Masukเช้าวันต่อมาดูเหมือนว่าน้องรุ้งกับพี่เรนจะหายจากพิษไข้เป็นปลิดทิ้งเพราะต่างก็ตื่นขึ้นมารับแสงอาทิตย์และลมทะเลกันแต่เช้าด้วยความร่าเริงและตื่นเต้นราวกับว่าไม่เคยเจ็บป่วยเสียอย่างนั้น
"อย่าเพิ่งออกไปตากแดดสิคะ เดี๋ยวไม่สบายต้องกินยากันอีกนะ" คุณแม่คนสวยรีบร้องห้ามเมื่อเห็นว่าเด็กๆ อยากจะออกไปท้าความร้อนจากดวงอาทิตย์ไม่ยอมกลับเข้ามาในบ้านพัก
"ค่ะ/ครับ" เด็กจอมซนเชื่อฟังคำของมารดาอย่างว่าง่ายเพราะยังเข็ดหลาบกับรสชาติของยาที่ได้กินเข้าไปเมื่อคืนไม่หาย
เมื่อเข้ามาในบ้านสองพี่น้องก็นั่งล้อมคนตัวโตที่นอนหลับเหงื่อท่วมไม่รู้เรื่องอยู่บนที่นอนด้วยความสงสัยใคร่รู้
"แม่ป่านคะ คุณลุงคนเมื่อวานมาทำอะไรที่บ้านเราคะ"
"พี่เรนไม่ชอบคุณลุงคนนี้เลยครับ" เมื่อคนพี่เอ่ยว่าไม่ชอบขี้หน้าเจ้านายของแม่คนน้องก็พยักหน้าหงึกๆ เป็นเชิงเห็นพ้องต้องกัน
"ไม่เอานะเด็กๆ ต้องขอบคุณคุณลุงนะลูกที่เมื่อวานพาพี่เรนไปหาหมอ"
"น้องรุ้งว่าคุณลุงหน้าเหมือนพี่เรนนะ" เด็กหญิงช่างพูดก้มมองคุณลุงที่นอนหลับตาพริ้มพลางใช้ดวงตากลมสวยสำรวจใบหน้าของเขาจนถ้วนทั่วก่อนจะเงยหน้าไปทางพี่ชายฝาแฝดของตัวเองที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยความไม่เข้าใจ ยิ่งมองพี่ชายฝาแฝดคิ้วเรียงสวยก็ยิ่งขมวดเข้าหากัน
"จริงเหรอ" เด็กชายเป็นฝ่ายก้มมองดูบ้างเพื่อให้แน่ใจว่าคนเป็นน้องไม่ได้โกหก เด็กชายหมุนศีรษะไปมาเพื่อสำรวจก่อนจะเงยหน้ามองน้องสาวตัวเอง
"เหมือนน้องรุ้งด้วย" นิ้วเล็กๆ ชี้ไปที่เด็กหญิงผมยาวด้วยความตื่นเต้น เพราะไม่อยากจะเชื่อเลยว่านอกจากตัวเองแล้วจะมีคนอื่นที่หน้าตาเหมือนทั้งสองคนด้วย
"แม่ป่านดูสิ" สองพี่น้องพูดพร้อมกันด้วยความตื่นเต้น แต่คนเป็นแม่นั้นกลับทำหน้าไม่ถูก เธอเชื่อแน่ว่าลูกต้องถามว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร แล้วเธอจะอธิบายลูกอย่างไรดีแต่ไม่ทันได้คิดหาคำตอบพ่อของลูกก็ขัดจังหวะเสียก่อน
"หมอกร้อนจังเลยป่าน" มือหนายกขึ้นปาดเหงื่อที่ผุดขึ้นเต็มไรผมอย่างอ่อนแรงทั้งที่หลับตา
"หิวน้ำด้วย"
นั่นปะไร ลูกสาวและลูกชายเอาไข้มาติดคนเป็นพ่อซะแล้ว ยิ่งอยากจะออกให้ห่างโชคชะตาก็ดันผลักเขาเข้ามาใกล้เธอเสียนี่ แล้วอย่างนี้เธอจะทำอย่างไรดี
"ร้อนจริงๆ ด้วย" มือเล็กๆ วางอังลงบนหน้าผากลาดของคนตัวโตกว่าก่อนจะชักมือกลับอย่างรวดเร็วเพราะถูกความร้อนเล่นงาน
"ไหนๆ แม่ป่านขอดูหน่อยครับ" คนเป็นแม่ปรี่เข้าไปขวางลูกน้อยทั้งสองให้ห่างจากคนที่ได้ชื่อว่าพ่ออย่างรวดเร็วไม่ใช่เพราะห่วงใยเขาหรอกนะแต่กลัวว่าเหมภัสและเหมวิชจะถูกพิษไข้เล่นงานซ้ำสองมากกว่าหญิงสาวสั่งให้ตัวเองคิดเช่นนั้น
มือบางวางอังลงบนหน้าผากของเหมันต์เลียนแบบลูกๆ แต่ก็ต้องชักมือกลับทันทีเหมือนลูกๆ ไม่มีผิดเมื่อความร้อนที่แผ่มาถึงหลังมือเธอมันมากกว่าสองพี่น้องเมื่อคืนเสียอีก
"คุณหมอก ตื่นค่ะ" หญิงสาวเขย่าคนตัวโตที่นอนเหงื่อท่วมอย่างกังวล เพราะตอนนี้ใบหน้าหล่อเหลาปานเทพบุตรของเขาไม่ได้มีแต่เม็ดเหงื่อแต่มันยังแดงก่ำอีกด้วย
"คุณหมอกตื่นค่ะ รีบไปอาบน้ำอาบท่าก่อนค่ะ เดี๋ยวไข้จะขึ้นสูงอีกนะคะ" เมื่อไม่มีทีท่าว่าอีกฝ่ายจะตื่นปารวตีก็จัดการจุ่มผ้าขนหนูลงในน้ำที่เพิ่งยกมาบิดผ้าจนหมาดแล้ววางบนหน้าผากพ่อของลูกเพื่อช่วยลดความ ร้อนให้บรรเทาลง
ขณะที่หญิงสาวกำลังเช็ดเนื้อเช็ดตัวลดไข้ให้พ่อของลูกลุงเอกของเด็กๆ ก็ปรากฏตัวพร้อมกับอธิผู้เป็นลูกชายเหมือนฟ้าส่งมาช่วยอย่างไรอย่างนั้น
"ลุงเอก" เด็กชายและเด็กหญิงวิ่งกรูเข้าหาเอกภพอย่างคุ้นเคย
"ลุงเอก คุณลุงคนนี้เขาหน้าเหมือนน้องรุ้งกับพี่เรนเลยค่ะ" เด็กหญิงรีบบอกด้วยความตื่นเต้น แต่คุณลุงผู้ใจดีกลับยิ้มอย่างชอบใจ พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นเพื่อนรักนอนซมอยู่บนฟูกโดยมีปารวตีคอยบิดผ้าขนหนูเช็ดตามใบหน้าให้อย่างไม่อิดออด ใบหน้าสวยหวานนั้นเต็มไปด้วยความเป็นห่วงอีกคน
"ติดไข้เด็กๆ ล่ะสิ ไม่เป็นไรวันนี้เราพาเด็กๆ ไปเล่นที่บ้านเอง ป่านดูแลมันไปเถอะ สงสัยใคร่อยากจะอ้อน" พูดจบลุงเอกก็ชวนเด็กๆ ไปเล่นกับเจ้าอ้นจอมแสบที่บ้านปล่อยให้พ่อกับแม่ที่ไม่ยอมเข้าใจกันได้มีเวลาอยู่กันตามลำพังโดยไม่ได้ฟังคำคัดค้านของปารวตีแม้แต่คำเดียว
หลังจากได้อยู่กันตามลำพังปารวตีก็วางตัวไม่ถูก เจ้านายตัวโตยังคงนอนเพ้ออยู่บนฟูกไม่ยอมที่จะลืมตาเอาแต่บ่นว่าร้อนอยู่ไม่ยอมหยุดจนน่ารำคาญแต่แม้จะรู้สึกอย่างนั้นแต่ทว่าในใจก็อดไม่ได้ที่จะห่วงใย เมื่อลองวางมือลงบนหน้าผากก็พบว่าอุณหภูมิร่างกายเขาเริ่มลดลงแล้วจนชักจะสงสัยแล้วว่าที่นอนหลับตาพริ้มอยู่นี่เรื่องจริงหรืออยากจะแกล้งเธอกันแน่
"คุณหมอกคะ ตื่นมาทานข้าวทานยาได้แล้วค่ะ สายมากแล้วดิฉันจะได้เก็บที่นอน" เสียงหวานเอ่ยเสียงขุ่นเพราะกลัวว่าเจ้านายและพ่อของลูกจะเจ้าเล่ห์เจ้ากลเพราะเมื่อก่อนนั้นเรื่องเจ้าแผนการนั้นเหมันต์ได้ชื่อว่าไม่ใครเกินและเธอก็กลัวที่จะตกหลุมพรางเขาอีกหน
ปารวตีตั้งท่าจะลุกจากที่นอนเพื่อเตรียมอาหารให้เขาทานมื้อเช้าเพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงจะป่วยจริงๆ แต่ก็ต้องเสียหลักเมื่อพ่อของลูกคว้าข้อมือบางเอาไว้ได้ทันแถมยังฉุดเธอจนล้มทับเขาอีก นั่นปะไรเธอตกหลุมพรางเขาเข้าจนได้
“ปล่อยนะคะ ดิฉันมีเรื่องที่ต้องทำ” มือบางตีลงบนท่อนแขนโดยไม่สนใจว่าเขาจะรู้สติหรือไม่ก็ตามแต่ขืนปล่อยให้เขากอดอยู่อย่างนี้หัวใจเธอตกที่นั่งลำบากแน่ๆ
"หมอกร้อน ปวดหัวมากเลยด้วย ป่านครับ ป่านเช็ดตัวให้หมอกนะ อย่าไปไหนนะป่าน" คนตัวโตเริ่มเพ้อจากพิษไข้ที่เริ่มขึ้นสูง
"ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ อย่ามาฉวยโอกาส" มือบอบบางแกะมือหนาที่กอดรัดเอาไว้จนแน่นหนาอย่างทุลักทุเลเพราะเจ้านายหนุ่มไม่มีทีท่าว่าจะยอมปล่อยง่ายๆ
"ป่านครับ อย่าไปนะป่าน กลับมาหาหมอกก่อน"
เหมันต์กอดร่างบางของปารวตีเอาไว้ไม่ยอมปล่อยเพราะความฝันที่โหดร้ายยังคงหลอกหลอนอยู่ในความคิด ภาพที่ปารวตีเดินจูงมือลูกสองคนเดินห่างจากเขาออกไปเรื่อยๆ แม้ว่าเขาจะพยายามวิ่งตามสามแม่ลูกเพียงใดก็ไม่อาจตามทันได้ ทำให้ชายหนุ่มที่ถูกพิษไข้เล่นงานไม่อาจยอมให้สิ่งที่สำคัญของชีวิตหลุดลอย ชายหนุ่มพร่ำเพ้อประโยคเดิมๆ พร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงมาตามขมับเขาพยายามวิ่งไล่ตามเธอไปจนท้ายที่สุดเธอก็เดินหายไปในความฝัน ความกลัวจากก้นบึ้งของหัวใจทำให้คนป่วยสะดุ้งตื่นแทบทันที
"ป่าน อย่าทิ้งให้หมอกอยู่คนเดียวอีกนะ" ริมฝีปากหยักแสนร้อนจุมพิตลงบนหน้าผากมนอย่างแสนรัก วงแขนแข็งแรงโอบรอบร่างกายบอบบางเอาไว้แน่นหนาราวกับกลัวว่าหญิงสาวจะหายไปเหมือนกับในความฝันนั้น
"ปล่อยนะคะ คุณควรจะกลับบ้านไปได้แล้ว เด็กๆ หายเป็นปกติแล้ว ธุระของคุณเป็นอันจบแล้ว เชิญค่ะ" คุณแม่ลูกสองดิ้นรนออกจากอ้อมกอดจนได้รับอิสระ ก่อนจะชี้นิ้วไปที่ประตูเป็นการย้ำว่าเธอไม่ต้องการให้เขาอยู่ที่นี่อีกแม้แต่นาทีเดียว
ดวงตาคมกริบจ้องมองแม่ของลูกเขาด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ นี่เขาไม่สบายขนาดนี้เธอยังใจร้ายไล่เขาได้ลงคอหรือว่าตลอดเวลาสามปีที่ผ่านมามีแต่เขาเพียงคนเดียวที่มันเอาแต่บ้าบอคิดถึงเธอ
"เกลียดกันมากขนาดนั้นเลยหรือยังไง เจอหน้าทีไรก็เอาแต่ไล่ให้พ้นหน้าตลอด" น้ำเสียงทุ้มเจือความเศร้าตัดพ้อหวังจะให้สาวเจ้าใจอ่อนลงบ้างแต่กลับผิดคาดเพราะนอกจากแม่ของลูกจะไม่ใจอ่อนแล้วยังไม่แยแส อีกด้วย
"อย่างน้อยขอกินข้าวกินยาก่อนไม่ได้หรือไงป่าน ปวดหัวตัวร้อนแบบนี้ขับรถกลับบ้านไม่ไหวหรอก" เสียงทุ้มเอ่ยราบเรียบ เขาไม่รู้จะพูดหรือเข้าหน้าเธออย่างไรดีในเมื่อตอนนี้หน้าเขาเธอยังไม่ปลาบปลื้มที่จะแล
"ถ้าอย่างนั้นรอสักครู่นะคะ เดี๋ยวจะไปตักข้าวต้มมาให้ แต่ยาคงไม่มีให้หรอกค่ะ เอาเป็นว่าทานข้าวเสร็จแล้วกลับไปทานยาที่บ้านของคุณก็แล้วกันนะคะ" หญิงสาวชี้แจงพร้อมกับตัดสินใจให้เสร็จสรรพโดยที่เจ้าตัวไม่มีโอกาสได้เถียง
พูดจบร่างบางก็ลุกขึ้นจากที่นอนเพื่อที่จะไปหยิบเอาข้าวต้มส่วนของเธอที่ซื้อมาเมื่อเช้ามืดแกะใส่ชามให้พ่อของลูกได้รองท้องแต่ไม่ทันได้ทำอย่างใจคิดข้อมือบางก็ถูกคนตัวโตที่นั่งอยู่บนฟูกดึงลงมานั่งอยู่บนตักกว้างของเขาอย่างรวดเร็ว
"ว้าย!!!" ปารวตีกรีดร้องด้วยความตกใจ ก่อนจะได้ตาจ้องตาของอีกฝ่ายอยู่นานแสนนานไม่อาจละสายตาได้ราวกับว่าถูกมนต์สะกด
"อย่ามาทำรุ่มร่ามนะ ดิฉันไม่ชอบ" เมื่อตั้งสติได้ริมฝีปากสีหวานก็ต่อว่าต่อขานคนขี้โกงทันที
"แต่หมอกชอบนะป่าน ไหนๆ ก็ได้เจอกันแล้วมีลูกอีกซักคนเป็นไง" นัยน์ตาวิบวับฉายแววความร้ายกาจจ้องมองไปตามสัดส่วนสีนวลตาอย่างชอบใจจนหญิงสาวไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาได้ไข้จริงๆ
"อย่า...."
ยังไม่ทันได้ร้องห้ามชัดถ้อยชัดคำเสียงหวานของคุณแม่ยังสาวก็ถูกดูดกลืนหายเข้าไปในลำคอและริมฝีปากบางก็ถูกผนึกด้วยจุมพิตเร่าร้อนของเหมันต์ในทันที ความอ่อนหวานที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงของหญิงสาวทำให้ชายฉกรรจ์อย่างเขาแทบจะคลั่งตายเสียตรงนี้รสจูบที่ร้างไปนานกว่าสามปีของเธอยังคงปั่นป่วนเขาได้แม้เพียงสัมผัส ลิ้นอุ่นชื้นไล้เล็มไปทั่วริมฝีปากสีหวานของเธออย่างชอบใจก่อนที่ลิ้นอุ่นชื้นจอมวายร้ายจะแทรกเซาะเข้าไปกอดก่ายกับลิ้นเล็กที่ต้อนรับด้วยความอ่อนโยนจนทำให้พ่อของลูกหลงใหลจนยากจะถอดถอน แม้จะถูกกำปั้นน้อยๆ ไล่ทุบตีไปตามท่อนแขนแต่มันไม่ได้ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดอะไรเลยซักนิด แต่มันกลับทำให้เขาหงุดหงิดใจเสียเหลือเกินที่มันคอยขัดจังหวะอยู่ไม่หยุดหย่อนจนถึงคราวที่เขาต้องปราบพยศเธอเสียเดี๋ยวนี้แล้ว
เมื่อกลับมาถึงบ้านคุณพ่อลูกสองก็ได้แต่นอนแกร่วอยู่บนโซฟาห้องรับแขกของบ้านภักดีดำรงเหมือนหมดสิ้นซึ่งความหวังในชีวิต"เป็นอะไรไอ้หมอก นอนซมเชียวหรือว่าไม่สบาย แล้วเมื่ื่อคืนแกหายหัวไปไหนไม่กลับบ้าน" นายตำรวจรูปหล่อพี่ชายคนโตของบ้านเอ่ยถามขณะเดินลงมาจากห้องนอน"พี่ตะวัน ไม่ทำการทำงานหรือไงเดี๋ยวเขาก็ไล่ออกหรอก สายป่านนี้เพิ่งจะตื่น" น้องชายคนสุดท้องกรอกตาไปมาอย่างไม่สบอารมณ์"นี่ๆ ไม่ต้องมาย้อน แกยังไม่ได้บอกเลยว่าหายหัวไปไหนมา""ไปหาป่านมา""ป่าน?? ใช่ผู้หญิงที่ทำให้แกซมซานกลับบ้านมาเมื่อสามปีก่อนน่ะหรือ" ร้อยตำรวจเอกตะวันฉายรีบจ้ำเท้าเดินเข้ามายืนอยู่ต่อหน้าน้องชายและเอ่ยถามอย่างใคร่รู้"อืม" เสียงทุ้มเอ่ยตอบอย่างรำคาญใจเพราะหากว่าเรื่องนี้ถึงหูตะวันฉายเมื่อไหร่ไม่นานเกินรอพี่ชายคนกลางอย่างสินสมุทรแน่"จะไปหาเขาทำไมวะ เขาหักหลังแกได้ถึงขนาดนั้น" พี่ชายคนโตยังรู้สึกเคืองผู้หญิงที่ไม่รู้จักหน้าคร่าตาคนนี้ไม่หายเมื่อเธอกลายเป็นต้นเหตุให้น้องชายคนเล็กของบ้านถึงกับไม่เอาการเอางานอะไรจนเกือบจะเรียกได้ว่าตรอมใจตั้งไม่รู้กี่เดือนกว่าที่เหมันต์
ร่างกายบอบบางถูกคนตัวโตกว่าจับรวบเอาไว้ในอ้อมกอดที่แสนแน่นหนาไม่ต่างจากปราการเหล็กที่กักขังนักโทษ เธออยากจะโวยวายและดิ้นรนให้พ้นนักแต่รู้ตัวอีกทีแผ่นหลังก็วางแนบลงไปบนที่นอนนุ่มเสียแล้ว แล้วอย่างนี้เธอจะมีโอกาสรอดเงื้อมมือเขาหรือฝ่ามือหยาบกร้านตามสภาพบุรุษเริ่มป่ายปีนตามไหล่มนลาดของอีกคนอย่างชำนิชำนาญค่อยๆ ปลดชุดนอนสายเดี่ยวสีฟ้าอ่อนให้ร่วงหล่นไปตามเรียวแขนบอบบางอย่างอ้อยอิ่งปลดปล่อยให้ผิวนุ่มนิ่มพ้นจากพันธนาการของอาภรณ์อย่างลื่นไหลให้อกอิ่มคู่สวยเบียดเสียดอยู่กับแผงอกที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของเขาอย่างจง ใจ"ปล่อยนะคนขี้โกง" หญิงสาวต่อว่าต่อขานคนตรงหน้าทันทีที่ริมฝีปากถูกคลายผนึกที่แสนหวานจากเขา ใบหน้าสวยหวานแดงก่ำด้วยความเขินอายไม่อยากจะเชื่อตัวเองเลยว่าช่วงขณะหนึ่งนั้นเธอหลงใหลไปกับรสจุมพิตของเขาอย่างง่ายดายเหมือนเมื่อก่อนไม่มีผิด"บอก...ว่า...ให้...ปล่อย"ลมหายใจเริ่มติดขัดเมื่อพ่อของลูกให้ริมฝีปากที่ร้ายกาจของเขาสำรวจเรือนร่างของเธออย่างไม่ขออนุญาต ลมหายใจร้อนแผ่ลงบนผิวเนียนสวยรับรู้ถึงความอุ่นจากริมฝีปากหยักสีสุขภาพดีของเหมันต์อย่างแจ่มแจ้ง ตอ
เช้าวันต่อมาดูเหมือนว่าน้องรุ้งกับพี่เรนจะหายจากพิษไข้เป็นปลิดทิ้งเพราะต่างก็ตื่นขึ้นมารับแสงอาทิตย์และลมทะเลกันแต่เช้าด้วยความร่าเริงและตื่นเต้นราวกับว่าไม่เคยเจ็บป่วยเสียอย่างนั้น"อย่าเพิ่งออกไปตากแดดสิคะ เดี๋ยวไม่สบายต้องกินยากันอีกนะ" คุณแม่คนสวยรีบร้องห้ามเมื่อเห็นว่าเด็กๆ อยากจะออกไปท้าความร้อนจากดวงอาทิตย์ไม่ยอมกลับเข้ามาในบ้านพัก"ค่ะ/ครับ" เด็กจอมซนเชื่อฟังคำของมารดาอย่างว่าง่ายเพราะยังเข็ดหลาบกับรสชาติของยาที่ได้กินเข้าไปเมื่อคืนไม่หายเมื่อเข้ามาในบ้านสองพี่น้องก็นั่งล้อมคนตัวโตที่นอนหลับเหงื่อท่วมไม่รู้เรื่องอยู่บนที่นอนด้วยความสงสัยใคร่รู้"แม่ป่านคะ คุณลุงคนเมื่อวานมาทำอะไรที่บ้านเราคะ""พี่เรนไม่ชอบคุณลุงคนนี้เลยครับ" เมื่อคนพี่เอ่ยว่าไม่ชอบขี้หน้าเจ้านายของแม่คนน้องก็พยักหน้าหงึกๆ เป็นเชิงเห็นพ้องต้องกัน"ไม่เอานะเด็กๆ ต้องขอบคุณคุณลุงนะลูกที่เมื่อวานพาพี่เรนไปหาหมอ""น้องรุ้งว่าคุณลุงหน้าเหมือนพี่เรนนะ" เด็กหญิงช่างพูดก้มมองคุณลุงที่นอนหลับตาพริ้มพลางใช้ดวงตากลมสวยสำรวจใบหน้าของเขาจนถ้วนทั่วก่อนจะเงยหน้าไปทางพี่ชายฝา
ปารวตีเฝ้าเช็ดตัวให้ลูกชายจนเปลี่ยนน้ำไปหลายกะละมังแต่เหมวิชก็ไม่มีทีท่าว่าไข้จะลดลงเลยแม้แต่น้อย แถมยังโยเยเพราะไม่สบายตัวอีกยิ่งทำให้คนเป็นแม่อย่างเธอเสียใจนักที่พาลูกมาที่นี่"แม่ป่าน ร้อนๆ" ลูกชายคว้ามือบอบบางของคุณแม่เข้าไปกอดทั้งที่ยังหลับตา ทำให้หญิงสาวสงสารลูกเหลือเกิน นี่แค่วันแรกยังป่วยขนาดนี้ ถ้าเกิดคนน้องเจ็บไข้ขึ้นมาอีกคนเธอคงจะลำบากไม่น้อย ถ้าพ่อกับแม่ของเธออยู่ที่นี่ด้วยก็คงจะดีอย่างน้อยก็เป็นที่พึ่งทางใจให้เธอได้"พี่เรน อดทนหน่อยนะลูกเดี๋ยวลุงเอกก็มาแล้ว" คุณแม่ยังสาวเอ่ยปลอบโยนพลางเช็ดตัวลดไข้ให้อย่างไม่ขาด"ร้อน แม่ป่าน ร้อน" พูดจบเด็กชายก็ร้องงอแงขึ้นมาทันทีจากความร้อนที่ไม่ยอมลดลงจนทำให้ไม่สามรถนอนหลับต่อไปได้"ป่าน ลูกเป็นยังไงบ้าง" เหมันต์เปิดประตูเข้ามาด้วยความร้อนใจ ภาพตรงหน้าทำให้เขารู้สึกปวดหนึบหัวใจอย่างบอกไม่ถูก ภาพที่ปารวตีอุ้มเด็กชายกล่อมเอาไว้บนตักส่วนมืออีกข้างนั้นก็คอยพัดวีให้ลูกสาวอย่างไม่รู้จักเหนื่อย วินาทีนั้นเขารู้ได้ทันทีว่าปารวตีเก่งและเข้มแข็งแค่ไหน ต่างกับเขาที่ทำตัวเป็นคนอ่อนแอแถมยังเป็นพ่อที่ไม่ได
"หมอก!! ป่านอาจจะขอมากไปแต่ว่าป่านอยากจะได้ที่นอนหลังใหม่ แล้วก็อีกอย่างขอเริ่มงานอาทิตย์หน้าได้หรือเปล่า ป่านยังต้องจัดการเรื่องที่พักกับโรงเรียนของเด็กๆ อีก" เมื่ออยู่กันแค่สองคนหญิงสาวก็เรียกเขาด้วยสรรพนามที่เคยเรียกทันที"อย่ามาเรียกอย่างสนิทสนมนะป่าน ตอนนี้ผมเป็นเจ้านาย ป่านเป็นแค่ลูกน้อง""ขอโทษค่ะ ที่ดิฉันบังอาจทำตัวสนิทสนมกับคุณให้เคือง แต่ว่าเรื่องที่ดิฉันขอไปนั้นคุณเหมันต์ว่ายังไงคะ" หญิงสาวถึงกับเสียงอ่อยเมื่ออีกคนแสดงความห่างเหินชัดเจนแม้แต่ความเป็นเพื่อนเขาก็ไม่เหลือไว้ให้"วันนี้คงไม่ได้ งานผมยุ่ง แต่พรุ่งนี้ผมจะจัดการให้ ส่วนเรื่องเริ่มงานก็เป็นไปตามที่คุณขอ เพราะเห็นว่ามีลูกเล็กหรอกนะถึงหยวนให้ได้" เจ้านายหนุ่มวางมาดยโสเสียจนน่าหมั่นไส้"ขอบคุณนะคะ แต่ว่าเรื่องที่นอนคงรอไม่ได้ ดิฉันกลัวว่าลูกจะไม่สบายรบกวนคุณเหมันต์ช่วยคืนโทรศัพท์ให้ดิฉันด้วยค่ะ" ฝ่ามือบางยื่นไปเพื่อรับของของตัวเองคืนเหมันต์หยิบโทรศัพท์คืนให้หญิงสาวอย่างลังเลเมื่อเห็นว่ามันทั้งเก่าและเต็มไปด้วยรอยแตกมากมายจนไม่น่าจะใช้การได้อีก"ทำไมไม่ซื้อใหม่ซะ ดูสภาพแล้วอ
"สบายดีเหรอ ป่าน" เอกภพที่มารอรับปารวตีและหลานๆ เอ่ยทักทายพร้อมกับย่อตัวลงกอดเด็กฝาแฝดที่หน้าตาบ่งบอกชัดเจนว่าเป็นลูกหลานบ้านภักดีดำรงแน่นอน"สบายดีค่ะ ลุงเอก" เด็กหญิงตอบคำถามเจื้อยแจ้ว"ขอบคุณมากนะเอกที่คอยช่วยเหลือเรามาตลอด รวมถึงเรื่องงานด้วย ถ้าไม่ได้เอกเราก็คงไม่รู้จะทำยังไงดี" ปารวตีเอ่ยอย่างซาบซึ้งเพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเพื่อนอย่างเขาคอยดูแลเอาใจใส่เธอด้วยไมตรีที่ดีมาตลอดหลายปี"เรื่องเล็กน่า ถ้าเทียบกับเรื่องที่เราเคยทำให้ป่านกับเด็กๆ ต้องลำบาก อีกอย่างถ้าไม่ได้ป่านคอยช่วยเรากับเจ้าอ้น ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นยังไง" เอกภพเอ่ยอย่างรู้สึกผิดถ้าไม่ใช่เพราะเขาที่ทำให้เหมันต์เข้าใจผิดป่านนี้เด็กๆ กับปารวตีคงจะมีรอยยิ้มที่สดใสกว่านี้แน่ๆ"ลุงเอกครับ เรนอยากเล่นน้ำทะเลแล้วครับ" ยังไม่ทันได้พูดคุยอะไรกันต่อเด็กชายตัวน้อยก็ขัดจังหวะขึ้นมาเสียก่อน"ไปสิครับ แต่ว่าเราต้องไปที่ทำงานแม่ป่านก่อนนะครับ" คนเป็นแม่อธิบายให้เด็กชายวัยสามขวบฟัง"ครับ"ทางด้านเหมันต์หลังจากเรียนจบเขาก็เลือกกลับมาช่วยกิจการที่บ้านโดยส่วนที่เขาได้รับผิดชอบคือส่วนของรีสอร์ทที่มารดาเป็นผู้ริเริ่มทำเอาไว้แม้ว่าในวันนี้ม







