ตอนที่ 19
เข้าวัง
เช้าวันต่อมาเรื่องที่คุณชายใหญ่ไปค้างกับอนุจงก็เป็นที่พูดถึงไปทั่วในกลุ่มบ่าวไพร่ ขนาดโจวเยี่ยนเหยียนยังได้ยินแต่นางไม่ได้แสดงท่าทีใดออกไป
เมื่อแต่งตัวเสร็จนางก็ไปรอเขาที่หน้าประตูจวน แต่ผ่านไปกว่าสองเค่อแล้ว บ่าวที่ให้ไปตามก็ยังไม่กลับมา
“เสี่ยวหวาเจ้าไปดูหน่อยว่าคุณชายใหญ่มารึยัง” นางเอ่ยพลางมองไปที่ประตูชั้นใน เขากำลังจะทำให้นางไปเข้าเฝ้าไทเฮาสาย
“นายหญิงรอสักครู่ บ่าวจะรีบไปรีบกลับ อ๊ะ!!! มานั่นแล้วเจ้าค่ะ” เสี่ยวหวากำลังจะเดินออกไป แต่เห็นคนเดินมาเสียก่อน
โจวเยี่ยนเหยียนมองไปที่คนทั้งสอง ที่ยามนี้กำลังเดินหัวร่อต่อกระซิกกันมาอย่างหวานชื่น ในใจก็เริ่มคุกกรุ่นขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
ตัวเองบอกให้ผู้อื่นรอแต่กลับไปมัวเอ้อระเหยอยู่กับสตรีอื่น มันน่าทุบให้หลังแอ่นจริง ๆ
“อุ้ย!! ท่านพี่ปล่อยข้าก่อนเถอะเจ้าค่ะ คารวะฮูหยินน้อยขออภัยที่ข้าเป็นต้นเหตุให้ท่านพี่มาช้าเจ้าค่ะ” จงเยว่ชิงเอ่ยพร้อมกับแสดงท่าทีหวาดกลัวนางจนเกินจริง
“เจ้าอย่าโทษชิงเอ๋อร์เลย ข้าผิดเองที่ไม่ดูเวลาจนต้องให้เจ้ามารอเช่นนี้ ไปเถอะเดี๋ยวเข้าวังสายได้” ชายหนุ่มมีท่าทีต่างจากเมื่อครู่ชัดเจน พร้อมกับเดินนำไปที่รถม้าก่อน
“ลำบากอนุจงแล้ว แต่คราวหลังอย่าให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีกเล่า เชื้อพระวงศ์หาใช่บุคคลธรรมดาที่มานั่งรอเราได้ทั้งวันไม่”
นางเอ่ยจบก็เดินขึ้นรถม้าไปทันที ปล่อยให้จงเยว่ชิงมองตามไปอย่างไม่พอใจ แต่ก็ต้องรีบเก็บสายตานั่นกลับมาเมื่อหลงจิวซิ่งเปิดหน้าต่างออกมา
“ไว้ข้าจะรีบกลับมานะ” เสียงทุ้มเอ่ยกับสตรีที่ยืนอยู่ด้วยความอ่อนหวาน แสดงออกชัดเจนว่ารักใคร่เอ็นดูหญิงสาวเพียงใด
บ่าวไพร่ที่อยู่ตรงนั้นต่างได้ยินกันทุกคน เช่นนี้ไม่ใช่คุณชายใหญ่รักใคร่อนุมากกว่าฮูหยินตัวเองหรือ ต่อไปคงต้องทำดีกับอนุจงให้มากแล้ว
บนรถม้าตอนนี้มีเพียงความเงียบที่เกิดขึ้น โจวเยี่ยนเหยียนนั่งมองออกไปนอกหน้าต่างราวกับตัวเองนั่งอยู่ในรถม้าเพียงคนเดียว
หลงจิวซิ่งจึงคิดว่านางคงโกรธเรื่องที่เขาไปค้างที่เรือนจงเยว่ชิง บวกกับเรื่องที่เขาไม่ได้บอกนางก่อนหน้านี้ ทำให้หญิงสาวแสดงท่าทางแง่งอนเช่นนี้
“เจ้ายังไม่หายโกรธข้าอีกหรือ เรื่องวันนี้อย่าโทษชิงเอ๋อร์เลยที่มาช้าเป็นเพราะข้าเอง” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ
“ข้าหาได้ใส่ใจเรื่องนั้นไม่เพียงแต่หากข้าไปเข้าเฝ้าไทเฮาช้า ท่านจะรับโทษแทนข้าได้หรือไม่เล่า ต่อให้ท่านจะเป็นตระกูลคหบดีที่เรืองอำนาจ แต่คนของราชวงศ์ก็หาใช้บุคคลที่สามารถละเลยได้”
นางเอ่ยเสียงราบเรียบ แต่คนฟังกลับรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกสตรีตรงหน้าสั่งสอนราวกับเด็ก
“ข้าอยู่ในเมืองหลวงมานานเรื่องเท่านี้เหตุใดข้าจะไม่รู้ เจ้าคงยังไม่หายโกรธข้าจึงได้พูดจาหาเรื่องข้าเช่นนี้ เอาเถอะ! ข้าจะถือว่าเจ้าไม่ได้พูดเรื่องนี้ออกมาแล้วกัน”
เขาเอ่ยตัดบทนางจึงทำเพียงเค่นหัวเราะในใจ บุรุษแบบท่านนับวันธาตุแท้ยิ่งออก มองก็รู้ว่าแสร้งโกรธเพื่อกลบเกลื่อนแล้วโยนให้นางเป็นผู้ผิด หากไม่เลวจริงคงทำเช่นนี้ไม่ได้
เมื่อมาถึงหน้าประตูวังหลวงนางก็ลงจากรถม้าแล้วเดินตามขันทีที่มารอรับไปทันที โดยไม่หันไปยิ้มหรือบอกว่าหลงจิวซิ่งที่ยืนส่งอยู่
นั่นทำให้ชายหนุ่มเสียหน้าอย่างมาก กลับไปเขาต้องสั่งสอนนางเสียหน่อย จะได้รู้ว่าสามีเช่นเขาหาใช่คนที่นางจะทำเช่นไรด้วยก็ได้
โจวเยี่ยนเหยียนเดินตามขันทีไปจนถึงตำหนักของไทเฮา เมื่อไปถึงก็เห็นสตรีผู้หนึ่งนั่งรออยู่ในศาลากลางสวนก่อนแล้ว
“ข้าน้อยพาฮูหยินน้อยหลงมาแล้วพะย่ะค่ะ” เสียงขันทีที่พานางมาส่งเอ่ยขึ้น
“คารวะไทเฮาเพคะ” นางเอ่ยพร้อมกับคารวะสตรีสูงศักดิ์ตรงหน้าอย่างเต็มพิธีการ
“ลุกขึ้นแล้วมานั่งข้างเปิ่นกงตรงนี้” เสียงทรงอำนาจเอ่ยสั่ง ทำให้โจวเยี่ยนเหยียนรีบทำตามอย่างว่าง่าย
ไทเฮาเป็นสตรีที่อายุมากแล้ว มองจากสายตาคาดว่าคงหกสิบได้ กลิ่นอายที่แผ่ออกมากดดันจนนางยังเผลอกลั้นหายใจ
“ขอบพระทัยเพคะ”
“เจ้าเป็นบุตรสาวบุญธรรมของอ๋องสี่งั้นหรือ ไม่สิ! ต้องบอกว่าเป็นบุตรีของอ๋องสามต่างหาก” ประโยคที่ไทเฮาพูดทำให้นางเงยหน้าขึ้นมองสตรีสูงศักดิ์อย่างตกตะลึง
“อะ เออ...หม่อมฉันจะเป็นบุตรสาวผู้ใดนั้นไม่สำคัญหรอกเพคะ เพียงแต่ตอนนี้หม่อมฉันรู้ตัวว่าตัวเองเป็นบุตรสาวบุญธรรมของท่านอ๋องโจวจิ้วห้าวก็พอ” นางเอ่ยตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงนอบน้อม
บิดาคงเขียนจดหมายมาเล่าให้ไทเฮาฟังทั้งหมดแล้ว ไม่เช่นนั้นพระนางคงไม่ถามตนเช่นนี้แน่
“ดี ดี อ่อนหวาน นอบน้อม ไหวพริบดีเหมือนมารดาเจ้าไม่มีผิด เสียดายที่นางด่วนจากไปก่อน” ไทเฮาเอ่ยชมพลางรำพึงถึงสะใภ้ที่พระนางเลือกให้พระโอรสในความดูแล
หากตอนนั้นพระนางรู้ว่าบุตรชายตัวเองรักใคร่นาง ตนก็คงไม่ให้ฮ่องเต้พระราชทานสมรสฉบับนั้นออกไปแน่
“ขอบพระทัยเพคะ” นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“เจ้าเรียกข้าว่าเสด็จย่าเถอะ สถานะของเจ้าแม้ไม่สามารถประกาศออกไปได้ แต่ข้าจะทำให้ผู้อื่นรู้ว่าเจ้าเป็นคนที่อยู่ในความดูแลของข้าเอง” ไทเฮาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลายลง
ไม่แน่ว่าอดีตไทเฮาคงมีเรื่องติดค้างกับอ๋องสี่ จึงได้รับปากดูแลนางเช่นนี้ ถือว่าเป็นวาสนาของนางแล้วที่มีคนมีอำนาจหนุนหลังเช่นนี้
“ขอบพระทัยเสด็จย่าเพคะ หม่อมฉันสัญญาว่าจะไม่ทำให้พระองค์ทรงผิดหวังแน่นอนเพคะ” นางเอ่ยอย่างหนักแน่น
“ได้ยินว่าเจ้าตามสามีมาเมืองหลวงงั้นหรือ คุณชายหลงผู้นั้นแม้เป็นเพียงตระกูลคหบดี แต่อำนาจทางการค้ามากมายนัก ขนาดว่าฮ่องเต้ยังต้องให้เกียรติพวกเขาหนึ่งส่วน ถือว่าเป็นวาสนาของเจ้าแล้ว”
“เพคะ แต่ก็คงไม่มีลูกคนใดต้องการทำให้บิดาลำบาก คุณชายหลงเก่งกาจทางการค้าก็จริง แต่เขาไม่สนวิธีการที่จะได้มา เออ...หม่อมฉันพูดมากเกินไป ขออภัยเสด็จย่าเพคะ”
ไทเฮาไม่ได้พูดสิ่งใดเพียงเลื่อนจานขนมให้นางเท่านั้น พระนางรู้ว่าสตรีตรงหน้าต้องการสื่ออะไร แต่เรื่องนี้ก็ยังไม่แน่ชัดคงต้องให้คนสืบหาความจริงก่อน
“อย่างไรก็เป็นสามีภรรยากันแล้ว ยิ่งเจ้าเป็นฮูหยินเอกยิ่งต้องใจกว้าง อย่าได้คิดเล็กคิดน้อย มีน้ำใจกับบริวารให้มากหน่อย แต่ก็ต้องเด็ดขาดให้เป็น อ่อนบ้างยามที่สมควร แข็งบ้างยามถึงเวลา เจ้าเข้าใจที่ข้ากำลังสอนหรือไม่”
ไทเฮาเอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่น พร้อมกับยิ้มให้นางอย่างญาติผู้ใหญ่ที่กำลังสอนลูกหลาน
โจวเยี่ยนเหยียนรู้ว่าไทเฮากำลังสอนเรื่องการอยู่ร่วมกับสามี เพราะรู้ว่านางไม่ได้รักใคร่หลงจิวซิ่ง แต่ที่นางเอ่ยไปเช่นนั้นก็เพื่อต้องการให้ไทเฮารับรู้ ว่าหลงจิวซิ่งคิดจะทำให้อ๋องสี่ลำบากในวันหน้า
“หม่อมฉันเจ้าใจแล้วขอบพระทัยไทเฮาที่ทรงสั่งสอน หม่อมฉันจะจำไว้ให้ดีเพคะ”
เมื่อเห็นว่าหญิงสาวเข้าใจจึงได้ยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุย พร้อมกับชวนให้อยู่ทานข้าวเที่ยงด้วย
โจวเยี่ยนเหยียนเล่าเรื่องระหว่างทางให้พระนางฟัง รวมถึงเรื่องที่สาวใช้คนสนิทเกิดอุบัติเหตุจมน้ำตายด้วย ไทเฮาจึงประทานสาวใช้มาให้สองคน ชื่อลู่หลินกับลู่หลิ่ง
ทั้งสองมีนิสัยที่แตกต่างกันสุดขั้ว ลู่หลินดูร่าเริงสดใส เข้ากับคนได้ง่ายและรู้เรื่องพิษ ลู่หลิ่งนั้นเย็นชา แต่ทำงานได้เร็วและละเอียดกว่า ช่างสังเกตและเอาใจใส่รายละเอียดเล็กน้อยได้ดีกว่าลู่หลิน
เมื่อถึงยามเซินไทเฮาจึงปล่อยให้นางกลับ โดยไทเฮาสั่งให้เอารถม้าของพระนางไปส่ง นั่นแสดงให้เห็นว่านางเป็นคนของไทเฮาแล้ว ผู้ใดจะล่วงเกินย่อมต้องมองหน้าไทเฮาก่อน
“คารวะคุณหนูโจวเยี่ยนเหยียน” เสียงทุ้มเอ่ยทักขณะที่นางเดินผ่านอุทยานใหญ่เพื่อออกจากประตูชั้นใน
เมื่อหันไปจึงพบกับบุรุษรูปร่างสูงใหญ่ ใส่ชุดสีดำน่าเกรงขามยืนอยู่ ด้านหลังคาดว่าเป็นผู้ติดตามของเขา แต่เมื่อมองใบหน้าหล่อเหลานั่นกลับทำให้นางนึกถึงเรื่องเมื่อคิดขึ้นมา แต่ก็สลัดความคิดนั้นทิ้งไป
“ขออภัยเจ้าค่ะข้าแต่งงานแล้ว เรียกข้าว่าฮูหยินน้อยหลงจะดีกว่า อีกอย่างคุณชายทักข้าเช่นนี้เรารู้จักกันด้วยหรือเจ้าคะ”
นางเอ่ยถามกลับไปอย่างนอบน้อม เพราะในวังหลวงไม่สามารถรู้ได้ว่ามีขุนนางหรือองค์ชายพระองค์ใดเดินผ่านไปมาบ้าง
“คุณหนูถามเช่นนี้ข้ารู้สึกเสียใจนัก แต่ถึงแม้เราจะไม่ได้รู้จักกันมาก่อน เราก็สามารถทำความรู้จักกันได้นี่ ข้าซ่งอี้เฉินยินดีที่ได้พบคุณหนูโจวเยี่ยนเหยียนวันนี้อย่างมากขอรับ” ชายหนุ่มร่างสูงเอ่ยแนะนำตัวเอง
แม้ท่าทางจะดูไม่ได้คุกคามนาง แต่คำพูดที่เขาเอ่ยสื่อชัดเจนว่ากำลังคุกคามนางแน่ ยิ่งสายตาที่กำลังร้องว่าอยากได้ตัวนางนั่นอีก
เขาไม่คิดปิดบังเลยสักนิด ราวกับต้องการให้นางรู้ตัวว่าเขาคิดเช่นไรอยู่ แต่นางแต่งงานแล้วเขาจะคิดกับนางเช่นนั้นได้อย่างไร
“ข้าโจวเยี่ยนเหยียนเป็นฮูหยินของคุณชายใหญ่ตระกูลหลง ยินดีที่ได้พบคุณชายซ่งเช่นกันเจ้าค่ะ แต่วันนี้ข้าไม่ว่างแล้วคงต้องขอตัวก่อน”
นางเอ่ยบอกสถานะของตนชัดเจนก่อนจะเดินหนีเขาไปทันที แม้จะรู้ว่าเสียมารยาทแต่หากอยู่ตรงนั้นอีกนิด นางก็ไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรนางหรือไม่
ดูแล้วเขาคงมีอำนาจไม่น้อย ถึงได้กล้าแสดงท่าทางเช่นนั้นทั้งที่รู้ว่านางแต่งงานแล้ว
ตอนที่ 28หาเรื่องพักนี่หลงจิวซิ่งปวดหัวกับการส่งสินค้าลับเป็นอย่างมาก เพราะล่าสุดสินค้าที่เขาลอบนำเข้ามาถูกทางการจับกุมได้ทั้งหมด และคนที่เป็นผู้นำจับในครั้งนี้ก็คืออ๋องโจวจิ้งห้าว พ่อตาของเขานั่นเองมูลค่าสินค้าครั้งนี้เสียหายกว่าสิบล้านตำลึงทอง นับว่ามากที่สุดตั้งแต่ทำการค้านี้มาเลยก็ว่าได้“นายท่านตอนนี้คนของเราส่งข่าวมาว่าอ๋องโจวจิ้งห้าวเค้นเอาความจากคนของเราจนสาวมาถึงพ่อค้าที่ส่งของให้เราแล้วขอรับแต่ยังไม่สามารถจับตัวได้ และพ่อค้าที่เราทำการค้าด้วยก็ส่งคนมาขอความช่วยเหลือจากเรา หากไม่ช่วยเหลือเขาขู่จะเปิดโปงเรื่องทุกอย่างขอรับ”คนของหลงจิวซิ่งเอ่ยพร้อมกับยื่นจดหมายฉบับหนึ่งให้ เมื่อเปิดอ่านชายหนุ่มก็ขย้ำมันจนยับยู่ยี่ด้วยความโกรธ“จัดการเสีย คนตายย่อมไม่สามรถพูดได้ อย่าให้มันได้มีโอกาสเอ่ยปากถึงข้าได้!” เอ่ยจบก็เผาจดหมายฉบับนั้นทิ้งทันที“มูลค่าสินค้าที่เราสูญเสียไปนั้นมากมายนัก ตอนนี้เงินใ
ตอนที่ 27อยากพบหน้าด้านจงเยว่ชิงที่อยู่ ๆ ก็ล้มป่วยนั้น เมื่อได้ยินเรื่องที่หลงจิวซิ่งเรียกอนุจี้ไปปรนนิบัติตนก็รู้สึกไม่พอใจทันที“เป็นไปได้อย่างไร ข้ารับใช้เขาไม่ได้เขาก็เรียกหาสตรีอื่นทันทีหรือ แล้วที่บอกว่ารักใคร่ข้ามากมายนั่นเป็นเพียงเรื่องโกหกสินะ!!”“นายหญิงใจเย็นก่อนเถอะเจ้าค่ะ อย่างไรคุณชายใหญ่ก็เป็นเพียงหมากตัวหนึ่งบนกระดานเท่านั้น นายหญิงจะใส่ใจไปทำไมกัน คนที่นายหญิงควรใส่ใจคือนายท่านต่างหากเจ้าค่ะ” มี่มี่เอ่ยเตือนนายสาว“จริงสิ แต่ข้าล้มป่วยเช่นนี้จะพบผู้ใดได้อีก กว่าจะหายนายท่านคงลืมข้าไปแล้วกระมั้ง” หญิงสาวเอ่ยอย่างหงุดหงิด“ข้าจะลืมเจ้าได้อย่างไร ต่อให้เจ้าล้มป่วยข้าจะยังจะมาหาเจ้าเช่นเดิมนั่นแหละ” เสียงบุรุษดังขึ้นที่หน้าห้อง พร้อมกับตัวคนที่ถือกล่องบางอย่างเข้ามา“นายท่านข้ากำลังป่วยอยู่อย่าเข้าใกล้ข้าเลย ท่านจะติดหวัดจากข้าเอาได้นะเจ้าคะ&rdqu
ตอนที่ 26เวลาเปลี่ยนคนเปลี่ยนหลงจิวซิ่งโกรธทั้งฮูหยินเอกและมารดาตัวเอง วันนั้นจึงประชดโดยการทิ้งสตรีทั้งสองให้รอเก้ออยู่ในเรือนตามลำพัง ส่วนตัวเองก็ไปนอนกกกอดกับอนุจงเช่นเคยแต่อนุทั้งสองไม่ได้เหมือนนาง ที่ไม่ได้รับความโปรดปรานก็สามารถอยู่ได้ ดังนั้นวันนี้นางจึงมาหาแรงจูงใจให้ทั้งสองเสียหน่อย“หากพวกทั้งคนใดคนหนึ่งสามารถปรนนิบัติคุณชายใหญ่ได้ก่อน ข้าจะมีรางวัลให้อย่างงาม” นางเอ่ยขณะที่ทั้งสองมายกน้ำชาให้ตนในเช้าวันถัดมาที่นางทำเช่นนี้เพราะอยากเห็นชายหนุ่มแตกหักกับอนุจง ทุกอย่างทำไปเพราะความสนุกของตัวเองล้วน ๆแต่อีกนัยหนึ่งคือเขาจะได้ไม่มีเวลามายุ่งวุ่นวายเรื่องกิจการของนาง ที่ยามนี้ดำเนินการไปได้เกือบเสร็จแล้ว“จริงหรือเจ้าคะ!!! นายหญิงพอจะบอกได้หรือไม่ว่ารางวัลนั้นคือสิ่งใด” จี้เหมยกุ้ยเอ่ยถามอย่างตื่นเต้น“ข้าไม่รู้ว่าพวกเจ้าจะชอบมันหรือไม่ เครื่องหัวชิ้นนี้ทำมาจากหยกชั้นดี การออกแบบงดงามยังไม่มีวางขายในเมืองหลวง เพราะมันเป็นเครื่องประดับที่ข้าสั่งทำขึ้นมาเอง”นางเอ่ยพร้อมกับเปิดกล่องเครื่องประดับในมือให้ทั้งสองดู แม้จะเป็นเพียงปิ่นระย้าแต่รูปแบบงดงามนัก“งดงามยิ่งนัก ข้าไม่เคยเ
ตอนที่ 25แม่สามีซ่งอี้เฉินได้ยินทุกประโยคที่หญิงสาวพูดคุยกัน ตนตามนางมาตั้งแต่หอนางโลม เข้าออกร้านอาภรรณ์และร้านเครื่องประดับ จนมาถึงโรงเตี๊ยมแห่งนี้“นางช่างแสดงงิ้วได้เก่งกาจนัก หากนายท่านไม่ให้ข้าเฝ้าดูนางก่อนหน้านี้ ข้าคงคิดว่านางน่าสงสารแล้ว อึก!!!!”ซุนเข่อซินพูดจบก็รู้สึกจุกที่ท้องทันที เพราะถูกผู้เป็นนายซัดพลังยุทธใส่ แม้ไม่ได้แรงมากแต่ก็ทำเอาเขาตัวงอได้เช่นกัน“พูดมากเช่นนี้ข้าควรส่งเจ้าไปฝึกกับอี้เจินสักสองปี” ชายหนุ่มเอ่ยพร้อมกับมองลูกน้องตัวเองด้วยสายตาเย็นชา“ยะ อย่าเลยขอรับ ข้าจะไม่พูดอีกแล้ว” ซุนเข่อซินรีบปิดปากตัวเองทันที ก่อนจะถูกไล่ให้ไปเอารถม้า เพราะโจวเยี่ยนเหยียนออกจากห้องข้าง ๆ แล้วหลงจิวซิ่งกำลังตรวจบัญชีอยู่ในห้องทำงานหลังร้าน ก็มีบ่าวเข้ามาแจ้งว่าอนุจงเอาสำรับมาส่ง“รีบให้นางเข้ามา” ชายหนุ่มวางพู่กันในมือลงพร้อมกับลุกไปรับหญิงสาว“ท่านพี่ทำงานอยู่หรือเจ้าคะ ข้ามารบกวนท่านหรือไม่” จงเยว่ชิงเอ่ยพร้อมกับส่งยิ้มหวานให้ชายหนุ่ม“รบกวนอะไรกันเจ้าอุตส่าห์หิ้วปิ่นโตมาหาข้าเพียงนี้ แต่เจ้าไม่น่าลำบากเอาอาหารมาส่งข้าเช่นนี้เลย นั่งก่อนเถอะ” ชายหนุ่มเอ่ยพร้อมกับประคอง
ตอนที่ 24รับอนุให้สามีเมื่อได้ฟังจบนางก็ยิ้มเย้ยหยันออกมาทันที ที่สร้างเรื่องพวกนี้ก็เพื่อเอาไว้บีบให้นางอยู่ใต้เท้าตัวเองนี่เอง“เกินไปแล้ว!! ถึงกับใส่ร้ายกันเพียงนี้คงไม่ต้องการให้นายหญิงออกงานสังคมได้เลยสินะ” ลู่หลิ่งเอ่ยเพราะโกรธแทนนายสาว“พวกเจ้าเชื่อข่าวลือเหล่านั้นหรือไม่” นางหันไปถามสาวใช้ทั้งสองอย่างใจเย็น“จะเชื่อได้อย่างไรเล่าเจ้าคะ ในเมื่อพวกข้าก็อยู่กับนายหญิงตลอดเวลา ย่อมมองออกว่านายหญิงเป็นคนเช่นไร” ลู่หลินรีบเอ่ย“เช่นนั้นข้าจะเล่านิทานให้ฟัง” นางเอ่ยพร้อมกับเริ่มเล่าเรื่องราวที่ผ่านมาให้ฟัง รวมทั้งเรื่องที่ตนสันนิษฐานเกี่ยวกับสามีผู้นี้ด้วย“เช่นนั้นนายหญิงจะทำอย่างไรต่อไปดีเจ้าคะ ขนาดเพิ่งมาถึงเมืองหลวงไม่นานยังกล้าทำถึงเพียงนี้ ก่อนหน้านี้นายหญิงไปเข้าเฝ้าไทเฮามาแท้ ๆ พวกเขายังไม่เกรงใจเลยสักนิด”ลู่หลินเอ่ยด้วยสีหน้ากังวล คนจวนนี้ไม่คิดเกรงกลัวอำนาจของราชวงศ์เลยสักนิด คงคิดว่าการค้าของตัวเองเรืองอำนาจมากสินะ“ข้าคิดว่าจะให้บิดาช่วยเรื่องหย่า จากนั้นข้าจะหายไปเสีย ออกไปใช้ชีวิตคนเดียวเปิดกิจการเลี้ยงตัวเอง ไม่ยุ่งเกี่ยวกับราชวงศ์อีก”นางเอ่ยความคิดที่ตนวางแผนไว้ แ
ตอนที่ 23ฮูหยินอำมหิต“ฮูหยินน้อยเกิดสิ่งใดขึ้นหรือเจ้าคะ ให้พวกบ่าวเข้าไปได้หรือไม่!!” เสียงลู่หลิ่งตะโกนมาจากด้านนอก“เข้ามา!!!! แล้วให้คนมาพาคุณชายใหญ่กลับเรือนไปด้วย!!!!!” นางเอ่ยพลางหอบหายใจเพราะความโกรธเมื่อเห็นสภาพของหลงจิวซิ่งสาวใช้ทั้งสามก็รีบเอามือปิดปากกลั้นเสียงร้องของตัวเองทันที“นายหญิงเจ็บที่ใดหรือไม่เจ้าคะ!!”ลู่หลินรีบเข้ามาดูนาง ก่อนจะตาโตอย่างตกใจอีกครั้ง เมื่อเห็นนางมีเลือดซืมที่มุมปาก พร้อมกับใบหน้าด้านซ้ายเริ่มบวมแดงแล้ว“ไปตามหมอเถอะ” นางบอกสาวใช้สั้น ๆ ก่อนจะเดินไปรอที่ห้องรับรองแขก เพราะหากมีการตามหมอเรื่องก็คงวุ่นวายกว่านี้แน่กว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยก็ผ่านมาเกือบสองชั่วยาม หมอมาดูอาการนางแล้วบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก ก่อนจะเขียนใบสั่งยาแล้วกลับไปส่วนหลงจิวซิ่งนั้นหัวแตก หากเป็นในโลกที่นางจากมาคงได้เย็บไม่ต่ำกว่าสิบเข็มแน่ นอกนั้นก็ปากแตกแล้วก็พกช้ำเล็กน้อยเพราะล้มใส่โต๊ะทานข้าว“ฮูหยินน้อยเจ้าอธิบายให้ข้าฟังทีว่าเรื่องนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร!” ฮูหยินใหญ่ที่ได้โอกาสจึงเอ่ยถามนางด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด“ฮึก!! ท่านพี่เคยเล่าเรื่องที่ทะเลาะกับฮูหยินน้อยตอนอยู่เมือ