ซูซินเหยียนลืมตาขึ้นมามองไปข้างๆใช้มือลูบไล้ที่นอนเย็นเฉียบ เมื่อคืนเป็นคืนเข้าหอของนางกับโจวเยี่ยนเฉิง แต่เขาไม่ได้นอนที่นี่ เขาไม่ยอมเข้าหอกับนาง ไม่แม้แต่จะมาเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวและดื่มเหล้ามงคลหลังพิธีกราบไหว้ฟ้าดินเสร็จ เขาก็กินดื่มกับแขกเหรื่อและสหายสนิท นางรอเขาอยู่นานจนหลายชั่วยาม จนสาวรับใช้ทนไม่ไหวไปตามเขา ถึงได้รู้ว่าเขาเมาหนักและนอนอยู่ที่ห้องหนังสือไม่ยอมเข้าหอกับนาง นางกับเขาเป็นคู่หมั้นกันมาหลายปีโดยผู้ใหญ่หมั้นหมายให้ พอถึงเวลาออกเรือนนางก็ได้แต่งงานกับเขา
โจวเยี่ยนเฉิงเป็นสหายสนิทกับซูตงหยางพี่ชายของนาง นางมักจะติดตามพี่ชายไปนู่นมานี่บ่อยๆ และทุกครั้งโจวเยี่ยนเฉิงก็จะไปด้วย นางมีใจให้เขา จงรักภักดีมั่นคงไม่เปลี่ยน เพราะคิดว่าชีวิตนี้ยังไงนางก็จะต้องแต่งงานเป็นภรรยาเขาเพียงผู้เดียว แต่นางไม่รู้เลยว่าเขาไม่ได้รักนาง แต่มีคนในใจแล้ว จนกระทั่งเมื่อคืนนางตัดสินใจไปตามเขาที่ห้องหนังสือ ถึงได้เห็นเขารำพึงรำพันถึงหญิงคนหนึ่งทั้งยังกอดจูบภาพวาด
" หลินเอ๋อ หลินเอ๋อข้าขอโทษ ข้าทำให้เจ้าเสียใจ แต่ข้าสัญญาว่าจะรักษาตัว จะไม่เข้าหอกับนางเด็ดขาด เจ้าอย่าโกรธข้าเลยนะ"
นางกุมอกด้วยความรู้สึกเจ็บแปลบ หลินเอ๋อคือใครกัน เป็นคนรักของเขาอย่างงั้นเหรอเหตุใดนางถึงไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน
" ฮูหยิน ท่านตื่นแล้ว"
ลู่หนิงเดินถืออ่างล้างหน้าเข้ามา
" หนิงเอ๋อ เขา"
" นายท่านออกไปตั้งแต่เช้าแล้วเจ้าค่ะ"
นางพยักหน้ารับรู้ บิดามารดาของโจวเยี่ยนเฉิงเสียชีวิตไปเมื่อสองปีก่อน จากเหตุถูกโจรภูเขาปล้นฆ่า ระหว่างทางไปวัดหวงซาน ทำให้เช้านี้นางไม่ต้องไปยกน้ำชาตามธรรมเนียม หลังกินอาหารเช้าเสร็จซูซินเหยียนก็ไปเดินเล่นสำรวจจวน ที่นี่เป็นจวนขนาดกลาง ในสวนปลูกดอกซานฉาฮวาเต็มไปหมด นางเดินไปนั่งที่ศาลาริมน้ำมองดูปลาหลีฮื้อแหวกว่าย บางตัวก็กระโดดขึ้นมางับกลีบบัวเล่น
นั่งเล่นสักพักก็ไปที่ห้องหนังสือ คิดว่าจะเลือกหนังสือมาอ่านเล่นสักสองสามเล่ม พอเข้าไปถึงก็เห็นกระดาษม้วนวางอยู่บนโต๊ะนางรีบหยิบขึ้นมา นี่มันเป็นภาพวาดที่โจวเยี่ยนเฉิงกอดจูบเมื่อคืนไม่ใช่เหรอ ด้วยความอยากรู้ว่าหญิงสาวในภาพหน้าตาเป็นอย่างไรจึงคลี่ออกดู นางจ้องมองภาพนิ่งพยายามคิดว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อนหรือไม่
" เจ้าทำอะไร"
โจวเยี่ยนเฉิงคว้าภาพวาดจากมือซูซินเหยียน แล้วผลักนางอย่างแรงจนนางกระเด็น หัวชนขอบชั้นวางหนังสือ
" ฮูหยิน"
ลู่หนิงรีบเข้าไปประคองซูซินเหยียน ซูซินเหยียนรู้สึกเจ็บปวดที่หัว เอามือจับดูถึงได้รู้ว่าเลือดออก นางมองดูโจวเยี่ยนเฉิงที่ม้วนภาพเก็บไว้แล้วกอดมันอย่างหวงแหน ไม่แม้แต่จะปรายตามองนาง นางน้ำตาคลอรีบเดินออกไปทันที สวนกับสือหลางที่เดินเข้ามา
" นายท่านเกิดอะไรขึ้นขอรับ เหตุใดฮูหยินถึงได้บาดเจ็บเช่นนั้น"
โจวเยี่ยนเฉิงพลันได้สติ
" เจ้าว่าอะไรนะ"
" ฮูหยินได้รับบาดเจ็บ ที่หัวมีเลือดไหลออกมา ท่านไม่เห็นหรือขอรับ"
โจวเยี่ยนเฉิงนึกถึงเมื่อกี้ที่เขาผลักนาง ไม่คิดว่าจะทำให้นางบาดเจ็บ ช่างสิ ใครใช้ให้นางมาวุ่นวายกับของของเขาหล่ะ นี่เป็นภาพวาดของถานลี่หลิน ที่เขาให้จิตรกรวาดภาพขึ้นมาตอนที่นางยังมีชีวิตอยู่ เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เขาได้รับรู้ว่านางยังอยู่ใกล้ๆเขา
เมื่อคืนเขาเอาภาพนางมาดูแล้วนอนหลับไปตอนเช้าเขารีบร้อนออกไปเพราะไม่อยากเจอหน้าซูซินเหยียน ไม่อยากต้องกินข้าวร่วมกับนาง จึงลืมเก็บภาพวาด พอเขานึกขึ้นมาได้ก็รีบกลับมา ไม่คิดว่านางจะกำลังดูภาพวาดอยู่ ทำให้เขาโมโหผลักนาง
เขาไม่ได้รักนาง แต่จำต้องแต่งงานกับนางเพราะคำสั่งของบิดามารดา แม้ทั้งสองจะจากไปก่อนจะถึงวันแต่งงาน แต่เขาได้สัญญาเอาไว้แล้วว่าจะแต่งกับนาง เขาก็ต้องแต่ง จะไม่ผิดคำพูดเป็นอันขาด มารดาของเขาเป็นคนเชื่อเรื่องคำทำนาย ครั้งนั้นมารดาของเขากับมารดาของซูซินเหยียนซึ่งเป็นสหายสนิทกัน ได้ไปสักการะพระมหาเถระโหย่วหัวที่วัดหวงซาน จึงได้ขอให้ตรวจดูดวงของเขาและนาง ท่านได้ทำนายว่าเขาและนางดวงสมพงศ์กัน หากได้แต่งงานกันดวงของนางจะส่งเสริมให้เขาเจริญรุ่งเรือง พอกลับมาก็จัดการให้เขากับนางหมั้นหมายกัน หลังจากนั้นไม่นานเขาได้สร้างผลงานจนฮ่องเต้เลื่อนขั้นเขาจากขุนนางระดับ8ขึ้นมาเป็นขุนนางระดับ4 ทั้งยังพระราชทานเงินทองของมีค่าให้กับเขาอีกมากมาย ยิ่งทำให้บิดามารดาของเขาเชื่อในคำทำนายว่าเป็นจริง จึงขอให้เขาสัญญาว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจะต้องแต่งงานกับนาง และต้องแต่งในปีที่นางอายุครบ17ปี ซึ่งปีนี้ก็เป็นปีที่นางอายุ17พอดีเขาจึงได้จัดงานแต่งตามที่รับปากกับบิดามารดาไว้ แต่เขาไม่ได้รักนาง เขารักถานลี่หลิน เขาทำตามสัญญาว่าจะแต่งงานกับนางเขาก็แต่งแล้ว แต่จะให้เขาเข้าหอกับนาง เขาทำไม่ลงจริงๆ
" ฮูหยินเจ็บมากไหมเจ้าคะ"
ซูซินเหยียนส่ายหน้า
" นายท่านนะนายท่าน แค่ภาพวาดใบเดียวถึงกับต้องทำรุนแรงเช่นนี้ ไม่รู้ว่าสำคัญอะไรนักหนา"
" สำคัญสิ สำคัญมากด้วย ข้าผิดเองที่อยากรู้อยากเห็น"
" ภาพวาดนั่นเป็นภาพอะไรเหรอเจ้าคะนายท่านถึงได้หวงนักหนา แค่ท่านดูนิดเดียวถึงกับต้องผลักท่านจนได้รับบาดเจ็บเช่นนี้"
" ภาพคนรักของเขาหน่ะ"
ลู่หนิงตกใจรีบพูดปลอบ
" ฮูหยิน ท่านรู้ได้อย่างไรเจ้าคะ บางทีอาจไม่ใช่อย่างที่ท่านคิดก็ได้นะ"
" เมื่อคืนข้าไปตามเขาที่ห้องหนังสือ เขากอดจูบภาพวาดนั่น ยังพร่ำเรียกชื่อหลินเอ๋อ หากไม่ใช่คนรัก แล้วเขาจะทำแบบนั้นไปทำไม"
" หลินเอ๋อ ใครกัน ฮูหยินเจ้าคะข้าว่าคุณชายตงหยางน่าจะรู้จักนะเจ้าคะ"
" ข้าก็คิดเช่นเดียวกับเจ้า พี่ใหญ่เป็นสหายสนิทกับเขาน่าจะรู้ว่านางคือใคร"
นางคิดจะไปถามพี่ชายของนางวันนี้เลย เเต่ตอนนี้นางบาดเจ็บยังมีผ้าพันแผลอยู่ที่หัวหากไปสภาพเช่นนี้คงไม่ดี อีกอย่างบิดามารดาของนางยังไม่ได้กลับบ้านที่ต่างเมืองยังพักอยู่ที่จวนของพี่ชายนาง เพื่อรอพบนางในวันครบสามวัน ที่นางจะกลับไปเยี่ยมบิดามารดาตามประเพณี หากพวกเขารู้ว่านางถูกทำร้ายตั้งแต่วันแรกที่แต่งเข้ามาเกรงว่าจะเกิดเรื่อง จึงรอให้ถึงวันกลับไปเยี่ยมบ้านก่อน อีกสองวันแผลของนางน่าจะหายแล้ว ถึงวันนั้นค่อยถามให้รู้เรื่อง
เห็นสีหน้าไม่สู้ดีของเขา นางก็พูดต่อ" ใกล้ๆกันยังมีขนมถูกเททิ้งด้วย น่าเสียดายหากไม่กินก็น่าจะให้คนอื่น ไม่ก็แจกเด็กๆก็ได้ ทำแบบนี้ไม่ดีเลย"โจวเยี่ยนเฉิงกัดฟันแน่นด้วยความโกรธ รีบหุนหันจากไป ถานลี่หลินมองตาม กระตุกยิ้มมุมปาก หึหึ ขนมอร่อยน่ากินจะทิ้งให้เสียของทำไม ทั้งขนมติงเซิงขนมหม่าซูถง อยู่ในท้องของนางนี่ซูซินเหยียนกำลังยืนคุยกับคนอื่นๆอยู่ โจวเยี่ยนเฉิงก็เข้ามาฉุดกระชากนางออกมา" ปล่อยนะ ท่านเป็นบ้าอะไร"นางสะบัดออกจากเขาด้วยท่าทีรังเกียจ" ตามข้ามานี่ ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า"" แต่ข้าไม่มีอะไรจะคุยกับท่าน"" เหยียนเอ๋อ"" เรียกข้าแบบเดิมเถอะ อย่าเรียกข้าแบบนี้เลย เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น"" ข้าอยากถามว่าทำไมต้องเอาของที่ข้าให้ไปทิ้งด้วย ข้าตั้งใจซื้อมันมาให้เจ้านะ"นางขมวดคิ้วมองหน้าเขา " ของพวกนั้นข้าให้หนิงเอ๋อนำมันไปคืนท่านไม่ได้ทิ้ง"ลู่หนิงที่ยืนอยู่ไม่ไกล ได้ยินที่ทั้งสองพูดก็รีบเดินเข้าไปหา" ข้าเอาของพวกนั้นไปฝากสือหลางคืนท่านไม่ได้ทิ้งเจ้าค่ะ ต่อจากนี้ท่านก็ต้องไปถามเขาเองแล้วแหละ"เห็นโจวเยี่ยนเฉิงทำหน้างง ซูซินเหยียนก็พอเดาออก" ใครบอกท่านว่าของพวกนั้นถูกทิ้ง ถานล
เมื่อเดือนก่อนฝนตกหนักน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมหมู่บ้าน ถนนหนทางถูกตัดขาดสะพานข้ามแม่น้ำก็พัง น้ำท่วมอยู่เป็นเดือนพึ่งจะเริ่มลดลง ทหารอาสาซ่อมแซมสะพานเสร็จไปหนึ่งแห่ง คือทางหน้าหมู่บ้าน ส่วนอีกแห่งทางหลังหมู่บ้าน หลายคนกำลังช่วยกันซ่อมแซมอยู่ เพราะน้ำท่วมผ่านไปหลายวันแล้ว กว่าโจวเยี่ยนเฉิงจะมาถึงน้ำจึงแห้งเหือดไปหมด เหลือเพียงดินโคลนแห้งเกรอะกรัง ทหารที่มาช่วยงานและอาสาคนอื่นๆต่างช่วยชาวบ้านทำความสะอาด แต่ชาวบ้านยังคงพักอยู่ในกระโจมบนที่สูง แม่ทัพฉีเส้าหมิงสำรวจดูรอบหมู่บ้านเกรงว่าอาจเกิดดินถล่มลงมาอีก จึงยังไม่ให้ชาวบ้านเข้าไปพักอาศัย แต่ให้รอดูสถานการณ์อีกสักระยะก่อนช่วงเย็นซูซินเหยียนนั่งเล่นอยู่ใต้ต้นไม้กับลู่หนิงและฉีหว่านหรู" ซินเหยียน ที่เขามาถึงที่นี่คงไม่ใช่มาตามเจ้าหรอกนะ"" ตามข้ารึ เป็นไปไม่ได้หรอก เขาไม่ได้รักข้า ไม่เคยรักเลยด้วยซ้ำ ข้ายอมหย่าให้เขากับถานลี่หลินได้สมหวัง เขาต้องดีใจอยู่แล้ว ไม่ต้องทนใช้ชีวิตร่วมกับข้า "" แต่ข้าสังเกตุว่าเขาคอยมองดูเจ้าตลอดเลยนะ"" ใช่เจ้าค่ะคุณหนู ข้าก็เห็นเหมือนกัน ข้าว่าสายตาที่เขามองคุณหนูแตกต่างไปจากเมื่อก่อนมาก เมื่อก่อนเขามองท่านด้วย
พอหมอเดินออกไปถานลี่หลินก็รีบเข้ามานางจะเอื้อมมือไปสัมผัสแผ่นหลังของโจวเยี่ยนเฉิง แต่ก็ชักมือกลับ กลัวจะโดนแผลให้เขาเจ็บกว่าเก่า " นายท่านเป็นแบบนี้พอใจเจ้าหรือยัง"สือหลางพูดแขวะก่อนเดินออกไป ถานลี่หลินน้ำตาไหลอาบแก้ม" พี่เยี่ยนเฉิง เป็นความผิดของข้า เพราะข้าท่านถึงต้องมาเจ็บตัวเช่นนี้ "ผ่านไปสักพักโจวเยี่ยนเฉิงค่อยๆลืมตาขึ้นมา เห็นถานลี่หลินนั่งน้ำตาคลออยู่ข้างๆ พอเห็นเขาลืมตา น้ำตาเม็ดโตก็ไหลรินอาบแก้มนางยิ้มทั้งน้ำตา" พี่เยี่ยนเฉิงท่านฟื้นแล้ว"ขยับเพียงนิดเขาก็รู้สึกเจ็บปวดไปทั่วทั้งหลังและตูด สือหลางได้ยินเสียงก็รีบเข้ามาดูด้วยความดีใจ ก่อนจะออกไปแล้วกลับเข้ามาใหม่พร้อมถ้วยยา ถานลี่หลินแย่งถ้วยยามาถือไว้" เอามานี่ข้าจัดการเอง เจ้ามีอะไรก็ไปทำเถอะ"สือหลางไม่ชอบใจกับท่าทีของถานลี่หลิน ที่ทำตัวราวฮูหยินของจวน ชี้นิ้วสั่งคนนั้นคนนี้ เขาไม่อยากสนใจจึงเดินออกไป เห็นท่าทีกระตือรือร้นของนาง โจวเยี่ยนเฉิงก็นึกถึงอดีต ตอนนั้นเขาเล่นปีนต้นไม้กับซูตงหยางแล้วพลาดตกลงมาได้รับบาดเจ็บ ซูซินเหยียนก็เป็นห่วงเขาแบบนี้ นางร้องไห้ห่วงว่าเขาจะขาหักพิการเดินไม่ได้อีก มานั่งเฝ้าคอยดูแลเขา ยังช่วย
" ข้าเข้าใจแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไม่จำเป็นทน ทนอยู่ไปเพื่ออะไร เขาไม่รักไม่เห็นค่าก็หย่าไปเลย ข้าสนับสนุนเจ้า"" กุ้ยเฟยเพคะ"เช่อเอ๋อหันไปมองหน้าเมิ่งกุ้ยเฟย คิดว่าเมิ่งกุ้ยเฟยจะเกลี้ยกล่อมให้ซูซินเหยียน กลับไปคืนดีกับโจวเยี่ยนเฉิง แต่กลับเห็นดีเห็นงามกับการหย่าร้าง" ข้าพูดผิดตรงไหน เหตุใดสตรีจะต้องทนอยู่กับบุรุษที่ไม่รักเรา ในโลกนี้ยังมีบุรุษอีกเกลื่อนกลาด ไม่เห็นต้องไปสนใจ ในเมื่อโจวเยี่ยนเฉิงมีไข่มุกล้ำค่าในมือแล้วไม่เห็นค่ากลับไปให้ความสำคัญกับก้อนกรวด ก็ปล่อยเขาไป เหยียนเอ๋อของข้างดงามถึงเพียงนี้ ข้าจะหาบุรุษที่ดีกว่าโจวเยี่ยนเฉิงเป็นร้อยเท่าให้นางเอง"เมิ่งกุ้ยเฟยทำท่าครุ่นคิด ใครนะที่น่าสนใจ" เมิ่งกุ้ยเฟยเพคะ สาวใช้นางนั้นมาแล้วเพคะ"นางกำนัลคนหนึ่งเข้ามารายงาน" ให้นางเข้ามา"ถานลี่หลินเดินตามนางกำนัลเข้ามาถวายความเคารพ" รู้ใช่ไหมว่าข้าเรียกเจ้ามาทำไม"" หม่อมฉันโง่เขลา ไม่ทราบเพคะ"" คุกเข่าลง"นางรีบนั่งลงคุกเข่า หันไปเห็นซูซินเหยียนนั่งอยู่ข้างๆเมิ่งกุ้ยเฟยก็หน้าซีด มีลางสังหรณ์ไม่ดี" เจ้ารู้หรือไม่ว่าการทำลายข้าวของพระราชทานมีโทษเช่นไร"" หม่อมฉันผิดไปแล้วเพคะ หม่อ
" ช่วงนี้ท่านดูเคร่งเครียด ให้ข้าช่วยทำให้ท่านสบายตัวดีหรือไม่"ถานลี่หลินลูบไล้อกแกร่งของโจวเยี่ยนเฉิงค่อยๆแหวกสาบเสื้อออก ลูบอกเปลือยเปล่าเมื่อเห็นว่าเขาเริ่มเคลิ้ม จึงใช้อีกมือลูบแท่งหยกของเขาจนมันเริ่มตื่นตัว โจวเยี่ยนเฉิงเห็นภาพทับซ้อน มองเห็นหน้าของถานลี่หลินเป็นซูซินเหยียน พอสะบัดหัวอีกทีถึงได้รู้ว่าเขาตาลาย เขารีบผลักถานลี่หลินออก " ดึกแล้วเจ้าไปนอนเถอะ ข้ามีเรื่องด่วนต้องไปจัดการ"พูดจบก็รีบจ้ำอ้าวเดินออกไป ทิ้งให้ถานลี่หลินยืนเหวออยู่ตรงนั้น เหตุใดเขาถึงได้ปฏิเสธนาง เหตุใดถึงได้รีบร้อนออกไปยามดึกแบบนี้ เขาจะไปที่ไหน หรือว่าจะไปหาซูซินเหยียน ไหนบอกว่าไม่ได้รักไง ก็ในเมื่อหย่ากันแล้วจะไปหาทำไมอีก นางกำมือแน่นแววตาฉายความโกรธเกรี้ยวโจวเยี่ยนเฉิงมาถึงจวนของซูตงหยาง ก็เห็นว่ามีบ่าวรับใช้ชายยืนเวรยามเต็มไปหมด ถ้าเข้าไปตรงๆก็คงต้องปะทะฝีมือกัน เขาไม่อยากทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ จึงเอาม้าไปผูกไว้ใต้ต้นไม้ห่างจากหน้าจวน แล้วใช้วิชาตัวเบาเหาะทะยานไต่ไปบนหลังคา ว่าแต่ซูซินเหยียนอยู่เรือนไหนนะ จวนแห่งนี้ไม่ได้กว้างมาก มีแค่ไม่กี่เรือน เรือนหลังนั้นเป็นของซูตงหยาง ส่วนตรงนั้นเป็นเ
" ซินเหยียน"" มาทำไม"" ข้ามารับเจ้ากลับจวน"" กลับไปทำไม ท่านกับข้าหย่ากันแล้ว หนังสือหย่าข้าวางเอาไว้ในห้อง ท่านไม่เห็นรึ"" เห็นแล้ว ข้าก็ฉีกทิ้งแล้วด้วย"" ท่าน"" ข้าไม่หย่า ข้ารับปากกับท่านแม่ไว้แล้วว่าจะแต่งงานกับเจ้าแค่คนเดียว มีเจ้าเป็นฮูหยินของข้าแค่คนเดียวเท่านั้น กลับไปกับข้าเถอะ สามีภรรยาไม่ควรแยกกันอยู่เช่นนี้"" ฮ่า ฮ่า ฮ่า"" เจ้า เจ้าหัวเราะอะไร"" ข้ารู้สึกขบขันยิ่งนัก จริงอย่างท่านว่า สามีภรรยาไม่ควรแยกจาก แต่ท่านกับข้าหาใช่สามีภรรยากัน ไม่ เราไม่เคยมีอะไรกัน คืนเข้าหอท่านก็ไปนอนที่ห้องหนังสือ กอดจูบลูบไล้ภาพวาดของถานลี่หลิน"อย่าว่าแต่เข้าหอเลย แม้แต่แตะต้องตัวนางก็ไม่เคย จับมือก็ไม่เคยโจวเยี่ยนเฉิงตกใจ นางรู้ได้อย่างไร หรือว่าคืนนั้นนางจะไปตามเขาแล้วเห็น" ซินเหยียน คือว่าเรื่องนั้นข้าอธิบายได้ ข้าคืนนั้นข้าเมาหนักไปหน่อย ข้ายอมรับว่าข้าคิดถึงหลินเอ๋อ แต่คนเราล้วนมีอดีตกันทั้งนั้น ตอนนั้นข้าคิดถึงนางที่จากไปแล้วไม่มีโอกาสได้พบเจออีก ไม่คิดว่าอยู่ดีๆนางจะปรากฏตัว ส่วนเรื่องเข้าหอข้ายังทำใจไม่ได้ เลย เลยให้เวลาตัวเองหน่อย"" หึ จะเข้าหอกับข้าต้องใช้เวลาทำใจขนาดนั้