เขานั่งรถไปกับลูกน้องไม่นานก็มาถึงเซฟเฮ้าส์ที่ยังเปิดไฟสว่างจ้าเหมือนรออยู่ ฟีนด์ยืนกอดอกมองจากหน้าต่างก่อนจะปิดผ้าม่านทันทีที่เขาทำเป็นไม่สนใจ ทั้งที่ความจริงแล้วเขาอยากจะวิ่งเข้าไปกอดจูบแล้วเอาให้สมอยากเลยด้วยซ้ำ แต่เพราะว่าปลอมตัวเป็นบอดี้การ์ดอยู่จะทำอะไรแบบนั้นคงถูกจับได้พอดี อีกอย่างคือลูกน้องที่มาเพิ่มอีกสี่คนก็ไม่รู้ว่าฟีนด์เป็นเมียของเขาด้วย
สี่ปีที่เก็บเรื่องของเราเป็นความลับ
เขาทำเพื่อความปลอดภัยของเมียคนเดียว
“ปล่อยกูนะเว้ย!!”
“ปล่อยกู!!”
แฮมกับเกรย์เดินออกจากบ้านพักออกมาไปทางด้านหลังบ้านทันที ทีแรกคิดว่าเป็นโรงเก็บของใช้ในสวนทั่วไปเฉยๆ แต่พอเดินเข้ามาแล้วมันมีอะไรมากกว่านั้น สี่คนที่มาเพิ่มเป็นของคุณท่านที่สั่งให้มาช่วยเพราะดูเหมือนเรื่องจะใหญ่กว่าที่คิดและต้องการจบเรื่องนี้ให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้ คุณท่านทุ่มคนมาพอสมควร อาวุธสารพัดอย่างถูกจัดวางเรียงบนโต๊ะโดยมีหนึ่งคนดูแลความเรียบร้อย ส่วนอีกหนึ่งคนเฝ้าหน้าห้องนั้นที่มีเสียงร้องดังออกมา
“อ๊าก…”
“เกิดอะไรขึ้น!?”
“เค้นคอไง พวกมึงจะเข้าไปช่วยบอสไหมล่ะ?”
“อืม”
“อย่าไปขัดอะไรบอสล่ะ เดี๋ยวบอสโมโหแล้วจะซวยกันหมด”
“เออ!”
เกรย์กับแฮมเดินเข้าไปในห้องที่สว่างจ้าไปและอบอวลไปด้วยกลิ่นคาวเลือด พวกเขามองแผ่นหลังใหญ่ของหัวหน้าที่ไม่ได้หันมาสนใจกันมาก ถุงมือสีขาวที่สวมนั้นเต็มไปด้วยเลือดสดใหม่จากคนที่ร้องลั่นและพยายามดิ้นให้หลุดออกจากเชือกที่มัดตัวและมีอีกคนช่วยจับให้นิ่งมากขึ้น
ผ่ากระสุนออกแบบนี้เลยเหรอวะ
“มากันหมดแล้วใครเฝ้าคุณหนู?”
“คือว่า…”
“ให้ใครสักคนไปเฝ้า คืนนี้กูจะต้องได้คำตอบว่าใครจ้างพวกมันมา”
“ถ้าบอสลงมือเองมันได้ตายก่อนแน่!”
“มันจะได้รู้จักนรกก่อนตายไง!”
ในขณะฟีนด์พยายามจะข่มตาหลับแต่ก็ไม่สามารถทำได้เลย เธอนอนพลิกซ้ายพลิกขวาด้วยใจร้อนรนมาก พอจะเดินลงไปชั้นล่างก็เห็นว่ามีคนอื่นมานั่งถือปืนเฝ้าอยู่ สถานการณ์ในตอนนี้ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ หรือว่าของบางอย่างที่เธอได้มาจะมีความลับซ่อนเอาไว้อยู่ แต่น่าเสียดายที่โน๊ตบุ๊คพังและข้อมูลต่างๆที่อัพโหลดไว้ก็จำรหัสเข้าไม่ได้อีกด้วย แต่ว่าเธอจดรหัสเอาไว้ที่คอนโด ถ้าอยากจะรู้ข้อมูลก็ต้องเสี่ยงกลับไปเอาที่นั่น เรื่องนี้ต้องคุยกับพี่บลูมอีกทีว่าเขาไหวไหม หรือจะเข้าไปเอามาเอง
ก็อกๆๆ
“นอนรึยัง?”
เธอแทบจะกระโดดลงจากเตียงทันทีที่ได้ยินเสียงเคาะประตู จากนั้นก็รีบเดินไปและจัดผมให้เข้าทรงนิดหน่อยถึงเปิดประตู แต่ว่าสภาพเขาในตอนนี้เหมือนไปออกศึกมางั้นแหละถึงมอมแมมมากขนาดนี้ ใบหน้าหล่อทำท่าเหมือนจะก้มลงมาจูบนั่นเลยทำให้รีบหลบเพราะกลัวจะตัวเปื้อน
“ตัวเหม็น!”
“ถ้างั้นพี่ไปนอนข้างล่าง”
“ก็ไปอาบน้ำก่อนแล้วมานอนด้วยกันสิจะไปนอนข้างล่างทำไมเล่า!”
“อย่าพึ่งหลับล่ะ พี่มีเรื่องจะถามด้วย”
“เมื่อกี้…”
“พี่ลากคอมันมาเองแหละ ตอนนี้ตายแล้ว”
เธอกลืนน้ำลายลงคอแล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เธอไม่อยากจะจินตนาการเลยว่าพี่บลูมทำอะไรพวกนั้นไปบ้าง สิ่งที่คิดออกคือมันต้องเจ็บปวดทรมานมากแน่นอน ปรกติเขาก็ทำงานประมาณนี้อยู่แล้วถึงจะไม่ได้เล่าให้เธอฟังชัดเจน งานของเขาส่วนใหญ่เป็นความลับและนอกจากชื่อ อายุ นิสัย เรื่องอื่นของเขาก็แทบไม่รู้เลยทั้งที่เราคบกันมาสี่ปี มันต่างกันตรงที่เขารู้เรื่องเธอแทบทุกอย่างนี่แหละ
พ่อบอกว่าเขาเป็นคนของหุ้นส่วนใหญ่
ลุงคนนั้นเธอยังไม่เคยเห็นเลย
เรื่องความร่ำรวยของครอบครัวเธอมีอะไรไม่ได้ซับซ้อนมากหรอก พ่อแม่เป็นนักธุรกิจอยู่แล้วแต่ยังไม่รวยเว่อวังอลังการมากเหมือนตอนนี้ จนกระทั่งส่งเธอไปเรียนที่เมืองนอกก็เป็นจุดเปลี่ยนของฐานะที่ขยับไปแบบก้าวกระโดด พ่อเดินเข้าสู่โลกสีเทาอย่างช้าๆด้วยการลองเปิดบ่อนพนันใจกลางเมืองที่มีเงินสะพัดต่อวันอยู่ในหลักร้อยล้านประมาณสองปี ก่อนจะปิดตัวไปเพราะมีเรื่องกับเจ้าพ่ออีกบ่อนที่มีเส้นสายแน่นกว่าทำให้เกิดความเสี่ยงตามมาเยอะ
เขาอาจจะฆ่าพ่อแม่เอาได้
ฝั่งนั้นโหดเหี้ยมและเลือดเย็นมาก
จากนั้นก็ซื้อหุ้นในบริษัทสองสามแห่งแต่ยังไม่มากพอจะเป็นประธานบริษัทได้ ในช่วงที่ว่างกำลังหาแนวทางทำธุรกิจเพิ่ม ในตอนนั้นมีคนตีสนิทและชักชวนพ่อชวนมาลงทุนที่บริษัทนำเข้าอัญมณีและทองคำ ผ่านไปประมาณสองปีพ่อก็ได้ขึ้นแท่นเป็นประธานแล้วเริ่มตรวจสอบหลายอย่างที่น่าสงสัยจนเจอกับเรื่องที่ทำเอาเสี่ยงคุกและเสี่ยงตายได้ทุกเมื่อ
บริษัทถูกยักยอกเงินสักพักใหญ่
พวกนั้นวางแผนจะโยนความผิดให้พ่ออยู่แล้ว
หุ้นส่วนใหญ่คนนั้นพ่อแม่เล่าให้ฟังว่าเคยเจอแค่หนึ่งครั้งเท่านั้นแต่ว่าจำได้ดีเลย เขาน่ากลัวมากและต่างระดับอย่างชัดเจน เขาเกือบจะฆ่าพ่อแม่แล้วเพราะเข้าใจผิดคิดว่าโกงเงินไป แต่ก็ให้โอกาสหาหลักฐานทุกอย่างมาแก้ต่าง หุ้นส่วนคนนั้นมีลูกทั้งหมดน่าจะสามคน รู้สึกว่าเป็นผู้ชายสองคนและผู้หญิงหนึ่งคน พ่อเคยเจอลูกชายคนโตมาแล้วเล่าให้ฟังว่าน่ากลัวมากไม่ต่างจากพ่อของตัวเองเลยซึ่งมันสมแล้วแหละที่เกิดในตระกูลมาเฟียแบบนั้น เพียงแค่มองตาก็รู้สึกเหมือนกำลังจะถูกฆ่าเลย นี่ยังไม่รวมกับคำพูดและท่าทางอื่นๆที่ดูเหมือนจะธรรมดาแต่อันตรายเกินไป
ตอนนั้นเธอนึกถึงพี่บลูม
ตอนเราเจอกันครั้งแรกเขาโคตรน่ากลัว
“นั่งเหม่ออะไร?”
“คิดเรื่องงานน่ะ แล้วทำไมไม่ใส่เสื้อผ้า?!”
“ต้องใส่ด้วยเหรอ?”
“คืนนี้ฉันงด!”
“ไม่เอาก็ได้ แต่ใช้ปากมาทำให้มันอ่อนลงหน่อยสิฟีนด์”
“จะบ้าเหรอ!?”
“ทำไม?”
“คนไม่มีอารมณ์จะให้มาอมได้ไงเล่า!”
“ที่ตัวเองยังลากพี่ออกมาขย่มในรถเลย!”
“หุบปาก!!”
บลูมเดินมานั่งบนเตียงแล้วเอนตัวพิงด้วยความเหนื่อยเพราะยังไม่ได้พักเลยตั้งแต่เดินทางมาถึงที่นี่ แถมเมียยังจับกินไม่พักเหมือนของขาดงั้นแหละ วันนี้เธอเรียกเขาขึ้นห้องแบบไม่แคร์ลูกน้องซึ่งพวกมันก็ดันโลกสวยเชื่อว่าเขาน่าสงสารเพราะด่าจากคุณหนูขี้วีน ครั้งที่สองก็หวงผัวจนหน้ามืดลากออกมาจากงานเลี้ยงแล้วขย่มจนรถโยก แถมหลอกพ่อว่ารองเท้ากัดจนต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งที่ความจริงออกไปนานเพราะถูกผัวดูดนมอยู่ต่างหาก แล้วตอนนี้เขาอาบน้ำให้ตัวหอมฟุ้งเพื่อเมียจะได้จับกินเต็มที่แต่ว่าเธอดันบอกไม่มีอารมณ์ซะงั้น
ถ้าไม่แตกในปากจะไม่เอากับเมียหรอก
ดูสิว่าใครจะใจแข็งกว่ากัน
“ไม่กลัวคนอื่นรู้แล้วเหรอว่าพี่เป็นผัวฉัน?”
“พวกมันอาจจะคิดว่าคุณหนูเหงาหง่อยจนต้องพึ่งบอดี้การ์ดก็ได้”
“คนสวยๆแบบฉันนี่นะจะเหงาจนคว้าลูกน้องมาแก้คัน เหตุผลแบบนั้นฟังไม่ขึ้นหรอก”
“พอดีลูกน้องตอใหญ่เลยแก้คันได้ดีไง”
“พูดอะไรมัวๆตลอดเลย ของพี่ทำอะไรฉันไม่ได้หรอก”
“ทีตอนเอาน่ะร้องลั่นเชียวนะ ทำปากดีพูดเหมือนหกสิบมันเล็กเท่าไม้ขีดอย่างนั้นแหละ หรือว่าโดนพี่เอาจนหมดหลอมห่ะเลยไม่รู้สึกอะไร”
“ของฉันยังฟิตแน่นดีทุกอย่าง! แล้วสรุปจะถามเรื่องอะไรห่ะ ตอนนี้มันจะตีสามแล้วนะ”
“มีอะไรที่มากกว่าเงินสองร้อยล้านไหม?”
“เรื่องนี้ฉันไม่มั่นใจเหมือนกัน ฉันส่งข้อมูลไปเก็บไว้ในคลาวด์ก่อนจะเช็คให้ละเอียด แต่ว่าวันนั้นรถคว่ำก่อนโน๊ตบุ๊คก็เลยพังหมด”
“จำรหัสไม่ได้เหรอ?”
“จำไม่ได้ แต่จดเอาไว้ที่คอนโด”
“พรุ่งนี้ไปเอากัน”
“เอากัน?”
“นี่เธอคันมากรึไงห่ะฟีนด์!”
สามเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็วแต่ก็ช้ากว่าใจที่ร้อนกว่าอยู่ดี งานแต่งจัดขึ้นที่โรงแรมหรูแห่งหนึ่ง แขกมาร่วมเป็นพยานรักอย่างล้นหลาม บรรยากาศอบอวลไปด้วยความสุขและความอบอุ่น รูปคู่บ่าวสาวที่ใช้ตกแต่งงานใครเห็นก็ล้วนยิ้มออกมาเพราะเจ้าบ่าวหน้าดุดันมาก ต่อให้ยิ้มก็หน้าดุเหมือนเดิม ในขณะเจ้าสาวสวยหวานเหมือนเจ้าหญิงแทบทุกรูปที่ใช้ ดอกไม้ส่วนใหญ่จะเป็นลิลลี่สีขาวสะอาดตาเป็นหลัก เสียงเปียโนและเสียงไวโอลินในบทเพลงรักเป็นตัวผสมชั้นดีให้งานแต่งครั้งนี้หวานชื่นมากขึ้น นี่คือการแต่งงานที่หลายคนคิดว่ากะทันหัน แต่ใครจะรู้เล่าว่าคบกันมาสี่ปีกว่าแล้ว บลูมคุยกับแขกในงานด้วยความเป็นกันเองมากแล้วมองเวลาด้วยความร้อนใจ ลูกน้องทั้งหมดคนรับบทเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวด้วยความเต็มใจมาก แถมพวกมันยังเป็นคนนำเสนอตัวเอง ใบหน้าดุดันมีรอยยิ้มกว้างให้กับทุกคนที่ร่วมยินดี แม้ว่าจะไม่ชอบหน้าบางคนมากเท่าไรก็ตามพ่อแม่ให้ของขวัญแต่งงานเกาะส่วนตัวที่มีวิวทิวทัศน์ดีงามมูลค่าราวๆเจ็ดร้อยล้าน พี่ชายบ่นนิดหน่อยที่ถูกแต่งงานตัดหน้าไปก่อนแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรมากและให้ของขวัญเป็นบริษัทที่เป็นเจ้าของอยู่ มูลค่าราวๆสี่ร้อยล้านโดยประมาณ พี่สาวใ
“พี่มีเรื่องจะบอก”“อะไรเหรอ?” “พ่อลาออกจากประธานแล้วจะใช้ชีวิตเกษียณที่คฤหาสน์ส่วนตัว”“แบบนี้ก็แสดงว่า…พี่บลูมกลับไปทำงานเหรอ!?” “ตอนแรกพี่ขี้เกียจอยู่นะแต่คิดๆแล้วพี่คงจะใช้ชีวิตแบบนี้ตลอดไปไม่ได้ถ้าอยากมีฟีนด์อยู่ในชีวิต ไบรท์ก็ให้ข้อเสนอมาดีด้วยสิ โบว์ก็รบเร้าไม่หยุดเลยแล้วฟีนด์ก็อยากให้พี่อยู่ด้วยตลอดเวลาเลยไม่ใช่เหรอถึงอ้อนแทบทุกครั้งที่คุยกัน ถึงเรื่องนี้มันจะฝืนใจตัวเองหน่อยแต่หน้าที่ตรงนั้นมาเป็นของพี่มาตลอด ลูกน้องหลายคนยังรอพี่กลับไป”“พี่บลูม…” “แต่งงานกันพี่นะฟีนด์?” เขาก้มลงมองหน้าเมียที่ตาโตด้วยความตกใจแล้วลุกนั่งทันที “พี่ว่าไงนะ!?” อยู่ดีๆก็พูดออกมาแบบไร้ความโรแมนติกเลยนี่นะ เขาขยับเข้าไปจูบเมียแล้วดันตัวเธอให้ลงนอนไปก่อนจะผละออกมาสบตา เราจูบกันอย่างเร่าร้อนและเต็มไปด้วยความหิวกระหายที่ไม่รู้จักอิ่มเลย เพียงไม่กี่นาทีเสื้อผ้าร่วงลงไปกองที่พื้นพรมเหลือเพียงเรือนกายเปลือยเปล่าที่กอดรัดนัวเนียนกันบนโซฟาตัวใหญ่หน้าทีวีที่กำลังเปิดหนังอยู่ เขาผละใบหน้าออกมาอีกครั้งแล้วยิ้มกว้างพร้อมกับหยิบแหวนแต่งงานมาจากกางเกงที่อยู่ใกล้เพียงเอื้อมมือ“แต่งงานกับพี่นะที่รัก” “มาขออ
หนึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็วจนแทบตั้งตัวไม่ทันในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมงต่อจากนี้ การจากลาที่ไม่ใช่ตลอดไป แต่หนทางข้างหน้าเต็มไปด้วยอันตรายเกินกว่าจะคาดเดาได้ ความรับผิดชอบต่องานและชีวิตคนอยู่ในกำมือทำให้ไม่สามารถอยู่กับความสุขตรงนี้ได้นานเกินไปบลูมนอนจูบเมียหลังจากบอกรักกันอย่างหนักมาตลอด ตัวเราเปล่าเปลือยแนบชิดกัน แววตาคู่สวยที่มองเต็มไปด้วยความรักและซ่อนความกังวลเอาไว้ไม่มิด ทุกสัมผัสจากเธอคือสิ่งที่ดีที่เขาจะจดจำเอาไว้เป็นกำลังใจในช่วงเวลายากลำบาก เมื่อจบเรื่องนี้แล้วเขาจะกลับมาอยู่กับเธออีกยาวนาน หน้าที่กับความรักสวนทางกันถ้าดื่มดำนานเกินไปลูกน้องที่นั่นอาจจะตาย “พี่ต้องไปแล้ว” “ห้ามเป็นอะไรนะ” “พี่ไม่เป็นอะไรหรอก อีกไม่นานพี่จะกลับมานอนกอดเมียแบบนี้จนเมียเบื่อหน้าเลย” “ใครจะเบื่อได้เล่า!” “ไปอาบน้ำกันเถอะ”เราสองคนช่วยกันอาบน้ำแล้วจูบกันไม่หยุด มือเล็กบีบครีมอาบน้ำแล้วถูกจนเกิดฟองก่อนจะลูบไล้เรือนร่างที่กำยำเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อและรอยแผลเป็นเยอะมากขึ้นกว่าเดิมจากเหตุการณ์ที่พึ่งจะผ่านมา แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนเขาก็คือคนที่ดูดีมากสำหรับเธอเสมอ ใบหน้าหล่อเมื่อก่
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปอาการบาดเจ็บดีขึ้นมากกว่าเดิมเยอะแต่ก็ยังทำอะไรไม่สะดวกเท่าไร เรื่องของเมียไม่น่าเป็นห่วงมากแล้วมั่นใจว่าต่อจากนี้เธอจะรับมือไหว ไอ้นักการเมืองคนนั้นเครื่องบินตกขณะที่หลบหนีออกนอกประเทศจนเป็นข่าวดัง หลายคนคาดว่าถูกใครสักคนสั่งเก็บเพื่อไม่ให้มีการซัดทอด ส่วนไอ้เวรที่สู้กับเขามันชื่อไวท์ มันยังไม่ตายแต่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะเอาคืน มันน่าจะกำลังรักษาตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งเช่นเดียวกันกับเขา มันอยากวัดฝีมือกับเขาวันนั้นมันไม่ได้สนใจฟีนด์ด้วยซ้ำ“หมอบอกว่าพี่จะได้ออกวันไหน?” เขาหันไปถามเมียที่กำลังนั่งปอกเปลือกผลไม้อยู่ “ถ้าอาการดีกว่านี้ก็น่าจะออกอาทิตย์หน้ามั้ง” ผัวถามแบบนี้ครั้งที่เท่าไรแล้วนะ “พี่เบื่อ!” “ทนๆให้หายดีก่อน” “ที่นี่มันน่าเบื่อ! มองไปทางไหนก็น่าเบื่อไม่มีอะไรเจริญหูเจริญตาสักอย่าง แล้วคนอื่นล่ะ?” “เห็นว่าจะมาเยี่ยมวันนี้แหละอีกเดี๋ยวคงถึง” “ฟีนด์รู้ไหมเราอยู่ที่ไหน?” “ใจกลางเมืองเลย” “แบบนี้ขโมยรถสักคันหนีน่าจะง่าย” “พี่บลูม!!” “เรียกซะดังเลย!” “พี่ไม่เข็ดบ้างเลยรึไงห่ะ!?” “เข็ดอะไร?” “ก็ที่เป็นอยู่นี่ไง!” “ก็ยังไม่ตายสักหน่อย!” “ถ้าหากพี่หนีออกจ
เกรย์ แฮม โจ เคน เฟย และไค เดินมาตั้งใจจะเยี่ยมบอสและบอกให้คุณหนูรู้ว่าคุณท่านมาถึงแล้ว แต่ว่าภาพที่เห็นมันชัดเจนเลยว่าไม่ควรจะเข้าไปขัดจังหวะใดๆทั้งสิ้น คุณหนูจับมือพี่บลูมจูบซ้ำๆไม่หยุดแล้วร้องไห้ออกมาตลอด บางครั้งก็ซบไปใบหน้าลงบนเตียงแล้วยกแขนกอดเอาไว้ เรื่องอาการบาดเจ็บหนักจนอาจจะไม่รอดรู้จากหมอแล้ว เรื่องที่บอสทำเพื่อช่วยชีวิตลูกน้องก็รู้แล้วเช่นกัน เป้าหมายหลักของพวกมันคือคุณหนูฟีนด์ แต่คนที่มันอยากฆ่าคือบอสคนเดียว “หรือว่าคุณหนูจะรักบอสจริงๆวะ?” เคนถามเสียงแผ่วเบาด้วยความสงสัย“นั่นดิ! เมื่อวานก็ไม่ได้คุยกันเลย วันนี้เกือบตายก็ยังไม่ได้คุยสักคำอีก” ไคบอกเพิ่ม“ไม่ตายเว้ย! นายน้อยของกูไม่มีทางตายหรอก!” โจรีบแย้งออกมาแล้วเม้มปากแน่นข่มน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา พวกเราทั้งสี่คนรู้ดีว่าหัวหน้าวางแผนมาเป็นอย่างดีและพยายามช่วยชีวิตขนาดไหน ตั้งแต่ทำงานเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายด้วยกันมาถึงสี่ปีผ่านเรื่องเลวร้ายนับครั้งไม่ถ้วน แต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่บอสจะทิ้งลูกน้องให้ตายโดยไม่พยายามช่วย “นายน้อย…หมายความว่าไงวะโจ!?” ไคขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัยและตกใจมาก“ก็…เมื่อก่อนเรารู้ว่านายน้อยคือคนออกแบบทุก
“พี่บลูม!!”“เร็วๆสิโจ!!” ในวินาทีนั้นที่เราสบตากันเขายิ้มกว้างให้ก่อนจะถูกยิงแล้วล้มตัวลง แต่ก็ไหวตัวหลบอีกฝั่งทันก่อนจะถูกกระสุนอีกนัดปลิดชีพเอาได้ถ้าช้าสักวินาที เลือดของเขาไหลทะลักออกมาแต่ยังแข็งใจฝืนลุกขึ้นเพื่อจะปกป้องเธอให้ได้ ตัวเขาโชกไปด้วยเลือดและบาดแผล เขายิงคนที่มันวิ่งมาทางเธอแม่นเหมือนจับวางพร้อมกับหลบอีกคนที่พุ่งเป้าจะเอาชีวิตเขาอย่างเดียว เธอมองไปทางโจอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงรถดังขึ้นและแล่นมาทางนี้ด้วยความเร็วมาก เอี๊ยด!!“ขึ้นรถเร็ว!!”“ไปเอาพี่บลูมมาเดี๋ยวนี้!!”“เกาะแน่นๆนะคุณหนู”“ชิ่งเต็มที่เลยโจ” ทางด้านบลูมยืนแสยะยิ้มจ้องมองไอ้เวรที่อึดได้ใจขนาดโดนยิง โดนกระทืบจมตีนจนกระอักเลือดออกมายังลุกขึ้นไหว ถูกเขาจับทุ่มลงพื้นถนนก็ยังรอด สภาพมันโซซัดโซเซใกล้จะตายเต็มทนแล้วแหละ ตัวเขาถูกรุมนั่นเลยไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะบาดเจ็บหนักและเสียสมาธิจากการหันไปมองเมีย พวกลูกน้องมันพุ่งเป้าไปหา เขาหยิบปืนมายิงคุ้มกันให้กับเมียกับลูกน้องและพลาดโดนยิง “กูไม่มีทางให้ครั้งนี้มึงหนีไปหรอก!!” “งั้นมึงก็ผ่านไอ้นี่ไปให้ได้สิ!”“ไอ้เหี้ยเอ้ย!!” บลูมหัวเราะออกมาเมื่อเห็นสีหน้าตกใจของมัน