LOGIN
ผู้หญิงกับผู้ชายสามารถมีอะไรกันโดยที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนได้หรือเปล่า
มันเป็นเรื่องแปลกมั้ย ถ้าจะบอกว่า
ฉันก็มีอะไรกับคนที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกเหมือนกัน
หนำซ้ำผู้ชายคนนั้นยังเป็น...
Touch สัมผัสร้าย สัมผัสรัก
บทนำ
“เรซ... อื้อ”
เสียงครางสะท้านดังแผ่วหวิว ความร้อนผ่าวแนบชิดจากด้านหลัง เสียงสัมผัสสอดเสียดเข้าออกอย่างต่อเนื่องลึกซึ้ง
“ระเรซ... อื้อ อ๊ะ! ลึกไปแล้วอ๊าาาส์”
ฉันไขว่คว้าหาที่ยึดเหนี่ยว แข้งขาอ่อนแรงจนแทบยืนไม่ไหวขณะที่ถูกคนด้านหลังกระแทกกระทั้นไม่หยุด
“อื้อ ยืนไม่อยู่แล้ว อ๊ะ... อ๊าเรซ เบา... อื้อ”
พลั่ก!
ทันใดนั้นเรซก็ดันฉันติดกับผนัง ใบหน้าฉันแนบกับผนังปูนเย็นเยียบ แต่ลมหายใจที่ทวีความร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ ของเรซทำให้ฉันไม่มีเวลาไปสนใจเรื่องอื่น สติกระเจิดกระเจิงไปหมด อารมณ์ปรารถนาที่ถูกจุดได้ลุกลามไปทั้งตัว และฉันไม่อาจต่อต้านมันได้
“อ่ะอ๊าส์”
“อึก”
เสียงครางหนักๆ ของคนด้านหลังดังขึ้นหลังจากปลดปล่อยความต้องการออกมาเต็มเหนี่ยว ฉันร้องเสียงหลง เมื่อถูกความสุขสมครอบงำ แต่หลังจากได้สติก็ต้องตกใจที่เรซปล่อยข้างใน
ฉันจะหันกลับไปประท้วงแต่ถูกเรซประกบปากจูบแทน
“อื้มมม”
เรียวปากร้อนชื้นบดเบียดเข้ามาอย่างกระหายหิว ฉันถูกความรู้สึกเร่าร้อนล้างสมองไปอีกรอบ ปลายลิ้นของเขาเคลื่อนไหวอย่างดิบเถื่อน รุนแรง ทว่าชวนหัวใจสั่น
“อือ...”
ฉันเงยหน้า กัดปากเสียวซ่านเมื่อเรซเลื่อนใบหน้าลงไปซุกไซ้ที่ซอกคอต่อด้วยขบเม้มตุ่มไตแข็งๆ กลางเนินอกนุ่มนิ่ม ฉันขยุ้มเส้นผมเขาเพื่อจะผ่อนคลายอาการเกร็ง แต่ก็เหมือนจะไม่ช่วย
“ไปที่ขอบสระ”
เขาบอกอะไรสักอย่าง ฉันยังไม่ได้สติด้วยซ้ำ ท่อนแขนก็ถูกคนตัวสูงฉุดให้เดินตาม เรซกดไหล่ฉันลง ให้ฉันนั่งคุกเข่าหันหน้าเข้าหาสระแล้วตามมาประกบ รั้งบั้นท้ายฉันเอาไว้ เบียดดันความร้อนระอุเข้ามา
“อือ...”
ฉันเปล่งเสียงครางไหว ร่างกายสั่นสะท้านจนแทบกู่ไม่กลับ เนื้อตัวแผดซึมไปด้วยหยาดเหงื่อจากการขยับอันเร่าร้อนจากด้านหลัง
ฉันจับยึดราวบันไดเอาไว้ตามสัญชาตญาณ เข่ารู้สึกเจ็บพร่า แต่เรซไม่หยุดหลังจากจัดท่านี้จนพอใจแล้วเขาก็ดึงฉันกลับไปเผชิญหน้า รั้งสะโพกฉันขึ้นไปนั่งทับบนตัก
“อื้อเรซ” ฉันผวาคว้าบ่าแกร่งเอาไว้แน่นเพราะรู้สึกว่ามันเข้ามาลึก ฉันเจ็บ
เรซคว้าหน้าอกฉันขยำทันที ริมฝีปากก้มลงมาครอบครองยอดอกอีกข้างอย่างไม่หยุดพักหายใจ ฝ่ามือหนาโอบเอวฉันไว้ไม่ให้ขยับหลบสัมผัสของเขา
ฉันร้องลั่นสระ ความเสียวซาบซ่านที่ลุกลามแทรกซึมอยู่ในทุกอณูร่างกายเหมือนมีกระแสไฟแล่นแปลบปลาบ ร่างฉันเกร็งกระตุกอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ดื่มด่ำความสุขสมใต้แสงจันทร์และคลื่นลมทะเลราวกับติดอยู่ในภาพฝัน
...ทว่าฉันจะดีใจมากหากมันเป็นแค่ความฝัน พอตื่นแล้วทุกอย่างก็จะหายไป
หากแต่… แม้ไม่ใช่ความฝัน ทุกอย่างก็หายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้น ฉันควรเจ็บใจหรือรู้สึกยังไงดี ฉันไม่รู้เลยจริงๆ รู้เพียงแค่ว่าภายในใจมีร่องรอยที่ไม่อาจลบเลือน ราวกับว่าฉันต้องการเรียกร้องบางสิ่งจากเรซ แต่ขณะเดียวกันฉันก็อยากให้ทุกอย่างหายไป เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“สวัสดีค่ะ หนูชื่อเทียน เป็นแฟนเรซ...”ย่ามองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างประเมินครู่หนึ่ง ก่อนพยักหน้าแล้วกวักมือเรียก“มานี่สิ เข้ามาใกล้ๆ ให้เห็นหน้าชัดๆ หน่อย”ฉันมองเรซอย่างไม่แน่ใจ แต่เขาก็พยักหน้าให้ ไม่เพียงแค่นั้นยังจูงมือฉันที่กำลังตื่นเต้นพาเดินเข้าไปหาย่าอีก“เรซ... นี่หลานสะใภ้ย่าเรอะ” ย่ามองเรซอย่างตั้งตัวไม่ทัน การแสดงออกของเรซทำให้ย่าเห็นว่าเขาห่วงใยฉันแค่ไหน“ครับย่า”“คนไทยใช่มั้ย”“ครับ”“อืม อย่างน้อยๆ ก็คงไม่คิดหนีย่าไปอยู่ต่างประเทศเหมือนพ่อใช่มั้ย”“วางใจเถอะครับ ผมไม่ไปไหน”“ดีแล้ว อืม หนูชื่อเทียนใช่หรือเปล่า” ย่าพยักหน้าให้เรซอย่างรู้สึกวางใจก่อนหันกลับมาพูดกับฉัน“ค่ะคุณย่า”“เรียกย่าเฉยๆ ไม่ต้องมีพิธีรีตอง” ย่าเรซโบกมืออย่างไม่ถือ ก่อนหันไปทางแนท “แล้วนี่เมื่อไหร่แนทจะพาหลานเขยมาแนะนำให้พวกเรารู้จักบ้าง”“ย่า...” แนทลนลาน ท่าทางไม่รู้จะตอบย่ายังไงดี สุดท้ายก็ทำหน้าง้ำกลบเกลื่อนแล้วไม่พูดอะไรต่อ หลังจากนั้นไม่นานคนรับใช้ก็เข้ามาแจ้งว่าตั้งโต๊ะเสร็จแล้ว ปู่จึงสั่งให้เรียกลูกหลานที่ใกล้ชิดทุกคนมารวมกันที่โต๊ะอาหารเพื่อร่วมอวยพรวันเกิดครบรอบเจ็ดสิบปีของย่าบรรยากา
บ้านพักของเรซที่เพชรบูรณ์ตั้งอยู่ในไร่มะขาม แยกตัวออกจากบ้านใหญ่ที่ปู่กับย่าเรซอยู่ ฉันรู้สึกโล่งใจที่รู้ว่าเราจะพักกันที่นี่วันนี้เป็นวันเกิดย่าเรซ เขาต้องกลับมาร่วมงานทุกปี แต่ปีนี้เป็นปีแรกที่เขาพาคนอื่นมาด้วย ซึ่งก็คือฉัน ครั้งแรกที่รู้ว่าต้องมาเยี่ยมบ้านเรซฉันก็กดดันและกังวลจนเผลอแสดงสีหน้าออกมาให้เรซเห็น แต่เขาก็คอยปลอบใจฉันพร้อมกับบอกว่าปู่กับย่าใจดีไม่มีอะไรต้องห่วง พวกเราเพิ่งมาถึง ยังไม่มีโอกาสเจอใครนอกจากคนงานสองสามคนที่มารอรับหน้าบ้านเพื่อคอยอำนวยความสะดวก หลังเตรียมเสื้อผ้าที่จะใส่ไปกินข้าวเย็นบ้านปู่กับย่าเรซเสร็จ ฉันก็ลงมาข้างล่าง เรซกำลังคุยกับคนงาน เสร็จแล้วค่อยเดินมาหาฉันที่โซฟา“เก็บของเสร็จแล้วเหรอ”“อืม เหนื่อยหรือเปล่าขับรถ นอนก่อนมั้ย” ฉันจับแขนเขาอย่างเป็นห่วง“อยากนอนตรงนี้” เรซถือโอกาสเอนตัวลงนอนหนุนตักฉันทันที เขาดึงมือฉันไปทาบกับแก้มตัวเองอย่างอ้อนๆ ฉันเลยหยิกเขาไปทีหนึ่งอย่างมันเขี้ยว“นอนดีๆ สิ จะได้ไม่เมื่อย”“ไม่เมื่อย” เรซหลับตาอย่างไม่ใส่ใจเสียงเตือนของฉัน แกล้งหลับดื้อๆ ฉันอมยิ้มจางๆ เห็นท่าทางน่ารักของเรซแล้วไล่ให้ไปนอนบนเตียงไม่ลง “เรซ?” ฉันเร
@Rewell Corp. ฉันผลักประตูเข้ามาในออฟฟิศ ที่นี่ไม่ใหญ่มาก เป็นห้องโล่งๆ มีโต๊ะทำงานแบ่งออกเป็นสามโซน แต่ละโซนโต๊ะทำงานหันหน้าเข้าหากันมีแค่ผนังกระจกยิงลายเกมกั้น ฝั่งขวามือเป็นห้องประชุม ลึกเข้าไปด้านในมีทางแยกฝั่งซ้ายที่เป็นผนังทึบ ตรงนั้นฉันคิดว่าน่าจะเป็นห้องทำงานของประธานบริษัทฉันเดินลากรองเท้าส้นสูงผ่านประตูมาได้แค่สองก้าวก็ถูกสายตาของคนข้างในจับจ้อง“ขอโทษค่ะ พอดีว่ามาสัมภาษณ์งานกับน้าริช รู้มั้ยคะว่าน้าริชอยู่ที่ไหน” ฉันถามพี่ผู้หญิงที่อยู่ใกล้สุด เธอมองชุดนักศึกษาที่ฉันสวมแวบหนึ่งก่อนชี้มือไปทางห้องกระจกฝั่งขวา“ทางนั้น ประชุมทีมอยู่”“อ๋อค่ะ ขอนั่งรอตรงนี้ได้หรือเปล่าคะ”“ตามสบาย”“ขอบคุณค่ะ” ฉันถือโอกาสนั่งแล้วมองสำรวจรอบๆ ไปด้วย แอบมองพี่คนข้างๆ ทำงานไปด้วย บางครั้งก็เผลอถามโน่นถามนี่ โชคดีที่พี่คนนี้เป็นคนใจเย็น หันมาพูดกับฉันอย่างไม่ถือสา จนตอนนี้เรารู้ชื่อกันแล้ว การสนทนาก็เริ่มเป็นกันเองมากขึ้น และมิตรภาพก็ค่อยๆ ลามไปถึงคนข้างๆ เกือบครึ่งชั่วโมงที่ฉันนั่งรอแทบจะรู้จักพี่ๆ กันทั้งโต๊ะ ประตูห้องกระจกใสเปิดออก พร้อมกับคนสี่ห้าคนเดินออกมาด้วยสีหน้
เรซสอดแทรกความต้องการเข้ามาตามคำเรียกร้องของฉัน ความอึดอัดรัดรึงเสือกไถเข้ามาจนสุดทาง ฉันหลุดเสียงครางหวิวไหว ร่างกายสั่นระทดระทวยเกาะพรมไปด้วยหยาดเหงื่อ ทั่วทั้งห้องตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นอายรักใคร่และเสียงอันหนักหน่วงจากการสอดประสานกันอย่างร้อนแรงของร่างสองร่างบนโซฟาเนิ่นนานกว่าไฟอารมณ์จะมอดดับ ฉันจะยืนยังไม่ไหว ต้องให้เรซอุ้มเข้าห้องน้ำ เรานอนกอดเกยกันอยู่ในอ่าง ร่างเปลือยเปล่าแนบชิดและเหมือนเรซจะรู้สึกขึ้นมาอีกครั้ง เขาสอดใส่เข้ามาใต้น้ำ ร่างกายฉันเกร็งเครียดไปหมด เรซขบเม้มติ่งหูพลางลูบไล้ทรวงอกเพื่อช่วยให้ฉันผ่อนคลาย รู้สึกสุขสมไปพร้อมๆ กับเขา น้ำในอ่างกระฉอกตามแรงกระทบกระแทกด้านล่าง เสียงก้องกังวานสะท้อนไปทั่วห้องน้ำ ฉันเสียวซ่านจนแทบทนไม่ไหว เรซโหมกระแทกรัวแรงขึ้นเรื่อยๆ ฉันรู้สึกเหมือนใจจะขาด กรีดร้องออกมาอย่างคลุ้มคลั่งตอนที่อารมณ์พุ่งถึงขีดสุดแห่งห้วงหฤหรรษ์เสียงหอบหายใจสองสายดังสะท้อนถี่รัวอยู่พักหนึ่งค่อยกลับเป็นปกติ ฉันเหนื่อยจนจะหลับได้อยู่แล้ว ฟาดแขนเรซไปหนึ่งทีอย่างฉุนๆ “เกินไปแล้วนะเรซ กะจะรีดให้หมดตัวเลยหรือไง”“ใครเริ่มก่อนล่ะ ตามจริงตั้งใจจะงดให้หนึ่งวัน”เรซใช้ปลา
“เรซไม่อยากให้เทียนไปทำหนิ แล้วทำไมยังอุตส่าห์หางานมาให้ล่ะ”“เพราะเทียนอยากทำ”“เรซ... ทำไม...” ฉันไม่รู้ว่าจะพูดอะไรอีกแล้ว ตอนเที่ยงเขาเล่นตัดบทฉันดื้อๆ แต่ว่าตอนนี้กลับช่วยฉันทั้งที่เขาก็ไม่ได้เห็นด้วยเท่าไหร่ ภายในอกฉันตื้นตันจนยากจะเอ่ยออกมาเป็นคำพูด สวมกอดคนข้างๆ เอาไว้แน่น ซุกหน้าคลอเคลียลำคอแกร่ง เรซลูบแขนฉันตอบเบาๆทำไมกัน ทั้งที่เราไม่ได้จะจากกันไปไหนเลย แต่ความรู้สึกกลับเปลี่ยวเหงาเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ไม่อยากแยกจากแม้แต่วินาทีเดียว แค่ฉันจะไปทำงานเฉยๆ แต่เรซก็ทำเหมือนจะเหี่ยวเฉาอยู่รอมร่อ“ขอบคุณนะ”ฉันจูบลูกกระเดือกเรซเบาๆ ผิวขาวของเรซแดงซ่านขึ้นมาทันที ลูกกระเดือกเป็นจุดที่อ่อนไหวของผู้ชาย เพราะงั้นตอนนี้เขาถึงก้มลงมองฉันด้วยสายตาลึกล้ำเป็นพิเศษ “จะไปหรือเปล่า?” เรซกลืนน้ำลายลงคอ ลูกกระเดือกขยับขึ้นลงท่าทางข่มกลั้นอารมณ์ของเรซเห็นแล้วชวนใจละลายไม่น้อย“ไปสิ”ฉันตอบอย่างไม่ลังเล เรซแววตาสลดลงวูบหนึ่ง “เห็นให้อมยิ้ม นึกว่าจะยอมแพ้ไปแล้ว”“ก็ตัดใจไปแล้วครึ่งหนึ่ง เทียนไม่อยากทำให้เรซเป็นห่วง นึกถึงเวลาเรซไปรอรับหน้าที่ทำงานแล้วรู้สึกผิด เลยคิดว่าจะลองหาวิธีอื่น…” ฉันยื่นมื
บทจะดื้อเรซก็เอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ตลอด ไม่ยอมเปิดใจอะไรง่ายๆ หลังกินข้าวเสร็จ ฉันเก็บจานไปล้างแล้วเปลี่ยนชุดไปเรียน เรซขับรถมาส่ง ระหว่างทางเราพูดคุยกันน้อยมากแทบนับคำได้ เหมือนย้อนกลับไปช่วงที่ยังไม่ได้คบกัน “อ้าวเทียน มาเมื่อไหร่เนี่ย กินข้าวยัง” คะนิ้งกับทีมเพื่อนๆ เดินออกจากศูนย์อาหารมาเจอฉันที่ถนนหน้าตึกเรียนพอดี ฉันยิ้มทักทายทุกคนตามปกติ “อื้ม เรียบร้อยแล้ว” “เรซมาส่งเหรอ” “อืม” ฉันพยักหน้าให้คะนิ้ง เดินตามคนอื่นๆ เข้ามาในตึก “เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมหน้าเครียดๆ” คะนิ้งท้วง เธอมองหน้าฉันด้วยแววตาผิดสังเกต ฉันถอนหายใจอย่างลังเล แต่สุดท้ายก็ระบายความอัดอั้นข้างในออกมา คะนิ้งฟังฉันเล่าแล้วครุ่นคิดด้วยสีหน้าจริงจัง เพราะเรื่องที่ฉันพูดค่อนข้างยาวและเป็นส่วนตัว เพื่อนที่มาด้วยจึงล่วงหน้ากันไปก่อนไม่เว้นแม้แต่เค้ก ตอนนี้จึงเหลือแค่ฉันกับคะนิ้งอยู่ใต้ตึกกันสองคน “นิ้งไม่เข้าใจว่าเทียนกลัวอะไร อย่าคิดมากสิ เรซไม่ใช่คนโง่ที่ยอมให้ใครมาเกาะ เว้นแต่ว่าเขายินดีให้เกาะ” คะนิ้งพูดแบบนี้ ฉันควรรู้สึกดีหรือไ







