ทันทีที่วางสาย ชายหัวล้านก็ตะโกนขึ้นมา “คุณจะไปหาชายคนนั้นเหรอ? หมอนั่นคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน? ทำไมเราไม่ฆ่าเขาเสียเลยล่ะ?” “ยังไม่ใช่ตอนนี้ เพราะเขายังมีประโยชน์กับเราอยู่” เป็ปเปอร์ตอบกลับ ... โพล่ง! ทางตอนเหนือของแม่น้ำอีสต์ อเล็กซ์คลานขึ้นมาจากน้ำ โดยมีมิเชลล์อยู่ในอ้อมแขน เขาคลานขึ้นไปบนฝั่งทราย อเล็กซ์รีบทำการปั๊มหัวใจให้กับมิเชลล์ทันที ตามด้วยการผายปอด กระตุ้นด้วยเข็มไฟฟ้าและพลังฉี ในเวลาไม่ถึงครึ่งนาที มิเชลล์สำลักน้ำและตื่นขึ้นมา "ฉันยังไม่ตายใช่ไหม?" “ก็เกือบอยู่” อเล็กซ์พยายามนั่งลงบนพื้น สิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เป็นอะไรที่อันตรายไม่น้อย อันที่จริง ถุงลมนิรภัยที่ใช้ถือเป็นอุปสรรคต่อการหลบหนีของอเล็กซ์เลยก็ว่าได้ ไม่เพียงแค่นั้น ก่อนที่จะถูกชน ด้านหน้ารถก็เละไปแล้ว อีกทั้ง ขาของมิเชลล์ก็เข้าไปติดอยู่ในรถอีก หลังจากใช้ความพยายามอย่างหนัก อเล็กซ์ก็สามารถช่วยมิเชลล์ออกมาจากรถได้ แต่ทั้งสองก็ถูกกระแสน้ำพัดผ่านไป ทว่า โชคดีที่ทั้งคู่ยังมีชีวิตอยู่ มิเชลล์เลียริมฝีปากของตัวเองและรู้สึกแปลกๆ “นาย... นายจูบฉันเหรอ?” "จูบ? ใครจูบเธอกัน? มันก็แค่การผายปอดช
วันรุ่งขึ้น รถสองคันมาถึงทางเข้าของเมเปิล วิลล่า ก่อนเวลา 07.00 น. ภายในรถปอร์เช่สุดหรูมีผู้โดยสารสี่คน สปาร์ค แครอล โอลิเวีย และ มารายห์ แขนของสปาร์คยังไม่หายดี ดังนั้น แครอลจึงอาสาเป็นคนขับ ตามมาด้วยรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ข้างในนั้นคือโลงศพที่พวกเขาซื้อมาเมื่อคืนนี้ เมื่อคืนที่ผ่านมาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น สปาร์คแทบจะไม่ได้นอนเลยทั้งคืน และการอดนอนนั้นมันส่งผลทำให้ตาของเขาแดงก่ำ อย่างไรก็ตาม เขายังคงดูเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง เขานอนไม่หลับ เฝ้าคิดถึงการตายของอเล็กซ์ ตอนนี้เขากำลังจะส่งโลงศพไปที่บ้านของอเล็กซ์อีกด้วย และเขาก็จะสามารถดูถูกเยาะเย้ยบริตทานีได้เต็มที่ มันช่าง ตื่นเต้น เร้าใจ ยิ่งกว่าการได้นอนกับผู้หญิงคนไหน ๆ เสียอีก... แต่ทว่า นั่นทำให้เขานึกถึงบางสิ่งที่เลวร้ายขึ้นมาได้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้แอ้มกับนางแบบที่ตามจีบ สปาร์ครู้สึกราวกับว่ากำลังประสบปัญหาทางจิต เมื่อเร็ว ๆ นี้เขาไม่ได้แอ้มกับสาวไหนเลย โอลิเวียและมารายห์ที่นั่งด้านหลังเบาะของรถกำลังนั่งคุยกันอย่างออกรสชาติ “บริตทานีเคยเรียกตัวเองว่าสตรีเหล็กด้วย แถมคอยบงการพวกเราอยู่ตลอดเวลา ต๊าย
นักเลงทั้งสองคนจึงช่วยกันขนย้ายโลงศพไม้พะยูงออกจากรถบรรทุก เมื่อพวกเขาวางมันลงบนพื้น มันก่อให้เกิดเสียงดังและฝุ่นที่ฟุ้งกระจาย "อ๊ะ!" แม้แต่วอลทซ์ก็ยังอุทานออกมา และเมื่อเธอเห็นโลงศพ สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นดุดันขึ้นมาทันที ในวัฒนธรรมของพวกเขา การให้โลงศพเป็นของขวัญเป็นสิ่งต้องห้ามร้ายแรง ใบหน้าของบริตทานีซีดเผือดละตัวสั่นไปทั้งตัว สปาร์คหัวเราะอีกครั้งและพูดอย่างเสแสร้ง “เป็นไงบ้างครับ คุณป้า? คุณชอบของขวัญนี้ไหมครับ? ผมขอแจ้งให้ทราบเลยแล้วกันว่า โลงศพนี้ทำมาจากไม้พะยูงคุณภาพสูง น่าเสียดายที่อเล็กซ์ ลูกพี่ลูกน้องสุดที่รักต้องตายตั้งแต่อายุยังน้อยเช่นนี้!" “น่าเสียดายที่เขาต้องทนทำงานหนักเพื่อแอสเส็กซ์ตั้งนาน’ ภรรยาของเขาไม่ยอมให้นอนบนเตียงเดียวกันด้วยซ้ำ! ทั้งหมดที่เขาทำได้คือนอนอยู่ในห้องรก ๆ ดูแลสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันของผู้หญิงสามคนนั้น โดนด่าทุกวันด้วย! โอ้ ช่างน่าอายเสียนี่กระไร!” “ลูกพี่ลูกน้องของผมนั้นยากจนมาก ผมพนันได้เลยว่าเขาไม่มีปัญหาาซื้อโลงศพแบบนี้ได้หรอก นั่นคือเหตุผลที่ผมมาที่นี่พร้อมกับของขวัญชิ้นนี้! ผมเสียใจกับการสูญเสียของคุณป้าบริตทานี่จริง ๆ นะครั
อเล็กซ์เดินเข้าประตูมา ในมืของเขานั้นถือถุงบิสกิตอาหารเช้าอยู่ เขาออกไปฝึกซ้อมตั้งแต่เช้าตรู่และก็เลยหาอาหารเช้าทานก่อนที่จะกลับบ้าน เขาไม่คาดคิดว่ากลับมาแล้วจะพบเจอโลงศพสีแดงสดที่หน้าประตูบ้านตัวเอง รวมไปถึงพบกับสปาร์คและคนอื่น ๆ ด้วย น้ำเสียงของเขาสงบ แต่สายตาของเขากลับเยือกเย็นมาก 'ใครหน้าไหนส่งโลงศพมาที่หน้าประตูบ้านของคนอื่นทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครเสียชีวิตที่บ้านหลังนี้?' "ลูกกกกก!" บริตทานีรีบวิ่งไปหาอเล็กซ์และกอดเขาแน่นทันทีที่ได้เห็น น้ำตาของเธอไหลอาบสองแก้ม และก็ไม่สามารถกลั้นมันไว้ได้อีกต่อไป ก่อนที่อเล็กซ์จะกลับมา เธอตกใจกับข่าวนี้มากและคิดว่ามันคือความจริง บริตทานีรู้สึกเปราะบางมาก ๆ เธอทนไม่ได้ถ้าจะต้องสูญเสียคนที่รักไปอีกคน “คุณแม่ เป็นอะไรไปครับ? ผมยืนอยู่ตรงนี้แล้ว ผมยังมีชีวิตอยู่ แล้วก็แข็งแรงมาก ๆ คุณแม่ไม่เห็นหรือไงครับ? ผมแค่กังวลว่าคุณแม่อาจจะเหนื่อยจากการทำอาหารเช้าทุกวัน ผมก็เลยออกไปหาอาหารเช้าสำหรับพวกเราในวันนี้ไง” อเล็กซ์ยิ้ม ในทางกลับกัน สปาร์คและคนอื่น ๆ แทบไม่เชื่อสายตาของพวกเขา ความสุขของพวกเขากลับกลายเป็นความสยดสยองทันที มีทั้งความไม่เชื่อผสมป
วอลทซ์ปัดฝุ่นออกจากมือของเธอ “พี่คะ เรียบร้อยแล้วค่ะ” อย่างไรก็ตาม บริตทานีรู้สึกตัวสั่นเบา ๆ ด้วยความหวาดกลัว “อเล็กซ์ พวกเขาจะหายใจออกไหมภายในนั้น? พวกเรายังคงเป็นญาติกัน และการลงโทษเพียงเล็กน้อยก็เพียงพอแล้ว หากมีสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้นกับพวกเขา เรื่องนี้ก็จะไม่จบไม่สิ้นเสียที” อเล็กซ์ตอบว่า “อย่ากังวลไปเลยครับคุณแม่ จะไม่มีอะไรเลวร้ายเกิดขึ้นกับพวกเขาแน่นอน” เขาใช้นิ้วชี้จิ้มไปที่โลงศพนั้นสองสามรูเพื่อให้แน่ใจว่าจะมีออกซิเจนเพียงพอสำหรับหายใจ “วอลทซ์ ดูแลคุณแม่ด้วยนะ ฉันจะไปส่งโลงศพนี้กลับพร้อมกับไอ้สารเลวพวกนี้” บริตทานีรู้ดีว่าถ้าปล่อยให้ลูกชายไปคนเดียว เขาอาจจะทำให้เรื่องแย่ลงได้ เธอรีบพูดทันทีว่า “อเล็กซ์ แม่จะไปกับลูกด้วย” วอลทซ์ก็อยากจะไปด้วยเหมือนกัน ดูเหมือนเธอจะตื่นเต้นมาก ๆ ด้วยเช่นกัน “ถ้าอย่างนั้น…ก็ได้! แต่ไปรับประทานข้าวเช้ากันก่อน ปล่อยพวกนี้ไว้แบบนี้สักพัก คงไม่เป็นอะไร" ไม่กี่นาทีต่อมา เมอร์เซเดสเบนซ์ก็ขับมาจอดหน้าคฤหาสน์ร็อคกี้เฟลเลอร์ โนอาห์และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนหนึ่งค่อย ๆ อุ้มคุณท่านบิลออกจากรถ ชายชราได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นอัมพฤกษ์ แล
การประชุมของจอห์นเพิ่งเสร็จสิ้น เขากลับไปที่ห้องทำงานของตน และกำลังคิดว่าครอบครัวของเขาส่งโลงศพให้บริตทานีเป็นอย่างไรบ้าง เขาเกลียดเธอมาก ๆ แม้ว่าเธอเป็นพี่สะใภ้ของเขาก็ตาม ย้อนกลับไปเมื่อสมัยวิลเลียมยังมีชีวิตอยู่ บริตทานีดำรงตำแหน่งรองผู้บริหารฝ่ายขายและการเงินของร็อคกี้เฟลเลอร์ กรุ๊ป มันยากมากที่จะกระทำหรือเล่นตุกติกลับหลังได้ เมื่ออยู่ภายใต้การบังคับบัญชาเธอ เธอดุเขาหลายครั้งในข้อหาปลอมแปลงเอกสารและนั่นมันทำให้เขาต้องอับอาย เขาเคยต้องการจ้างพวกอันธพาลมาลักพาตัวเธอไปและอยากที่จะทำให้เธอต้องอับอายมากกว่าเขาเป็นสองเท่าของที่เธอทำกับเขา อย่างไรก็ตามเนื่องจากการมีการประชุมที่สำคัญ ทำให้เขาต้องพลาดการแสดงที่ยอดเยี่ยมไปอย่างน่าเสียดาย เขารีบโทรหาลูกชายทันที แต่ทว่าสปาร์คกลับไม่รับสาย 'เจ้าเด็กนี่ กล้าดียังไงที่ไม่สนใจรับโทรศัพท์จากฉัน? มัวแต่หลงระเริงกับพวกผู้หญิงนางบำเรอมากจนเกินไปเหรอไง? ทำไมถึงไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดัง?' ทันใดนั้น เป็ปเปอร์ เลขาสาวสุดสวยของเขาก็เดินเข้ามาในสำนักงาน วันนี้เธอสวมชุดสีดำสง่างามพร้อมส้นสูง ในมือถือแก้วกาแฟที่ข้างในมีกาแฟสดจากประเทศบราซิลหนึ่
"คุณร็อคกี้เฟลเลอร์คะ อเล็กซ์เป็นนักสู้ และค่อนข้างมีฝีมือด้วย ตอนนี้เขาคงกำลังมีโมโห และมันอาจจะอันตรายที่จะพบเขาโดยไม่มีการเตรียมความพร้อม ฉันรู้จักผู้ชายคนหนึ่ง เขาเป็นนักสู้ที่มีทักษะพอสมควร มันจะดีกว่าถ้าฉันขอให้เขามาช่วยสนับสนุนพวกเรา” “ก็ดี!” เป็ปเปอร์รีบกดเบอร์โทรหาชายหัวโล้นทันที เธอเริ่มวางแผนในหัวทันที เนื่องจากอเล็กซ์ยังไม่ตาย จึงหมายความได้ว่าเขายังมียาอยู่กับตัว และเธออาจจะสามารถแย่งชิงยานั้นมาได้ เธอรู้ว่าไม่มีทักษะที่จะสามารถแย่งมันมาจากตระกูลโยเวลได้ อย่างไรก็ตาม หากเป็นเพียงแค่อเล็กซ์คนเดียวเท่านั้น เธอต้องรับมือได้ ทุกอย่างจะง่ายขึ้นมากเมื่อเทียบกับการแย่งชิงมันมาจากตระกูลโยเวลที่มีกองทัพเป็นโขยง ในเวลาเดียวกัน ฝูงชนได้เข้ามามุงรอบ ๆ โลงศพที่คฤหาสน์ ร็อคกี้เฟลเลอร์ เกือบทุกคนในคฤหาสน์ต่างก็พากันออกมาดู สาวใช้ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และแม้แต่เพจและสามีของเธอก็รีบออกมาทันทีที่ได้ยินเรื่องนี้ เพจกระทืบเท้าของเธอด้วยความโกรธ “แกกล้าดียังไง บริตทานี่? แกทำเกินไปแล้ว... แกมันล้ำเส้นมากจนเกินไปแล้ว! กล้าดียังไงมาขังพวกเขาไว้ในโลงศพแบบนี้? แกยังคงหลงเหลือค
'อะไร?' จอห์นจ้องไปที่วอลทซ์ เส้นเลือดของเขาปูดโปนเต็มหน้าผาก "แกคิดว่าแกเป็นใคร? แกไม่ได้มีค่าพอที่จะพูดกับฉัน หลีกไป!” จากมุมมองของเขา วอลทซ์ก็เหมือนกับผู้หญิงคนอื่น ๆ ที่อาจดูดีกว่านิดหน่อย ถ้าเป็นเวลาปกติ เขาคงจะพยายามจีบสาวงามเช่นเธออย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันที่ทั้งภรรยาและลูกชายของเขายังถูกขังอยู่ภายในโลงศพ เขาไม่มีอารมณ์ที่จะทำเช่นนั้น จอห์นผลักฝาโลงอย่างแรงเพื่อที่จะเปิดมันออก อย่างไรก็ตาม มันไม่ขยับเลยแม้สักนิด มันถูกตอกปิดไว้ด้วยตะปู ความแข็งแรงของเขาเพียงคนเดียวไม่เพียงพอที่จะเปิดโลงศพนี้ได้ “บอดี้การ์ดอยู่ไหน? บอดี้การ์ด! มาช่วยฉันที! พวกแกทุกคนบ้าไปหมดแล้วเหรอ? ฉันไม่ได้จ่ายเงินจ้างให้พวกแกทำหน้าที่แค่ยืนอยู่ที่นั่นและไม่ทำอะไรเลยนะ!” จอห์นคำรามอย่างเกรี้ยวกราด บอดี้การ์ดต่างมองหน้ากันไปมา พวกเขาไม่กล้าเข้าไปช่วย พวกเขาได้เรียนรู้บทเรียนหลังจากที่พยายามต่อสู้กับวอลทซ์ จิ้งจอกสาวที่งดงามคนนี้เป็นคนที่น่ากลัวมาก เพราะมีพลังมหาศาลมากเสียจนพวกเขายากที่จะต้านทาน เมื่อเทียบกับเงินไม่กี่พันดอลลาร์ พวกเขาให้คุณค่ากับชีวิตของตัวเองมากกว่า