LOGINตอนที่ 4
คนรู้จัก
ฮัวเฉิงได้ยินเช่นนั้นก็ได้แต่นิ่งค้าง ไม่คิดว่าตนจะทนหนาวเดินมาตั้งไกลเพื่อมาเสียเที่ยว แถมยังต้องเอาตัวปัญหากลับไปที่บ้านอีก
“ท่านพ่อข้ารู้สึกปวดเบาขอไปปลดทุกข์ตรงโน้นก่อนได้หรือไม่” นางได้โอกาสจึงได้หาทางหนีทันที
“รับไปรีบมาล่ะ อย่าให้ข้าต้องรอนาน!!” บิดาเอ่ยก่อนจะหันหลังให้นาง ฮัวหนิงอันไม่รอช้าทำทีไปปลดเบาแล้วก็ออกแรงวิ่งเต็มที่ทันที
ฮัวเฉิงรู้สึกว่าบุตรสาวเงียบผิดปกติจึงหันไปดู แต่เห็นเพียงหลังไว ๆ จึงได้รู้ว่านางคิดหนีตนแล้ว จึงได้ออกวิ่งตามพร้อมตะโกนไล่หลังทันที
“หยุดนะนังเด็กอกตัญญู!! คิดจะหนีไปไหนหยุดเดี๋ยวนี้!!!!”
ฮัวหนิงอันรู้ว่าบิดารู้ตัวแล้วจึงรีบสับขาให้เร็วขึ้น ก่อนจะแทรกตัวไปตามฝูงชนในตลาด แต่ก็ต้องพลาดท่าเมื่อมีรถม้าวิ่งมาตัดหน้านางพอดี
ทำให้แม้พยายามเบี่ยงตัวหลบจนสามารถพ้นมาได้ แต่ก็ถูกบิดาตามมาทันพอดี
อะไรมันจะซวยซ้ำซวยซ้อนขนาดนี้นะอันอัน ชาติที่แล้วทำบุญแล้วลืมกวาดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวรหรือไงเนี่ย
“นังเด็กอกตัญญู!! เจ้าจะหนีข้าไปไหน!!!”
ฮัวเฉิงตะคอกพร้อมง้างมือจะตบบุตรสาวตัวดี ฮัวหนิงอันนั้นหลับตารอรับฝ่ามือบิดาแล้ว แต่ทุกอย่างกลับเงียบสนิท นางเลยค่อย ๆ ลืมตามองพบว่ามีชายผู้หนึ่งกำลังจับข้อมือบิดาอยู่
“พี่ชายอย่าใช้ความรุนแรงกันเลยนะ” เสียงชายวัยกลางคนแต่งกายด้วยผ้าไหมชั้นดีเอ่ยขึ้นขณะเดินลงมาจากรถม้า
“นะ นายท่านนางเป็นบุตรสาวที่ทำผิดแล้วคิดหนี ข้าเลยต้องสั่งสอนให้นางหลาบจำเสียบ้าง จะได้ไม่ไปก่อเรื่องที่ใหนอีก” ฮัวเฉิงเอ่ยเสียงตะกุกตะกักเพราะบรรยากาศที่แผ่ออกมาจากชายตรงหน้า
“นายท่านซื้อตัวข้าไปได้หรือไม่ ข้าไม่อยากกลับไปอยู่กับพ่อบุญธรรมผู้นี้อีกแล้ว ให้ข้าเป็นบ่าวซักล้างในจวนท่านก็ได้ ข้าสามารถทำงานได้ทุกอย่างไม่ว่าจะหนักหรือเบาขอเพียงท่านสั่งมาเท่านั้น แต่อย่าให้ข้ากลับไปกับพ่อบุญธรรมผู้นี้เลยนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นเขาได้ทุบตีข้าจนตายเป็นแน่”
ให้นางไปอยู่กับนายท่านตรงหน้าก็ยังดีกว่าอยู่กับคนบ้านฮัว จากที่สังเกตตั้งแต่เขาก้าวขาลงจากรถม้า สายตาเขาแม้เย็นชาแต่มีแวบหนึ่งที่แสดงออกว่าสงสารนาง บางทีหากนางขอร้องเขาเช่นนี้เขาอาจช่วยนางก็ได้
“เจ้าพูดอะไรออกมานังลูกบ้า! หุบปากเจ้าไปเลยนะ!!” ฮัวเฉิงรีบตะคอกใส่นางพร้อมกับทำท่าจะทุบตีนางอีกครั้ง
“ท่านก็ตั้งใจเอาข้ามาขายอยู่แล้วนี่!!!” นางหันไปเถียงแต่เนื้อตัวกลับสั่นเทาจนคนที่เดินตลาดเริ่มเข้ามามุงดูด้วยสายตาสงสาร
“ข้าจะซื้อนางเองค่าตัวนางเท่านไหร่”
อยู่ ๆ ชายวัยกลางคนผู้ที่ยืนมองสองพ่อลูกเถียงกันก็เอ่ยขึ้น ทำให้ฮัวเฉิงทั้งตกใจและดีใจในเวลาเดียวกัน
“ขอบคุณนายท่าน! หากซื้อตัวนางไปรับรองไม่ผิดหวังแน่นอน นางทำงานบ้านได้ทุกอย่าง ข้าวปลาก็ทำอร่อย ข้าน้อยรับประกันเลยขอรับ!!” ฮัวเฉิงรีบเอ่ยสรรพคุณบุตรสาวแสนชังของตัวเอง
“สิบห้าตำลึงเงินข้าให้ได้เท่านี้ แต่ข้าขอถามอย่างหนึ่ง ปิ่นไม้บนหัวนางได้มาจากที่ใด” นายท่านผู้นั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มทรงอำนาจเช่นเดิม
ฮัวเฉิงได้ยินเรื่องตำลึงที่จะได้ก็ดีใจจนเก็บอาการไม่อยู่ ก่อนจะเอะใจเรื่องปิ่นไม้จึงมองไปที่หัวของบุตรสาว ทำให้นึกขึ้นมาได้ว่าปิ่นไม้นี้แม่เฒ่าฮัวให้นางตอนวันปักปิ่นที่ผ่านมา
“ขอบคุณนายท่านมากขอรับ ส่วนปิ่นไม้นี้เป็นของที่ติดตัวนางมาตั้งแต่ที่ข้าเก็บนางมาเลี้ยงขอรับ ข้าจึงตั้งชื่อให้นางตามอักษรที่แกะสลักอยู่บนปิ่นไม้นั่น”
เขาเอ่ยตอบด้วยดวงตาเป็นประกาย เพราะตนกำลังจะได้รับเงินก้อนโตจากนายท่านตรงหน้า
ฮัวหนิงอันได้ยินที่นายท่านตรงหน้าถามก็รู้สึกแปลกใจพร้อมกับมีลางสังหรณ์บางอย่าง แต่ยังไม่กล้าคิดไปไกลกว่านี้
“เอาเงินให้เขาไป ส่วนเจ้าขึ้นไปนั่งรถม้ากลับจวนกับข้า”
นายท่านผู้นั้นเอ่ยก่อนจะเดินนำไปขึ้นรถม้า แต่ขณะเดินผ่านบิดา ก็ได้ยินเสียงกระซิบรอดไรฟันออกมา
“จากนี้ข้ากับเจ้าขาดกัน!! หากจะสร้างเรื่องอะไรก็อย่ากลับมาให้ข้าได้เห็นหน้าอีก!!”
“บอกตัวท่านเองเถอะเจ้าค่ะ หากวันหน้าข้าได้ดีอย่าเสนอหน้าไปให้ข้าเห็นหน้าแล้วกัน” เอ่ยจบนางก็เดินผ่านไปขึ้นรถม้าทันที
ฮัวเฉิงมองตามบุตรสาวที่เก็บมาเลี้ยงไปด้วยสายตาดูถูกกึ่งไม่พอใจ กล้าดีอย่างไรมาพูดกับเขาเช่นนี้ แต่ก็ดีที่นางไปจากบ้านเขาได้ เพราะอยู่ต่ออีกหน่อยก็ไม่รู้ว่านางจะสร้างความเดือดร้อนอะไรให้เขาอีก
ฮัวหนิงอันนั่งเกรงอยู่บนรถม้ากับชายรุ่นพ่อตรงหน้า จนรถม้าหยุดลงที่หน้าจวนขนาดใหญ่หลังหนึ่ง นายท่านผู้นั้นจึงลงไปก่อนตามด้วยนางที่ทำหน้าเหลอหลาเพราะทำตัวไม่ถูก
“ให้คนพานางไปอาบน้ำใหม่แล้วพามาพบข้าที่ห้องโถงใหญ่”
นายท่านที่พานางมาเอ่ยขึ้นขณะเดินเข้าจวน ทำให้นางที่กำลังตื่นตาตื่นใจกับสิ่งสวยงานในจวนต้องเรียกสติตัวเองกลับมา
“พะย่ะค่ะ” แล้วนางก็ถูกพาเดินแยกไปอีกทาง จากนั้นก็มีสาวน้อยสาวใหญ่เข้ามารุมขัดสีฉวีวรรณให้นางทุกซอกทุกมุม
“เออ...ป้าตรงนั้นไม่ต้องขัดก็ได้มั้งเจ้าคะ” นางเอ่ยเมื่อถูกจับแขนยกขึ้นเหนือศีรษะ
“ไม่ได้! นายท่านไม่เคยพาสตรีใดกลับจวน มาวันนี้พาแม่นางกลับมาด้วยแปลว่าท่านต้องเป็นคนพิเศษไม่น้อย” คนที่นางเรียกว่าป้าเอ่ยตอบหน้าตาย
“นายท่านของป้าอาจพาข้ากลับมาเป็นสาวใช้เฉย ๆ ก็ได้เจ้าค่ะ เพราะงั้นไม่ต้องขัดทุกซอกทุกมุมหรอก” นางเอ่ยแย้งอีกครั้ง
“อย่าพูดมากเลยเจ้าค่ะยินยอมพวกข้าแต่โดยดีเถอะ แม่นางจะได้ไม่เจ็บตัวมาก” ท่านป้าอีกคนเอ่ยขึ้น ทำให้ฮัวหนิงอันต้องยอมเงียบแต่โดยดี เพราะรู้ว่าตนสู้แรงแม่ป้าเหล่านี้ไม่ไหวแน่
นางถูกจับขัดตัวไปก็ถูกบ่นไป พอมาถึงตอนเลือกชุดก็ถูกบ่นอีก ว่านางตัวเล็กผอมบางเกินไปใส่ชุดไหนก็หลวมไปหมด สุดท้ายจึงมาจบที่ชุดสีเขียวอ่อนที่นางใส่แล้วหลวมน้อยที่สุด
ก่อนพาไปพบคนเหล่าท่านป้าก็กำชับให้นางพูดคำราชาศัพท์ที่ไว้ใช้กับเชื้อพระวงศ์ ทำให้นางยิ่งมั่นใจว่าคนที่ช่วยนางไม่ธรรมดาจริง ๆ
“ท่านอ๋องแม่นางฮัวมาแล้วเพคะ” ท่านป้าคนที่จัดการทุกอย่างให้นางเป็นผู้เอ่ยขึ้นขณะเดินเข้าไปในห้องโถงของเรือนใหญ่
นายท่านของจวนเงยหน้าขึ้นมองเต็มตา ก่อนจะเอ่ยปากชม...มั้ง
“อืม ดูเป็นคนขึ้นมาหน่อย” นางถึงกับคิ้วกระตุกเมื่อได้ยินประโยคนี้ หากตาลุงนี่ไม่ใช่คนซื้อตัวนางมานางคงด่าสวนไปแล้ว
“ขอบคุณนายท่านที่ช่วยเหลือข้าน้อยเพคะ เออ...แล้วจะให้ข้าน้อยไปทำงานอะไรในจวนหรือเพคะ”
นางถามเข้าเรื่องทันที เพราะไม่อยากคิดไปในแนวเดียวกับเหล่าท่านป้าทั้งหลาย
“เจ้าต้องแทนตัวเองว่าหม่อมฉันถึงจะถูก!” ท่านป้าที่พานางมาเอ่ยเสียงเข้ม
“ช่างเถอะ เจ้ามานั่งตรงนี้แล้วเอาปิ่นของเจ้ามาให้ข้าดูหน่อย” นายท่านตรงหน้าไม่ตอบ แต่ขอดูสิ่งที่ติดตัวนางมาแทน
นางจึงเอาปิ่นนั้นให้เขาดู พร้อมกับสังเกตว่าสายตาของเขามีแววคล้ายจะเศร้าหมองไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกลับมาเรียบนิ่งเช่นเดิม
“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามารดาที่แทนจริงของเจ้าคือผู้ใด” เขาเงยหน้าถามนางเมื่อมองปิ่นนั่นจนพอใจแล้ว
“ไม่ทราบเพคะ ตั้งแต่จำความได้หม่อมฉันก็มีเพียงครอบครัวฮัวที่เก็บหม่อมฉันมาเลี้ยง และพวกเขาก็ไม่รู้เช่นกันว่ามารดาที่แท้จริงของหม่อมฉันคือผู้ใด ไม่เช่นนั้นเขาคงเอาหม่อมฉันไปคืนมารดานานแล้วเพคะ”
นางเอ่ยไปตามตรงและไม่คิดจะพูดให้คนตรงหน้าสงสารด้วย เพราะไม่รู้จะทำเช่นนั้นไปเพื่อสิ่งใด
“หากข้าบอกว่ามารดาเจ้าไม่อยู่บนโลกนี้แล้วเจ้าจะเสียใจหรือไม่”
ฮัวหนิงอันนิ่งไปครู่หนึ่ง ภาพสตรีในความฝันอุ้มทารกวิ่งหนีโจรป่าผุดขึ้นมา ทำให้นางอดที่จะรู้สึกเศร้าไม่ได้
“คงเสียใจเพคะ แต่หากนางไม่อยู่แล้วจริง ๆ หม่อมฉันก็ขอเพียงได้ไปกราบหลุมศพนางสักครั้ง ว่าแต่ท่านรู้จักมารดาหม่อมฉันด้วยหรือเพคะ”
นางเอ่ยถามออกไป ในใจก็เริ่มแน่ใจมากกว่าหกส่วนว่าชายตรงหน้ารู้จักมารดาเจ้าของร่างนี้
“ข้ารู้จักนางดีเลยล่ะ นางคือพระชายาท่านอ๋องโจวฉู่ฮุ่ย ระหว่างทางไปกราบพระที่อารามนอกเมืองขบวนของพระชายาถูกโจรดักปล้น บุตรสาวเพียงคนเดียวของท่านอ๋องสามหายไป”
“.....”
“สัญลักษณ์ที่แสดงว่าเป็นตัวบุตรสาวของท่านอ๋องผู้นั้น คือปิ่นไม้จันทร์หอมแกะสลักนกยวนยาง ด้ามจับมีคำว่าหนิงกับอัน ที่ตัวทารกมีปานครึ่งวงกลมที่ใต้รักแร้ขวา ซึ่งแม่นมของข้าบอกว่าเจ้ามี”
ตอนพิเศษต้องใจจ้าวฝูหมิงออกจากจวนท่านประมุขได้ก็ไม่รู้จะไปที่ใด เมืองหลวงแสนวุ่นวายเดินไปทางไหนก็มีแต่ผู้คนมากมายไปหมด หาความสงบไม่เจอเลยสักนิด“เจ้าหยุดนะ!! ข้าคือบุตรชายคนรองแม่ทัพใหญ่เจ้าบังอาจนักที่กล้าขโมยเงินของข้าเช่นนี้!!!”ที่มุมถนนมีคนสองคนกำลังรุมเตะชายผู้หนึ่งอยู่ด้วยความโกรธ ปากก็ตะโกนด่าเขาไม่หยุดทำให้จ้าวฝูหมิงหยุดมองอย่างสนใจ“นายท่านอย่าเข้าไปยุ่งเลยดีกว่าขอรับ” บ่าวคนสนิทเอ่ยเตือนผู้เป็นนาย แต่เขากลับเอาแต่ยืนนิ่งไม่ไหวติงเขามองชายผู้นั้นหยิบถุงเงินตัวเอง ก่อนจะทำหน้าตาเยาะเย้ยขอทานที่ถูกรุมทำร้ายเมื่อครู่ แล้วเดินกลับไปทางที่วิ่งมากับบ่าวตัวเอง“นะ นายท่านจะไปไหนขอรับ!!!” บ่าวคนสนิทของจ้าวฝูหมิงรีบวิ่งตามผู้เป็นนายไป เพราะเขาเดินตามสองคนนายบ่าวผู้นั้นไปแล้วจ้าวฝูหมิงเดินตามชายหนุ่มผู้นั้นไปจนถึงตรอกฟ้าคราม ที่รู้เพราะมีป้ายเขียนตัวใหญ่เด่นสะดุดตาตรงทางเข้า&ldquo
ตอนพิเศษจะ... (ตั้งใจรัก) จนกว่าจะได้แต่งเมื่อขบวนถูกหยุดกลางทาง หยางรุ่นชิงจึงต้องลงมาคุยกับชายหนุ่มให้รู้เรื่อง หากยังถูกตามต่อไปเขาคงได้ใจอ่อนยอมเป็นฮูหยินให้คนตรงหน้าแน่“น้องรุ่นชิงจะไปเมืองไคชิงเหตุใดจึงไม่ส่งข่าวบอกพี่ชายคนงามบ้าง เจ้าเล่นหนีมาเช่นนี้แล้วแม่สื่อกับของหมั้นที่กำลังจัดเตรียมจะทำเช่นไร” จ้าวฝูหมิงเอ่ยเกินจริงทั้งที่ทุกอย่างยังไม่ได้ถูกจัดเตรียมสักนิด“เออ...ข้าไม่ได้หนีนะ เพียงแต่ท่านแม่บอกว่าข้าเหน็ดเหนื่อยจากการค้าขาย จึงไห้ไปพักผ่อนที่เมืองไคชิงก่อน เผื่อจะได้หาช่องทางขยายกิจการของตระกูลหยางด้วย”เด็กหนุ่มเอ่ยแก้ตัว ทั้งที่รู้ว่าคนตรงหน้ามองออกแน่ และที่ตามเขามาทันเช่นนี้คงให้คนจับตาดูเขาเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ทำไมเขาไม่คิดให้รอบคอบกว่านี้นะแต่อีกใจก็แอบดีใจจนอิ่มฟูไปทั้งอก ที่รู้ว่าเขาใส่ใจตัวเองเช่นนี้ หากท่านแม่ยอมรับเขาได้ก็คงจะดีไม่น้อย“เช่นนั้นขอพี่ชายคน
ตอนที่ 46ดอกรักผลิบานชั่วกาล 2 (จบ.)“ยินดีที่ได้พบคุณชายหยางเจ้าค่ะ ว่าแต่เพิ่งกลับมาเมืองหลวงหรือเจ้าคะ” นางหันไปถามผู้อาวุโสจ้าว“เป็นเช่นนั้นขอรับและเพิ่งรู้ข่าวว่าท่านกำลังตั้งครรภ์ เรื่องที่จะรบกวนคงต้องเปลี่ยนใจแล้ว” จ้าวฝูหมิงเอ่ยทั้งที่ยังยิ้มอยู่“เรื่องอะไรท่านลองพูดมาก่อนเถอะเจ้าคะ เผื่อว่าข้าจะให้ผู้อื่นช่วยได้ ท่านไม่ต้องคิดเกรงใจอย่างไรเราก็คนกันเองทั้งนั้น” นางเอ่ยพร้อมสังเกตสีหน้าคนทั้งสองไปด้วยท่านจ้าวดูจะกำลังวางแผนบางอย่างอยู่ แต่อีกคนนั้นไม่ได้รู้เนื้อรู้ตัวเลยสักนิด“ข้าอยากได้ผู้ใหญ่ไปสู่ขอหยางรุ่นชิงกับตระกูลหยางขอรับ”เมื่อจบประโยคคนข้างกายท่านจ้าวก็ทำถ้วยชาหลุดมือทันที พร้อมกับใบหน้าที่แดงก่ำขึ้นมาอย่างชัดเจน“เรื่องมงคลเช่นนี้ข้าจะพลาดได้อย่างไร ข้าจะให้คนออกหน้าให้อย่างไรที่นี่ตระกูลซ่งก็ได้ชื่อว่าเป็นคหบดีที่ร่ำรวยติดสามอันด
ตอนที่ 45ดอกรักผลิบานชั่วกาล“คิดสิ่งใดอยู่ สามีขอสั่งให้เจ้าหยุดคิดถึงเจ้าลูกเต่านั่นเดี๋ยวนี้!!” อยู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนเป็นหึงหวงนางแทน“สามีท่านดื่มน้ำส้มจนหมดไปสิบไหแล้วกระมั้ง ก็ไม่ใช่ท่านหรือที่พูดให้ข้าคิดตาม”“ไม่รู้แหละ เจ้าคิดถึงข้าได้เพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่ได้การข้าต้องรีบสร้างเจ้าก้อนให้มาอยู่ในท้องเจ้าแล้ว ไม่เช่นนั้นสักวันเจ้าต้องคิดหาบุรุษอื่นแล้วหนีข้าไปแน่” เขาเอ่ยพร้อมกับอุ้มนางตรงไปที่ห้องนอนอย่างแน่วแน่“ท่านจะทำอีกทำไมเจ้าคะ ตอนนี้เขาก็อยู่ในท้องข้าแล้วเนี่ย” คำพูดของนางทำให้เขาชะงักฝีเท้า“เจ้าว่าอย่างไรนะ!!” เขาถามนางอีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่าเมื่อครู่ตนไม่ได้ฟังผิดไป“ข้ากำลังตั้งท้องลูกของท่านได้ประมาณสองเดือนแล้วเจ้าค่ะ” นางเอ่ยช้า ๆ ให้เขาฟังอย่างชัดเจนซ่งอี้เฉินคล้ายจะหูดับไปครู่หนึ่ง ชีวิตนี้เพิ่งเข้าใจว่าเหตุ
ตอนที่ 44คิดไม่ผิดหลิวซื่อเฟิงถูกลากออกไปรับโทษตามที่ท่านประมุขเป็นผู้สั่ง เริ่มจากตัดเส้นลมปราณเพื่อไม่ให้คนหลบหนีก่อนจะเอาอุปกรณ์สำหรับถอดเล็บออกมา หลิวซื่อเฟิงที่เห็นเช่นนั้นถึงกับน้ำตาไหลด้วยความกลัว แต่ไม่อาจหนีไปไหนได้เพราะถูกมัดตรึงไว้กับเก้าอี้กรี๊ด!!!!!!เสียงกรีดร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าดังออกมาจากเรือนด้านหลังจวน แต่เพราะเรือนนี้ห่างไกลจากเรือนหลักนักจึงไม่มีผู้ใดได้ยินเสียงนางกว่าจะถอดออกครบยี่สิบเล็บนางก็สลบไปถึงสองครั้ง ผู้ที่ลงโทษไม่ได้หยุดเพียงเท่านั้น พวกเขายกดังน้ำเกลือขนาดใหญ่เข้ามา ก่อนจะเอ่ยกับผู้ที่นั่งอยู่ด้วยน้ำเสียงเย็นชาปนสมเพช“แม่นางหลิวซื่อเฟิง เพราะท่านคิดทำร้ายนายหญิงท่านประมุขจึงสั่งมาว่าให้ทำอย่างไรก็ได้ให้ท่านทรมานที่สุด เพราะฉะนั้นแล้วอย่าโกรธเคืองพวกข้าเลยนะ”เอ่ยจบก็ราดน้ำเกลือเข้มข้นใส่แผลสดที่เลือดยังไหลไม่หยุด ความเจ็บปวดปนกับความแสบทำให้นางกรีด
ตอนที่ 43ปองร้าย“ขอบคุณนายหญิงที่ชี้แนะทางให้แก่ข้า จากนี้ฝากท่านดูแลท่านประมุขด้วยขอรับ” จ้าวฝูหมิงเอ่ยพลางคารวะนางอย่างที่คนในราชวงศ์ทำกัน“ขอให้ท่านตามหาเด็กดื้อผู้นั้นเจอนะเจ้าคะ” นางอวยพรพร้อมกับทำมือชูสองนิ้วให้กำลังใจจ้าวฝูหมิงฝากจดหมายไว้ให้ซ่งอี้เฉินหนึ่งฉบับ ก่อนจะเดินจากไปพร้อมคนของเขา“ท่านจ้าวจะไปตามหาเด็กหายหรือเจ้าคะ” ลู่หลินเอ่ยถามอย่างสงสัยและไม่เข้าใจ“ดูท่าแล้วไม่ใช่แค่เด็กที่หาย แต่หัวใจเขาก็ถูกเด็กผู้นั้นขโมยไปด้วย ข้าเพิ่งพูดคุยกับเขาไปเพียงสองเดือนเองนะ สงสัยเด็กคนนั้นคงเป็นคนในเมืองหลวงนี้เป็นแน่”นางรำพึงรำพันคนเดียว ก่อนที่จะถูกสาวใช้พากลับเข้าเรือน เพราะหิมะเริ่มตกหนักมากขึ้น“คนจากโรงครัวบอกว่าได้ชามาใหม่ จึงอยากให้นายหญิงลองชิมว่าถูกใจหรือไม่เจ้าค่ะ” ลู่หลิ่งเอ่ยพร้อมกับยกชาเข้ามาให้นาง“กลิ่นหอมจังเลย ว้







