แชร์

บทที่ 1.2 ชีวิตใหม่ข้าขอกำหนดเอง

ผู้เขียน: ชงเมิ่ง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-02-13 15:14:45

บทที่ 1.2

ชีวิตใหม่ข้าขอกำหนดเอง

หลังจากกินมันเผาเสร็จซ่งต้าลู่ก็พาซ่งหานลู่ไปล้างเนื้อล้างตัวที่หลังบ้าน ซ่งไป๋ลู่ลอบมองผ่านหน้าต่างบานเล็กในบ้าน ซ่งต้าลู่ผู้นี้มองผิวเผินคล้ายเป็นเพียงเด็กหนุ่มที่อ่อนแอ ไร้ความสามารถ ทว่าซ่งไป๋ลู่ผ่านชีวิตมายาวนานย่อมมองออก เด็กชายผู้นี้ไม่อาจดูแคลนจริงๆ

ยามที่ซ่งไป๋ลู่สิ้นลม เมิ่งเฟยอวี่ก็ให้คนนำร่างที่ไร้วิญญาณของนางไปทิ้งที่ป่าตะวันตกอันเป็นสุสานของศพไร้ญาติ ทว่ายามที่หมาป่ากำลังจะเข้ามาแทะกินอาหารอันโอชะ ลำคอของพวกมันก็ขาดสะบั้น ก่อนที่ร่างไร้วิญญาณนั้นจะหายไป

วิเคราะห์ดูแล้วซ่งไป๋ลู่ที่ยามนั้นบิดาและน้องชายล้วนตายจากไปหมดแล้ว ตัวละครข้างกายนางผู้เดียวที่นักเขียนละเว้นไว้ก็คือ ซ่งต้าลู่ พี่ชายใหญ่ผู้นี้นั่นเอง

“พี่รองข้ายกน้ำมาให้ท่านเช็ดตัว”

เสียงเล็กดังขึ้นที่ด้านหลังดึงความคิดของซ่งไป๋ลู่กลับมาสู่ปัจจุบัน ภาพสองพี่น้องที่อาบน้ำหลังเรือนตอนนี้ว่างเปล่าไร้เงาคน เมื่อหมุนตัวกลับมาก็พบซ่งหานลู่ตัวน้อยที่ถืออ่างไม้ใบใหญ่กว่าตัวเดินเข้ามา มือเล็กบิดผ้าสีหม่นส่งให้พี่สาวอย่างใส่ใจ

“ท่านลุงเกาตัดแต่งต้นกุหลาบหน้าบ้าน ข้าจึงเอาดอกกุหลาบที่เขาไม่ใช้เก็บกลับมาใส่น้ำให้ท่าน”

สังเกตจากปฏิกิริยาที่เด็กน้อยตรงหน้ามีต่อนาง เจ้าของร่างเดิมคงไม่ได้ดีต่ออีกฝ่ายนัก ทว่าทองแท้ไม่กลัวไฟ ซ่งหานลู่ผู้นี้กลับยังคงเติบโตเป็นเด็กชายที่ดีถึงเพียงนี้

“น้องเล็กของข้าช่างมีน้ำใจต่อพี่รองจริงๆ ว่าแต่กิ่งกุหลาบที่ท่านลุงเกาตัดทิ้งพรุ่งนี้เจ้าพาข้าไปขอมาปลูกที่บ้านเราได้หรือไม่”

“เจ้าเพิ่งหายป่วยไม่ควรออกจากบ้านไปโดนลม หากอยากได้ตอนฟ้าสางข้าจะไปเอามาให้”

ซ่งต้าลู่ที่เพิ่งเดินเข้ามาเอ่ยบอก ก่อนจะเดินไปหยิบผ้าผืนเก่าสีหม่นมาปูบนพื้นแล้วเอนกายลงนอนที่มุมด้านใน โดยมีซ่งหานลู่เดินไปทิ้งตัวนอนอยู่ข้างเขา

พี่ใหญ่บอกว่าพวกเราเป็นผู้ชายต้องเสียสละ ดูแล ปกป้องท่าน

ซ่งต้าลู่ผู้นี้แม้ไม่ใช่คนช่างเจรจา ทว่ากลับเป็นบุรุษที่ดียิ่งนัก เพียงแต่เพราะเป็นเช่นนี้ภายหน้าซ่งไป๋ลู่ผู้นี้จึงกลายเป็นสตรีเห็นแก่ตัว แม้แต่สามีก็ยังเอาไปขายแลกเงิน

...................................................

ยามฟ้าสางซ่งต้าลู่ต้มข้าวต้มน้ำใสที่วันนี้มีความข้นมากขึ้นจากการใส่เนื้อมันเทศลงไป รสชาติหวานของมันเทศที่ละมุนลิ้นทำให้ใบหน้าของซ่งหานลู่ยิ้มกว้าง ยกชามข้าวต้มของตนขึ้นจรดริมฝีปากดื่มรวดเดียวหมดถ้วย

“ฝีมือทำอาหารของพี่ใหญ่แม้แต่พ่อครัวใหญ่ในวังก็ยังเทียบไม่ได้จริงๆ”

คนตัวเล็กเอ่ยป้อยอ หากแต่แม้จะรู้ว่าเป็นเพียงถ้อยคำที่กล่าวเอาใจเขาแต่ซ่งต้าลู่ก็ยิ้มรับอย่างพอใจ

“นี่หัวมันเทศที่เจ้าให้ข้าหั่นไว้ให้”

ซ่งต้าลู่ส่งตะกร้าสานที่มีหัวมันเทศยาวขนาดสองข้อนิ้วมือนับสิบชิ้นวางอยู่ให้น้องสาว ซ่งไป๋ลู่รับมาแล้วเอ่ยขอบคุณ ยามที่สองพี่น้องออกจากเรือนไปช่วยคนเป็นป้าทำนา คนป่วยที่ถูกสั่งให้นอนบนเตียงก็เดินออกมาด้านนอก เอาหัวมันเทศที่ถูกหั่นเอาไว้ปักแช่น้ำก่อนที่จะกวาดตามองรอบๆ หยิบถังไม้เก่าที่แตกรั่วจนใช้งานไม่ได้กับจอบใบเล็กขนาดพอดีมือแบกไปหลังเรือน

ภาพต้นหญ้าที่สูงราวครึ่งจั้ง (หนึ่งจั้งประมาณสามจุดสามเมตร) ทำเอาใบหน้าของซ่งไป๋ลู่เจื่อนลงในทันที หากเป็นนางในวัยสามสิบการจัดการต้นหญ้าพวกนี้ย่อมไม่ใช่เรื่องยาก แต่ตอนนี้นางเป็นเพียงเด็กน้อยวัยสิบขวบ ให้ใช้เวลาตลอดฤดูร้อนนี้ก็ยังไม่มั่นใจว่าจะจัดการป่าหญ้าตรงหน้านี้ได้

ทว่าไม่มีสิ่งใดที่ไป๋ลู่คนนี้จะทำไม่ได้ ก็แค่ป่าหญ้าสามหมู่เท่านั้น แต่ตอนนี้นางต้องจัดการเรื่องมันเทศเสียก่อน

ร่างกลมป้อมนั่งลงหยิบดินบนพื้นขึ้นมาตรวจดู โชคดีที่ดินหลังบ้านของนางเป็นดินร่วนซุยที่ค่อนข้างสมบูรณ์ มือเล็กจับจอบยกขึ้นขุดดิน เพียงแต่ไม่รู้เพราะร่างกายนี้ยังเด็กเกินไป หรือตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่เคยออกแรงทำงานหนักกันแน่ เพียงขุดดินแค่หนึ่งถังก็เหนื่อยหอบ สองมือแดงก่ำขึ้นตุ่มน้ำใส

หากให้สองพี่น้องแซ่ซ่งเห็นแผลบนมือนี้เข้าต้องเป็นเรื่องแน่ๆ

ซ่งไป๋ลู่มองมือตนเองแล้วกังวลขึ้นมา แม้จะบอกว่าซ่งไป๋ลู่เป็นตัวร้ายที่พระเอกอย่างเมิ่งเฟยอวี่เกลียดชังเข้ากระดูกแต่ในสายตาของสองบุรุษแซ่ซ่ง โดยเฉพาะซ่งต้าลู่ ซ่งไป๋ลู่เปรียบดั่งไข่มุกกลางฝ่ามือที่พวกเขาล้วนทะนุถนอมอย่างดี หากมาเห็นแผลบนมือนี้คงต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ หญิงสาวในร่างเด็กน้อยถอนหายใจยาว ยกถังดินขึ้นบ่าเล็กเดินโซเซไปมาอย่างยากลำบาก ก่อนจะหยุดเท้าที่ข้างเรือนแล้วนำหัวมันเทศที่แช่น้ำเอาไว้มาปักลงดิน

ท่านป้าชุนบอกว่ามันเทศพวกนี้เป็นของดีที่ลูกชายของนางได้มาจากจวนเจ้าเมืองราคาในตลาดสูงมากทีเดียว

หากเป็นเช่นที่ซ่งหานลู่เคยเอ่ยบอก ภายหน้าถ้าหากนางสามารถเพาะมันเทศนี้ออกมาขายได้ ก็คงไม่ต้องกังวลเรื่องเงินในบ้านแล้ว

ริมฝีปากบางยิ้มกว้าง หยิบเคียวเดินกลับไปที่หลังเรือนอีกครั้ง ก่อนจะค่อยๆ เกี่ยวต้นหญ้งสูงลงมา โดยเลือกเกี่ยวที่กลางพงหญ้าออกมาก่อนเพื่อไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกตจนถูกสองพี่น้องแซ่ซ่งรู้ทัน

ยามที่ดวงตะวันเคลื่อนตัวเกือบตรงศรีษะ ซ่งไป๋ลู่ก็รีบมุดออกมาจากพงหญ้าล้างคราบเหงื่อไคลบนตัวแล้วกลับเข้าไปในบ้าน ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอย่างว่าง่าย

“พี่รอง!”

เสียงของซ่งหานลู่เอ่ยเรียกอยู่นอกบ้าน ก่อนประตูพุๆ จะเปิดออกพร้อมกับร่างเล็กที่เดินมาหยุดอยู่เบื้องหน้าซ่งไป๋ลู่ โดยเว้นระยะห่างอยู่ถึงสามก้าวและมีท่าทีหวาดหวั่นเล็กน้อย มือเล็กๆ ยื่นออกมากลางฝ่ามือมีก้อนแป้งสีเหลืองหม่นอยู่หนึ่งก้อน

“พี่รองข้าเอาซาลาเปามาฝากท่าน”

มือเล็กสั่นเทาน้อยๆ ใบหน้าตอบก้มลงหากแต่หางตาลอบมองปฏิกิริยาของคนเป็นพี่ ซ่งไป๋ลู่มองดูซาลาเปาที่เย็นจนแป้งแข็งในมือของซ่งหานลู่แล้วขมวดคิ้วเล็ก ทว่ายามที่เห็นแววตาคาดหวังของน้องชายตัวน้อยก็แสร้งทำท่าตื่นเต้นดีใจเยี่ยงเด็กน้อยไปกับเขา

“ซาลาเปา น้องเล็กเจ้าไปเอามาจากที่ไหนกัน”

“เป็นพี่สามชุนลูกสาวของท่านป้าชุนแบ่งให้ข้า ข้าจึงเก็บเอาไว้อย่างดีเพื่อเอามาฝากท่าน”

ซ่งไป๋ลู่เม้มริมฝีปากบางมองเด็กชายตรงหน้าด้วยความรู้สึกเต็มตื้นในอกก่อนจะรับซาลาเปาจากมือเด็กน้อยมาฉีกกิน

“อ่ะ... แป้งแข็งมาก”

ซ่งไป๋ลู่แกล้งเอ่ยเสียงขุ่นไม่พอใจก่อนจะเอาซาลาเปาในมือส่งให้เด็กชาย ซ่งหานลู่คิดว่าตนเองนำของไม่ดีมาฝากพี่สาวใบหน้าก็พลันซีดเผือกลองกัดกินซาลาเปาในมือด้วยความกังวล

“อร่อยหรือไม่”

เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปของคนตรงหน้า เด็กน้อยก็รู้ว่าถูกอีกฝ่ายหลอกให้กินซาลาเปาลูกนี้ ทว่าเมื่อมองดูก็พบว่าเมื่อครู่เขากัดไปคำใหญ่มาก ตอนนี้แทบไม่เหลือให้อีกฝ่ายได้กินเลย

“พี่รองข้าขอโทษ ซาลาเปานี่...”

ซ่งไป๋ลู่ย่อมรู้ความคิดของเด็กชายนางจับมือเขามากอบกุมเอ่ยเสียงอ่อนโยน

“น้องเล็ก ข้าดีใจมากที่เจ้ากับพี่ใหญ่เสียสละเพื่อข้ามาโดยตลอด แต่พวกเราเป็นพี่น้องกัน เจ้ากับพี่ใหญ่ปรารถนาให้ข้าได้กินของอร่อย ได้ใช้ของดีๆ ตัวข้าเองก็ปรารถนาเช่นนี้ต่อเจ้าและพี่ใหญ่เช่นกัน”

“พี่รอง...”

ดวงตากลมของเด็กชายแดงก่ำ สบแววตาของพี่สาวด้วยความรู้สึกซาบซึ้งใจ ในที่สุดพี่สาวก็มองเห็นความตั้งใจของเขา

“เช่นนั้น... ต่อไป... ต่อไปท่านจะไม่ทุบตีข้า ด่าทอข้าแล้วใช่หรือไม่”

รอยยิ้มของซ่งไป๋ลู่พลันแข็งค้าง แม้ความทรงจำมากมายของเด็กน้อยซ่งไป๋ลู่ผู้นี้จะไหลเข้ามาในความคิดนาง แต่เรื่องเลวร้ายที่นางกระทำกับคนในบ้านกลับไม่มีเลยสักนิด ช่างเป็นเด็กดีเสียจริงๆ ความผิดของตนเองกลับไม่เคยจดจำเลยสักนิด

...................................................

 

 

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทพิเศษ

    บทพิเศษสายลมเหมันต์พัดผ่าน หิมะขาวโปรยปรายร่วงหล่นองค์ชายรองฟู่ฉ่าคังอันยืนอยู่บนชั้นสองของโรงเตี๊ยมเสี่ยวอัน สายตาทอดมองไปยังถนนเบื้องล่าง“ถวายพระพรองค์ชายรอง”เสียงเอ่ยด้วยความนอบน้อมจากด้านหลังดึงสายตาของเขาให้หมุนตัวกลับมามองอีกฝ่าย“ลุกขึ้นเถิด ท่านอาจารย์หลิว หมอหลวงถัง”หลิวชงซิว และ ถังซานอี้ ขยับตัวลุกขึ้น หากแต่ยังคงอยู่ในท่าทางที่สงบ“หลายปีมานี้ลำบากพวกท่านแล้ว”“ได้ทำงานให้ฝ่าบาทนับเป็นวาสนาอันยิ่งใหญ่ของพวกกระหม่อม”ฟู่ฉ่าคังอันยกมุมปากขึ้นยิ้ม สายตามองคนทั้งสองด้วยความภาคภูมิใจและขอบคุณอยู่ในที การซ่อนตัวแฝงกายเพื่อสืบข่าวในต่างแคว้นนั้นเป็นเรื่องยาก แต่ที่ยากกว่าคือการแทรกซึมขึ้นเป็นคนสำคัญที่ต่างแคว้นไว้วางใจ“ตอนนี้เจียงเป่ยและต้าหยางลงนามผูกพันธมิตรร้อยปี ต่อไปคงไม่มีสงครามอีก ดังนั้นเสด็จพ่อจึงเรียกตัวพวกท่านกลับเจียงเป่ยเพื่อตกรางวัล”เมื่อได้ยินว่าถูกเรียกตัวกลับบ้านเกิด สองสายลับก็ทรุดตัวลงก้มหน้าคุกเข่า“องค์ชายได้โปรดเมตตา พวกกระหม่อมไม่ปรารถนาของรางวัลหรือลาภยศใดๆ เพียงแต่ต่อจากนี้ขอให้ลบชื่อพวกเราออกจากบัญชีสายลับ”ลบชื่อออก นี่ไม่เท่ากับลบผลงานในหลายสิบ

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 33.3 บทสุดท้าย 

    “เสี่ยวไป๋!”น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาในคราวแรกนั้นค่อนข้างตื่นตระหนกดีใจ หากแต่เพียงพริบตาก็กลับเป็นเศร้าหมอง ยืนนิ่งเอ่ยออกมาเสียงบางเบา“สบายดีหรือไม่”ซ่งไป๋ลู่ในชุดสีแดงอ่อนแถบขาว เม้มริมฝีปากบางพยักหน้าตอบกลับ เมิ่งเฟยอวี่ยิ้มด้วยสายตาเจือความทุกข์ เอ่ยถามเสียงสั่น“มีเรื่องทุกข์ใจ หรือใครทำให้รู้สึกยากลำบากไหม”ดวงตาคมมองใบหน้าที่ส่ายไปมา ด้วยใจคะนึงหาก่อนจะเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกเมื่อเห็นเท้าเล็กก้าวเข้ามาหาตน“อย่า อย่าเข้ามา...”“อาเล่อ ทำไม...”“ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นเพียงภาพลวงตา แต่ช่วยอยู่ให้นานหน่อยได้หรือไม่”คิ้วเรียวที่ขมวดเข้าหากันของซ่งไป๋ลู่พลันคลายออก ในดวงตาปรากฏความรู้สึกผิดที่ชัดเจน ไม่สนใจคำห้ามปรามของเขาวิ่งเร็วพร้อมโถมตัวเข้าโอบกอดร่างหนา“เสี่ยวไป๋ ทำไมเจ้าจึงกอดข้าได้”เมิ่งเฟยอวี่ยังคงตื่นตกใจ สองมือแข็งค้างอยู่กลางอากาศไม่กล้าแม้แต่จะขยับปลายนิ้ว ด้วยกลัวว่าความอบอุ่นนี้จะจางหายไป“ข้าไม่เพียงแค่กอดเจ้าได้แต่ยัง... จูบเจ้าได้ด้วย”ซ่งไป๋ลู่กล่าวจบสองมือที่กอดกายหนาก็ขยับขึ้นโอบลำคอแกร่ง เขย่งปลายเท้ากดแนบริมฝีปากของตนลงบนปากหยักของเมิ่งเฟยอวี่ร่างกายของเมิ่งเฟยอวี

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 33.2 บทสุดท้าย

    ห้าวันต่อมาทั่วทั้งต้าหยางก็เกิดเรื่องที่ทำให้ทุกคนตื่นตระหนก เมื่อราชโองการถูกประกาศออกมาว่าองค์ชายห้าหลงเจิ้นซีก่อกบฏ ตระกูลจางเก้ารุ่นถูกสังหารภายในคืนเดียว บรรดาขุนนางที่ร่วมมือถูกประหารไปนับสิบคน พระสนมจางเฟยถูกส่งเข้าตำหนักเย็น ราชสำนักปั่นป่วนวุ่นวาย หากแต่เพียงครึ่งเดือนต่อมาทุกอย่างก็สงบลง“ได้ยินว่าองค์ชายห้าใช้โอกาสตอนไปจัดการปัญหาทางเหนือ ซ่องสุมกำลังพลเอาไว้ โชคดีที่องค์ชายรองแคว้นเจียงเป่ยยื่นมือเข้ามาช่วยเปิดโปง ไม่เช่นนั้นหากเกิดกบฏกลางเมืองขึ้นมาจริงๆ ชาวบ้านอย่างพวกเราไม่รู้จะมีชะตากรรมอย่างไร”“ยังต้องขอบคุณที่ปรึกษาเมิ่งด้วย ได้ยินว่าเขาให้บัณฑิตใหม่ปีนี้แฝงตัวเข้าสืบความ จึงได้รายชื่อขุนนางโฉดทั้งหมดออกมา”“ใช่ๆ เขายังเป็นพันธมิตรที่ดีกับหัวหน้าหวงแห่งกองอาชาเหล็กร่วมมือกันเข้าจับกุมองค์ชายกบฏ ดังนั้นจึงจัดการทุกอย่างได้อย่างรวดเร็วและไม่เดือดร้อนชาวบ้านอย่างพวกเราเลย”เรื่องราวการปราบกบฏครั้งนี้ถูกเล่าลือไปทั่วเมืองด้วยความตื่นเต้นของชาวบ้าน ขณะที่ซ่งไป๋ลู่ได้แต่รับฟังอย่างสงบ“พี่รอง เหตุใดท่านจึงดูสงบนัก ราวกับว่ารู้ทุกอย่างอยู่แล้ว”“หากข้าบอกว่าข้ารู้ทุกอย่าง

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 33.1 บทสุดท้าย

    “อาไป๋นอนหรือยัง”เสียงซ่งต้าลู่ดังขึ้นที่หน้าห้อง ซ่งไป๋ลู่ก็หมุนตัวออกมาเปิดประตูในทันที“พี่ใหญ่ มีเรื่องอะไรหรือเจ้าคะ”เพราะช่วงนี้มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้น ดังนั้นซ่งไป๋ลู่จึงตื่นตัวและกังวลอยู่ตลอดเวลา“ไม่ได้มีเรื่องร้ายอะไร ข้าเพียงต้องการบอกบางอย่างกับเจ้า”ซ่งไป๋ลู่เห็นใบหน้าของพี่ชายมีความกังวลแฝงอยู่ก็คาดเดาได้ว่าบางอย่างที่เขากำลังจะบอกกับนางนั้นน่าจะเป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้นจึงให้เขาเข้ามานั่งด้านในห้อง รินชาร้อนแล้วส่งให้เขาซ่งต้าลู่รับถ้วยชามาจากน้องสาว ทว่ากลับไม่ได้ยกมันขึ้นดื่ม มือข้างหนึ่งกำถ้วยชาแน่น ส่วนอีกข้างกำกล่องไม้บนตักเอาไว้แน่นหากซ่งไป๋ลู่รู้ว่าระหว่างเขากับนางไม่มีสายสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด สายตาที่ห่วงใยนี้จะเปลี่ยนไปหรือไม่ซ่งต้าลู่ไม่กลัวเจ็บ ไม่กลัวตาย แต่ที่เขากลัวก็คือ สายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความไว้วางใจ และห่วงใยคู่นี้จะเปลี่ยนไป เพียงแต่ให้หวาดกลัวเพียงใดเรื่องนี้ก็ไม่อาจปิดบังได้อีก ดังนั้นมือหนาจึงวางกล่องไม้ที่เขาเก็บเอาไว้เกือบสิบหกปีลงตรงหน้าซ่งไป๋ลู่“พี่ใหญ่นี่คือ...”“ของที่มารดาเจ้ามอบไว้ให้”มารดาของนาง ไม่ใช่มารดาของเขาหรือ

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 32.3 สตรีของข้า

    “เช่นนั้นคงต้องรบกวนองค์ชายห้า แสดงของในมือแล้ว”“เมิ่งเฟยอวี่!”“กระหม่อมอยู่นี่ รอดูของในมือพระองค์ด้วยความตั้งใจ”“บังอาจ! เหวินเสียนไปชิงสตรีของข้าคืนมา”สิ้นคำสั่งของหลงเจิ้นซี องครักษ์ลับร่วมห้าสิบชีวิตก็ปรากฏเบื้องหน้า ทว่าแม้จะตกเป็นรองแต่เมิ่งเฟยอวี่ก็ยังคงอยู่ในอารมณ์ที่สงบนิ่ง ดวงตาคมดุจดจ้องมองไปยังอีกฝ่ายอย่างขุ่นเคือง ก่อนจะโต้กลับด้วยเสียงเยือกเย็น“มีใครกล้าก็เข้ามา”มือหนาดึงซ่งไป๋ลู่ไปไว้เบื้องหลัง ขยับเท้าอยู่ในท่าพร้อมปะทะอย่างไม่หวั่นเกรง ข้างกายมีคนติดตามอีกร่วมสิบชีวิตกระชับกระบี่ในมือด้วยท่าพร้อมสู้เช่นเดียวกัน“ปกป้องแม่นางซ่ง!”เสียงปริศนาดังขึ้น พริบตาชายในชุดสีน้ำตาลก็ทะยานตัวมาเป็นเกราะคุ้มกันที่ด้านหน้าเมิ่งเฟยอวี่อีกชั้น หลงเจิ้นซีตวัดสายตามองไปยังต้นเสียงก็เห็นร่างสูงโปร่งในชุดผ้าไหมเนื้อดีตามแบบวัฒนธรรมชาวเจียงเป่ย“องค์ชายรองฟู่ฉ่าคังอัน!”คำเรียกขานที่แจ้งสถานะของผู้สอดมือทำให้องค์ชายห้าหลงเจิ้นซีขบกรามแน่น“นี่เป็นเรื่องภายในของต้าหยาง องค์ชายรองฟู่ฉ่าคังอันทำเช่นนี้ดูไม่ค่อยเหมาะสมกระมัง”“แม่นางซ่งเป็นน้อง... เป็นผู้มีพระคุณของข้า ดังนั้นไม่ว่าใคร

  • สามีอยากก้าวหน้าต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 32.2 สตรีของข้า

    เสวียนรั่วซีกำกระบี่ในมือแน่น นางอยู่บ้านซ่งมาหลายปีเสี่ยวโกวแม้เป็นเพียงสุนัขแต่ก็ผูกพันราวญาติคนหนึ่ง หากแต่แม้แค้นเคืองจนตัวสั่นทว่าเสวียนรั่วซีก็ไม่คิดทำให้ซ่งไป๋ลู่เดือดร้อนเพราะความวู่วามของตน“สักวันข้าจะต้องทวงคืนความยุติธรรมให้เสี่ยวโกว”“รั่วซีระวังหน่อย”ซ่งไป๋ลู่เอ่ยเตือนออกมาเสียงเบา แม้คำพูดของเสวียนรั่วซีจะดังเพียงแค่ให้ได้ยินเข้ามาในเกี้ยว แต่คนของหลงเจิ้นซีล้วนมากฝีมือ ดังนั้นจึงควรระวังให้มาก เพียงแต่แม้จะเอ่ยเตือนเสวียนรั่วซีไปเช่นนั้น ทว่าในความเป็นจริงตัวนางเองก็ยากจะควบคุมโทสะในใจ มือกำเข้าหากันแน่น จนปลายเล็บกดลงไปในอุ้งมือเป็นรอยแผล สองตาแดงก่ำใบหน้าอาบไปด้วยน้ำตาตำหนักเจิ้นซีอยู่ทางตะวันออกของเมืองหลวง ในขณะที่จวนซ่งอยู่ทางตะวันตกดังนั้นขบวนเจ้าสาวนี้จึงเดินทางผ่านผู้คนมากมายกว่าครึ่งเมือง เพียงไม่นานเรื่องที่ซ่งไป๋ลู่ทิ้งกู้เหยียน ขึ้นเกี้ยวใหม่แต่งเข้าเป็นพระชายาองค์ชายห้าก็ดังไปทั่ว“หยุดเกี้ยว!”เสียงแม่สื่อด้านหน้าขบวนร้องบอก ก่อนที่เกี้ยวเจ้าสาวจะหยุดลง ซ่งไป๋ลู่ใจสั่นระรัว แม้จะบอกว่านางเตรียมตัวรับมือกับเรื่องนี้แล้ว แต่ส่วนลึกก็ยังคงคาดหวังว่าสวรรค์จ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status