ผู้คนในตลาดเริ่มเคลื่อนไปทางโซนถัดไป เสียงดนตรีแปลกหูดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมแสงสีหลากหลายลอยสู่ท้องฟ้า ดึงดูดสายตาทุกคนรอบข้าง
“นั่นคือโซนเวทมนตร์” หลงอวิ๋นอธิบาย
“เจ้าอยากไปดูหรือไม่?”
ฉันพยักหน้าทันที ดวงตาเป็นประกายวาววับ
“ค่ะ ไปดูโซนเวทมนตร์กัน ฉันอยากรู้ว่าเวทมนตร์ที่นี่จะเหมือนกับโลกของฉันไหม?”
หลงอวิ๋นเลิกคิ้วเล็กน้อย สีหน้าสนใจชัดเจน
“เวทมนตร์ในโลกของเจ้า?” เขาถามเสียงจริงจัง ขณะนำทางฉันไปตามทางเดินหินสีขาวเงิน
“มีเวทมนตร์ในโลกของเจ้าด้วยหรือ? เล่าให้ข้าฟังหน่อยสิ”
ระหว่างที่เราเดินผ่านแผงขนมหวานส่งกลิ่นหอมละมุน ฉันมองเด็กน้อยที่กำลังถือขนมรูปดาวหกแฉกเปล่งแสงสีนวลอย่างสนใจ
“ในโลกของเรา เวทมนตร์ถูกแบ่งออกเป็นหลายสาขา” หลงอวิ๋นอธิบายต่อ
“เทพธิดาแห่งพายุหิมะประทานพลังให้ผู้มีพรสวรรค์บางคน แต่ละคนมีพลังเฉพาะที่ไม่เหมือนกัน”
เราเดินเข้าสู่โซนเวทมนตร์ที่คึกคัก เต็มไปด้วยซุ้มและเต็นท์หลากสีสันเรียงราย นักเวทแต่ละคนต่างแสดงควา
ฉันหายใจถี่และเร็วขึ้น หัวใจเต้นแรงจนแทบทะลุอกแต่ขาของฉันก็ก้าวถอยฉับไว ก่อนจะพลิกตัวต่ำหลบอย่างคล่องแคล่ว — ดาบของนักฆ่ากวาดผ่านเฉียดศีรษะไปเพียงปลายผมเคร้ง!ปลายแขนเสื้อของฉันพันเข้ากับข้อมือของเขาโดยสัญชาตญาณฉันฉวยแรงหมุนตัวอย่างแม่นยำ ก่อนจะฟาดศอกใส่ชายโครงเต็มแรง — ท่าผสมระหว่างมวยไทยกับยูโดที่เคยเรียนในมหาวิทยาลัยยังฝังอยู่ในร่างกายนักฆ่าผงะถอย แต่ไม่ทันล้ม ฉันใช้จังหวะนั้นกระโดดถีบกลางอกซ้ำ แล้วกลิ้งตัวออกห่างอย่างรวดเร็วเสียงฝีเท้าทะลุหิมะดังเข้ามาจากข้างหลัง — อีกคนกำลังพุ่งเข้ามา!ฉันหันไม่ทัน ดาบสีเลือดกำลังจะฟาดลงมาที่กลางหลัง!พรึ่บ!สายลมเย็นจัดพัดวูบเข้ามาพร้อมเสียงเปรี้ยง!น้ำแข็งปะทะกับโลหะจนระเบิดเป็นสะเก็ดกระจายฉัวะ!แขนของนักฆ่าหยุดค้างกลางอากาศ — ถูกห่อหุ้มด้วยผลึกน้ำแข็งใสสะท้อนแสงจันทร์ ก่อนที่มันจะแตกสลายกลายเป็นฝุ่นน้ำแข็งในชั่วพริบตาเงาร่างสีขาวพุ่งลงมาจากฟ้าอย่างพายุหิมะ—หลงอวิ๋นยืนอยู่เบื้องหน้า ดาบ
เมื่อพ้นจากเขตตลาด เส้นทางเบื้องหน้าปกคลุมด้วยหิมะขาวบาง ๆ ต้นไม้สูงใหญ่เรียงรายสองข้างทาง กิ่งก้านเต็มไปด้วยเกล็ดน้ำแข็งใสที่ห้อยระย้า สะท้อนแสงแดดยามบ่ายคล้อยเป็นประกายวิบวับราวกับอัญมณีจากฟากฟ้า“ทะเลสาบอยู่เลยป่านี้ไปอีกหน่อย” หลงอวิ๋นบอกขณะพาเดินเข้าสู่ทางลึก“ใช้เวลาประมาณสิบห้านาที... เจ้าหนาวหรือไม่?”“ไม่หนาวหรอกค่ะ ถ้าทำแบบนี้”ฉันยิ้มก่อนจะยื่นมือไปจับมือเขา แล้วซุกเข้าไปในเสื้อคลุมของเขาอย่างขี้เล่น“เห็นมั้ยคะ อุ่นแล้ว” ฉันพูดพลางเงยหน้าส่งยิ้มให้เขาหลงอวิ๋นชะงักเล็กน้อยเมื่อรู้สึกถึงมือของฉันที่แทรกเข้ามาในเสื้อคลุม ดวงตาสีฟ้าวาววับขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่ริมฝีปากจะคลี่ยิ้มบาง—รอยยิ้มที่เขาไม่ค่อยมีให้ใครได้เห็น“อุ่น...” เขาทวนคำช้า ๆ น้ำเสียงทุ้มลึกนุ่มนวล“ไม่มีใครเคยพูดเช่นนั้นกับข้ามาก่อน ผู้คนมักบอกว่า... ข้าเย็นชาเหมือนน้ำแข็ง”เขาปรับชายเสื้อคลุมให้คลุมตัวฉันไว้ได้มากขึ้น กลายเป็นอ้อมกอดอุ่น ๆ ที่เราแชร์กันในความเย็นของป่า
ผู้คนในตลาดเริ่มเคลื่อนไปทางโซนถัดไป เสียงดนตรีแปลกหูดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมแสงสีหลากหลายลอยสู่ท้องฟ้า ดึงดูดสายตาทุกคนรอบข้าง“นั่นคือโซนเวทมนตร์” หลงอวิ๋นอธิบาย“เจ้าอยากไปดูหรือไม่?”ฉันพยักหน้าทันที ดวงตาเป็นประกายวาววับ“ค่ะ ไปดูโซนเวทมนตร์กัน ฉันอยากรู้ว่าเวทมนตร์ที่นี่จะเหมือนกับโลกของฉันไหม?”หลงอวิ๋นเลิกคิ้วเล็กน้อย สีหน้าสนใจชัดเจน“เวทมนตร์ในโลกของเจ้า?” เขาถามเสียงจริงจัง ขณะนำทางฉันไปตามทางเดินหินสีขาวเงิน“มีเวทมนตร์ในโลกของเจ้าด้วยหรือ? เล่าให้ข้าฟังหน่อยสิ”ระหว่างที่เราเดินผ่านแผงขนมหวานส่งกลิ่นหอมละมุน ฉันมองเด็กน้อยที่กำลังถือขนมรูปดาวหกแฉกเปล่งแสงสีนวลอย่างสนใจ“ในโลกของเรา เวทมนตร์ถูกแบ่งออกเป็นหลายสาขา” หลงอวิ๋นอธิบายต่อ“เทพธิดาแห่งพายุหิมะประทานพลังให้ผู้มีพรสวรรค์บางคน แต่ละคนมีพลังเฉพาะที่ไม่เหมือนกัน”เราเดินเข้าสู่โซนเวทมนตร์ที่คึกคัก เต็มไปด้วยซุ้มและเต็นท์หลากสีสันเรียงราย นักเวทแต่ละคนต่างแสดงควา
“ไปสิคะ จะเหมือนพาเหรดที่โลกของฉันมั้ย?”ฉันถามพลางยิ้มกว้าง ดวงตาเป็นประกาย หวังว่าที่นี่จะมีบอลลูนการ์ตูนลอยกลางฟ้าแบบที่ฉันเคยดูหลงอวิ๋นจับมือฉันแน่นขึ้น แล้วพาฝ่าฝูงชนไปยังจุดชมวิวริมถนน ที่เงียบสงบและไม่มีใครยืนบังพอดี“เหมือนโลกของเจ้า?” เขาเอียงหน้ายิ้มน้อย ๆ“ข้าไม่เคยเห็นของโลกเจ้า...แต่เชื่อเถอะ เจ้ายังไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้แน่นอน”ฉันแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเมื่อขบวนพาเหรดเริ่มขึ้น…นักเต้นในชุดขาววิบวับราวกับหลุดจากกลุ่มดาว เดินนำขบวนออกมาอย่างสง่างาม ท่าทางพริ้วไหวของพวกเขาเหมือนเกล็ดหิมะกำลังร่ายระบำ พวกเขาถือไม้คทาคริสตัลที่ปลายเป็นรูปดาวหิมะ และทุกครั้งที่ปลายคทาแตะพื้น เกล็ดหิมะสีเงินก็ลอยขึ้นจริง ๆ!“กลุ่มแรกคือ ‘นักเต้นหิมะแรก’ พวกเขาคือตัวแทนของหิมะแรกแห่งฤดูหนาว” หลงอวิ๋นอธิบายข้างหูฉัน“โอ้โห… แบบนี้ต้องเรียกว่าหิมะแบรนด์เนมแล้วล่ะค่ะ!” ฉันแซวขำ ๆ พร้อมยิ้มเงยหน้าขึ้นมองเขา แต่หลงอวิ๋นแค่ส่ายหน้าน้อย ๆ แล้วยิ้มแบบกลั้นหัวเรา
หลงอวิ๋นยิ้มกว้างขึ้น เมื่อได้ยินน้ำเสียงกระตือรือร้นของฉัน—รอยยิ้มที่หาได้ยากจากใบหน้าอันเย็นชาของเขา“เช่นนั้น ไปกันเถอะ” เขากระชับมือฉันแน่นขึ้น“แต่เราจะไม่ใช้ม้าหลวง หรือรถม้าอย่างที่ผู้คนคาดคิด... ข้าจะพาเจ้าไปในแบบที่ข้าชอบที่สุด”เขาพาฉันมายังมุมหนึ่งของสวน ที่ใต้ต้นไม้น้ำแข็งสูงตระหง่าน มีแท่นหินอ่อนวางอยู่กลางลาน“ยืนบนนี้” เขากล่าวเสียงเรียบ แต่นัยน์ตากลับเปล่งประกายบางอย่างที่ฉันไม่เคยเห็นฉันก้าวขึ้นไปยืนข้างเขา หัวใจเต้นแรงอย่างไร้เหตุผล“จับมือข้าไว้แน่น ๆ” เขากระซิบเมื่อเรายืนประจันกับสายลมหนาว บนแท่นหินอ่อน หลงอวิ๋นยกมือขึ้น ร่ายเวทบางอย่างแผ่วเบาทันใดนั้น เกล็ดหิมะก็เริ่มหมุนวนรอบตัวเรา กลายเป็นวงพายุเล็ก ๆ ที่ค่อย ๆ โอบล้อมราวกับม่านแห่งเวทมนตร์“ว้าว~!” ฉันเผลอร้องออกมา ดวงตาเบิกกว้าง“อย่าตกใจ...” เขากระซิบใกล้หู“เจ้าจะรู้สึกเหมือนตัวเบาลงนิดหน่อย”เมื่อหิมะหมุนครบรอบ—ราวกับใครบางคน
ฉันยังยืนเหม่อมองกุหลาบน้ำแข็งดอกนั้นอยู่ แสงสีเงินอ่อนจากกลีบดอกสะท้อนกับดวงตาของหลงอวิ๋นที่จับจ้องมาทางฉัน ก่อนที่เขาจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มลึก“เรามีเวลาอีกสองวัน... ข้าจะพาเจ้าชมทุกซอกทุกมุมของอาณาจักรนี้ ให้เจ้าได้เห็นสิ่งงดงามที่ซ่อนอยู่ในความเงียบ ก่อนที่เราจะกลับมาที่นี่ เพื่อชมดอกกุหลาบบานด้วยกัน”มือของเขายื่นมาตรงหน้าฉันอีกครั้ง“และตอนนี้ ข้าอยากพาเจ้าไปยังสถานที่หนึ่ง... สถานที่ที่ข้าไปทุกครั้งเมื่อต้องการระลึกถึงสิ่งมหัศจรรย์”ฉันกำลังจะเอ่ยตอบ รอยยิ้มเริ่มคลี่บนใบหน้า ทันใดนั้นสายตาฉันก็เหลือบเห็นเงาเคลื่อนไหวผ่านทางเข้าด้านหลัง เงานั้นสูงโปร่ง สวมชุดคลุมสีดำแดงชายหนุ่มที่ดูสงบแต่ทรงอำนาจ — เขาหยุดยืนมองหลงอวิ๋นครู่หนึ่ง สีหน้าดูลึกลับเกินกว่าจะเดาใจ ก่อนที่ร่างนั้นจะเคลื่อนไปในเงามืดและหายไปอย่างไร้เสียง...หลงอวิ๋นดูเหมือนจะเห็น แต่กลับไม่เอ่ยถึง“ได้ค่ะ” ฉันตอบพร้อมรอยยิ้ม“ฉันเองก็อยากรู้จักท่านมากกว่านี้... และอยากรู้จักอาณาจักรของท่านให้มากขึ้นเหมือนกัน&rd