Home / รักโบราณ / สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน / บทที่ 1.1 ชีวิตใหม่ข้าขอกำหนดเอง

Share

บทที่ 1.1 ชีวิตใหม่ข้าขอกำหนดเอง

last update Last Updated: 2025-02-13 15:14:28

บทที่ 1.1

ชีวิตใหม่ข้าขอกำหนดเอง

ซ่งไป๋ลู่มองข้าวต้มที่ใสจนแทบไม่ต่างจากน้ำเปล่าตรงหน้าแล้วได้แต่ยิ้มแห้ง แน่นอนว่าเรื่องชีวิตที่แสนยากจนของนางร้ายตัวประกอบผู้นี้ถูกกล่าวถึงในนิยายที่นางรีวิวอยู่บ้าง ทว่าให้จินตนาการอย่างไรซ่งไป๋ลู่ก็ไม่คิดว่านักเขียนจะสร้างความยากจนให้ตระกูลซ่งถึงขั้นนี้

“นี่คือ... ข้าวต้มที่ท่านทำหรือ”

หญิงสาววัยสามสิบที่ยามนี้กลายเป็นเด็กน้อยวัยสิบขวบเอ่ยถามด้วยความสงสัย พลางใช้ช้อนที่แตกบิ่นในมือตักน้ำในถ้วยขึ้นมอง

“อืม... โชคดีที่วันก่อนลูกสาวตระกูลเกาแต่งงาน ในครัวเขามีข้าวสุกเหลือจำนวนมาก พี่จึงเอามาตากแห้งไว้ น้องรองเจ้าไม่สบายรีบกินเร็วเข้า”

ข้าวตากแห้ง บัดซบ! นี่ยังนับว่าเป็นความโชคดีอีกหรือ หากนางย้อยกลับไปได้สาบานว่านางจะใช้นามลับเข้าไปโจมตีคนแต่งเรื่องนี้ให้หนักเลยทีเดียว

จ๊อก... เสียงท้องน้อยๆ ของซ่งหานลู่ดังขึ้นมือเล็กยกขึ้นกุมหน้าท้องของตนแล้วเม้มริมฝีปากเล็ก

“อาการป่วยของข้าดีขึ้นมากแล้ว พวกท่านเองก็ยังไม่ได้กินอะไรใช่หรือไม่ เช่นนั้นข้าวต้มถ้วยนี้เรามาแบ่งกันเถอะนะ”

“ข้าไม่หิวพี่รองท่านกินมากจะได้หายไวๆ”

เสียงเล็กใสเอ่ยบอกรัวเร็ว เขาจะกล้าแย่งของของนางมากินได้อย่างไร ท้องหิวยังคงทนไหว แต่หากถูกนางทุบตีจนขาหักคงยากจะทนได้

“เมื่อครู่ตอนต้มข้าวให้เจ้าข้าเองก็กินมาแล้ว น้องรองเจ้ารีบกินข้าวจะได้กินยา”

เมื่อถูกขยั้นขยอเช่นนี้ซ่งไป๋ลู่แม้รู้สึกละอายใจแต่ก็จำใจยกชามที่แตกบิ่นตรงหน้าขึ้นกินข้าวต้มใส

หลังจากกลืนข้าวต้มที่ซ่งไป๋ลู่แทบสัมผัสไม่ได้ถึงเม็ดข้าวลงท้องแล้ว นางก็ถูกเด็กชายวัยสิบสี่ปีบังคับให้นอนพักต่อ คนถูกบังคับ ถึงกับกุมขมับมองเด็กชายสองคนที่ทำราวกับเป็นผู้ปกครองของนางด้วยความอ่อนใจ

ทว่าเพราะร่างของเด็กหญิงซ่งไป๋ลู่ผู้นี้เองก็อ่อนล้าจากพิษไข้เป็นทุนเดิม ดังนั้นนางจึงไม่คิดโต้แย้งยอมทำตัวเป็นเด็กดีว่าง่าย ทิ้งกายลงนอนตามที่เด็กชายตัวผอมต้องการ เพียงแต่ยามที่เอนกายลงบนเตียงไม้ไผ่ที่แข็งกระด้างคิ้วเล็กก็ขมวดมุ่น แน่นอนว่าความคิดของซ่งไป๋ลู่ตอนนี้ก็คือ

หายดีเมื่อไหร่นางจะต้องทำที่นอนนุ่มๆ เป็นอันดับแรก

หากแต่เพราะนอนหลับมาครึ่งวันแล้ว แม้ร่างกายจะอ่อนล้าแต่ก็ไม่อาจข่มตาหลับ ดวงตากลมใสจึงกวาดมองไปรอบตัว เรือนที่ซ่งไป๋ลู่และพี่น้องทั้งสองของนางพักอาศัยอยู่หลังนี้เป็นเพียงบ้านหลังเล็กๆ ที่มุงด้วยกระเบื้องผุๆ หลายจุดยังมีรอยแตกร้าวจนแสงแดดทะลุผ่านเข้ามา ไม่ต้องคิดถึงยามฝนตกหลังคาเก่าๆ นี้คงไม่อาจช่วยอะไรได้เลย

ดูเหมือนนอกจากฟูกนอนแล้ว หลังคาก็เป็นอีกสิ่งที่นางต้องจัดการแก้ไขโดยเร็ว

เมื่อนอนไม่หลับร่างเล็กก็ค่อยๆ ลงจากเตียง เปิดประตูไม้ที่แทบจะหลุดออกมาจากวงกบหากนางออกแรงมากเกินไป

ประตูนี่ก็ควรต้องจัดการแก้ไขเช่นกัน

เมื่อเดินออกมานอกตัวบ้านดินหลังเล็ก เบื้องหน้าเป็นลานโล่ง ด้านซ้ายมือมีโรงเรือนเก่าๆ ที่คาดว่าน่าจะถูกใช้เป็นห้องครัว เพียงแต่ ทั้งสี่ทิศไร้กำแพง มีเพียงเตาเล็กและกะทะไร้ด้ามใบหนึ่งวางอยู่บนเตา ด้านข้างเป็นชามบิ่นๆ สองสามใบวางซ้อนกันอยู่บนชั้นไม้ไผ่ที่ทำอย่างง่ายๆ

ห้องครัวนี่ก็ควรต้องจัดการแก้ไขเช่นกัน

ดวงตากลมกวาดตามองไปรอบตัวทั้งสี่ทิศ นอกจากหน้าบ้านล้วนมีแต่หญ้าขึ้นรกชัน บ่งบอกถึงการขาดคนดูแล

หญ้าพวกนี้ก็ควรต้องจัดการแก้ไขเช่นกัน

ซ่งไป๋ลู่รู้สึกปวดขมับทั้งสองข้างขึ้นมา เพียงขยับตัวกวาดสายตาก็พบเพียงสิ่งที่ ควรต้องจัดการแก้ไข ไปเสียทุกอย่าง ทว่ายามยกมือทั้งสองข้างของตนเองขึ้นมองแล้วก็ได้แต่นึกสะท้อนใจ

อยู่ในร่างของเด็กสิบขวบเช่นนี้นางจะแก้ไขทุกอย่างได้อย่างไรกัน

.....................................................

“พี่รอง พวกเรากลับมาแล้ว”

เสียงของซ่งหานลู่ดังขึ้นที่ด้านนอกก่อนที่ประตูผุๆ จะถูกเปิดออก พร้อมกับร่างผอมแห้งของสองพี่น้องที่เดินเข้ามา ซ่งไป๋ลู่ได้แต่มองดูด้วยความกังวลใจว่าประตูบ้านนี้จะพังลงมาทับเด็กชายทั้งสองหรือไม่

“พี่รอง วันนี้ข้ากับพี่ใหญ่ไปช่วยท่านป้าชุนทำนา พวกเขาจึงแบ่งมันเทศมาให้พวกเราหนึ่งตะกร้า”

เสียงเล็กเจื้อยแจ้วเอ่ยบอกราวกับมีเรื่องยินดียิ่ง ทว่าคนได้ยินกลับขมวดคิ้วแน่น

“เจ้ากับพี่ใหญ่ไปทำนาทั้งวันได้ค่าแรงเป็นเพียงมันเทศหนึ่งตะกร้าเท่านั้นหรือ”

ซ่งไป๋ลู่ไม่รู้เรื่องอัตราการจ้างงานของคนในยุคนี้ แต่แม้ซ่งต้าลู่จะเป็นเพียงเด็กชายวัยสิบสี่ปีและซ่งหานลู่จะมีอายุแค่ห้าขวบ ทว่าอย่างน้อยไปทำงานก็ควรได้ค่าแรงไม่ใช่หรือไร เหตุใดจึงได้เพียงมันเทศหนึ่งตะกร้าเช่นนี้เล่า

“ท่านป้าชุนไม่ใช่คนเห็นแก่ตัวเช่นนั้น แต่น้องรองเจ้าลืมไปแล้วหรือท่านป้าใหญ่เป็นผู้ดูแลพวกเรา เงินค่าแรงของพวกเราย่อมต้องยกให้นาง”

เป็นผู้ดูแล ต้องยกเงินค่าแรงให้ หึ! สตรีนางนั้นน่ะหรืออย่าใช้คำว่าดูแลเลย เรียกว่ากดยี่ข่มเหงและรีดไถจึงจะเหมาะสมกว่า ซ่งไป๋ลู่ยังคงจำครั้งแรกที่พบเจอคนที่สองพี่น้องเรียกว่า ท่านป้าใหญ่ ได้ดี ในใจพลันนึกค่อนขอดดูแคลน หากแต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา

ยามนี้ตัวนางอยู่ในร่างของเด็กหญิงวัยสิบขวบผู้อ่อนแอ หากสร้างเรื่องขึ้นมาคำพูดจะมีน้ำหนักสู้สตรีร้ายกาจนางนั้นได้อย่างไร ทว่าแม้ยามนี่นางไม่พูดก็ไม่ได้หมายความว่านางยินดีให้สตรีผู้นั้น

ข่มเหงรังแกตนเองและเด็กชายตรงหน้าทั้งสองคน เพียงแค่เรื่องนี้ต้องวางแผนให้ดีก็เท่านั้น

“พวกเจ้ารอหน่อยพี่จะเร่งไปก่อไฟ คืนนี้เราจะได้กินมันเผากัน”

“เย้!”

เสียงของซ่งหานลู่ร้องอย่างดีใจ ซ่งไป๋ลู่มองท่าทางนี้ของน้องชายแล้วสะท้านในอก ที่ผ่านมาสามพี่น้องตระกูลซ่งต้องใช้ชีวิตยากลำบากแค่ไหนกัน เพียงได้กินมันเผาสักมื้อก็ยินดีถึงเพียงนี้แล้ว

“ข้าเสียงดังรบกวนพี่รองแล้ว”

คนที่กระโดดร้องดีใจหันมาเห็นแววตากลมของพี่สาวจดจ้องมาที่ตนก็เม้มริมฝีปากเล็กเอ่ยเสียงเบา ขยับตัวไปยืนด้านหลังพี่ชายคนโต

“เรื่องแค่นี้จะเรียกว่ารบกวนได้อย่างไร”

ซ่งไป๋ลู่ที่สัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวในแววตาเด็กชายตัวน้อยเอ่ยเสียงอ่อนโยน ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เจ้าของร่างทำสิ่งใดไว้ เด็กชายหานลู่ผู้นี้จึงได้หวาดกลัวทุกการเคลื่อนไหวของนางได้ถึงเพียงนี้

“พี่ใหญ่ มันพวกนี้ท่านตัดส่วนบนของหัวให้ข้าสักสองข้อนิ้วมือได้หรือไม่”

แม้ซ่งต้าลู่จะไม่รู้เหตุผลที่น้องสาวต้องการเศษหัวมันช่วงบน ทว่าเพียงแค่สองข้อนิ้วมือไม่นับว่ามากมายอะไรเขาจึงพยักหน้ารับคำของนาง

ยามที่ฝืนฟ้าเริ่มเปลี่ยนสี ซ่งหานลู่ก็ประคองหัวมันเผาเข้ามาให้พี่สาวของตน บนแก้มของเขามีรอยถ่านสีดำติดมอมแมมดูแล้วคงลงมือช่วยซ่งต้าลู่เผามันพวกนี้ด้วยอย่างแน่นอน

“พี่รองหัวมันสุกแล้ว ท่านรีบกินตอนที่กำลังร้อนๆ”

ซ่งไป๋ลู่มองท่าทางถือประคองอย่างระมัดระวังราวกับหัวมันในมือเล็กเป็นของล้ำค่าแล้วถอนหายใจยาว ไหล่เล็กสะดุ้งเล็กน้อย รีบเอ่ยบอกอย่างรวดเร็ว

“ข้าไม่ได้แอบกินก่อนท่านนะขอรับ”

จ๊อก... คล้ายกังวลว่านางจะไม่เชื่อคำของเด็กน้อย ท้องแห้งๆ ของเขาจึงได้ส่งเสียงยืนยันออกมา

“ก็แค่หัวมันเทศ หากเจ้าหิวก็กินก่อนได้เลย”

“ท่านป้าชุนบอกว่ามันเทศพวกนี้เป็นของดีที่ลูกชายของนางได้มาจากจวนเจ้าเมืองราคาในตลาดสูงมากทีเดียว ข้าจะกล้ากินก่อนท่านได้อย่างไร”

ตั้งแต่จำความได้ ของดีใดล้วนต้องให้พี่สาวก่อนเสมอ ดังนั้นให้ซ่งหานลู่อยากกินแค่ไหน มันเทศหัวแรกก็ต้องมอบให้คนบนเตียงก่อน

“กินก่อนกินหลังอะไรกัน พวกเราเป็นพี่น้องกันย่อมต้องแบ่งปันกัน”

ซ่งไป๋ลู่เอ่ยบอกเสียงราบเรียบ หากแต่กลับทำให้ดวงตากลมเล็กเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตา เพื่อแก้ไขสถานการณ์ตรงหน้า นางจึงเอื้อมไปหยิบมันเผาในมือเล็กมาปลอกกิน

“อืม... อร่อยสมกับที่เจ้าบอกจริงๆ น้องเล็กเจ้าลองกินดูสิ”

“ไม่ได้ขอรับ! พี่ใหญ่บอกว่าพวกเราเป็นผู้ชายต้องเสียสละ ดูแลปกป้องท่าน พี่รองหากท่านชอบข้าจะเอามาให้ท่านอีก”

“น้องเล็กเจ้าเห็นพี่สาวผู้นี้เป็นแม่หมูหรือไรแค่มันหัวเดียวข้าก็อิ่มมากแล้ว ที่เหลือเจ้ากับพี่ใหญ่ก็กินเถอะ”

ซ่งไป๋ลู่ สตรีนางนี้คืออดีตภรรยาของเขาไม่เพียงเป็นหญิงชาวไร่ที่ขาดการอบรมไร้ทั้งการศึกษาและมารยาท แม้แต่รูปร่างก็ใหญ่โตราวหมูแม่พันธ์ ผิวกายดำกระด้างหยาบกร้านเสียยิ่งกว่าหนังวัวตากแห้ง

เป็นบทบรรยายที่นักเขียนเอ่ยถึงซ่งไป๋ลู่ ดูแล้วสาเหตุที่นางในอนาคตมีรูปร่างเช่นนั้นทั้งที่สถานะทางบ้านยากจนถึงเพียงนี้คงเพราะสองพี่น้องแซ่ซ่งมักมอบของกินที่ดีที่สุดให้กับนางก่อนเสมอเช่นนี้

“ขอบคุณพี่รอง”

คนตัวเล็กเอ่ยขอบคุณหนึ่งคำแล้วก็หมุนตัวจากไป ซ่งไป๋ลู่มองตามแผ่นหลังของเขาแล้วถอนหายใจยาว ไม่ว่าบทบาทของนางร้ายตัวประกอบซ่งไป๋ลู่และพี่น้องของนางในนิยายจะถูกกำหนดไว้เช่นไรล้วนไม่สำคัญอีกต่อไป เพราะนับจากนี้นางจะเป็นผู้กำหนดบทบาทของตัวละครนี้ด้วยตัวเอง

ในเมื่อมีวาสนาได้พบเจอ ข้าจะปกป้อง ส่งเสริมพวกเขาเอง

.....................................................

Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
ອິດ ພັນນະວົງ
เขียนเหี้ยอะไรวะอ่านไปอ่านมางงเฉยกู,ชื่อเรื้องกับบทเขียนไปคนละทางเลย
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทพิเศษ

    บทพิเศษสายลมเหมันต์พัดผ่าน หิมะขาวโปรยปรายร่วงหล่นองค์ชายรองฟู่ฉ่าคังอันยืนอยู่บนชั้นสองของโรงเตี๊ยมเสี่ยวอัน สายตาทอดมองไปยังถนนเบื้องล่าง“ถวายพระพรองค์ชายรอง”เสียงเอ่ยด้วยความนอบน้อมจากด้านหลังดึงสายตาของเขาให้หมุนตัวกลับมามองอีกฝ่าย“ลุกขึ้นเถิด ท่านอาจารย์หลิว หมอหลวงถัง”หลิวชงซิว และ ถังซานอี้ ขยับตัวลุกขึ้น หากแต่ยังคงอยู่ในท่าทางที่สงบ“หลายปีมานี้ลำบากพวกท่านแล้ว”“ได้ทำงานให้ฝ่าบาทนับเป็นวาสนาอันยิ่งใหญ่ของพวกกระหม่อม”ฟู่ฉ่าคังอันยกมุมปากขึ้นยิ้ม สายตามองคนทั้งสองด้วยความภาคภูมิใจและขอบคุณอยู่ในที การซ่อนตัวแฝงกายเพื่อสืบข่าวในต่างแคว้นนั้นเป็นเรื่องยาก แต่ที่ยากกว่าคือการแทรกซึมขึ้นเป็นคนสำคัญที่ต่างแคว้นไว้วางใจ“ตอนนี้เจียงเป่ยและต้าหยางลงนามผูกพันธมิตรร้อยปี ต่อไปคงไม่มีสงครามอีก ดังนั้นเสด็จพ่อจึงเรียกตัวพวกท่านกลับเจียงเป่ยเพื่อตกรางวัล”เมื่อได้ยินว่าถูกเรียกตัวกลับบ้านเกิด สองสายลับก็ทรุดตัวลงก้มหน้าคุกเข่า“องค์ชายได้โปรดเมตตา พวกกระหม่อมไม่ปรารถนาของรางวัลหรือลาภยศใดๆ เพียงแต่ต่อจากนี้ขอให้ลบชื่อพวกเราออกจากบัญชีสายลับ”ลบชื่อออก นี่ไม่เท่ากับลบผลงานในหลายสิบ

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 33.3 บทสุดท้าย 

    “เสี่ยวไป๋!”น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาในคราวแรกนั้นค่อนข้างตื่นตระหนกดีใจ หากแต่เพียงพริบตาก็กลับเป็นเศร้าหมอง ยืนนิ่งเอ่ยออกมาเสียงบางเบา“สบายดีหรือไม่”ซ่งไป๋ลู่ในชุดสีแดงอ่อนแถบขาว เม้มริมฝีปากบางพยักหน้าตอบกลับ เมิ่งเฟยอวี่ยิ้มด้วยสายตาเจือความทุกข์ เอ่ยถามเสียงสั่น“มีเรื่องทุกข์ใจ หรือใครทำให้รู้สึกยากลำบากไหม”ดวงตาคมมองใบหน้าที่ส่ายไปมา ด้วยใจคะนึงหาก่อนจะเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกเมื่อเห็นเท้าเล็กก้าวเข้ามาหาตน“อย่า อย่าเข้ามา...”“อาเล่อ ทำไม...”“ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นเพียงภาพลวงตา แต่ช่วยอยู่ให้นานหน่อยได้หรือไม่”คิ้วเรียวที่ขมวดเข้าหากันของซ่งไป๋ลู่พลันคลายออก ในดวงตาปรากฏความรู้สึกผิดที่ชัดเจน ไม่สนใจคำห้ามปรามของเขาวิ่งเร็วพร้อมโถมตัวเข้าโอบกอดร่างหนา“เสี่ยวไป๋ ทำไมเจ้าจึงกอดข้าได้”เมิ่งเฟยอวี่ยังคงตื่นตกใจ สองมือแข็งค้างอยู่กลางอากาศไม่กล้าแม้แต่จะขยับปลายนิ้ว ด้วยกลัวว่าความอบอุ่นนี้จะจางหายไป“ข้าไม่เพียงแค่กอดเจ้าได้แต่ยัง... จูบเจ้าได้ด้วย”ซ่งไป๋ลู่กล่าวจบสองมือที่กอดกายหนาก็ขยับขึ้นโอบลำคอแกร่ง เขย่งปลายเท้ากดแนบริมฝีปากของตนลงบนปากหยักของเมิ่งเฟยอวี่ร่างกายของเมิ่งเฟยอวี

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 33.2 บทสุดท้าย

    ห้าวันต่อมาทั่วทั้งต้าหยางก็เกิดเรื่องที่ทำให้ทุกคนตื่นตระหนก เมื่อราชโองการถูกประกาศออกมาว่าองค์ชายห้าหลงเจิ้นซีก่อกบฏ ตระกูลจางเก้ารุ่นถูกสังหารภายในคืนเดียว บรรดาขุนนางที่ร่วมมือถูกประหารไปนับสิบคน พระสนมจางเฟยถูกส่งเข้าตำหนักเย็น ราชสำนักปั่นป่วนวุ่นวาย หากแต่เพียงครึ่งเดือนต่อมาทุกอย่างก็สงบลง“ได้ยินว่าองค์ชายห้าใช้โอกาสตอนไปจัดการปัญหาทางเหนือ ซ่องสุมกำลังพลเอาไว้ โชคดีที่องค์ชายรองแคว้นเจียงเป่ยยื่นมือเข้ามาช่วยเปิดโปง ไม่เช่นนั้นหากเกิดกบฏกลางเมืองขึ้นมาจริงๆ ชาวบ้านอย่างพวกเราไม่รู้จะมีชะตากรรมอย่างไร”“ยังต้องขอบคุณที่ปรึกษาเมิ่งด้วย ได้ยินว่าเขาให้บัณฑิตใหม่ปีนี้แฝงตัวเข้าสืบความ จึงได้รายชื่อขุนนางโฉดทั้งหมดออกมา”“ใช่ๆ เขายังเป็นพันธมิตรที่ดีกับหัวหน้าหวงแห่งกองอาชาเหล็กร่วมมือกันเข้าจับกุมองค์ชายกบฏ ดังนั้นจึงจัดการทุกอย่างได้อย่างรวดเร็วและไม่เดือดร้อนชาวบ้านอย่างพวกเราเลย”เรื่องราวการปราบกบฏครั้งนี้ถูกเล่าลือไปทั่วเมืองด้วยความตื่นเต้นของชาวบ้าน ขณะที่ซ่งไป๋ลู่ได้แต่รับฟังอย่างสงบ“พี่รอง เหตุใดท่านจึงดูสงบนัก ราวกับว่ารู้ทุกอย่างอยู่แล้ว”“หากข้าบอกว่าข้ารู้ทุกอย่าง

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 33.1 บทสุดท้าย

    “อาไป๋นอนหรือยัง”เสียงซ่งต้าลู่ดังขึ้นที่หน้าห้อง ซ่งไป๋ลู่ก็หมุนตัวออกมาเปิดประตูในทันที“พี่ใหญ่ มีเรื่องอะไรหรือเจ้าคะ”เพราะช่วงนี้มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้น ดังนั้นซ่งไป๋ลู่จึงตื่นตัวและกังวลอยู่ตลอดเวลา“ไม่ได้มีเรื่องร้ายอะไร ข้าเพียงต้องการบอกบางอย่างกับเจ้า”ซ่งไป๋ลู่เห็นใบหน้าของพี่ชายมีความกังวลแฝงอยู่ก็คาดเดาได้ว่าบางอย่างที่เขากำลังจะบอกกับนางนั้นน่าจะเป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้นจึงให้เขาเข้ามานั่งด้านในห้อง รินชาร้อนแล้วส่งให้เขาซ่งต้าลู่รับถ้วยชามาจากน้องสาว ทว่ากลับไม่ได้ยกมันขึ้นดื่ม มือข้างหนึ่งกำถ้วยชาแน่น ส่วนอีกข้างกำกล่องไม้บนตักเอาไว้แน่นหากซ่งไป๋ลู่รู้ว่าระหว่างเขากับนางไม่มีสายสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด สายตาที่ห่วงใยนี้จะเปลี่ยนไปหรือไม่ซ่งต้าลู่ไม่กลัวเจ็บ ไม่กลัวตาย แต่ที่เขากลัวก็คือ สายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความไว้วางใจ และห่วงใยคู่นี้จะเปลี่ยนไป เพียงแต่ให้หวาดกลัวเพียงใดเรื่องนี้ก็ไม่อาจปิดบังได้อีก ดังนั้นมือหนาจึงวางกล่องไม้ที่เขาเก็บเอาไว้เกือบสิบหกปีลงตรงหน้าซ่งไป๋ลู่“พี่ใหญ่นี่คือ...”“ของที่มารดาเจ้ามอบไว้ให้”มารดาของนาง ไม่ใช่มารดาของเขาหรือ

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 32.3 สตรีของข้า

    “เช่นนั้นคงต้องรบกวนองค์ชายห้า แสดงของในมือแล้ว”“เมิ่งเฟยอวี่!”“กระหม่อมอยู่นี่ รอดูของในมือพระองค์ด้วยความตั้งใจ”“บังอาจ! เหวินเสียนไปชิงสตรีของข้าคืนมา”สิ้นคำสั่งของหลงเจิ้นซี องครักษ์ลับร่วมห้าสิบชีวิตก็ปรากฏเบื้องหน้า ทว่าแม้จะตกเป็นรองแต่เมิ่งเฟยอวี่ก็ยังคงอยู่ในอารมณ์ที่สงบนิ่ง ดวงตาคมดุจดจ้องมองไปยังอีกฝ่ายอย่างขุ่นเคือง ก่อนจะโต้กลับด้วยเสียงเยือกเย็น“มีใครกล้าก็เข้ามา”มือหนาดึงซ่งไป๋ลู่ไปไว้เบื้องหลัง ขยับเท้าอยู่ในท่าพร้อมปะทะอย่างไม่หวั่นเกรง ข้างกายมีคนติดตามอีกร่วมสิบชีวิตกระชับกระบี่ในมือด้วยท่าพร้อมสู้เช่นเดียวกัน“ปกป้องแม่นางซ่ง!”เสียงปริศนาดังขึ้น พริบตาชายในชุดสีน้ำตาลก็ทะยานตัวมาเป็นเกราะคุ้มกันที่ด้านหน้าเมิ่งเฟยอวี่อีกชั้น หลงเจิ้นซีตวัดสายตามองไปยังต้นเสียงก็เห็นร่างสูงโปร่งในชุดผ้าไหมเนื้อดีตามแบบวัฒนธรรมชาวเจียงเป่ย“องค์ชายรองฟู่ฉ่าคังอัน!”คำเรียกขานที่แจ้งสถานะของผู้สอดมือทำให้องค์ชายห้าหลงเจิ้นซีขบกรามแน่น“นี่เป็นเรื่องภายในของต้าหยาง องค์ชายรองฟู่ฉ่าคังอันทำเช่นนี้ดูไม่ค่อยเหมาะสมกระมัง”“แม่นางซ่งเป็นน้อง... เป็นผู้มีพระคุณของข้า ดังนั้นไม่ว่าใคร

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 32.2 สตรีของข้า

    เสวียนรั่วซีกำกระบี่ในมือแน่น นางอยู่บ้านซ่งมาหลายปีเสี่ยวโกวแม้เป็นเพียงสุนัขแต่ก็ผูกพันราวญาติคนหนึ่ง หากแต่แม้แค้นเคืองจนตัวสั่นทว่าเสวียนรั่วซีก็ไม่คิดทำให้ซ่งไป๋ลู่เดือดร้อนเพราะความวู่วามของตน“สักวันข้าจะต้องทวงคืนความยุติธรรมให้เสี่ยวโกว”“รั่วซีระวังหน่อย”ซ่งไป๋ลู่เอ่ยเตือนออกมาเสียงเบา แม้คำพูดของเสวียนรั่วซีจะดังเพียงแค่ให้ได้ยินเข้ามาในเกี้ยว แต่คนของหลงเจิ้นซีล้วนมากฝีมือ ดังนั้นจึงควรระวังให้มาก เพียงแต่แม้จะเอ่ยเตือนเสวียนรั่วซีไปเช่นนั้น ทว่าในความเป็นจริงตัวนางเองก็ยากจะควบคุมโทสะในใจ มือกำเข้าหากันแน่น จนปลายเล็บกดลงไปในอุ้งมือเป็นรอยแผล สองตาแดงก่ำใบหน้าอาบไปด้วยน้ำตาตำหนักเจิ้นซีอยู่ทางตะวันออกของเมืองหลวง ในขณะที่จวนซ่งอยู่ทางตะวันตกดังนั้นขบวนเจ้าสาวนี้จึงเดินทางผ่านผู้คนมากมายกว่าครึ่งเมือง เพียงไม่นานเรื่องที่ซ่งไป๋ลู่ทิ้งกู้เหยียน ขึ้นเกี้ยวใหม่แต่งเข้าเป็นพระชายาองค์ชายห้าก็ดังไปทั่ว“หยุดเกี้ยว!”เสียงแม่สื่อด้านหน้าขบวนร้องบอก ก่อนที่เกี้ยวเจ้าสาวจะหยุดลง ซ่งไป๋ลู่ใจสั่นระรัว แม้จะบอกว่านางเตรียมตัวรับมือกับเรื่องนี้แล้ว แต่ส่วนลึกก็ยังคงคาดหวังว่าสวรรค์จ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status