บทที่ 16
เอาคืน ลี่จิ่นนั่งรออยู่บนเตียงในเรือนเหมยฮวาจนถึงยามจื่อ จนจะล่วงเข้าไปเช้าวันใหม่ของอีกวันแล้ว นางก็ไม่เห็นเงาของชินอ๋องเลย ใบหน้างามจากที่มีรอยยิ้มหวานประดับตลอดเวลา กลับเริ่มบิดเบี้ยวไม่น่ามอง นิ้วเรียวกำเข้าหากันอย่างคับแค้นใจ ชินอ๋องช่างโหดร้ายกับนางยิ่งนัก แม้ในคืนวันแต่งงานเขาก็ไม่มาเข้าหอกับนาง การกราบไหว้ฟ้าดินก็ไม่มี ดื่มสุรามงคลเขาก็ไม่ทำสักอย่าง เหมือนการที่นางแต่งเข้ามาเป็นเพียงแค่การแต่งงานในนามเท่านั้น ไฟในใจของลี่จิ่นยิ่งโหมกระพือไปด้วยเพลิงโทสะ ยิ่งเขาทำเช่นนี้นางยิ่งอยากเอาชนะ ส่วนสตรีที่เขารักมั่นจะต้องชดใช้ให้กับนาง คนของจวนชินอ๋องไม่มีใครนึกยินดีในการแต่งงานครั้งนี้ พวกเขาต่างเมินเฉยทำราวกับการแต่งพระชายารองเข้ามา เป็นเพียงการรับสตรีคนหนึ่งเข้ามาอยู่ในจวนชินอ๋องเท่านั้นเอง เซี่ยเหวินหรงออกไปที่ค่ายทหารตั้งแต่เช้า คืนนี้เขาก็นอนที่ค่าย อยากจะกลับไปนอนกับหญิงคนรักก็ทำไม่ได้ ยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิด ทหารของกองทัพพยัคฆ์ทมิฬต่างงุนงงสงสัย เหตุใดชินอ๋องไม่ไปงานแต่งงานของตัวเอง แต่กลับมาหมกตัวยังค่ายทหาร ข่าวลือที่เคยบอกว่าลี่จิ่นคือคนรักของชินอ๋องคงจะไม่จริง และงานแต่งงานครั้งนี้ชินอ๋องคงจะไม่ยินดีเป็นแน่ หยางซูมี่ที่ได้รับรายงานจากซินซินเรื่องงานแต่งของลี่จิ่นที่ชินอ๋องไม่ได้ทรงออกไปปรากฏกายเลย แม้แต่ตอนที่ต้องเข้าหอพระองค์ก็ไม่ได้ไป ภายในใจของสาวใช้ล้วนต่างยินดี หยางซูมี่เพียงรับฟังด้วยสีหน้าสงบ มีเพียงในใจที่ยิ้มสุขใจที่เขายังคงมีนางอยู่ในใจ ไม่ได้ทำให้ร่างกายต้องมีมลทินที่ไปแตะต้องสตรีอื่น 'ลี่จิ่นเอ๋ยลี่จิ่น เจ้าช่างรนหาที่เสียแล้ว กล้าใช้ตัวเองเป็นเบี้ยหมากของผู้อื่น ถ้าเช่นนั้นข้าจะลงไปเล่นกับเจ้าด้วยก็แล้วกัน ช่วงนี้ข้ายิ่งรู้สึกเบื่อหน่ายพอดี' เช้าวันใหม่มาเยือน ในจวนชินอ๋องมีสตรีผู้เป็นเจ้านายเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคนนั้นคือลี่จิ่น ชายารองที่เพิ่งแต่งเข้ามาเมื่อวาน แต่กลับโดนชินอ๋องทอดทิ้งไว้ที่ห้องหอเพียงผู้เดียว วันนี้ลี่จิ่นหรือ ‘หรูเหริน’ ตำแหน่งที่ใช้เรียกพระชายารองในชินอ๋อง เดินทางมายังเรือนมู่หยางที่ประทับขอพบพระชายาเอก นางที่มีตำแหน่งต่ำกว่าอีกฝ่ายต้องเดินทางมาขอเข้าพบพระชายาเอก เพื่อมาคารวะน้ำชาในตอนเช้าของทุกวัน นี่คือธรรมเนียมปฏิบัติของคนแคว้นเซี่ย “หรูเหรินมาขอเข้าพบเพคะพระชายา” สาวใช้หน้าห้องเอ่ยถามผู้เป็นเจ้าของเรือนมู่หยาง “ให้นางเข้ามา” หยางซูมี่เอ่ยอนุญาต ลี่จิ่นเดินกรีดกรายเข้ามาด้วยท่วงท่าแช่มช้อยอ่อนหวาน ดั่งสาลี่ต้องสายฝน ดูอ่อนแอบอบบางน่าทะนุถนอม หากบุรุษใดได้ยลคงจะรีบเข้ามาประคองนางไว้ในอ้อมกอด หยางซูมี่หันมามองอีกฝ่ายที่เดินมาหยุดอยู่ด้านหน้านาง สายตาสำรวจอีกฝ่ายอย่างเปิดเผย อดคิดในใจไม่ได้ว่าหรูเหรินผู้นี้ช่างงดงามควรค่าแก่การถนอมไว้บนฝ่ามือยิ่งนัก “หม่อมฉันลู่ลี่จิ่น ถวายพระพรหวางเฟยเพคะ” ลี่จิ่นยอบกายถวายความเคารพ แต่นางรออยู่นานอีกฝ่ายก็ยังไม่เอ่ยปากอนุญาตให้นางลุกขึ้นยืน จนนางเริ่มเมื่อยขาซวนเซจะล้มลง หยางซูมี่จึงโบกมือให้ลุกขึ้นได้ นี่สินะความต่างของตำแหน่ง อีกฝ่ายตำแหน่งสูงกว่านาง จะกดข่มนางเช่นไรก็ได้ ‘รอก่อนเถอะหยางซูมี่ วันนี้เจ้ากดข่มข้า วันหน้าข้าจะมอบความอัปยศและความตายให้เจ้าเอง’ ลี่จิ่นคิดในใจอย่างหมายมาด การพบหน้ากันครั้งแรกของหวางเฟยกับหรูเหริน ไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นนอกจากการที่หยางซูมี่ให้ลี่จิ่นย่อตัวถวายความเคารพนานไปหน่อย ทั้งสองล้วนสวมใส่หน้ากากเข้าหากันด้วยรอยยิ้มยินดี หยางซูมี่สวมหน้ากากพระชายาเอกผู้สง่างามเอื้ออาทรต่อชายารองของพระสวามี ส่วนลี่จิ่นสวมหน้ากากอ่อนหวานแลดูบอบบางน่าทะนุถนอม ภายนอกเคารพยำเกรงพระชายาเอก แต่ภายในใจกลับร้อนระอุด้วยเพลิงริษยา หยางซูมี่ผู้นี้มีใบหน้างดงามกว่านางถึงสามส่วน ผิวพรรณก็ดูเนียนนุ่มขาวละเอียดกว่านางอีก นี่หรือคือสตรีที่ชินอ๋องทรงรักใคร่จนไม่อยากจะรับนางเข้ามาภายในใจ แม้เพียงแค่การแบ่งเศษเสี้ยวของหัวใจ ยิ่งคิดลี่จิ่นยิ่งรู้สึกริษยาอีกฝ่ายมากขึ้นไปอีก ก่อนที่ลี่จิ่นจะขอตัวจากไปนั้น นางได้ลอบโรยผงที่บดจากหนังของคางคกโปรยไปในอากาศ หวังเพียงให้หยางซูมี่เกิดผื่นคันขึ้นตามตัว หรือหากนางแพ้จนพิษของคางคกทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ จนหมดสติก็เป็นการดีกับนางยิ่งนัก ลี่จิ่นยิ้มอย่างสมใจ นางเดินจากไปด้วยใจที่เปี่ยมสุขและรอดูผลงาน พิษจากหนังคางคกนั้นจะออกฤทธิ์อีก 2 ชั่วยาม หากมีการสืบสวนก็จะไม่มีใครสืบมาพบว่านางเป็นคนทำ นี่เป็นเพียงการลงมืออย่างเบามือเท่านั้น “รีบออกไปจากห้อง สั่งให้ไป๋เฟิงไปตามหมอมาตรวจพิษที่ห้องนี้” หยางซูมี่รีบสั่งการ ตัวนางกับสาวใช้รีบยกชายแขนเสื้อขึ้นมาปิดจมูก นางลอบสังเกตลี่จิ่นตลอดเวลาทำให้เห็นว่านางแอบโปรยผงบางอย่างในอากาศ และลมก็พัดจากลี่จิ่นมาทางพวกนาง พบหน้าเพียงวันแรกหรูเหรินผู้นี้ก็มีใจมอบของขวัญให้นางเสียแล้ว หมอประจำจวนชินอ๋องลอบเข้ามาภายในเรือนมู่หยาง เมื่อหยางซูมี่สั่งให้เขาตรวจพิษภายในห้องอย่างละเอียด ตอนแรกเขาไม่ค่อยเข้าใจ แต่เมื่อลองตรวจสอบดูพบว่าที่พื้น และของใช้บางส่วนในห้องนี้มียาพิษปนเปื้อนอยู่ หลังจากตรวจสอบอยู่นานจึงพบว่าเป็นพิษจากหนังคางคก หากโดนผงพิษนี้จะทำให้เกิดผื่นคันขึ้นตามตัว อาจจะเวียนหัวและท้องเสีย แต่หากว่าโดนกับผู้ที่แพ้พิษจะทำให้หมดสติ หัวใจเต้นผิดจังหวะ หากรักษาไม่ทันการอาจจะตายได้ทันที ท่านหมอได้ให้คนเข้ามาเก็บกวาดผงพิษนี้ แล้วใช้สมุนไพรต้านพิษที่สกัดมาเป็นน้ำ นำมาพรมให้ทั่วห้องนี้และทั่วเรือนมู่หยาง เรื่องนี้เขาที่เป็นหมอประจำจวนต้องรีบรายงานให้ชินอ๋องทรงทราบว่าหรูเหรินลี่จิ่นเข้ามาวันแรกก็สร้างเรื่องให้หวางเฟยเสียแล้ว หยางซูมี่ถึงกับกำมือแน่น โชคดีที่นางสังเกตเห็นจึงไม่มีใครในห้องนี้ถูกพิษจากผงบดหนังคางคก ลี่จิ่นผู้นี้อาจหาญเกินไปแล้ว เมื่อมอบของขวัญมาให้เจ้าบ้านเช่นนาง นางจะไม่มอบของขวัญตอบแทนก็จะเป็นการเสียมารยาทมากเกินไป หากจะใช้พิษเล่นงานกัน ก็มาลองดูว่าใครจะใช้พิษเก่งกว่านั้น จ้าวอ้ายฉิงมารดาของนางนั้นรอบรู้สมุนไพรที่ใช้รักษา แต่ตัวนางกลับรอบรู้เรื่องสมุนไพรที่เป็นพิษมากกว่า มารดาเป็นพยัคฆ์จะคลอดบุตรีที่เป็นลูกหมาได้อย่างไรกัน รอยยิ้มแปลกประหลาดบนใบหน้าของหยางซูมี่ ทำให้เจินเจินและซินซินหวาดกลัว พวกนางขยับถอยห่างไปอย่างไม่รู้ตัว ไป๋เฟิงองครักษ์ที่ชินอ๋องส่งมาให้ดูแลหยางซูมี่ ก็รู้สึกว่ามีเหงื่อเม็ดเย็นผุดขึ้นมาที่กลางแผ่นหลัง นางเริ่มรู้สึกว่าอย่าทำให้พระชายาขุ่นเคืองจะเป็นการดีที่สุด หลังจากนั้นสามวัน หรูเหรินลี่จิ่นจะกลับไปเยี่ยมบ้านเดิม เซี่ยเหวินหรงเองก็ไม่อยากจะหักหน้านางไปมากกว่านี้จึงร่วมเดินทางไปด้วย แต่หลังจากร่วมอาหารกันที่โต๊ะที่จวนตระกูลลู่ ลี่จิ่นก็เกิดอาการปวดท้องอย่างรุนแรง นางอยากจะรีบลุกขึ้นวิ่งไปถ่ายหนัก แต่เพราะต้องทำตัวให้ดูอ่อนหวานเรียบร้อย จึงทำให้เผลอปล่อยเสียงตดออกมา ปรู๊ดดดดดดดด!! ทุกคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะหันมามองลี่จิ่นอย่างตกตะลึง แต่สิ่งที่น่าตกใจมากกว่าคือกลิ่นเหม็นเน่าเหมือนซากหนูที่ตายมาหลายวันแล้ว ลี่จิ่นใบหน้าแดงก่ำด้วยความอับอาย นางรีบวิ่งออกไปจากตรงนั้นทันที เซี่ยเหวินหรงยกชายแขนเสื้อขึ้นมาปิดจมูก แล้วลุกออกไปเดินชมสวนข้างนอก ลู่เหอกังถึงกับวางหน้าไม่ถูก เขาให้สาวใช้ไปตามดูแลลี่จิ่น แล้วสั่งให้สาวใช้อีกคนเข้ามาเก็บสำรับ จากนั้นจึงเดินตามไปพูดคุยกับชินอ๋องในสวน เป็นเวลากว่าครึ่งชั่วยามแล้วที่ลี่จิ่นยังคงถ่ายหนักอยู่ นางรู้สึกเหมือนจะเป็นลม เรี่ยวแรงก็ดูจะหายไปหมด หากไม่ได้สาวใช้ที่คอยมาดูแล นางคงเป็นลมล้มลงไปแล้ว สาวใช้เข้ามาประคองลี่จิ่นให้เข้าไปพักในเรือนรับรอง ท่านหมอที่ถูกตามตัวมาเข้ามาตรวจร่างกายของลี่จิ่น นางยื่นแขนออกไป ผ้าขาวบางก็วางทาบลงมาที่ข้อมือบาง ท่านหมอใช้นิ้วจับชีพจรบนข้อมือบาง เขาขมวดคิ้วแล้วถามอาการของลี่จิ่นอย่างละเอียด หลังจากนั้นจึงค้อมหัวกราบทูลลี่จิ่น “หรูเหรินทรงกินหัวดอกสือ ซว่านเข้าไปพ่ะย่ะค่ะ” ลี่จิ่นขมวดคิ้ว นางไม่เคยกินหัวดอกสือ ซว่าน และจากที่นางรู้ดอกของต้นสือ ซว่านหรือพลับพลึงแมงมุมสีแดงนั้น สตรีชนชั้นสูงนิยมเอาดอกนำมาสกัดเป็นกลิ่น เพื่อใช้หยดลงในอ่างอาบน้ำ ทั้งยังเอาใบมาย่างพันแก้ฟกช้ำ บวม แก้เคล็ดขัดยอกด้วย เหตุใดอาการท้องเสียอย่างรุนแรงของนางถึงเกี่ยวกับหัวดอกสือ ซว่านได้ “เรียนหรูเหริน หัวของดอกสือ ซว่านมีรสขม ใช้เป็นยาระบาย แต่หากใช้มากเกินไปจะกลายเป็นพิษ ทำให้ทรงท้องเสียอย่างรุนแรงพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะจัดเทียบยาให้ เพียงเสวยวันละ 2 ถ้วยหลังอาหารเช้าเย็น พรุ่งนี้อาการก็จะทุเลาพ่ะย่ะค่ะ” ท่านหมอเอ่ยจบก็ขอตัวไปเขียนเทียบยาให้สาวใช้ แล้วขอตัวกลับโรงหมอทันที เรื่องนี้นับว่าประหลาดหากไม่ใช่คนไข้ที่ท้องผูก ไม่ถ่ายมาหลายวันแล้ว หมอเช่นเขาจะไม่จัดยาที่มีหัวของดอกสือ ซว่านให้เด็ดขาด เพราะสัดส่วนที่ใช้ต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก เรื่องนี้คงเป็นการกลั่นแกล้งกัน เขาเป็นเพียงแค่หมอธรรมดาอย่าเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับพวกเชื้อพระวงศ์จะเป็นการดีที่สุด ลี่จิ่นได้ฟังดังนั้นก็รู้ได้เลยว่านางพลาดท่าให้หยางซูมี่เสียแล้ว คราวก่อนที่นางลอบใช้ผงบดหนังคางคก รอเวลาจนผ่านไปหนึ่งวันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ให้สาวใช้ไปสืบความมาก็ไม่มีอะไรผิดปกติ นางก็เพียงคิดว่าคงเพราะนางโรยผงบดหนังคางคกน้อยไป แต่ใครจะคิดว่านางจะโดนหยางซูมี่ลอบเล่นงานให้เสียแล้ว ช่างน่าเจ็บใจยิ่งนักตอนพิเศษ 4 (ตอนปลาย) “คุณหนูกู่เกรงใจเกินไปแล้ว ในฐานะตัวแทนของฝ่าบาทพวกข้าต้องมาร่วมยินดีอยู่แล้ว”หยางซูมี่เดินเข้างานไปเลย ไม่ได้สนใจสตรีนางนี้มากนัก ทำเพียงเหมือนกับว่านางไม่คู่ควรที่จะให้พระชายาเช่นนางต้องมาเสวนาด้วย กู่เจียอีได้แต่ลอบกำมือแน่น คอยดูเถอะวันนี้ข้าจะเหยียบหน้าจมให้จมดิน และจะกลายมาเป็นพระชายาของชินอ๋องให้จงได้“เจ้าอยากเล่นกับนางหรือไม่” เซี่ยเหวินหรงหันมาเอ่ยถามภรรยาคนงาม“ให้บทเรียนกับนางเบาๆ ก็พอเจ้าค่ะ” หยางซูมี่หันมายิ้มเจ้าเล่ห์ใส่พระสวามีงานเลี้ยงในจวนเจ้าเมืองวันนี้ กลับพบว่าขณะที่ทั้งหมดกำลังสนุกสนานกันภายในงานเลี้ยงนั้น กลับพบว่าคุณหนูกู่เจียอีผลัดตกลงไปในสระน้ำ แต่โชคดีที่มีคุณชายท่านหนึ่งช่วยเอาไว้ได้ แต่เพราะตอนเปียกน้ำทำให้ทั้งสองได้แนบชิดกัน และด้วยอาภรณ์ของกู่เจียอีนั้นที่เป็นสีขาว ทำให้มองเห็นเรือนร่างของนาง จนมองเห็นไปถึงเอี๊ยมตัวใน และคุณชายผู้นี้ก็ได้แตะต้องนางไปแล้วแม้ว่าจะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม ด้วยเหตุนี้ในหนึ่งเดือนต่อมาจึงได้เกิดงานมงคลขึ้นกู่เจียอีได้แต่งเข้าไปเป็นฮูหยินรอง เน
ตอนพิเศษ 4 (ตอนต้น) หลังจากงานแต่งผ่านไปได้หนึ่งเดือน คนในตระกูลหยางนำโดยท่านเสนาบดีหยางหมิงได้เดินทางกลับเมืองหลวง พวกเขานั้นได้จากเมืองหลวงมานานมากแล้ว สมควรต้องไปจัดการงานที่ค้างคาเอาไว้ แม้จะเสียดายที่หยางซูมี่กับเซี่ยเหวินหรงไม่ได้กลับไปด้วยก็ตาม“ท่านพ่อเดินทางกลับดีๆ นะเจ้าคะ อีก 3 เดือนลูกจะกลับเมืองหลวงพร้อมท่านอ๋องเจ้าค่ะ”“ดูแลตัวเองดีๆ ด้วยมี่เอ๋อร์ ข้าน้อยขอฝากบุตรสาวด้วยพ่ะย่ะค่ะ” ประโยคท้ายหยางหมิงหันไปเอ่ยกับเซี่ยเหวินหรง“ท่านพ่อตาอย่าได้เป็นห่วง มี่เอ๋อร์อยู่กับข้าย่อมต้องปลอดภัย”เซี่ยเหวินหรงให้คำมั่น ทั้งสองยืนส่งจนขบวนรถม้าเคลื่อนตัวห่างไปเรื่อยๆ“พี่ต้องกลับไปยังจวนเจ้าเมืองเพื่อพบหน้ากับเจ้าเมืองคนใหม่ เจ้าอยู่ที่นี่ดีๆ แล้วพี่จะรีบกลับมา” เซี่ยเหวินหรงลูบหัวหยางซูมี่ด้วยความเอ็นดู“เจ้าค่ะท่านพี่”หยางซูมี่พยักหน้ารับ แล้วเขย่งปลายเท้ายื่นหน้าไปจูบแก้มสาก จนใบหูของเขาขึ้นสีแดงก่ำ“รีบกลับมานะเจ้าคะ ข้าจะรออาบน้ำพร้อมกับท่านพี่”หยางซูมี่ขยิบตาใส่เซี่ยเหวินหรง
ตอนพิเศษ 3 (ตอนปลาย) เซี่ยเหวินหรงเองก็รีบปลดอาภรณ์ของเขาออกเช่นกัน ร่างกายสูงใหญ่ไร้อาภรณ์ปกปิดกาย มองเห็นกล้ามหน้าท้องหนั่นแน่นที่เป็นลอนสวยอย่างคนที่ออกกำลังกาย ตรงกึ่งกลางเห็นแท่งหยกที่เริ่มจะขยายตัวอวดความศักดิ์ดาของตน หยางซูมี่ลอบกลืนน้ำลายเมื่อเห็นแท่งหยกของเขาหยางซูมี่เนื้อตัวแดงก่ำด้วยความเขินอาย แม้จะเคยร่วมรักกับเขามาหลายครั้ง แต่นางกับเขาก็ห่างหายกันไป 2 ปีกว่า นางจึงรู้สึกประหม่ามากนัก แต่เพราะไม่อยากจะให้เขารู้ว่านางนั้นเขินอายมากเพียงใด จึงทำใจกล้าเงยหน้ามองร่างสูง ยกยิ้มอ่อนหวานแล้วเอื้อมมือไปปลดสายผูกเอี๊ยมออก ทำให้ปราการชิ้นสุดท้ายหลุดร่วงลงมา มองเห็นก้อนเต้าหู้อวบอิ่มสองก้อนและเม็ดทับทิมสีชมพูระเรื่อเซี่ยเหวินหรงไม่อาจจะอดใจได้อีกต่อไป เขาช้อนร่างบางของหยางซูมี่อุ้มลงไปในถังอาบน้ำด้วยกัน เขานั่งพิงขอบอ่างให้หยางซูมี่นั่งบนตักแกร่ง มือข้างหนึ่งบีบสะโพกกลมกลึง อีกข้างก็ยื่นไปข้างหน้ากอบกุมก้อนเต้าหู้บีบคลึงอย่างอ่อนโยน นิ้วชี้เขี่ยเม็ดทับทิมสีชมพูจนตั้งช่อชูชันขึ้นมา“อ๊าาาา ท่านพี่”เซี่ยเหวินหรงจับร่างบางหั
ตอนพิเศษ 3 (ตอนต้น) ขบวนเจ้าบ่าวนำโดยชินอ๋องเซี่ยเหวินหรง พระองค์ขี่อาชาโลหิตสีขาวนำขบวนสินสอดมากกว่า 100 หีบ โดยมีทหารของกองทัพพยัคฆ์ทมิฬคอยดูแล แม้ว่าหยางซูมี่จะเอ่ยว่าต้องการจัดงานแต่งงานแบบเรียบง่ายแต่เมื่อฮ่องเต้เซี่ยเฟยหลงทรงทราบก็รีบส่งม้าเร็วนำราชโองการสมรสพระราชทานมามอบให้ ทั้งยังระบุว่าชินอ๋องจะมีหยางซูมี่เป็นพระชายาแต่เพียงผู้เดียวจวบจนทั้งคู่สิ้นอายุขัยข่าวการแต่งงานครั้งที่สองของทั้งคู่แพร่สะพัดไปทั่วแคว้นเซี่ย บางคนต่างก็ยินดีที่ทั้งสองกลับมาใช้ชีวิตร่วมกัน แต่บางคนก็ค่อนขอดที่ทั้งสองเลิกรากันไปแล้วแต่ยังกลับมาแต่งงานกันอีกครั้ง ไม่ว่าผู้คนจะพูดกันอย่างไร แต่เจ้าบ่าวเจ้าสาวก็หาได้สนใจไม่ เพราะทั้งคู่ได้ตกลงใจที่จะกลับมาใช้ชีวิตร่วมกันอีกครั้ง คำพูดของผู้อื่นหาได้สลักสำคัญกับพวกเขาทั้งสองคนไม่เซี่ยเหวินหรงขี่ม้ามาหยุดที่หน้าประตูบ้านพักของหยางซูมี่ เมื่อเขาเดินเข้าไปยังห้องโถงหลักก็พบว่าหยางซูมี่นั้นยืนรอเขาอยู่ก่อนแล้ว วันนี้นางสวมชุดสีแดงมงคลปักลายหงส์สยายปีก และมีผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวสีแดงสวมทับเอาไว้ที่ศีรษะ ทำให้เขาไม่
ตอนพิเศษ 2 ริมชายหาดแห่งหมู่บ้านผิงอัน มีสตรีร่างบอบบาง กับบุรุษร่างสูงใหญ่นั่งอิงแอบกันอยู่ใต้ต้นมะพร้าว สายตาทั้งคู่ทอดมองออกไปยังน้ำทะเลใสสีเขียวมรกต หาดทรายสีขาวละเอียด ลมทะเลพัดมาเป็นระยะๆ คล้ายกับกำลังปลอบประโลมคนทั้งคู่ ทั้งสองปล่อยให้จิตใจได้ซึมซับกับธรรมชาติที่สวยงามนี้“เจ้ามาที่นี่ตั้งแต่เมื่อใด” เซี่ยเหวินหรงหันมาเอ่ยถามในสิ่งที่เขาสงสัย“ข้ามาถึงเมื่อสามวันก่อนเจ้าค่ะ ข้าตั้งใจมาทำให้ท่านแปลกใจเล่น” หยางซูมี่เอ่ยพลางหัวเราะ นัยน์ตาพราวระยับดั่งดวงดารา“รู้หรือไม่ว่าทำข้าเป็นห่วง ตอนที่ข้ารู้ว่าเจ้าหายตัวไป”เซี่ยเหวินหรงเอื้อมมือไปบีบจมูกโด่งรั้นอย่างมันเขี้ยว“ข้าเจ็บนะเหวินหรง”หยางซูมี่หันมาดุเขาอย่างไม่จริงจังนัก เซี่ยเหวินหรงเอื้อมมือไปกอบกุมที่มือขาวบางอย่างทะนุถนอม“ข้าไม่คิดว่าจะได้เจอเจ้าเร็วถึงเพียงนี้ ที่นี่มีเรื่องให้ข้าจัดการมากมายนัก ข้ายังคิดว่าอย่างเร็วก็คงอีกสักปีสองปีถึงจะกลับไปหาเจ้าที่เมืองหลวงได้”“ข้ารู้ว่าท่านทำงานหนักมากเพียงได ดูสิชินอ๋องผู้สง่างามกลายร่
ตอนพิเศษ 1 2 ปีต่อมาชายแดนใต้ของแคว้นเซี่ยที่ติดกับทะเล เมื่อ 2 ปีก่อนมีการค้าเกลือเถื่อนเกิดขึ้น เซี่ยเหวินหลินที่ได้ออกมาจัดการนั้น กลับจัดการแบบปล่อยผ่าน อนึ่งเพราะมีผลประโยชน์ร่วมกับพ่อค้าที่ค้าเกลือเถื่อนแต่หลังจากที่ชินอ๋องเซี่ยเหวินหรงจัดการปราบปรามกบฏได้หมดสิ้น จึงได้ทูลขอฮ่องเต้เซี่ยเฟยหลงมาปราบปรามการค้าเกลือเถื่อน และมาจัดระบบการปกครองใหม่ของชายแดนใต้ ซึ่งฮ่องเต้ก็ได้ออกพระราชโองการมอบอำนาจทุกอย่างให้ชินอ๋องเป็นผู้จัดการทั้งหมดตลอดเวลากว่าสองปีที่ผ่านมานี้เซี่ยเหวินหรงออกรบไปปราบปรามโจรสลัดทั้งในน่านน้ำ และบนเรือ โจรสลัดนั้นชอบขึ้นมาดักปล้นฆ่าชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมชายฝั่ง แต่หลังจากที่ชินอ๋องมาโจรสลัดก็หนีหายไปหมดด้วยหวาดเกรงชินอ๋องนอกจากจะปราบโจรสลัดแล้ว เซี่ยเหวินหรงยังต้องเข้ามาปราบปรามพ่อค้าเกลือเถื่อน และยังต้องมาจัดระเบียบเมืองหนานผิงใหม่ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าเจ้าเมืองหนานผิงปกครองเมืองชายแดนใต้อย่างไร้ความยุติธรรม กดขี่ข่มเหงชาวเมืองหนานผิง ทหารประจำเมืองก็ชอบรีดไถจากชาวบ้าน เรียกร้องค่าคุ้มครอง หากครอบค