทีทุลักทุเลเข้ามา ท่าทางเหมือนจะล้มลงได้ทุกเมื่อ“งั้นมึงวางสัมภาระลง เดี๋ยวกูพาไปทานข้าว ไหวหรือเปล่า” “...
ขลุ่ยเดินทางมาด้วยเรือเพื่อข้ามฟากมายังอีกฝั่งของเกาะ ซึ่งอยู่ในจังหวัดทางภาคใต้แห่งเดียวกัน เพียงแต่ที่ตรงนี้จะถูกตัดขาดการจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง เพราะค่อนข้างอยู่ห่างไกลจากแหล่งชุมชนพอสมควรนั่นก็เท่ากับว่าโทรศัพท์ก็แทบจะไร้ประโยชน์ ก่อนออกมาขลุ่ยก็ไม่ลืมเอาเงินที่ตนเองมีอยู่ทั้งหมดยกให้กับพ่อ และไม่ลืมฝากฝังป้าข้างบ้านในชุมชนเดียวกันช่วยดูแลอีกทาง“เอ๊ย! ถึงแล้ว ส่วนนี่สัญญามึง เซ็นซะ!” ขลุ่ยมองแผ่นกระดาษสีขาวที่มีตัวหนังสือเป็นข้อ ๆ ระบุอยู่ พลางกวาดตาดูรายละเอียดอย่างถี่ถ้วน ก่อนจรดปลายปากกาเซ็นลงไปใบหน้าเรียวยาวได้รูปมองเรือที่จอดเทียบท่า พร้อมคนงานหน้าตาโหด ๆ ยืนอยู่เรียงราย ความรู้สึกตอนนี้แทบอยากจะกลับบ้านให้รู้แล้วรู้รอด แต่ติดที่ไม่มีทางเลือกมากนักระหว่างคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ทันใดนั้นก็มีผู้ชายคนหนึ่งมายืนอยู่ตรงหน้าพอดี หลาย ๆ คนต่างให้ความเคารพ และคาดว่าอาจเป็นนายของที่นี่“กูชื่อเสือ เป็นลูกน้องของนายหัว เดี๋ยวกูจะพามึงไปหานาย ทำตัวให้ดี ๆ ล่ะ”“ครับ” “ส่วนพวกมึงก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเองซะ! งานไม่เสร็จไม่ต้องแดกข้าว!” เสือพูดพลางกวาดตามองดูคนงานและลูกน้องบางส
สิบปีต่อมาภายในงานวัดของจังหวัดทางภาคใต้แห่งหนึ่ง เสียงปี่กลองแหลมสูงแทรกด้วยจังหวะเร่งเร้า รัวเป็นจังหวะสลับหนักและเบากันไป ท่วงทำนองดุดันแฝงไปด้วยความขลัง ดึงดูดให้ทุกสายตาจับจ้องร่างที่กำลังร่ายรำอยู่กลางเวทีนายมโนราห์ทั้งชายและหญิงกำลังหมุนเวียนสลับกันทำหน้าที่ของตนเองเพื่อซื้อใจคนที่นั่งดูอยู่ หรือแม้กระทั่งผู้คนที่ต่างเดินผ่านไปมาทางนี้และทันทีที่เสียงดนตรีและเสียงปรบมือจบลง ทั้งนายและนางรำต่างก็เดินลงมาจากเวที พร้อมกับถอนหายใจกันอย่างโล่งอก“เหนื่อยวะ วันนี้อากาศโคตรร้อนเลย มึงไม่ร้อนหรือไงว่ะ” เป้ว่าพลางถอดเสื้อผ้าพร้อมมองออกไปยังเพื่อนอีกคน“ทำมาตั้งนานแล้ว กูชินแล้วล่ะ”“มึงชิน หรือเพราะไม่มีทางเลือกกันแน่วะ…ไอ้ขลุ่ย” คำพูดของเป้จี้ใจดำขลุ่ยเข้าอย่างจัง“ช่างมันเหอะ สักวันคงดีเองนั่นแหละ” เป้ส่ายหน้า เพราะไม่ว่ากี่ครั้งก็มักจะเห็นเพื่อนสนิทพูดแบบนี้เสมอ“งั้นมึงเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ตรงนี้ก่อนแล้วกัน เดี๋ยวกูออกไปหาของหน่อย ไม่รู้ตั้งไว้ไหน”“มึงลืมอะไร เดี๋ยวกูช่วยหา”“มือถืออ่ะ แต่ไม่เป็นไร มึงรอตรงนี้แหละ เดี๋ยวกูหาเอง แป๊บเดียว” เป้ว่าพลางเดินออกไปจากห้องแต่งตัวที่ตอนนี้
ซ่าาาา!!ยามค่ำคืนท่ามกลางเสียงท้องฟ้าคำราม ฝ่ามือของเด็กชายอายุราวสิบห้าปีคนหนึ่งกำลังพยายามตะเกียกตะกายเพื่อหาหนทางรอดจากคนบุคคลที่ได้ขึ้นชื่อว่าบิดาฟึ่บ! เพี้ยะ!“...แฮ่ก ผมขอโทษ” อิฐพูดขอร้องซ้ำ ๆ เสียงสั่นเครือด้วยความเจ็บปวดจากการโดนหวดกลางหลังนับครั้งไม่ถ้วน เพียงเพราะเขาทำข้อสอบไม่ได้ดั่งที่พ่อคาดหวัง“แกจะหนีไปไหน ห๊ะ!...ฉันบอกแกหลายครั้งแล้วว่าอย่าทำฉันขายหน้าเด็ดขาด แต่นี่อะไรผลสอบแทบจะรั้งท้ายอยู่แล้ว!”อิฐนอนขดตัวอยู่บนพื้น มองผู้บังเกิดเกล้าด้วยน้ำตาที่คลอเบ้า เขาไม่เข้าใจเลยว่าการทำข้อสอบไม่ได้ตามที่หวังจำเป็นต้องลงโทษกันถึงขนาดนี้เชียวหรือ!!!“ครั้งหน้าผม…” ร่างที่ยังไม่สูงใหญ่เต็มวัยกำลังเตรียมอ้าปากพูดต่อ แต่กลับได้ยินเสียงมาจากขั้นบันได มองเห็นผู้เป็นแม่รีบสาวฝีเท้าลงมาอย่างรวดเร็วพร้อมกับโอบกอดลูกชายไว้แน่น สีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจและหวาดหวั่น“คุณทำบ้าอะไร! นี่ลูกของคุณนะ!” เสียงของคุณหญิงวรารัตน์แหลมสูงคล้ายตะคอกขึ้นเล็กน้อยจากความเหลืออด แววตาฉายชัดด้วยทั้งจากความผิดหวังและเจ็บปวดขณะจ้องหน้าผู้เป็นสามีอย่างที่เธอเลือกมาเป็นคู่ชีวิตปึก!“เอานี่ดูซะ! ว่าลูกของเ