“ปากเหรอเนี่ยห่ะ!?”
“นอนไป เดี๋ยวพรุ่งนี้จะพาไปเอารหัสแล้วซื้อของให้ใหม่”
“แล้วไม่ใส่เสื้อผ้าเหรอ?”
“จะนอนแก้ผ้าอ่อยเมียให้อยากจนแฉะไปเลย”
“เหี้ยว่ะ!”
“แล้วคนอะไรเอาเหี้ยทำผัว”
“ไอ้ผัวชั่วนี่!! ฉันคิดผิดจริงๆเลยที่วันนี้ยอมถางขาให้พี่เอาเนี่ย”
“ทีพี่อ้าขาให้อมยังไม่เห็นว่าอะไรเลย”
“พี่ก็เลียเหมือนกันนั่นแหละ!”
“เสมอกันหนึ่งต่อหนึ่งไง มานอนได้แล้วไม่งั้นจะจับยัดเข้าปากให้เงียบ”
“บ้ากามขนาดนี้ไม่น่าอายุยืนหรอก!”
“ตายคาอกเมียก็คุ้มนะ”
“ถ้าพี่ตายจริงฉันจะหาผัวใหม่!”
“หาคนที่มันใหญ่เท่าพี่ด้วยแล้วกัน ถ้าเจอของเล็กๆเดี๋ยวเอาไม่ถึงใจ”
“จะหาสักห้าคนเลยคอยดู!”
“HIVจะถามหาเอาดิถ้าร่านขนาดนั้น”
“ถุงยางก็มี”
“บอกพวกมันทำประกันชีวิตด้วยก็ดีนะ เผื่อตายแล้วจะได้มีเงินทำศพ”
เธอล้มตัวลงนอนกอดคนตัวใหญ่ด้วยความคิดถึงมากจนแทบบ้า เราไม่ได้เจอกันหลายเดือนเพราะเขาไปทำงานลับในพื้นที่สีแดงที่อันตรายมาก เขาไม่สามารถจะโทรหาเธอหรือแม้แต่ส่งข้อความได้เป็นเดือน พอวันนี้ตอนเช้าที่เราเจอกันก็ต้องแกล้งทำเหมือนไม่รู้จักกัน ไหนจะการถูกตามทำร้ายและออกงานสังคมอีก มือเล็กวางลงที่กล้ามหน้าท้องลูบเล่น แต่ผัวบ้าดันกระตุกนมโชว์จนกลั้นหัวเราะไม่ได้
“รู้ไหมว่าคิดถึงมาก”
“พี่ออกจากตรงนั้นได้ก็รีบมาที่นี่เลยนะ”
“ตัวพี่บลูมใหญ่ขึ้นนะเนี่ย”
“ออกแรงเยอะก็งี้แหละ”
“ทีแรกฉันคิดว่าพี่จะเลิกกับฉันซะอีกถึงติดต่อไม่ได้เป็นเดือน”
“ใครจะเลิกเล่าเมียสวยขนาดนี้”
“ถ้าพี่ทำงานที่นี่เสร็จแล้วก็ต้องกลับไปทำงานแบบเดิมอีกเหรอ แล้วแบบนี้เราจะอยู่ด้วยกันได้ยังไงล่ะ?”
“อยู่ได้แน่นอน พี่หาทางเอาไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ว่ายังบอกตอนนี้ไม่ได้ พี่ยังต้องจัดการเรื่องนี้ให้จบแล้วกลับเคลียร์เรื่องที่มันค้างคา”
“คนที่เขาดึงตัวพี่มาให้ค่าตัวสูงไหม?”
“จะขอเงินเหรอ เอาเท่าไรล่ะเดี๋ยวพี่โอนให้ หรือเอาบัตรเครดิตพี่ไปใช่ไหม?”
“ฉันแค่อยากรู้เฉยๆ”
“ค่าตัวลูกน้องของพี่แต่ละคนไม่เท่ากันหรอก แต่ก็มากพอจะให้เสี่ยงตายอยู่นะ ลูกน้องสี่คนที่พึ่งมาทำงานกับพี่มานานแล้วแหละ ผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะมากจนรู้ใจพอสมควรและพวกมันไว้ใจได้ ส่วนแฮมกับเกรย์ถูกดึงตัวมาให้ช่วยงานเพื่อดูฝีมือ”
“แบบนี้นี่เอง”
“พ่อเธอน่ะยังเป็นแค่มาเฟียน้องใหม่ที่ยังต้องเรียนรู้อะไรอีกเยอะมากถ้าต้องการเป็นใหญ่มากกว่านี้ ฟีนด์ก็ต้องเรียนรู้อีกเยอะเหมือนกันถ้าจะอยู่ในเส้นทางอันตรายนี้ได้จนแก่เฒ่า อย่างทักษะต่อสู้เอาตัวรอดก็ต้องฝึกฝนตลอดเพราะเรื่องบาดหมาง เรื่องความขัดแย้ง หรือบางทีแค่หมั่นไส้กันก็หาเรื่องแกล้งแรงๆ เรื่องความรุนแรงมันมีไม่หยุดพักหรอก แล้วอีกอย่างที่สำคัญคือคอนเนคชั่นกับคนเยอะๆอนาคตมันจะมีประโยชน์”
“พี่น่าจะต้องสอนฉันก่อนใครเลย”
“ครั้งก่อนพี่สอนยิงปืนจนเกือบแม่น งั้นเดี๋ยวถ้ามีเวลาจะสอนใช้มีดกับต่อยมวยแล้วกัน”
“พี่บลูมจะอยู่ที่นี่นานไหมหลังจากจบเรื่อง”
“สักระยะ พอดีว่าพี่จะพักผ่อนด้วย”
“งั้นอยู่ด้วยกันห้ามไปไหนนะ”
“อืม นอนได้แล้วพรุ่งนี้ต้องออกไปแต่เช้า”
“ฝันดีนะ”
“ฝันดีครับคุณหนูฟีนด์”
เช้าวันต่อมาเริ่มต้นด้วยความเหนื่อยล้าและปวดเมื่อยไปหมดทั้งตัว เราสองคนอาบน้ำพร้อมกันแต่ว่าเขาไม่ยอมมีเซ็กซ์ทั้งที่แข็งทื่อแล้ว ในระหว่างที่เธอแต่งตัวอยู่พี่บลูมก็ลงไปคุยกับลูกน้องทั้งหมดเพื่อวางแผนต่างๆ พวกเขาต้องรีบปิดจบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดไม่อย่างนั้นอาจจะมีปัญหาตามมา แต่ถ้าจบเรื่องนี้แล้วเธอกลัวว่าเราจะไม่ได้อยู่ด้วยกันนี่สิ พี่บลูมจะพักนานขนาดไหนก็ไม่รู้กว่าจะรับงานอันตรายแล้วหายตัวไปอีกครั้ง สี่ปีมานี้เธอติดอยู่กับความสงสัยและความเป็นห่วงตลอดเวลา
เขาเก่งมาก เรื่องนี้เธอรู้
แต่เหนือฟ้าก็ยังมีฟ้าอยู่ไม่ใช่รึไง
ฟีนด์เดินลงมาชั้นล่างเจอกับลูกน้องทั้งหมดของพี่บลูม เขาแนะนำตัวให้เธอรู้จักก่อนจะหันไปสนใจแผนการต่อ จากนั้นประมาณสิบนาทีพี่บลูมก็ขับรถพาไปหาอะไรกินในมื้อเช้าโดยที่เธอเป็นคนเลือกร้านและเลือกเมนูมาให้เองเหมือนทุกครั้งที่เราอยู่ด้วยกัน เขาไม่เคยบ่นว่าสิ่งที่เธอเลือกมันไม่ดี ไม่เคยว่าเวลาเธอทำอาหารไม่ถูกใจ เขาเป็นพวกลิ้นจระเข้กินได้หมดทุกอย่างขอแค่ทำให้ท้องอิ่มก็พอ
อยู่กับเขาทีไร เธอดูเรื่องเยอะตลอดเลย
“วันนี้เราจะพักที่ไหนเหรอ?”
“น่าจะอยู่ที่เดิมอีกสักพักเลย เมื่อคืนคนของพ่อฟีนด์ทรยศจนเกือบจะฆ่าได้แล้วแต่บอดี้การ์ดอีกคนช่วยไว้ทัน ตอนนี้เราไม่รู้ว่าใครเป็นสายให้กับพวกมันบ้าง คนของพ่อเธอเชื่อใจไม่ได้เลย”
“คนที่จ้างพี่เขากำหนดเวลาไหม?”
“ไม่เกินสามเดือนพี่ต้องจบเรื่องนี้”
“สามเดือน!”
“ใช่ ยิ่งจบเรื่องนี้ได้เร็วเท่าไร เราสองคนจะได้อยู่ด้วยกันแบบสบายใจเร็วขึ้น”
“หมายถึงเรื่องของเราจะไม่เป็นความลับใช่ไหม พี่กับฉันจะเปิดตัวว่าเราคบกัน”
“เปิดตอนนี้ยังไม่ได้”
“สี่ปีแล้วนะ”
“พี่รู้ พี่ก็ไม่อยากอยู่แบบหลบๆซ่อนๆแล้วเหมือนกัน แต่บางเรื่องมันจำเป็นจริงๆนะฟีนด์ พี่ต้องกลับไปเคลียร์ปัญหาภายในให้จบก่อนจะลามปาม จากนั้นเราจะคบกันอย่างเปิดเผย”
“นานขนาดไหน?”
“ไม่เกินหนึ่งปี”
“ถ้าเกินล่ะ?”
“พี่ก็จะมาอยู่กับฟีนด์”
“ถ้าต้องหลบซ่อนไปอีกปี ฉันว่าเราจบกันเถอะ”
“ฟีนด์!”
“มันสี่ปีแล้วนะที่ปิดเรื่องทุกอย่างเป็นความลับ ฉันเหนื่อยที่จะต้องทนรออะไรแบบนี้อีกแล้ว ฉันไม่รู้เลยว่าพี่อยู่ที่ไหนบ้าง ไม่รู้ว่าพี่ปลอดภัยไหม ไม่รู้ว่าชีวิตของพี่ต้องเจออะไรบ้าง ฉันไม่สามารถดูแลพี่ได้แล้วต้องทนคิดถึงเป็นเดือนๆกว่าพี่จะว่างมาอยู่ด้วยกัน บางทีพี่บลูมอาจจะไม่เหมาะกับความสัมพันธ์แบบผูกมัดก็ได้ ส่วนฉันก็ควรจะเปิดใจให้โอกาสตัวเองได้เริ่มต้นใหม่กับใครสักคน”
“งั้นฟีนด์จะไม่มีวันเลิกกับพี่ได้”
“พี่บลูม!”
“เมียทั้งคน!”
“งั้นก็รีบทำทุกอย่างให้จบเร็วๆสิ!”
“ไปกันเถอะ จะได้ดูว่ามันมีอะไรที่พี่จะสืบหาตัวการได้บ้าง”
“เราจะอยู่ด้วยกันสองคนทั้งวันใช่ไหม?”
“บ่ายๆธุระก็น่าจะจบแล้วกลับบ้านกัน”
“กลับค่ำๆไม่ได้เหรอ?”
“จะไปไหน?”
“ไม่รู้สิ ไปดินเนอร์มั้ง”
“ถ้าดินเนอร์ก็เปิดโรงแรมนอนเลย พรุ่งนี้ค่อยกลับตอนสายๆเอาก็ได้”
“ใจดีที่สุดเลย”
เขาแค่อยากจะทำให้เมียรู้สึกดีขึ้นจากสถานการณ์ทุกอย่างที่มันแย่มากขึ้นทุกวัน เธอคือคนที่ค้นหาหลักฐานที่ซุกซ่อนเจอแต่นั่นยังไม่เพียงพอเพราะยังมีอะไรมากกว่านั้น เธอถูกหมายหัวเพราะพวกมันรู้ว่าหลักฐานบางอย่างที่สำคัญอยู่ที่ใครและเธออาจจะยังไม่รู้เรื่องนี้ ฟีนด์ยังไม่ได้เก่งมากในวงการนี้หรอก เธอเสี่ยงตายตลอดเวลาเพราะประสบการณ์น้อย ไหวพริบยังน้อยที่จะเอาตัวรอดได้และไม่ทันเกมสกปรกของศัตรูหรอก แต่ก็นับว่าเธอปรับตัวได้เร็วมากเช่นกัน
เขาคือคนที่สอนเธอยิงปืนในช่วงที่เราอยู่ด้วยกันเพราะเห็นว่าสนใจ เขาไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งจะต้องมาทำหน้าที่คุ้มครองเมียที่มีความเสี่ยงจะถูกฆ่าจากหลายคนขนาดนี้ เขาแค่อยากจะอยู่อย่างสงบสุขกับเมียเพื่อพักผ่อนร่างกายและจิตใจที่เหนื่อยล้าจากเรื่องหนักๆ แต่เรื่องนั้นคงจะต้องรอไปอีกสักพักใหญ่จนกว่าเรื่องทุกอย่างจะจบลง
พ่อแม่ของเธอเกือบจะถูกพ่อเขาสั่งฆ่า
แต่เขาห้ามไว้ทัน
โชคดีที่วันนั้นเขากำลังอ่านหลายอย่างเกี่ยวกับปัญหาที่เมียได้เจอพอดี เขาเหนื่อยมากจากงานที่ต้องฝ่าวงล้อมออกมาและเสียลูกน้องไปสองคน นั่นเลยเป็นเหตุผลที่ทำให้เขารับคนมาเพิ่มอีกสองคนเพื่อทดแทนกันไป พอมีคนส่งข้อความมาหาเรื่องพ่อโกรธมากและจะฆ่าพ่อตาแม่ยายเพื่อจบเรื่องแบบไม่ทันได้ตรวจสอบอย่างละเอียด เขาก็รีบโทรไปห้ามพ่อที่กำลังจะลั่นไกและบอกว่าจะแฝงตัวเข้ามาสืบเรื่องนี้เองโดยไม่บอกเหตุผลว่าเพราะอะไรถึงยอมออกมาขนาดนี้ทั้งที่หลายปีแล้วแทบจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับที่บ้านเลย เขาจะเป็นบอดี้การ์ดของฟีนด์เพื่อสังเกตทุกอย่างและจัดการปัญหาให้จบ
ไม่มีใครรู้เรื่องของเราสองคน
เขาตั้งใจปิดบัง
สามเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็วแต่ก็ช้ากว่าใจที่ร้อนกว่าอยู่ดี งานแต่งจัดขึ้นที่โรงแรมหรูแห่งหนึ่ง แขกมาร่วมเป็นพยานรักอย่างล้นหลาม บรรยากาศอบอวลไปด้วยความสุขและความอบอุ่น รูปคู่บ่าวสาวที่ใช้ตกแต่งงานใครเห็นก็ล้วนยิ้มออกมาเพราะเจ้าบ่าวหน้าดุดันมาก ต่อให้ยิ้มก็หน้าดุเหมือนเดิม ในขณะเจ้าสาวสวยหวานเหมือนเจ้าหญิงแทบทุกรูปที่ใช้ ดอกไม้ส่วนใหญ่จะเป็นลิลลี่สีขาวสะอาดตาเป็นหลัก เสียงเปียโนและเสียงไวโอลินในบทเพลงรักเป็นตัวผสมชั้นดีให้งานแต่งครั้งนี้หวานชื่นมากขึ้น นี่คือการแต่งงานที่หลายคนคิดว่ากะทันหัน แต่ใครจะรู้เล่าว่าคบกันมาสี่ปีกว่าแล้ว บลูมคุยกับแขกในงานด้วยความเป็นกันเองมากแล้วมองเวลาด้วยความร้อนใจ ลูกน้องทั้งหมดคนรับบทเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวด้วยความเต็มใจมาก แถมพวกมันยังเป็นคนนำเสนอตัวเอง ใบหน้าดุดันมีรอยยิ้มกว้างให้กับทุกคนที่ร่วมยินดี แม้ว่าจะไม่ชอบหน้าบางคนมากเท่าไรก็ตามพ่อแม่ให้ของขวัญแต่งงานเกาะส่วนตัวที่มีวิวทิวทัศน์ดีงามมูลค่าราวๆเจ็ดร้อยล้าน พี่ชายบ่นนิดหน่อยที่ถูกแต่งงานตัดหน้าไปก่อนแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรมากและให้ของขวัญเป็นบริษัทที่เป็นเจ้าของอยู่ มูลค่าราวๆสี่ร้อยล้านโดยประมาณ พี่สาวใ
“พี่มีเรื่องจะบอก”“อะไรเหรอ?” “พ่อลาออกจากประธานแล้วจะใช้ชีวิตเกษียณที่คฤหาสน์ส่วนตัว”“แบบนี้ก็แสดงว่า…พี่บลูมกลับไปทำงานเหรอ!?” “ตอนแรกพี่ขี้เกียจอยู่นะแต่คิดๆแล้วพี่คงจะใช้ชีวิตแบบนี้ตลอดไปไม่ได้ถ้าอยากมีฟีนด์อยู่ในชีวิต ไบรท์ก็ให้ข้อเสนอมาดีด้วยสิ โบว์ก็รบเร้าไม่หยุดเลยแล้วฟีนด์ก็อยากให้พี่อยู่ด้วยตลอดเวลาเลยไม่ใช่เหรอถึงอ้อนแทบทุกครั้งที่คุยกัน ถึงเรื่องนี้มันจะฝืนใจตัวเองหน่อยแต่หน้าที่ตรงนั้นมาเป็นของพี่มาตลอด ลูกน้องหลายคนยังรอพี่กลับไป”“พี่บลูม…” “แต่งงานกันพี่นะฟีนด์?” เขาก้มลงมองหน้าเมียที่ตาโตด้วยความตกใจแล้วลุกนั่งทันที “พี่ว่าไงนะ!?” อยู่ดีๆก็พูดออกมาแบบไร้ความโรแมนติกเลยนี่นะ เขาขยับเข้าไปจูบเมียแล้วดันตัวเธอให้ลงนอนไปก่อนจะผละออกมาสบตา เราจูบกันอย่างเร่าร้อนและเต็มไปด้วยความหิวกระหายที่ไม่รู้จักอิ่มเลย เพียงไม่กี่นาทีเสื้อผ้าร่วงลงไปกองที่พื้นพรมเหลือเพียงเรือนกายเปลือยเปล่าที่กอดรัดนัวเนียนกันบนโซฟาตัวใหญ่หน้าทีวีที่กำลังเปิดหนังอยู่ เขาผละใบหน้าออกมาอีกครั้งแล้วยิ้มกว้างพร้อมกับหยิบแหวนแต่งงานมาจากกางเกงที่อยู่ใกล้เพียงเอื้อมมือ“แต่งงานกับพี่นะที่รัก” “มาขออ
หนึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็วจนแทบตั้งตัวไม่ทันในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมงต่อจากนี้ การจากลาที่ไม่ใช่ตลอดไป แต่หนทางข้างหน้าเต็มไปด้วยอันตรายเกินกว่าจะคาดเดาได้ ความรับผิดชอบต่องานและชีวิตคนอยู่ในกำมือทำให้ไม่สามารถอยู่กับความสุขตรงนี้ได้นานเกินไปบลูมนอนจูบเมียหลังจากบอกรักกันอย่างหนักมาตลอด ตัวเราเปล่าเปลือยแนบชิดกัน แววตาคู่สวยที่มองเต็มไปด้วยความรักและซ่อนความกังวลเอาไว้ไม่มิด ทุกสัมผัสจากเธอคือสิ่งที่ดีที่เขาจะจดจำเอาไว้เป็นกำลังใจในช่วงเวลายากลำบาก เมื่อจบเรื่องนี้แล้วเขาจะกลับมาอยู่กับเธออีกยาวนาน หน้าที่กับความรักสวนทางกันถ้าดื่มดำนานเกินไปลูกน้องที่นั่นอาจจะตาย “พี่ต้องไปแล้ว” “ห้ามเป็นอะไรนะ” “พี่ไม่เป็นอะไรหรอก อีกไม่นานพี่จะกลับมานอนกอดเมียแบบนี้จนเมียเบื่อหน้าเลย” “ใครจะเบื่อได้เล่า!” “ไปอาบน้ำกันเถอะ”เราสองคนช่วยกันอาบน้ำแล้วจูบกันไม่หยุด มือเล็กบีบครีมอาบน้ำแล้วถูกจนเกิดฟองก่อนจะลูบไล้เรือนร่างที่กำยำเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อและรอยแผลเป็นเยอะมากขึ้นกว่าเดิมจากเหตุการณ์ที่พึ่งจะผ่านมา แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนเขาก็คือคนที่ดูดีมากสำหรับเธอเสมอ ใบหน้าหล่อเมื่อก่
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปอาการบาดเจ็บดีขึ้นมากกว่าเดิมเยอะแต่ก็ยังทำอะไรไม่สะดวกเท่าไร เรื่องของเมียไม่น่าเป็นห่วงมากแล้วมั่นใจว่าต่อจากนี้เธอจะรับมือไหว ไอ้นักการเมืองคนนั้นเครื่องบินตกขณะที่หลบหนีออกนอกประเทศจนเป็นข่าวดัง หลายคนคาดว่าถูกใครสักคนสั่งเก็บเพื่อไม่ให้มีการซัดทอด ส่วนไอ้เวรที่สู้กับเขามันชื่อไวท์ มันยังไม่ตายแต่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะเอาคืน มันน่าจะกำลังรักษาตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งเช่นเดียวกันกับเขา มันอยากวัดฝีมือกับเขาวันนั้นมันไม่ได้สนใจฟีนด์ด้วยซ้ำ“หมอบอกว่าพี่จะได้ออกวันไหน?” เขาหันไปถามเมียที่กำลังนั่งปอกเปลือกผลไม้อยู่ “ถ้าอาการดีกว่านี้ก็น่าจะออกอาทิตย์หน้ามั้ง” ผัวถามแบบนี้ครั้งที่เท่าไรแล้วนะ “พี่เบื่อ!” “ทนๆให้หายดีก่อน” “ที่นี่มันน่าเบื่อ! มองไปทางไหนก็น่าเบื่อไม่มีอะไรเจริญหูเจริญตาสักอย่าง แล้วคนอื่นล่ะ?” “เห็นว่าจะมาเยี่ยมวันนี้แหละอีกเดี๋ยวคงถึง” “ฟีนด์รู้ไหมเราอยู่ที่ไหน?” “ใจกลางเมืองเลย” “แบบนี้ขโมยรถสักคันหนีน่าจะง่าย” “พี่บลูม!!” “เรียกซะดังเลย!” “พี่ไม่เข็ดบ้างเลยรึไงห่ะ!?” “เข็ดอะไร?” “ก็ที่เป็นอยู่นี่ไง!” “ก็ยังไม่ตายสักหน่อย!” “ถ้าหากพี่หนีออกจ
เกรย์ แฮม โจ เคน เฟย และไค เดินมาตั้งใจจะเยี่ยมบอสและบอกให้คุณหนูรู้ว่าคุณท่านมาถึงแล้ว แต่ว่าภาพที่เห็นมันชัดเจนเลยว่าไม่ควรจะเข้าไปขัดจังหวะใดๆทั้งสิ้น คุณหนูจับมือพี่บลูมจูบซ้ำๆไม่หยุดแล้วร้องไห้ออกมาตลอด บางครั้งก็ซบไปใบหน้าลงบนเตียงแล้วยกแขนกอดเอาไว้ เรื่องอาการบาดเจ็บหนักจนอาจจะไม่รอดรู้จากหมอแล้ว เรื่องที่บอสทำเพื่อช่วยชีวิตลูกน้องก็รู้แล้วเช่นกัน เป้าหมายหลักของพวกมันคือคุณหนูฟีนด์ แต่คนที่มันอยากฆ่าคือบอสคนเดียว “หรือว่าคุณหนูจะรักบอสจริงๆวะ?” เคนถามเสียงแผ่วเบาด้วยความสงสัย“นั่นดิ! เมื่อวานก็ไม่ได้คุยกันเลย วันนี้เกือบตายก็ยังไม่ได้คุยสักคำอีก” ไคบอกเพิ่ม“ไม่ตายเว้ย! นายน้อยของกูไม่มีทางตายหรอก!” โจรีบแย้งออกมาแล้วเม้มปากแน่นข่มน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา พวกเราทั้งสี่คนรู้ดีว่าหัวหน้าวางแผนมาเป็นอย่างดีและพยายามช่วยชีวิตขนาดไหน ตั้งแต่ทำงานเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายด้วยกันมาถึงสี่ปีผ่านเรื่องเลวร้ายนับครั้งไม่ถ้วน แต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่บอสจะทิ้งลูกน้องให้ตายโดยไม่พยายามช่วย “นายน้อย…หมายความว่าไงวะโจ!?” ไคขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัยและตกใจมาก“ก็…เมื่อก่อนเรารู้ว่านายน้อยคือคนออกแบบทุก
“พี่บลูม!!”“เร็วๆสิโจ!!” ในวินาทีนั้นที่เราสบตากันเขายิ้มกว้างให้ก่อนจะถูกยิงแล้วล้มตัวลง แต่ก็ไหวตัวหลบอีกฝั่งทันก่อนจะถูกกระสุนอีกนัดปลิดชีพเอาได้ถ้าช้าสักวินาที เลือดของเขาไหลทะลักออกมาแต่ยังแข็งใจฝืนลุกขึ้นเพื่อจะปกป้องเธอให้ได้ ตัวเขาโชกไปด้วยเลือดและบาดแผล เขายิงคนที่มันวิ่งมาทางเธอแม่นเหมือนจับวางพร้อมกับหลบอีกคนที่พุ่งเป้าจะเอาชีวิตเขาอย่างเดียว เธอมองไปทางโจอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงรถดังขึ้นและแล่นมาทางนี้ด้วยความเร็วมาก เอี๊ยด!!“ขึ้นรถเร็ว!!”“ไปเอาพี่บลูมมาเดี๋ยวนี้!!”“เกาะแน่นๆนะคุณหนู”“ชิ่งเต็มที่เลยโจ” ทางด้านบลูมยืนแสยะยิ้มจ้องมองไอ้เวรที่อึดได้ใจขนาดโดนยิง โดนกระทืบจมตีนจนกระอักเลือดออกมายังลุกขึ้นไหว ถูกเขาจับทุ่มลงพื้นถนนก็ยังรอด สภาพมันโซซัดโซเซใกล้จะตายเต็มทนแล้วแหละ ตัวเขาถูกรุมนั่นเลยไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะบาดเจ็บหนักและเสียสมาธิจากการหันไปมองเมีย พวกลูกน้องมันพุ่งเป้าไปหา เขาหยิบปืนมายิงคุ้มกันให้กับเมียกับลูกน้องและพลาดโดนยิง “กูไม่มีทางให้ครั้งนี้มึงหนีไปหรอก!!” “งั้นมึงก็ผ่านไอ้นี่ไปให้ได้สิ!”“ไอ้เหี้ยเอ้ย!!” บลูมหัวเราะออกมาเมื่อเห็นสีหน้าตกใจของมัน