LOGINตอนที่ 5
สถานะที่แท้จริง
เมื่อนายท่านพูดจบในห้องก็ตกอยู่ในความเงียบทันที โดยเฉพาะฮัวหนิงอันที่พูดคำใดไม่ออกไปชั่วครู่ เจ้าของร่างนี้เป็นถึงลูกพระชายาอ๋องเลยงั้นหรือ!!
“มะ หม่อมฉันเป็นลูกของพระชายาเลยหรือเพคะ!” นางเอ่ยถามเพื่อความมั่นใจ แต่ก็ต้องนิ่งค้างไปอีกครั้งกับคำตอบของนายท่านตรงหน้า
“ไม่ใช่ เจ้าเป็นลูกของข้ากับนางต่างหาก เจ้าอ๋องชั่วช้าผู้นั้นไม่สมควรเป็นบิดาของใครด้วยซ้ำ!!” ฮัวหนิงอันยิ่งงุนงงมากกว่าเดิม
ท่านเอ่ยเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรกันแน่ ไม่ใช่ว่ามารดาของนางแอบคบชู้แล้วไปแต่งกับบุรุษอีกคนหรอกนะ ยุคจีนโบราณมีเรื่องอะไรเช่นนี้ด้วยหรือ
“.......”
“ข้าโจวจิ้งห้าวเป็นน้องชายของอ๋องผู้นั้น และเป็นอดีตคนรักของมารดาเจ้า จากนี้ข้าจะรับเจ้าเป็นลูกบุญธรรมของข้าเอง” นายท่านหรือท่านอ๋องโจวจิ้งห้าวเอ่ยกับเด็กสาวที่นั่งทำหน้างุนงงอยู่
“แปลว่านายท่านก็คือท่านอ๋องเช่นกันหรือเพคะ แล้วหมายความว่าอย่างไรที่บอกว่าข้าคือลูกของท่านกับท่านแม่ ช่วยอธิบายให้ข้าเข้าใจมากกว่านี้ได้หรือไม่เจ้าคะ”
นางเอ่ยถามโดยไม่สนใจคำแทนตัวที่แสนยุ่งยากนั่น ทำให้คนตรงหน้าพอจะรู้ตัวว่าตนยังไม่ได้อธิบายเรื่องทุกอย่างให้นางเข้าใจ
แล้วนายท่านหรือท่านพ่อบุญธรรมของนางก็อธิบายเรื่องราวตั้งแต่อดีตให้ฟังจับใจความได้ว่า ยามนั้นเขารักอยู่กับมารดาของนางนามว่า อันกุ้ยฉิน
แต่เพราะเรื่องความมั่นคงในราชสำนักทำให้มารดาได้รับสมรสพระราชทานแต่งให้อ๋องโจวฉู่ฮุ่ย ซึ่งเป็นพี่ชายของท่านพ่อบุญธรรมที่ช่วยนางไว้ในวันนี้
แต่เพราะแต่งงานกันด้วยเรื่องการเมือง เรื่องความรักย่อมไม่เกิดขึ้นอยู่แล้ว แถมพี่ชายผู้นั้นยังรู้ว่าพระชายาของตนเองเป็นคนรักของน้องชายต่างแม่อีก
เขาเลยไม่เคยใส่ใจหรือเข้ามาดูแลเลยสักครั้ง ขนาดรู้ว่าลูกตัวเองที่เกิดกับนางหายไปเขายังไม่คิดออกตามหา แต่กลับแต่งตั้งพระชายารองขึ้นมาแทนมารดานางทันที
นั่นจึงสร้างความคับแค้นใจให้โจวจิ้งห้าวผู้เป็นน้องชายอย่างมาก พอไม่สามารถมองหน้ากันติด เขาจึงขอราชโองการจากพี่ชายออกมาปกครองเมืองที่แสนห่างไกล แต่รุ่งเรืองแห่งนี้แทน
ระหว่างนั้นก็พยายามออกตามหาตัวนางมาตลอด จนบังเอิญที่นางวิ่งตัดหน้ารถม้าวันนี้นี่แหละ จึงได้สังเกตเห็นปิ่นปักผมของนางแล้วนึกเอะใจ จึงขอซื้อตัวนางมาจากฮัวเฉิง
“อ๋องโจวฉู่ฮุ่ยตัดสินว่าเจ้าตายไปพร้อมกับมารดา แม้แต่ชื่อของเจ้าเขายังไม่นำเข้าผังตระกูล โดยให้เหตุผลว่าเจ้าเกิดมาอายุยังไม่ถึงสามเดือน” ท่านอ๋องโจวจิ้งห้าวเอ่ยด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
“ก็ดีแล้วเพคะ บอกตามตรงหากให้ข้ามีชื่ออยู่ในครอบครัวเช่นนั้นข้าก็คงทนไม่ไหว บิดาชั่วช้าไร้หัวใจขนาดบุตรสาวตัวเองยังไม่คิดใยดี คนเช่นนี้ยังสามารถเป็นบิดาผู้อื่นได้อยู่หรือ!!!”
ด้วยความลืมตัวนางเลยเผลอด่าบิดาที่แท้จริงของตัวเองไปหลายคำ พอได้สติกลับมาจึงเห็นว่าท่านอ๋องโจวจิ้งห้าวและเหล่าท่านป้าท่านลุงทั้งหลายกำลังมองมาที่นางด้วยสายตาอึ้ง ๆ
“อะแฮ่ม!!!! กะ ก็ถูกอย่างเจ้าว่า ต่อไปนี้เจ้าก็เรียกข้าว่าท่านพ่อแล้วกัน ส่วนคนผู้นั้นก็ถือว่าเขาตายไปแล้วอย่าได้เอามาใส่ใจให้รบกวนจิตใจเจ้าอีกเลย” ท่านอ๋องโจวจิ้งห้าวหรือท่านพ่อคนใหม่ของนางเอ่ยขึ้น
“ขออภัยเพคะหม่อมฉันลืมตัวไปหน่อย แหะ ๆ”
นางหัวเราะแห้ง ๆ แก้เขินและเริ่มทำตัวไม่ถูกอีกครั้ง ทะลุมิติมาไม่กี่วันก็รู้ว่าตัวเองมีเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่เพียงนี้ ใครจะไปตั้งตัวทัน
“จากนี้ไปเจ้าจะชื่อ โจวเยี่ยนเหยียน เป็นบุตรสาวบุญธรรมของข้าอ๋องสี่แห่งแคว้นหาน ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์รังแกเจ้าได้อีก!!” อ๋องโจวจิ้งห้าวเอ่ยให้บ่าวในจวนได้ยิน
ตั้งแต่วันนั้นความเป็นอยู่ทุกอย่างของนางก็เปลี่ยนไป อาจารย์ที่ว่าเก่งกาจถูกท่านพ่อเชิญตัวมาสอนนางทั้งหมด จนนางกลายเป็นสตรีที่งดงามเพียบพร้อมตามแบบกุลสตรีที่ชายยุคนี้หมายปอง
“คุณหนู นายท่านให้มาเชิญไปทานข้าวที่สวนใหญ่เพคะ” บ่าวที่เฝ้าหน้าประตูเข้ามารายงาน ขณะที่นางกำลังนั่งวาดรูปอยู่
“เดี๋ยวข้าไป บอกให้คนเอาชานมขิงที่ข้าให้เตรียมไว้ไปให้ท่านพ่อดื่มก่อนเลย” นางเอ่ยพร้อมกับวางพู่กันในมือลง
ตั้งแต่ที่รู้ความจริงตอนนี้ก็ผ่านมากว่าสองปีแล้ว จากเด็กสาวรูปร่างแคระแกรนวันนั้น กลายเป็นเด็กสาวงดงามสะพรั่งจนบิดาต้องปวดหัวไม่เว้นวันเพราะมีแม่สื่อมาเยือนจนต้องสั่งปิดจวน
“คุณหนูใส่เสื้อคลุมก่อนดีหรือไม่ อากาศด้านนอกเริ่มเย็นลงแล้วเดี๋ยวไม่สบายเอาได้” ไป๋ลู่สาวใช้คนสนิทของนางเอ่ยขึ้น นางจึงพยักหน้ารับไป
เมื่อใส่เสื้อคลุมเสร็จนางก็เดินลัดเลาะไปตามทางเดินในจวน จนถึงสวนใหญ่ที่ยามนี้บิดากำลังนั่งรอตนอยู่
“คารวะท่านพ่อเพคะ” นางเข้าไปก็ทักทายพร้อมส่งยิ้มให้บิดาอย่างอ่อนหวาน
“นั่งก่อนสิเหยียนเอ๋อร์ ชานมขิงของเจ้าอร่อยมากเลย เจ้านี่ช่างมีวิธีการชงชาได้แปลกใหม่นัก” บิดาเอ่ยชมพร้อมกับจิบชาในแก้วไปอีกหลายอึก
“อากาศก็เริ่มเย็นแล้ว ข้าจึงคิดว่าจะเพิ่มชานมนี้ในเมนูร้านชานมของข้าอีกรายการ ท่านพ่อคิดว่าอย่างไรบ้างเพคะ” นางเอ่ยถามความเห็นของบิดา
ตั้งแต่ที่ทุกอย่างเริ่มเข้าที่ นางก็ขอบิดาเปิดร้านชานมไข่มุกอย่างที่ตัวเองเคยทำขายในโลกก่อน ยามแรกมันแปลกใหม่เกินไปจนบิดาคิดว่าคงขายไม่ได้
แต่เพราะอยากเอาใจนางจึงให้ทุนมาก้อนหนึ่ง หลังเปิดได้เพียงหนึ่งเดือนพบว่าได้กำไรมากกว่าที่คาดไว้ บิดาจึงส่งเสริมจากร้านรถเข็นให้เปลี่ยนเป็นโรงน้ำชา พร้อมกับขายอาหารไปด้วย
“ทำขายย่อมได้ขายแต่ชาวบ้านทั่วไปคงซื้อไม่ไหว เพราะราคาขิงแพงมากนัก หากขายถูกไปเราก็ไม่ได้กำไร หากขายแพงไปก็ไม่มีคนซื้อ” ผู้เป็นบิดาเอ่ยแต่ก็ยังไม่หยุดที่จะจิบชาในถ้วย
“ท่านพ่อลืมไปแล้วหรือว่าข้าให้คนปลูกขิงไว้กี่แปลง” นางเอ่ยพร้อมกับยิ้มกว้างอย่างสดใส
นางคาดการณ์เรื่องนี้เอาไว้แล้ว ขิงยุคนี้ราคาแพงแต่สรรพคุณทางยามากมาย หากดื่มยามอากาศเย็นก็จะช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกายได้
นางเลยคิดว่าจะเอามาทำเป็นน้ำขิงหรือไม่ก็ชานมขิงเพิ่มในเมนูใหม่ของร้าน โดยตั้งราคาที่ไม่แพงมากนัก แต่ก็ไม่ถูกเกินไปเพื่อให้ทุกคนได้ดื่ม
ตอนต้นปีนางจึงให้คนหามันมาปลูกในแปลงเกษตรของบิดาไว้หลายแปลง แม้ตอนนั้นนางจะถูกบิดาสวดไปถึงสามวันก็เถอะ
“ขิงเพียงสามแปลงจะไปพออะไร อย่างมากก็ขายได้ไม่กี่วัน” ท่านอ๋องเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะชะงัก
“ลูกจะขายแบบจำกัดแต่เน้นให้มีขายทุกวันแทนเพคะ ส่วนขิงนั้นข้าสั่งให้พวกเขาปลูกไว้สิบแปลงต่างหาก ไม่ใช่สามแปลงเสียหน่อย”
นางเอ่ยจบบ่าวก็ยกอาหารเข้ามาพอดี ส่วนอ๋องโจวจิ้งห้าวนั้นร่ำไห้ในใจไปแล้ว
ที่หนึ่งแปลงเท่ากับห้าหมู่นางปลูกขิงไปสามแปลงว่ามากแล้ว แต่นางแอบเขาปลูกเพิ่มอีกเจ็ดแปลง แล้วเขาจะรายงานเรื่องผลผลิตที่ลดลงตั้งหลายร้อยชั่งกับฝ่าบาทอย่างไร
“ท่านอ๋องอย่าโกรธคุณหนูเลยพะย่ะค่ะ ไว้ให้คุณหนูขายได้กำไรมากเดี๋ยวคุณหนูก็บริจาคให้เมืองเราอยู่ดี” พ่อบ้านที่เห็นสีหน้าเจ้านายดูคิดหนักจึงเอ่ยให้คลายความเครียดลง
“ท่านพ่ออย่าคิดมาก เดี๋ยวข้าแบ่งกำไรให้ท่านหนึ่งส่วนเป็นอย่างไร บุตรสาวผู้นี้ไม่เอาเปรียบบิดาหรอกนะเพคะ” นางเอ่ยพร้อมกับยัดตะเกียบใส่มือบิดา พร้อมกับเร่งให้ชายวัยกลางคนตรงหน้ารีบกิน
ยิ่งมองยิ่งเหมือนอันกุ้ยฉินมากขึ้นทุกวัน ยิ่งนิสัยเจ้าเล่ห์เช่นนี้อีก เขาชักไม่อยากให้นางแต่งออกไปกับผู้ใดเสียแล้ว กลัวว่าคนเหล่านั้นจะดูแลนางได้ไม่ดีเท่าตนเอง
แต่ทุกอย่างก็ต้องเป็นไปตามเส้นทางชะตาของมัน เมื่อสองพ่อลูกทานข้าวด้วยกันเสร็จก็มีม้าเร็วเข้ามาแจ้งว่าขบวนสินค้าของตระกูลหลงเข้ามาขอพักอาศัยที่จวนท่านอ๋อง
ตระกูลหลงเป็นตระกูลพ่อค้าที่มีอิทธิพลในแผ่นดินแคว้นหมิง แม้จะเป็นช่วงไม่กี่สิบปีแต่หากจะทำการเปลี่ยนกฎหมายเกี่ยวกับการค้า ฮ่องเต้ยังต้องมองหน้าพวกเขาก่อน
ถึงจะมีอิทธิพลมากแต่พวกเขาไม่เคยเอาเปรียบราชสำนัก ยามเกิดภัยพิบัติหรือภัยสงครามพวกเขาก็ช่วยเหลือเสมอ
ที่ตระกูลพวกเขายังสามารถอยู่ได้ เพราะพวกเขาไม่ส่งบุตรชายเข้ารับราชการในราชสำนักนั่นเอง ไม่เช่นนั้นคงถูกเพ่งเล็งและล่มสลายไปอย่างตระกูลพ่อค้าอื่น ๆ แล้ว ก็ถือว่ายังมีหัวคิดอยู่บ้าง
ตอนพิเศษต้องใจจ้าวฝูหมิงออกจากจวนท่านประมุขได้ก็ไม่รู้จะไปที่ใด เมืองหลวงแสนวุ่นวายเดินไปทางไหนก็มีแต่ผู้คนมากมายไปหมด หาความสงบไม่เจอเลยสักนิด“เจ้าหยุดนะ!! ข้าคือบุตรชายคนรองแม่ทัพใหญ่เจ้าบังอาจนักที่กล้าขโมยเงินของข้าเช่นนี้!!!”ที่มุมถนนมีคนสองคนกำลังรุมเตะชายผู้หนึ่งอยู่ด้วยความโกรธ ปากก็ตะโกนด่าเขาไม่หยุดทำให้จ้าวฝูหมิงหยุดมองอย่างสนใจ“นายท่านอย่าเข้าไปยุ่งเลยดีกว่าขอรับ” บ่าวคนสนิทเอ่ยเตือนผู้เป็นนาย แต่เขากลับเอาแต่ยืนนิ่งไม่ไหวติงเขามองชายผู้นั้นหยิบถุงเงินตัวเอง ก่อนจะทำหน้าตาเยาะเย้ยขอทานที่ถูกรุมทำร้ายเมื่อครู่ แล้วเดินกลับไปทางที่วิ่งมากับบ่าวตัวเอง“นะ นายท่านจะไปไหนขอรับ!!!” บ่าวคนสนิทของจ้าวฝูหมิงรีบวิ่งตามผู้เป็นนายไป เพราะเขาเดินตามสองคนนายบ่าวผู้นั้นไปแล้วจ้าวฝูหมิงเดินตามชายหนุ่มผู้นั้นไปจนถึงตรอกฟ้าคราม ที่รู้เพราะมีป้ายเขียนตัวใหญ่เด่นสะดุดตาตรงทางเข้า&ldquo
ตอนพิเศษจะ... (ตั้งใจรัก) จนกว่าจะได้แต่งเมื่อขบวนถูกหยุดกลางทาง หยางรุ่นชิงจึงต้องลงมาคุยกับชายหนุ่มให้รู้เรื่อง หากยังถูกตามต่อไปเขาคงได้ใจอ่อนยอมเป็นฮูหยินให้คนตรงหน้าแน่“น้องรุ่นชิงจะไปเมืองไคชิงเหตุใดจึงไม่ส่งข่าวบอกพี่ชายคนงามบ้าง เจ้าเล่นหนีมาเช่นนี้แล้วแม่สื่อกับของหมั้นที่กำลังจัดเตรียมจะทำเช่นไร” จ้าวฝูหมิงเอ่ยเกินจริงทั้งที่ทุกอย่างยังไม่ได้ถูกจัดเตรียมสักนิด“เออ...ข้าไม่ได้หนีนะ เพียงแต่ท่านแม่บอกว่าข้าเหน็ดเหนื่อยจากการค้าขาย จึงไห้ไปพักผ่อนที่เมืองไคชิงก่อน เผื่อจะได้หาช่องทางขยายกิจการของตระกูลหยางด้วย”เด็กหนุ่มเอ่ยแก้ตัว ทั้งที่รู้ว่าคนตรงหน้ามองออกแน่ และที่ตามเขามาทันเช่นนี้คงให้คนจับตาดูเขาเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ทำไมเขาไม่คิดให้รอบคอบกว่านี้นะแต่อีกใจก็แอบดีใจจนอิ่มฟูไปทั้งอก ที่รู้ว่าเขาใส่ใจตัวเองเช่นนี้ หากท่านแม่ยอมรับเขาได้ก็คงจะดีไม่น้อย“เช่นนั้นขอพี่ชายคน
ตอนที่ 46ดอกรักผลิบานชั่วกาล 2 (จบ.)“ยินดีที่ได้พบคุณชายหยางเจ้าค่ะ ว่าแต่เพิ่งกลับมาเมืองหลวงหรือเจ้าคะ” นางหันไปถามผู้อาวุโสจ้าว“เป็นเช่นนั้นขอรับและเพิ่งรู้ข่าวว่าท่านกำลังตั้งครรภ์ เรื่องที่จะรบกวนคงต้องเปลี่ยนใจแล้ว” จ้าวฝูหมิงเอ่ยทั้งที่ยังยิ้มอยู่“เรื่องอะไรท่านลองพูดมาก่อนเถอะเจ้าคะ เผื่อว่าข้าจะให้ผู้อื่นช่วยได้ ท่านไม่ต้องคิดเกรงใจอย่างไรเราก็คนกันเองทั้งนั้น” นางเอ่ยพร้อมสังเกตสีหน้าคนทั้งสองไปด้วยท่านจ้าวดูจะกำลังวางแผนบางอย่างอยู่ แต่อีกคนนั้นไม่ได้รู้เนื้อรู้ตัวเลยสักนิด“ข้าอยากได้ผู้ใหญ่ไปสู่ขอหยางรุ่นชิงกับตระกูลหยางขอรับ”เมื่อจบประโยคคนข้างกายท่านจ้าวก็ทำถ้วยชาหลุดมือทันที พร้อมกับใบหน้าที่แดงก่ำขึ้นมาอย่างชัดเจน“เรื่องมงคลเช่นนี้ข้าจะพลาดได้อย่างไร ข้าจะให้คนออกหน้าให้อย่างไรที่นี่ตระกูลซ่งก็ได้ชื่อว่าเป็นคหบดีที่ร่ำรวยติดสามอันด
ตอนที่ 45ดอกรักผลิบานชั่วกาล“คิดสิ่งใดอยู่ สามีขอสั่งให้เจ้าหยุดคิดถึงเจ้าลูกเต่านั่นเดี๋ยวนี้!!” อยู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนเป็นหึงหวงนางแทน“สามีท่านดื่มน้ำส้มจนหมดไปสิบไหแล้วกระมั้ง ก็ไม่ใช่ท่านหรือที่พูดให้ข้าคิดตาม”“ไม่รู้แหละ เจ้าคิดถึงข้าได้เพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่ได้การข้าต้องรีบสร้างเจ้าก้อนให้มาอยู่ในท้องเจ้าแล้ว ไม่เช่นนั้นสักวันเจ้าต้องคิดหาบุรุษอื่นแล้วหนีข้าไปแน่” เขาเอ่ยพร้อมกับอุ้มนางตรงไปที่ห้องนอนอย่างแน่วแน่“ท่านจะทำอีกทำไมเจ้าคะ ตอนนี้เขาก็อยู่ในท้องข้าแล้วเนี่ย” คำพูดของนางทำให้เขาชะงักฝีเท้า“เจ้าว่าอย่างไรนะ!!” เขาถามนางอีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่าเมื่อครู่ตนไม่ได้ฟังผิดไป“ข้ากำลังตั้งท้องลูกของท่านได้ประมาณสองเดือนแล้วเจ้าค่ะ” นางเอ่ยช้า ๆ ให้เขาฟังอย่างชัดเจนซ่งอี้เฉินคล้ายจะหูดับไปครู่หนึ่ง ชีวิตนี้เพิ่งเข้าใจว่าเหตุ
ตอนที่ 44คิดไม่ผิดหลิวซื่อเฟิงถูกลากออกไปรับโทษตามที่ท่านประมุขเป็นผู้สั่ง เริ่มจากตัดเส้นลมปราณเพื่อไม่ให้คนหลบหนีก่อนจะเอาอุปกรณ์สำหรับถอดเล็บออกมา หลิวซื่อเฟิงที่เห็นเช่นนั้นถึงกับน้ำตาไหลด้วยความกลัว แต่ไม่อาจหนีไปไหนได้เพราะถูกมัดตรึงไว้กับเก้าอี้กรี๊ด!!!!!!เสียงกรีดร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าดังออกมาจากเรือนด้านหลังจวน แต่เพราะเรือนนี้ห่างไกลจากเรือนหลักนักจึงไม่มีผู้ใดได้ยินเสียงนางกว่าจะถอดออกครบยี่สิบเล็บนางก็สลบไปถึงสองครั้ง ผู้ที่ลงโทษไม่ได้หยุดเพียงเท่านั้น พวกเขายกดังน้ำเกลือขนาดใหญ่เข้ามา ก่อนจะเอ่ยกับผู้ที่นั่งอยู่ด้วยน้ำเสียงเย็นชาปนสมเพช“แม่นางหลิวซื่อเฟิง เพราะท่านคิดทำร้ายนายหญิงท่านประมุขจึงสั่งมาว่าให้ทำอย่างไรก็ได้ให้ท่านทรมานที่สุด เพราะฉะนั้นแล้วอย่าโกรธเคืองพวกข้าเลยนะ”เอ่ยจบก็ราดน้ำเกลือเข้มข้นใส่แผลสดที่เลือดยังไหลไม่หยุด ความเจ็บปวดปนกับความแสบทำให้นางกรีด
ตอนที่ 43ปองร้าย“ขอบคุณนายหญิงที่ชี้แนะทางให้แก่ข้า จากนี้ฝากท่านดูแลท่านประมุขด้วยขอรับ” จ้าวฝูหมิงเอ่ยพลางคารวะนางอย่างที่คนในราชวงศ์ทำกัน“ขอให้ท่านตามหาเด็กดื้อผู้นั้นเจอนะเจ้าคะ” นางอวยพรพร้อมกับทำมือชูสองนิ้วให้กำลังใจจ้าวฝูหมิงฝากจดหมายไว้ให้ซ่งอี้เฉินหนึ่งฉบับ ก่อนจะเดินจากไปพร้อมคนของเขา“ท่านจ้าวจะไปตามหาเด็กหายหรือเจ้าคะ” ลู่หลินเอ่ยถามอย่างสงสัยและไม่เข้าใจ“ดูท่าแล้วไม่ใช่แค่เด็กที่หาย แต่หัวใจเขาก็ถูกเด็กผู้นั้นขโมยไปด้วย ข้าเพิ่งพูดคุยกับเขาไปเพียงสองเดือนเองนะ สงสัยเด็กคนนั้นคงเป็นคนในเมืองหลวงนี้เป็นแน่”นางรำพึงรำพันคนเดียว ก่อนที่จะถูกสาวใช้พากลับเข้าเรือน เพราะหิมะเริ่มตกหนักมากขึ้น“คนจากโรงครัวบอกว่าได้ชามาใหม่ จึงอยากให้นายหญิงลองชิมว่าถูกใจหรือไม่เจ้าค่ะ” ลู่หลิ่งเอ่ยพร้อมกับยกชาเข้ามาให้นาง“กลิ่นหอมจังเลย ว้







