Share

บทที่ 5

โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมือง X ประเทศจีน

ภายในห้องคลอดที่กำลังวุ่นวาย เเพทย์เเละพยาบาลต่างวิ่งวุ่นทำงานเเข่งกับเวลา บนเตียงนอนสีขาวสะอาดตามีร่างหญิงสาวนอนกระสับกระส่ายอยู่ พร้อมเสียงออกคำสั่งของคุณหมอผู้ทำคลอดดังเร่งเป็นช่วงๆ

“คุณนายหยู เบ่งอีกค่ะ...เบ่งอีก ใกล้เเล้ว...เด็กใกล้คลอดเต็มทีเเล้ว”

ภายในห้องคลอดวุ่นวายกับการต้อนรับอีกหนึ่งชีวิตใหม่ที่กำลังจะกำเนิด ด้านนอกห้องมีหญิงชายคู่หนึ่งชะเง้อมองผ่านกระจกอย่างรอคอย เเม้ว่าจะไม่สามารถมองเห็นเหตุการณ์ด้านในได้ก็ตาม

ในขณะที่ทั้งคู่พยายามเพ่งมองผ่านกระจกอยู่นั้น ร่างโปร่งเลือนรางของวิญญาณผู้หญิงคนหนึ่งก็ลอยผ่านหน้าพวกเขาไป ร่างเรืองเเสงนั้นลอยไปหยุดหน้าเตียงหญิงท้องแก่ใกล้คลอด ก่อนที่รูปลักษณ์เเบบหญิงสาวจะเเปรเปลี่ยนกลายเป็นกลุ่มเเสงขนาดใหญ่ เเล้วพุ่งเข้าหาหน้าท้องกลมนั่นทันที

ฟิ้ว...!

ยังไม่ทันที่วิญญาณหญิงสาวผู้นั้นจะพุ่งเข้าไปเกิดในครรภ์คนบนเตียง ฉับพลันกลับมีลูกบอลเเสงสีเรื่อพุ่งเข้ามาจากทิศทางข้างหน้าต่างห้อง เบียดกลุ่มเเสงของวิญญาณหญิงสาวจนเธอกระเด็นออกจากเป้าหมายทะลุผนังห้องไปอีกด้าน เธอมองภาพนั้นพลางกรีดร้องโวยวาย ดวงตาเห็นเจ้าลูกกลมระเรื่อนั่นพุ่งเข้าไปในท้องของผู้หญิงท้องแก่บนเตียงคนไข้ เเย่งชิงเอาสถานที่ถือกำเนิดของเธอไปอย่างหน้าด้านๆ

หญิงสาวพยายามคืนวิญญาณกลับเป็นรูปลักษณ์ดังเดิม เพื่อจะเข้าไปไล่ไอ้วิญญาณเส็งเคร็งที่มาเเย่งสถานที่กำเนิดของตัวเองด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง แต่คาดไม่ถึงว่าแรงชนที่พาเธอหลุดกระเด็นออกมานอกห้องจะประจวบเหมาะอย่างเหลือเชื่อ เพราะทิศทางที่เธอลอยออกมานั้นมีเเม่สุนัขจรจัดกำลังนอนหลบมุมเพื่อคลอดลูกอยู่พอดี มองตัวเองที่ถูกชนกระเด็นมาเข้าท้องหมาจรจัดเเล้วจึงหันมองผ่านผนังห้องที่ถูกเจ้าลูกเเสงสว่างเเปลกหน้านั่นช่วงชิงไป

ชั่วเวลาก่อนที่เธอจะถูกดึงวิญญาณเข้าไปกำเนิดเป็นลูกสุนัข ดวงตาก็มองเห็นพยาบาลในห้องกำลังทำความสะอาดล้างเนื้อล้างตัว พลางใช้ผ้าสีขาวสะอาดตาห่อทารกที่เพิ่งคลอดมาส่งให้คนบนเตียงพร้อมเอ่ยว่า

“ยินดีด้วยนะคะคุณนายหยู คุณได้ลูกสาวค่ะ...”

วิญญาณหญิงสาวผู้โชคร้ายพลันร้องโวยวายลั่น คำพูดประโยคหนึ่งถูกพ่นออกมาก่อนเจ้าตัวจะถูกดึงเข้าไปในท้องเเม่หมาจรจัดนั้นอย่างสมบูรณ์ ทว่าไม่มีใครได้ยินแม้แต่คนเดียว

“ไอ้…ชิงสุนัขเกิดเอ๊ย!”

เเน่นอนว่าคำพูดสุดท้ายส่งไปไม่ถึงทารกน้อยในห้องนั้น ส่วนคนที่อยู่ในห้องก็ไม่มีใครรับรู้ถึงการมีอยู่ของเธอเช่นกัน

สายลมยามค่ำคืนพัดโชยแผ่ว ดาราบนฟ้าเปล่งแสงวับเเวมเป็นประกายงดงาม จากต้นไม้ธรรมดาถูกเปลี่ยนเเปลงวิญญาณด้วยพลังเทพ ข้ามผ่านสะพานอนิจจังเข้าสู่วัฏสงสาร จากที่เคยไร้รูปลักษณ์ก็จะมีรูปลักษณ์เป็นของตนเอง นับจากนี้เป็นต้นไปนางจะไม่ใช่เพียงวิญญาณต้นไม้ธรรมดาอีกแล้ว...

ด้านหนึ่งของอีกภพ...

เสียงหวีดร้องของสตรีดังขึ้นโหยหวน ร่างสูงโปร่งของบุรุษที่รออยู่ด้านนอกพลันสะดุ้งตาม ใบหน้าหล่อเหลาแสดงออกให้เห็นถึงความร้อนรนภายในใจ ก่อนที่เจ้าตัวจะคลี่รอยยิ้มยินดี เมื่อหูเเว่วได้ยินเสียงคนด้านในตะโกนลอดออกมา

“คลอดเเล้ว! เป็นคุณชายน้อย ฮูหยินคลอดบุตรชายเจ้าค่ะ”

“จริงหรือยายหลี่ เเล้วทำไมข้าถึงไม่ได้ยินเสียงร้องของลูกข้าเลยเล่า”

เสียงทุ้มตะโกนถามเข้าไปข้างในอย่างร้อนรน จวินเฟยรู้สึกหวั่นใจบอกไม่ถูก เมื่อภายในห้องไม่มีเสียงทารกน้อยเล็ดลอดออกมาให้ได้ยินสักครึ่งคำ ทว่าหมอตำแยนามยายหลี่ก็จนปัญญาจะตอบคำถามเหล่านั้น

เพราะยามนี้นางเองก็กำลังจับทารกน้อยทายาทหนึ่งเดียวของสกุลจวินห้อยหัวอยู่ แต่แม้ว่าจะจับขาชูปล่อยหัวห้อยอย่างไร เจ้าเด็กในมือก็ไม่ยอมส่งเสียงร้องออกมาสักแอะ แถมยังเอาแต่มองหน้านางตาแป๋ว หมอตำเเยจึงเงื้อมืออีกข้างขึ้นสูง

เพียะ!

ถึงจะถูกฟาดก้นไปเเล้วเเต่ทารกน้อยก็ยังเงียบ ทว่าดวงตาที่มองมาทางนางนั้นกลับจ้องเขม็ง เห็นดังนั้นยายหลี่จึงฟาดมือลงไปอีกครั้ง

เพียะ!

โอ๊ะ...โอ๊ะ ดูเหมือนหน้าจะเริ่มมีสีเเดงๆ ขึ้นมาหน่อยเเล้วสินะ

เพียะ!

หมอตำเเยเฒ่าฟาดลงไปอีกฝ่ามือ คราวนี้จงใจเพิ่มเเรงให้หนักขึ้น เเละเเล้วมันก็ได้ผล ทว่าไม่ใช่ได้ผลเเบบทารกน้อยเปล่งเสียงร้องอย่างที่คิด เพราะเเทนที่อีกฝ่ายจะร้องไห้โยเยเเบบเด็กธรรมดาทั่วไป เจ้าตัวกลับจ้องมาที่นางตาเขม็งเหมือนมีความเเค้นเคืองต่อกันก็ไม่ปาน

ยายหลี่พยายามส่ายศีรษะปฏิเสธความคิดของตนเอง นางท่าจะเสียสติไปเเล้วกระมัง เด็กทารกที่เพิ่งคลอดจะไปมีท่าทางเเบบนั้นได้อย่างไร เเต่ว่า...มุมปากที่ยกสูงกับดวงตากลมที่ถลึงมองมานั้นเล่า มันคืออะไรกัน

หมอตำแยเฒ่ามองรอยยิ้มนั้นตาค้าง ชั่วชีวิตของนางที่ทำคลอดให้ผู้คนมาจนเกือบห้าสิบปี กล้าสาบานได้เลยว่าไม่เคยเห็นทารกที่ไหน แสยะยิ้มได้อย่างน่าขนลุกเท่านี้มาก่อนเลย ช่างเป็นรอยยิ้มที่ชวนให้รู้สึกถึงการปองร้าย...

ในที่สุดประตูห้องก็ถูกเปิดออกโดยคนข้างใน ร่างสูงของเจ้าบ้านสกุลจวินผงะเล็กน้อย เขามองผู้ที่ก้าวออกมาพลางเอ่ยถามน้ำเสียงกังวลใจ

“ยายหลี่ ลูกข้าเล่า”

ยายหลี่พยักหน้าให้คนด้านหลัง สาวใช้ลูกมือรีบก้าวเข้ามาส่งทารกในอ้อมเเขน ที่ยามนี้กำลังนอนลืมตามองผู้เป็นบิดา เเละชั่วขณะที่ไม่มีใครทันสังเกต มุมปากเล็กๆ ก็ยกยิ้มเเสยะให้ยายเฒ่าหมอตำเเยอีกครั้ง

ยายหลี่เห็นเเล้วตาเหลือก รีบคว้าตะกร้าของตัวเองแล้วจ้ำลงเรือนไปทันที ขืนยังรั้งอยู่นางต้องหัวใจวายตายเป็นเเน่ เด็กอะไรน่าสยดสยองสิ้นดี ขนาดนางเพียงตีก้นไปไม่กี่ทียังรู้สึกถึงความแค้นจากอีกฝ่ายได้เลย

นี่มันทารกผีวิญญาณอาฆาตชัดๆ

จวินเฟยชื่นชมบุตรชายในอ้อมเเขนอยู่เป็นเวลานาน ก่อนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาหันมาทางที่ยายหลี่ยืนอยู่เมื่อครู่พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงยินดี

“ยายหลี่ เจ้าทำได้ดีมาก ประเดี๋ยวข้าจะเพิ่มเงินค่าทำคลอดให้อีกเป็นสามเท่าเลย”

“...”

ว่าแต่ยายหลี่หายไปไหนแล้ว ใครก็ได้ช่วยบอกเขาที...

หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา ยายหลี่หมอตำเเยก็ไม่เคยเหยียบย่างมาที่สกุลจวินอีกเลย เดือดร้อนถึงนายท่านจวินต้องให้คนนำค่าทำคลอดที่อีกฝ่ายไม่ยอมอยู่รอรับไปให้

ภายในห้องนอนเรือนใหญ่ จวินเฟยเเละฮูหยินต่างพูดคุยกันถึงเรื่องยายหลี่อย่างฉงน บ้านของพวกเขามีอะไรน่ากลัวกัน ไฉนหมอตำแยชรานางนั้นจึงยินยอมไม่เอาทรัพย์แทนการมาเยือน

ทารกน้อยจวินเทียนเฮ่อถูกห่อด้วยผ้าเนื้อนุ่มนอนอยู่บนเตียงนอน เสียงพูดคุยของบิดามารดาเเว่วเข้าหูให้ได้ยินทุกประโยค ชั่วขณะที่ไม่มีใครทันสังเกต มุมปากเล็กก็ยกขึ้นสูง รอยยิ้มแสยะที่ยายหลี่หวาดกลัวพลันปรากฏขึ้น ก่อนจะหายไปโดยไม่มีผู้ใดทันมองเห็น

'หึ สมน้ำหน้า'
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • สามชาติ สองภพ จบปรารถนา   บทที่ 143

    “อาจารย์บอกให้ข้ามาเรียนรู้จากท่าน” ชายหนุ่มบอกพลางส่งรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม รู้ดีว่าหากเอ่ยอ้างชื่ออาจารย์อีกฝ่ายไม่มีทางบอกไม่เด็ดขาดและก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เพราะเทพชะตาผู้รักตัวกลัวตายยังไม่อยากมีปัญหากับจอมอันธพาล จึงได้แต่กัดฟันมองข้ามอาการวอแวของอีกฝ่ายหลินจิงเสียงมองอาการหัวฟัดหัวเหวี่ยงของเทพตรง

  • สามชาติ สองภพ จบปรารถนา   บทที่ 142

    หลังจากจ้าวชวี่สิ้นชีพลง จวินเทียนเฮ่อที่รู้ตัวคนลงมือก็สะสางหนี้แค้นแทนนาง แน่นอนว่าเขาย่อมไม่คิดสังหารอีกฝ่ายด้วยมือตัวเองสตรีนางนั้นคิดจะฝากความแค้นให้เขาลงมือสังหารตนเองเพื่อเป็นที่จดจำอย่างนั้นหรือ ไม่มีทางเสียหรอก ฝันกลางวันต่อไปเถิด สิ่งใดที่เป็นความปรารถนาของอีกฝ่ายเขาจะบดขยี้มันให้สิ้นเช่

  • สามชาติ สองภพ จบปรารถนา   บทที่ 141

    ในบรรดาผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องด่านเคราะห์ของตี้จวิน มีเพียงเทพซื่อมิ่งเท่านั้นที่ดูจะมีสภาพดีกว่าเพื่อน ทำให้เขาอดปาดเหงื่อนึกขอบคุณตัวเองที่ให้การช่วยเหลือนางต้นไม้ไว้ไม่ได้และวันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่เทพชะตาต้องมานั่งอกสั่นขวัญหาย เมื่อคู่รักจอมวายร้ายมาเยือนตำหนักเขา“ตี้จวิน ท่านดูสิ เฮ่ยเสี

  • สามชาติ สองภพ จบปรารถนา   บทที่ 140

    อิ๋งอิ๋งขึ้นมาแดนสวรรค์เพื่อบำเพ็ญเป็นเซียนด้วยร่างกระบองเพชร แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลยแม้แต่น้อยห้าร้อยปีแรกที่นางเฝ้าเพียรบำเพ็ญ ผลที่ได้คือออกดอกสีชมพูมาหนึ่งดอก ผ่านไปอีกห้าร้อยปีความสามารถเพิ่มพูน คราวนี้ออกดอกได้พร้อมกันทีเดียวถึงสองมันน่าชื่นชมไหม…นางที่อยู่ในต้นไม้ได้แต่เอาศีรษะโขกลำต้

  • สามชาติ สองภพ จบปรารถนา   บทที่ 139

    “คราวนี้หากเจ้ายังคิดวิ่งหนีอีก ข้าจะจับมัดด้วยเชือกของซีหวังหมู่ แล้วหักขาสองข้างของเจ้าทิ้งเสีย กล้าก็ลองดู”รอยยิ้มหวานบนใบหน้าเล็กพลันแข็งค้าง บรรดาผู้เฝ้าชมรอบๆ ก็ไม่แตกต่างกัน เดิมทียังคิดว่าจะได้ฟังถ้อยคำรำพันรักหวานซึ้งเหมือนนิทานรักของโลกมนุษย์ แต่ที่ไหนได้กลับเป็นการจะตีขาให้หักแล้วจับมัดแ

  • สามชาติ สองภพ จบปรารถนา   บทที่ 138

    ภายหลังปรากฏการณ์ผ่านด่านเคราะห์อันสะเทือนเลื่อนลั่น เทพซื่อมิ่งก็ปรากฏกายเบื้องหน้าจวินเทียนเฮ่อองค์เทพบรรพกาลที่เพิ่งพ้นจากฤทธิ์น้ำแกงยายเมิ่งหมาดๆ มีใบหน้าแข็งกระด้างอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน“คารวะตี้จวิน ขอยินดีที่ท่านผ่านด่านเคราะห์ครั้งนี้”ไม่พูดก็แล้วไป เพราะเมื่อกล่าวออกมา เทพซื่อมิ่งพลันสัง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status