อธิปยืนหอบแฮก ๆ มองอภัสราวิ่งหนีขึ้นรถไปต่อหน้าต่อตา ในมือยังกำรถบังคับคันเล็กไว้แน่น อดแปลกใจไม่ได้ที่เห็นเธอวิ่งหนีอย่างกับคนเสียสติ ร่างสูงส่ายหัวไปมาเมื่อรู้สึกว่าเรื่องนี้ ไร้สาระ
บางทีการมาพบเจอกันแบบผิดจังหวะก็อาจทำให้อภัสรารู้สึกอับอายเลยตั้งตัวไม่ทัน เพราะครั้งหนึ่งเธอเคยมีความสัมพันธ์กับเขา หรือบางทีอาจจะกลัวผู้ชายคนที่มาด้วยเข้าใจผิดถึงได้รีบร้อนพาลูกวิ่งหนีขนาดนั้น ไม่เสียเวลาคิดนานเพราะเรื่องนี้ไม่ได้มีความจำเป็นกับชีวิตของเขา
ร่างสูงหันหลังเดินกลับเพราะอากาศบริเวณนี้ร้อนอบอ้าว ยิ่งอยู่นานก็ยิ่งเพิ่มความหงุดหงิด ไม่แม้แต่จะเรียกคนที่ยืนนิ่งค้างอยู่กับที่เลยสักคำ
ผิดกับภพธรที่ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ในสมองคิดตาม ภาพและการกระทำแบบนี้ครั้งหนึ่งเขาเคยเห็นมันมาก่อน หัวใจกระตุกเมื่อนึกย้อนกลับไป ตอนที่มินรญาเจอเขาอยู่กับมดยิ้มครั้งแรก
เธอก็มีอาการคล้าย ๆ กับผู้หญิงคนเมื่อกี้ พยายามยื้อแย่งและจะพาลูกหนีจากเขา หรือว่าเด็กคนนั้นจะมีความเกี่ยวข้องกับอธิป เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ร่างสูงก็หันกลับมายังคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง แต่อธิปไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้วเห็นเพียงด้านหลังของเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนเดินเข้าร้านกาแฟไปเร็ว ๆ
ภพธรส่ายหัวอย่างนึกเบื่อหน่ายกับนิสัยเพื่อน นี่มันไม่คิดจะเรียกเขาเลยใช่ไหม ทิ้งให้ยืนร้อนอยู่ได้ คิดอย่างปลง ๆ กับนิสัย ห่าม ๆ ของอธิปก่อนจะเดินตามกลับเข้ามาที่ร้านกาแฟตามเดิม
ดวงตาคมดุมองคนที่ตั้งหน้าตั้งตาดูดชานมไข่มุกแก้วใหญ่ตรงหน้าอย่างหิวกระหาย ก่อนจะเลื่อนมือมาหยิบแก้วเครื่องดื่มที่สั่งมาดื่มเพื่อดับกระหายเช่นกัน
เมื่อได้สัมผัสกับอากาศเย็นและน้ำรสชาติหอมหวาน ก็ทำให้คนที่หงุดหงิดกับเหตุการณ์เมื่อสักครู่กลับเข้าสู่สภาวะปกติ มือแกร่งเคาะลงกับโต๊ะเบา ๆ ก่อนจะเริ่มคุยกับเพื่อน
“มีนล่ะ ไม่มาด้วยเหรอ”
ภพธรสะดุดหูกับคำถามแรกที่อธิปถาม ถึงแม้จะฟังบ่อยแต่ก็อดแปลกใจไม่ได้ที่อธิปมักจะถามหาภรรยาเขาก่อนเสมอ
“ไม่ได้มา กูเพิ่งพาไปส่งบ้านแม่ที่ปทุมฯ เพิ่งจะเข้าบ้านคงมีเรื่องคุยกับพ่อแม่อีกเยอะ ถามหาแต่เมียกูมึงคิดอะไรหรือเปล่า”
ถามอย่างขำ ๆ แต่ต้องหยุดขำเมื่อได้ยินคำตอบที่เพื่อนส่งกลับมา
“กูคิดจนเลิกคิดนานแล้ว...”
คำพูดเรื่อย ๆ ของอธิปทำให้คนฟังหน้าตึง
“ไอ้ธาม! “
“หรือไม่จริงวะ มึงก็รู้ว่ากูคิดอะไร แต่มึงก็ขวางกูตลอด” อธิปยังแหย่ไม่เลิก
“ก็มีนเป็นของกู” ภพธรพูดเข้าข้างตัวเอง ก่อนจะหันไปสนใจกับแก้วเครื่องดื่มแทน
“เป็นตอนไหน... มึงหวงก้างสิไม่ว่า หรือไม่จริง” อธิปยังขยี้คำถามซ้ำลงมาอีก
“เออ!” เมื่อเถียงไม่ขึ้นจึงได้แต่รับคำส่ง ๆ พร้อมกับทำท่า ไม่พอใจคนตรงหน้าอย่างชัดเจน ที่อธิปพูดมามันก็ถูกทุกอย่าง ที่ผ่านมาเขาก็คอยตามหวงมินรญาจริง ๆ
อธิปมองคนตรงหน้าด้วยแววตาล้อเลียน จริงอยู่ที่เขารักมินรญา แต่เมื่อสาวเจ้าไม่เล่นด้วยเขาก็ถอยออกมา
“พูดไปเรื่อย หาเรื่องทะเลาะกันซะงั้น” อธิปเป็นฝ่ายพูดก่อน หลังจากที่ต่างคนต่างนั่งเงียบกันไปนาน
“มึงน่ะระวังตัวไว้เถอะ ไปไข่ทิ้งไว้ที่ไหนหรือเปล่า” ภพธรทำท่าไม่พอใจ ก่อนจะโยนระเบิดลูกใหญ่ให้เพื่อน ทั้ง ๆ ที่อธิปก็เป็นฝ่ายง้อเขาก่อน
“หมายความว่าไง”
“ก็ที่น้องเนยหอบลูกวิ่งหนีมึงน่ะ บางทีเด็กคนเมื่อกี้อาจจะเป็นไข่ที่มึงวางทิ้งไว้ก็ได้”
“โวะ! ไอ้นี่... คิดได้นะมึง” อธิปทำท่าทางโวยวาย แต่ก็ไม่ได้จริงจังนัก แค่ทำให้เพื่อนขำเสียมากกว่า
“ทำเป็นเล่นไปเถอะ ตอนมีนเห็นกูครั้งแรกก็เอามดยิ้มซ่อนแบบนี้แหละ อาการเหมือนน้องเนยเลย”
“กูป้องกันโว้ย ถึงกูจะเมา แต่กูก็ป้องกันทุกครั้ง”
“แน่ใจ?”
“เออสิ... เรื่องของกูพอก่อนไหม เอาเรื่องมึงเถอะ”
“กูก็แค่สงสัย”
“อืม... ช่างเถอะ ไว้ค่อยคุยกันทีหลัง เอาเรื่องมึงดีกว่า”
อธิปเริ่มอธิบายถึงสาเหตุที่เขานัดภพธรออกมาคุย เพราะ ไม่อยากให้ภพธรรื้อฟื้นเรื่องของตัวเองอีก ปัญหานี้เขาจะแก้ด้วยตัวเอง
เสียงพูดคุยของคนงานที่มาพร้อมเสียงเครื่องจักรปลุกให้คนที่เพิ่งงีบหลับไปเมื่อตอนเช้ามืดให้ตื่นขึ้น ร่างบางขยับตัวนั่งบนเตียงนอน แต้วคงออกไปนานแล้ว เพราะเวลานี้สายมากแล้ว หญิงสาวไล่เลียงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ก่อนจะยิ้มให้ตัวเอง ขยับลงจากเตียงนอน ทุกอย่างไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ไม่มีอะไรต้องอายเพราะมันคือเรื่องจริง เธอมีลูกกับอธิป และถ้าใครนินทาหรืออยากรู้อะไร เธอก็พร้อมจะตอบทุกคำถาม ความอายไม่ใช่เรื่องน่ากลัวเพราะเธอผ่านจุดนั้นมาแล้ว‘พักผ่อนนะคะ พี่จะบอกช่างใหญ่ให้’ยิ้มเมื่ออ่านโน้ตของมินตรา อย่างน้อยพี่แต้วก็เป็นห่วงเธอ หญิงสาวอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วหาอะไรรองท้อง สำรวจตัวเองหน้ากระจก สูดลมหายใจเข้าปอด ต่อให้เธอหลบอยู่ในห้องนี่ทั้งวัน ก็ไม่ทำให้อะไรดีขึ้นเพราะหนีความจริงไม่พ้น“สู้สิเนย เป็นกำลังใจให้แม่ด้วยนะคะ” พูดกับรูปลูกชายใน มือถือ ลูกคือกำลังใจที่ดีที่สุดที่เธออยู่มาได้ทุกวันนี้ก็เพราะเขาร่างบางก้าวออกมาจากห้อง แล้วเดินไปยังจุดที่ปกรณ์กับมินตราทำงานอยู่ ระหว่างทางเธอต้องสู้กับสายตาของทุกคน หญิงสาวทำเพียงส่งยิ้มบาง ๆ กลับไปเหมือนอย่างที่เคยทำทุกวัน“ขอโทษนะคะ เนยมาสายไปหน่
อภัสราล้มทั้งยืนเมื่ออธิปหันหลังเดินจากไป แต้วกับเพื่อน ๆ ที่ยืนดูเหตุการณ์รีบเข้ามาประคอง หญิงสาวยังนั่งสะอื้นอยู่ที่เดิม ปล่อยน้ำตาให้ไหลลงมาเป็นสาย คนที่อยู่ในห้องมองหน้ากันไปมา ไม่รู้จะเริ่มต้นจากตรงไหน เพราะต่างก็ตกใจกับเรื่องใหม่ ที่ได้รับรู้ อภัสรากับอธิปเคยรู้จักกันมาก่อน และอธิปก็เป็นพ่อของลูกเธอ“เป็นไงบ้างคะน้องเนย” แต้วถามเมื่ออภัสราดีขึ้น หลังจากปล่อยให้เธออยู่กับตัวเองมาพักใหญ่ ๆ“เนยไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ” บอกพร้อมกับกลั้นก้อนสะอื้น พยายามทำตัวให้เข้มแข็งที่สุด“อย่าบอกเรื่องนี้กับพี่วัฒน์นะคะ เนยไม่อยากให้พี่วัฒน์ ไม่สบายใจ” นอกจากลูกแล้วสิ่งที่นึกได้อีกอย่างก็คืองานของพี่ชาย มือบางปาดน้ำตาออกจากแก้ม มองหน้าทุกคนด้วยสายตาขอร้อง ปกรณ์และทีมงานพยักหน้ารับ เพราะเข้าใจความรู้สึกของเธอดี“คืนนี้ให้พี่นอนเป็นเพื่อนนะคะ” แต้วอาสาหลังจากสั่งให้ ทุกคนแยกย้ายกันไปพักผ่อน“ขอโทษนะคะที่เนยทำให้ทุกคนเดือดร้อน” บอกอย่างรู้สึกผิด เมื่อคิดไปว่าเธอกำลังเป็นสาเหตุให้ทุกคนทำงานยากขึ้น“อย่าคิดมากนะคะ เรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวมันเป็นคนละส่วนกัน น้องเนยทำใจให้สบาย ถ้ามันอึดอัดเล่
อธิปขอร้อง เขามาเพราะอยากคุยเรื่องลูกของเธอ ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหนและคำตอบจะเป็นอย่างไร เขาอยากหาคำตอบให้กับสิ่งที่ค้างอยู่ในใจ ไม่ว่าคำตอบที่ได้รับจะเป็นแบบไหน เขาก็ยินดีรับมันร่างบางสูดลมหายใจเข้าปอด เรียกสติให้ตัวเอง ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย ความลับไม่มีในโลก เธอปิดปังเรื่องลูกกับเขา แต่เมื่อทุกอย่างมันเลยเถิดมาถึงขั้นนี้ ก็ต้องก้มหน้ายอมรับผลจากการกระทำของตัวเอง เขามีสิทธิ์รู้มือบางที่สั่นเทายื่นมากำลูกบิดประตูอีกครั้ง นับหนึ่งถึงสามในใจ กลั้นใจแล้วเปิดมันออกรู้สึกเหมือนอากาศที่อยู่บริเวณนั้นน้อยนิดจนหายใจไม่ออก โลกเหมือนหยุดหมุน เมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าชัดเจน มือบางยกขึ้นปาดน้ำตาเมื่อมันพากันไหลออกมา เพียงแค่สบตากับเขา ความรู้สึกที่เก็บกดเอาไว้ในใจก็ถูกเปิดเผย เธอรักเขามากและยังรักตลอดมา“พี่ธาม...” เสียงสั่นเครือเอ่ยชื่อเขา กลืนก้อนสะอื้นลงคอ ก่อนจะถามประโยคถัดมา “มีอะไรคะ”ไม่มีคำตอบออกมาจากปากหยัก มีเพียงตาคู่คมที่มองนิ่งมาที่เธอ ใช่เธอจริง ๆ อภัสรา... ผู้หญิงที่ครั้งหนึ่งเคยเข้ามาในหัวใจเขา สิ่งที่เกิดขึ้นมันอาจจะไม่ใช่แค่ความใคร่ แต่เธอก็ทำให้เขาลืมเลือนเธอไป“
กว่าอมรพงษ์จะกลับมาห้องพักก็กินเวลาหลายชั่วโมง จนคนรอสูบบุหรี่หมดไปเป็นซอง ๆ อธิปให้เหตุผลกับตัวเองว่าเขา มีงานที่ต้องบอกให้อมรพงษ์รับรู้ จึงนั่งรออย่างใจเย็น ทั้งที่ความ เป็นจริงมันกลับตรงกันข้าม ข้อมูลที่ได้มาจากคิงต่างหากที่ทำให้ เขาต้องมานั่งตากยุงรอ ก้นบุหรี่ถูกปาลงพื้นเมื่อคิดถึงอภัสราคิงบอกว่าอมรพงษ์รักจริงหวังแต่ง ทั้ง ๆ ที่เธอมีลูกติด เขาจะไม่ติดใจเลยสักนิด ถ้าไม่สงสัยว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกของเขา“แม่ง!” ด่าตัวเองเมื่อเริ่มคิดฟุ้งซ่าน เขาต้องรู้ให้ได้ว่าเด็กนั่นเกี่ยวข้องกับเขาหรือไม่“อ้าว !ยังไม่นอนเหรอพี่” อมรพงษ์ถามเมื่อเห็นอธิปนั่งอยู่หน้าห้องพัก อธิปเลือกที่จะเมินเฉยกับคำถาม อมรพงษ์ยกมือ เกาหัว เมื่อเห็นท่าทางของลูกพี่ ปกติถ้าเขาถามแบบนี้ ถ้าอธิป ไม่ตอบก็ด่ากลับ“กูนึกว่ามึงจะค้างกับแฟนเสียอีก” อธิปถาม คำถามของเขาทำให้อมรพงษ์ตาโต หน้าแดงจนลามไปถึงใบหู“เอาอะไรมาพูดวะพี่ ฟงแฟนอะไรกัน”ตอบก่อนจะเดินขึ้นบันไดมานั่งตรงข้ามกับลูกพี่ ไม่ต้องเสียเวลาถามอมรพงษ์เป็นคนขี้อวด ปากบอกไม่ใช่แฟน แต่ก็พร้อมจะเล่าเรื่องหัวใจตัวเองให้เขาฟัง ถ้าไม่กลัวเสียแผนละก็ อยากจะ ยั
“มันชื่อไอ้เจ๋งครับ เป็นคนงานที่เข้ามาตอกปั้นจั่นกับช่างเชิดชาย” ศราวุธบอกกับอธิปเมื่อถูกเรียกประชุมด่วน คนที่ ศราวุธพูดถึงตอนนี้คงนอนหยอดน้ำข้าวต้มอยู่ในคุก ในขณะที่ เชิดชายหัวหมุนเมื่อมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น“ผมขอโทษครับ”“รับคนเข้าทำงาน ตรวจสอบประวัติหน่อย” อธิปพูด ก่อนจะพ่นควันบุหรี่ออกจากปาก ตาคู่คมมองกลุ่มควันสีเทาที่ค่อย ๆ จางไปกับอากาศถ้าอมรพงษ์ไม่ตามไป อภัสราจะเป็นอย่างไร เรื่องนี้ต้องยกความดีความชอบให้อมรพงษ์ ว่าแต่มันไปทำอะไรตรงนั้น คำถามมากมายผุดขึ้นมาในหัว ภาพที่มันกอดหญิงสาวไว้ในอ้อมแขน ก็พอจะเดาได้ว่าอมรพงษ์รู้สึกยังไงกับเธอ สองคนนี้ไปสนิทสนมกันตอนไหน มีอะไรที่เขายังไม่รู้อีกไหม“เอาไงต่อดีครับ ให้ส่งคุณเนยกลับหรือเปล่า” ศราวุธถามเมื่อเห็นอธิปเงียบไป“เรื่องนั้นผมจะคิดอีกที ตอนนี้ต้องระวังให้มาก ถ้าคนงานกล้าทำขนาดนี้ แสดงว่าความปลอดภัยของเราหละหลวม ฝากพวกคุณช่วยเป็นหูเป็นตา และเพิ่มความระมัดระวังด้วยก็แล้วกัน” อธิปสั่งแล้วให้ทุกคนแยกย้ายกลับไป ปกรณ์ขอบคุณที่เขาไม่ส่งอภัสรากลับ เพราะไม่อย่างนั้นคงมีปัญหากับอภิวัฒน์แน่นอน อธิปดูแลงานทั้งหมดก็จริง แต่ถ้า
ความเจ็บปวดแล่นเข้าสู่ร่างกายเมื่อถูกเหวี่ยงลงกับพื้น ร่างบางดิ้นหนีเมื่อร่างหนาของเดนมนุษย์ทาบทับลงมา มือของมันยังกดอยู่ที่ปาก ลำคอขมปร่าเมื่อกลิ่นตัวของมันลอยมาเข้าจมูก เหม็นจนแทบอาเจียน ถึงแม้มันจะใส่หมวกไหมพรมปิดบังใบหน้า แต่อภัสราก็รู้ว่ามันคือคนงานในไซต์งานร่างบางดิ้นสุดชีวิตเมื่อมันเริ่มแกะกระดุมกางเกงของเธอออก เจ็บจนพูดไม่ออก เมื่อกำปั้นหนัก ๆ ฟาดลงมาบนหน้าท้องและ ชายโครงติด ๆ กัน มันตั้งใจมาทำร้ายเธอ น้ำตาไหลลงมาเป็นสาย หมดทางช่วยเหลือตัวเอง แรงจะกรีดร้องก็ไม่มี ความเจ็บปวดกระจายไปทุกขุมขน เสื้อเชิ้ตถูกกระชากจนขาดวิ่น กระดุมกางเกงเม็ดแรกหลุดออกจากกันหน้าน้องไทม์ลอยเข้ามาในหัว หญิงสาวหลับตาลงเมื่อกางเกงยีนส์เลื่อนออกจากเอว เธอต้องรักษาชีวิตเอาไว้เพื่อลูก โลกใบนี้ยังมีเรื่องที่คาดไม่ถึงอีกมากมาย หกปีที่เธอใช้ชีวิตอยู่แต่ในรั้วบ้าน วันแรกที่ออกมาเผชิญกับโลกภายนอก มันช่างโหดร้ายเหลือเกิน ใครจะคิดว่าไซต์งานที่พลุกพล่านไปด้วยผู้คนจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น มันคงจ้องเอาเธอไว้แล้วมือหยาบกร้านบีบขยำลงบนอกอวบ หญิงสาวนอนนิ่งเป็นหุ่น น้ำตาไหลลงมาเป็นสายเมื่อหมดทางช่วยเหลือตัว