บลูมขับรถไปจอดแล้วปลอมตัวเพื่อไปห้องพักของเมีย ทีแรกเขาจะไม่ให้เธอมาด้วยแต่ว่าเธอไม่ยอม สุดท้ายเลยปลอมตัวมาด้วยกันและที่นี่มีสายของพวกมันอยู่เพื่อรอโอกาสแน่นอน เราสองคนทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วขึ้นลิฟต์ไปตามปรกติเหมือนคนอื่นทั่วไป จนกระทั่งประตูลิฟต์เปิดในชั้นที่เมียอยู่สัญชาตญาณป้องกันตัวและวิเคราะห์ทุกอย่างก็เริ่มต้นอีกครั้ง ห้องที่อยู่ใกล้กับเธอต้องมีสายของพวกมันอยู่เพื่อหาของที่ต้องการ
“วันเกิดพี่เหรอ?”
“อื้ม”
“ตั้งรหัสแบบนี้ใครจะเข้าได้”
“ก็ยังมีคนเข้าได้นี่”
“ไปกันเถอะ รีบหาของแล้วจะได้ไปเที่ยวต่อ”
“อยากไปเที่ยวจนตัวสั่นแล้ว”
“แค่เดินเล่นห้างทั่วไปต้องตื่นเต้นขนาดนี้เลยเหรอ?”
“ก็วันนี้ไปกับผัวนี่! ทุกครั้งฉันไปกับเพื่อนตลอด หรือไม่ก็ไปกับพี่ต่อ”
“อยากได้อะไรก็ชี้เอาเลยนะ”
“รหัสอยู่ในห้องนอน”
“อย่าให้เห็นว่ามีของผู้ชายล่ะ!”
เธอมองรอบๆห้องด้วยความไม่ไว้วางใจแล้วมองพี่บลูมที่ล็อกประตูแล้วหยิบปืนออกมาทันที เขาเดินนำเธอแล้วกวาดสายตามองทุกอย่างด้วยความระมัดระวังมาก เราเดินเข้ามาในห้องนอนที่มีร่องรอยการรื้อค้นเมื่อไม่นานมานี้ เธอรีบเดินไปที่เตียงนอนแล้วค้นหารหัสที่จดเอาไว้ในหนังสือเล่มโปรด ตอนนั้นเธอไม่ได้คิดว่าเรื่องนี้มันจะบานปลายมาถึงขนาดนี้เลยไม่ได้ใส่ใจมาก ถ้าเธอรู้ว่าเรื่องมันจะแย่มากคงจะส่งไปเก็บที่อื่นแทนแล้วล่ะ เธอเปิดหน้ากระดาษอยู่เกือบสิบนาทีก็เจอ
“พี่บลูมแขนหน่อย”
“ข้างนี้ยังไม่มีรอยสักพอดี”
“ห้ามถูออกจนกว่าจะเข้าได้นะ”
“ยังไงเราก็อาบน้ำด้วยกันไม่ใช่เหรอ ถ้าพี่เผลอถูกแรงก็ห้ามสิ”
“จะอยู่อาบน้ำกับฉันกี่วันห่ะ?”
“จนเมียเบื่อหน้ามั้ง”
เธอกำลังจะหัวเราะแต่ว่าผัวกลับยกมือมาปิดปากให้เงียบ ก่อนจะจับมือให้ค่อยๆลุกจากเตียงหาที่ซ่อน เขาจับมือเธอแน่นก่อนจะพาเธอไปในห้องน้ำ ผ่านไปไม่ถึงนาทีมีเสียงเดินเข้ามาในห้องนอนและกำลังคุยกันแผ่วเบา เสียงผู้ชายเบามากจนฟังไม่ออกว่าคุยอะไรกันแน่ พี่บลูมจับปืนแน่นก่อนจะค่อยๆปล่อยมือออกแล้วเอาเธอไปซ่อนในตู้เก็บของที่ไม่ได้ใหญ่พอจะให้ผู้ชายตัวโตอย่างเขาเข้าไปได้
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นห้ามออกมาเด็ดขาดนะฟีนด์” เขากระซิบบอกเธอแผ่วเบา
“แต่ว่า…” เธอกำลังจะแย้งแต่ว่าเขาจ้องหน้าด้วยแววตาดุมาก แล้วจูบที่หน้าผากหนักๆก่อนจะบอกเพิ่มเติม
“พี่จะล่อมันออกไปเอง นี่ปืนของพี่เก็บเอาไว้เผื่อเกิดอะไรไม่คาดคิดขึ้น หรือถ้าพี่พลาดท่าก็หนีไปซะอย่าให้ถูกใครจับได้เด็ดขาด แล้วนี่กุญแจรถของพี่ ฟีนด์ขับออกไปรอพี่ที่…เชอร์รี่บาร์ บอกพนักงานว่าจองห้องพักกับมาดามเชอร์รี่เอาไว้แล้ว นี่บัตรสมาชิกของพี่ ส่งให้เขาแล้วเขาจะพาไปที่ปลอดภัย พี่จะไปหาที่นั่นเอง”
“ถ้าพี่บาดเจ็บล่ะ!”
“พี่เจ็บจนชินแล้ว แต่พี่ให้เมียเจ็บอีกไม่ได้”
“สัญญานะว่าจะมาก่อนค่ำ”
“พี่สัญญา พี่รักฟีนด์นะ”
เขาจูบที่หน้าปากของเธอก่อนจะปิดประตูตู้เก็บของทันที แล้วหลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงของตกแตกชัดเจน เสียงตวาดและด่ากันไม่หยุด เธอสะดุ้งทุกครั้งที่ประตูห้องน้ำถูกกระแทกและน้ำเสียงตะคอกลั่นก็น่ากลัวมาก พี่บลูมมีคนเดียวเอง แถมยังเอาปืนมาให้เธอทั้งที่เขาควรจะใช้เพื่อปกป้องตัวเองให้ปลอดภัย พวกนั้นมีกันตั้งสองคนแล้วแบบนี้เขาจะสู้ไหวไหมล่ะ
แต่สิบนาทีผ่านไป
ตอนนี้ทั้งห้องเงียบสนิทแล้ว
เธอค่อยๆคลานออกจากตู้เก็บของที่ไม่น่าเชื่อว่าจะยัดตัวเองเข้าไปได้ แล้วค่อยๆย่องออกมาดูห้องนอนที่นับว่ายับเยินเหมือนผ่านสงครามมาอย่างหนักเลย มีรอยยิงแต่น่าจะใช้ปืนที่เก็บเสียง เธอค่อยๆย่องออกไปแล้วปลอมตัวใหม่อีกครั้งเพื่อที่จะไม่มีใครจับได้ จากนั้นเปลี่ยนจากรองเท้าส้นสูงเป็นผ้าใบเผื่อวิ่งหนีจะได้ง่ายขึ้นด้วย เธอเปิดตู้เซฟหยิบเอาปืนมาพกมาเพิ่มอีกกระบอกแล้วจากนั้นก็รีบไปตามที่พี่บลูมสั่ง
เชอร์รี่บาร์ไม่ได้แค่ขายเหล้าสินะ
น่าจะขายอย่างอื่นด้วย
บัตรสีดำสนิทไม่มีอะไรมากนอกจากคิวอาร์โค้ด พอสแกนเข้าได้ก็ต้องใส่รหัสซึ่งเธอไม่รู้จริงๆว่าคืออะไรกันแน่ แต่มันมีให้แตะลายนิ้วมืออยู่เลยลองใช้นิ้วโป้งของตัวเอง เธอทำได้เพราะพี่บลูมน่าจะตั้งค่าหรือทำอะไรสักอย่างโดยไม่บอกกันอีกแล้ว มีแผนที่ทางไปขึ้นมาหน้าจอโทรศัพท์ทันที
เธอขับรถตามแผนที่ไปโดยที่ไม่มีใครขับรถตามมาสักคัน นั่นแสดงว่าพวกนั้นตามพี่บลูมไปกันหมด ผ่านไปราวๆหนึ่งชั่วโมงครึ่งก็มาถึงบาร์ที่ตอนกลางวันขายกาแฟกับเครื่องดื่มธรรมดาทั่วไป ลูกค้าก็มีบ้างแต่ไม่มาก ดูไม่น่าจะอันตรายอะไรเลยด้วยซ้ำ พอตกดึกถึงจะขายเหล้า นับว่าเป็นบาร์ที่เปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยก็ว่าได้
แต่ว่าที่นี่ดูธรรมดามากเกินไปนะ
ปลอดภัยจริงเหรอ
“ทางนี้ค่ะคุณลูกค้า”
“เราจะไปที่ไหนคะ?”
“คุณบลูมจองห้องพักคืนนี้ไว้แล้วค่ะ ทางนี้”
เธอเดินตามพนักงานที่มีท่าทางแปลกๆ แววตาเหมือนเป็นมิตรแต่สังเกตเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างรวดเร็ว เธอเข้าไปในบาร์จากนั้นก็ส่งบัตรของพี่บลูมให้ พนักงานอีกคนเข้ามาแทนที่แล้วพาเธอขึ้นลิฟต์ที่ลงไปชั้นล่างอยู่เพียงไม่กี่นาทีก็มาถึงแล้ว ที่นี่มีห้องพักไม่เยอะมากและไม่หรูเลย แต่ก็อยู่ได้และน่าจะปลอดภัยมากพอสมควรด้วยมั้ง เธอเดินเข้าห้องพักด้วยความมึนงงนิดหน่อยเพราะมันดูธรรมดาจนไม่น่าเชื่อว่าจะปลอดภัย แล้วนั่งบนเตียงก่อนจะส่งข้อความบอกให้เขารู้ว่าอยู่ที่ไหน
ผ่านไปสิบนาทีแล้วพี่บลูมยังไม่ตอบ
มันเกิดอะไรขึ้นนะ
เธอพยายามจะสงบจิตใจแต่ว่าทำไม่ได้เลย ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไรยิ่งรู้สึกว่าในใจมันร้อนรนมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว สุดท้ายเลยเลือกจะไปอาบน้ำเผื่อจะทำให้สงบมากยิ่งขึ้นและออกมาก็ยังไม่เจอใครเลยสักคน ในขณะที่กำลังจะหยิบโทรศัพท์กดเบอร์โทรหาประตูห้องก็เปิดเข้ามาพอดี
“พี่บลูม!!”
“ปลอดภัยใช่ไหม?”
“อื้ม แล้วพี่ล่ะ?”
“เจ็บตัวนิดหน่อย พึ่งอาบน้ำเหรอ?”
“อื้ม”
“บ่ายนี้พี่คงจะพาออกไปไหนไม่ได้นะ เดี๋ยวค่ำๆเราค่อยออกไปดินเนอร์กัน โอเคไหม?”
“ได้สิ แล้วถืออะไรมาเยอะแยะเลย”
“ซื้อขนมมาฝาก โน๊ตบุ๊คเครื่องใหม่ แล้วก็ของมาทำแผลด้วย”
“เจ็บหนักเหรอ!?”
“นิดหน่อย”
“ฉันทำแผลไหม?”
“ทำเป็นเหรอ?”
“เป็นสิ”
“งั้นกินขนมรอก่อน พี่อยากอาบน้ำล้างเหงื่อออกก่อน แล้วมาให้เมียทำแผลก่อนจะนอนพัก” เขาวางของทุกอย่างลง แล้วก้มลงไปจูบหน้าผากเมียแผ่วเบาให้สบายใจและซ่อนความเจ็บให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อที่เมียจะได้ไม่เครียดมาก
บลูมเดินไปถอดเสื้อผ้าในห้องน้ำแล้วจัดการตัวเองไม่นาน พอเดินออกมาตั้งใจว่าจะหยิบเสื้อผ้ามาใส่ก็หายไป เขาจำเป็นต้องเดินออกแล้วจากห้องน้ำแล้วมองหน้าเมียที่ยึดทุกอย่างไป เธอก็กอดอกมองเหมือนว่าเขาทำผิดมากอย่างนั้นแหละ ทุกสิ่งที่ทำก็เพื่อฟีนด์คนเดียวทั้งนั่น
“แก้ผ้าตรงนั้นแหละ”
“จะปล้ำพี่เหรอ?”
“จะดูต่างหากว่าเจ็บตรงไหนบ้าง เสื้อผ้าพี่รอยเลือดเยอะขนาดนี้”
“ไม่คิดว่าจะเป็นเลือดพวกมันมั้งเหรอ?”
“สองรุมหนึ่งนะ!”
“ห้ามตกใจล่ะ” เขาถอดชุดคลุมอาบน้ำออกแล้วเดินไปหาเมียที่ทำตาลุกวาวด้วยความตกใจหรืออยากกินไส้กรอกก็ไม่มั่นใจเหมือนกัน เขาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอจากนั้นก็หมุนตัวให้เมียดูร่องรอยบาดแผลที่เกิดขึ้นจากการต่อสู้ซึ่งนับว่าไม่ได้สาหัสหรอกสำหรับเขา แต่สำหรับเธอมันอาจจะมากพอสมควรและที่ผ่านมาเขาแทบไม่เคยอยู่กับเมียในตอนที่เจ็บหนักเลยสักครั้ง เลือดที่เปื้อนเสื้อเยอะมากก็ผสมกันเพราะพวกมันก็บาดเจ็บหนักเหมือนกัน มันสองคนไม่น่าจะใช่ลูกน้องโดยตรง แต่น่าจะถูกจ้างมาเพื่อรอเวลาฆ่าโดยเฉพาะ
สามเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็วแต่ก็ช้ากว่าใจที่ร้อนกว่าอยู่ดี งานแต่งจัดขึ้นที่โรงแรมหรูแห่งหนึ่ง แขกมาร่วมเป็นพยานรักอย่างล้นหลาม บรรยากาศอบอวลไปด้วยความสุขและความอบอุ่น รูปคู่บ่าวสาวที่ใช้ตกแต่งงานใครเห็นก็ล้วนยิ้มออกมาเพราะเจ้าบ่าวหน้าดุดันมาก ต่อให้ยิ้มก็หน้าดุเหมือนเดิม ในขณะเจ้าสาวสวยหวานเหมือนเจ้าหญิงแทบทุกรูปที่ใช้ ดอกไม้ส่วนใหญ่จะเป็นลิลลี่สีขาวสะอาดตาเป็นหลัก เสียงเปียโนและเสียงไวโอลินในบทเพลงรักเป็นตัวผสมชั้นดีให้งานแต่งครั้งนี้หวานชื่นมากขึ้น นี่คือการแต่งงานที่หลายคนคิดว่ากะทันหัน แต่ใครจะรู้เล่าว่าคบกันมาสี่ปีกว่าแล้ว บลูมคุยกับแขกในงานด้วยความเป็นกันเองมากแล้วมองเวลาด้วยความร้อนใจ ลูกน้องทั้งหมดคนรับบทเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวด้วยความเต็มใจมาก แถมพวกมันยังเป็นคนนำเสนอตัวเอง ใบหน้าดุดันมีรอยยิ้มกว้างให้กับทุกคนที่ร่วมยินดี แม้ว่าจะไม่ชอบหน้าบางคนมากเท่าไรก็ตามพ่อแม่ให้ของขวัญแต่งงานเกาะส่วนตัวที่มีวิวทิวทัศน์ดีงามมูลค่าราวๆเจ็ดร้อยล้าน พี่ชายบ่นนิดหน่อยที่ถูกแต่งงานตัดหน้าไปก่อนแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรมากและให้ของขวัญเป็นบริษัทที่เป็นเจ้าของอยู่ มูลค่าราวๆสี่ร้อยล้านโดยประมาณ พี่สาวใ
“พี่มีเรื่องจะบอก”“อะไรเหรอ?” “พ่อลาออกจากประธานแล้วจะใช้ชีวิตเกษียณที่คฤหาสน์ส่วนตัว”“แบบนี้ก็แสดงว่า…พี่บลูมกลับไปทำงานเหรอ!?” “ตอนแรกพี่ขี้เกียจอยู่นะแต่คิดๆแล้วพี่คงจะใช้ชีวิตแบบนี้ตลอดไปไม่ได้ถ้าอยากมีฟีนด์อยู่ในชีวิต ไบรท์ก็ให้ข้อเสนอมาดีด้วยสิ โบว์ก็รบเร้าไม่หยุดเลยแล้วฟีนด์ก็อยากให้พี่อยู่ด้วยตลอดเวลาเลยไม่ใช่เหรอถึงอ้อนแทบทุกครั้งที่คุยกัน ถึงเรื่องนี้มันจะฝืนใจตัวเองหน่อยแต่หน้าที่ตรงนั้นมาเป็นของพี่มาตลอด ลูกน้องหลายคนยังรอพี่กลับไป”“พี่บลูม…” “แต่งงานกันพี่นะฟีนด์?” เขาก้มลงมองหน้าเมียที่ตาโตด้วยความตกใจแล้วลุกนั่งทันที “พี่ว่าไงนะ!?” อยู่ดีๆก็พูดออกมาแบบไร้ความโรแมนติกเลยนี่นะ เขาขยับเข้าไปจูบเมียแล้วดันตัวเธอให้ลงนอนไปก่อนจะผละออกมาสบตา เราจูบกันอย่างเร่าร้อนและเต็มไปด้วยความหิวกระหายที่ไม่รู้จักอิ่มเลย เพียงไม่กี่นาทีเสื้อผ้าร่วงลงไปกองที่พื้นพรมเหลือเพียงเรือนกายเปลือยเปล่าที่กอดรัดนัวเนียนกันบนโซฟาตัวใหญ่หน้าทีวีที่กำลังเปิดหนังอยู่ เขาผละใบหน้าออกมาอีกครั้งแล้วยิ้มกว้างพร้อมกับหยิบแหวนแต่งงานมาจากกางเกงที่อยู่ใกล้เพียงเอื้อมมือ“แต่งงานกับพี่นะที่รัก” “มาขออ
หนึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็วจนแทบตั้งตัวไม่ทันในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมงต่อจากนี้ การจากลาที่ไม่ใช่ตลอดไป แต่หนทางข้างหน้าเต็มไปด้วยอันตรายเกินกว่าจะคาดเดาได้ ความรับผิดชอบต่องานและชีวิตคนอยู่ในกำมือทำให้ไม่สามารถอยู่กับความสุขตรงนี้ได้นานเกินไปบลูมนอนจูบเมียหลังจากบอกรักกันอย่างหนักมาตลอด ตัวเราเปล่าเปลือยแนบชิดกัน แววตาคู่สวยที่มองเต็มไปด้วยความรักและซ่อนความกังวลเอาไว้ไม่มิด ทุกสัมผัสจากเธอคือสิ่งที่ดีที่เขาจะจดจำเอาไว้เป็นกำลังใจในช่วงเวลายากลำบาก เมื่อจบเรื่องนี้แล้วเขาจะกลับมาอยู่กับเธออีกยาวนาน หน้าที่กับความรักสวนทางกันถ้าดื่มดำนานเกินไปลูกน้องที่นั่นอาจจะตาย “พี่ต้องไปแล้ว” “ห้ามเป็นอะไรนะ” “พี่ไม่เป็นอะไรหรอก อีกไม่นานพี่จะกลับมานอนกอดเมียแบบนี้จนเมียเบื่อหน้าเลย” “ใครจะเบื่อได้เล่า!” “ไปอาบน้ำกันเถอะ”เราสองคนช่วยกันอาบน้ำแล้วจูบกันไม่หยุด มือเล็กบีบครีมอาบน้ำแล้วถูกจนเกิดฟองก่อนจะลูบไล้เรือนร่างที่กำยำเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อและรอยแผลเป็นเยอะมากขึ้นกว่าเดิมจากเหตุการณ์ที่พึ่งจะผ่านมา แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนเขาก็คือคนที่ดูดีมากสำหรับเธอเสมอ ใบหน้าหล่อเมื่อก่
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปอาการบาดเจ็บดีขึ้นมากกว่าเดิมเยอะแต่ก็ยังทำอะไรไม่สะดวกเท่าไร เรื่องของเมียไม่น่าเป็นห่วงมากแล้วมั่นใจว่าต่อจากนี้เธอจะรับมือไหว ไอ้นักการเมืองคนนั้นเครื่องบินตกขณะที่หลบหนีออกนอกประเทศจนเป็นข่าวดัง หลายคนคาดว่าถูกใครสักคนสั่งเก็บเพื่อไม่ให้มีการซัดทอด ส่วนไอ้เวรที่สู้กับเขามันชื่อไวท์ มันยังไม่ตายแต่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะเอาคืน มันน่าจะกำลังรักษาตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งเช่นเดียวกันกับเขา มันอยากวัดฝีมือกับเขาวันนั้นมันไม่ได้สนใจฟีนด์ด้วยซ้ำ“หมอบอกว่าพี่จะได้ออกวันไหน?” เขาหันไปถามเมียที่กำลังนั่งปอกเปลือกผลไม้อยู่ “ถ้าอาการดีกว่านี้ก็น่าจะออกอาทิตย์หน้ามั้ง” ผัวถามแบบนี้ครั้งที่เท่าไรแล้วนะ “พี่เบื่อ!” “ทนๆให้หายดีก่อน” “ที่นี่มันน่าเบื่อ! มองไปทางไหนก็น่าเบื่อไม่มีอะไรเจริญหูเจริญตาสักอย่าง แล้วคนอื่นล่ะ?” “เห็นว่าจะมาเยี่ยมวันนี้แหละอีกเดี๋ยวคงถึง” “ฟีนด์รู้ไหมเราอยู่ที่ไหน?” “ใจกลางเมืองเลย” “แบบนี้ขโมยรถสักคันหนีน่าจะง่าย” “พี่บลูม!!” “เรียกซะดังเลย!” “พี่ไม่เข็ดบ้างเลยรึไงห่ะ!?” “เข็ดอะไร?” “ก็ที่เป็นอยู่นี่ไง!” “ก็ยังไม่ตายสักหน่อย!” “ถ้าหากพี่หนีออกจ
เกรย์ แฮม โจ เคน เฟย และไค เดินมาตั้งใจจะเยี่ยมบอสและบอกให้คุณหนูรู้ว่าคุณท่านมาถึงแล้ว แต่ว่าภาพที่เห็นมันชัดเจนเลยว่าไม่ควรจะเข้าไปขัดจังหวะใดๆทั้งสิ้น คุณหนูจับมือพี่บลูมจูบซ้ำๆไม่หยุดแล้วร้องไห้ออกมาตลอด บางครั้งก็ซบไปใบหน้าลงบนเตียงแล้วยกแขนกอดเอาไว้ เรื่องอาการบาดเจ็บหนักจนอาจจะไม่รอดรู้จากหมอแล้ว เรื่องที่บอสทำเพื่อช่วยชีวิตลูกน้องก็รู้แล้วเช่นกัน เป้าหมายหลักของพวกมันคือคุณหนูฟีนด์ แต่คนที่มันอยากฆ่าคือบอสคนเดียว “หรือว่าคุณหนูจะรักบอสจริงๆวะ?” เคนถามเสียงแผ่วเบาด้วยความสงสัย“นั่นดิ! เมื่อวานก็ไม่ได้คุยกันเลย วันนี้เกือบตายก็ยังไม่ได้คุยสักคำอีก” ไคบอกเพิ่ม“ไม่ตายเว้ย! นายน้อยของกูไม่มีทางตายหรอก!” โจรีบแย้งออกมาแล้วเม้มปากแน่นข่มน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา พวกเราทั้งสี่คนรู้ดีว่าหัวหน้าวางแผนมาเป็นอย่างดีและพยายามช่วยชีวิตขนาดไหน ตั้งแต่ทำงานเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายด้วยกันมาถึงสี่ปีผ่านเรื่องเลวร้ายนับครั้งไม่ถ้วน แต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่บอสจะทิ้งลูกน้องให้ตายโดยไม่พยายามช่วย “นายน้อย…หมายความว่าไงวะโจ!?” ไคขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัยและตกใจมาก“ก็…เมื่อก่อนเรารู้ว่านายน้อยคือคนออกแบบทุก
“พี่บลูม!!”“เร็วๆสิโจ!!” ในวินาทีนั้นที่เราสบตากันเขายิ้มกว้างให้ก่อนจะถูกยิงแล้วล้มตัวลง แต่ก็ไหวตัวหลบอีกฝั่งทันก่อนจะถูกกระสุนอีกนัดปลิดชีพเอาได้ถ้าช้าสักวินาที เลือดของเขาไหลทะลักออกมาแต่ยังแข็งใจฝืนลุกขึ้นเพื่อจะปกป้องเธอให้ได้ ตัวเขาโชกไปด้วยเลือดและบาดแผล เขายิงคนที่มันวิ่งมาทางเธอแม่นเหมือนจับวางพร้อมกับหลบอีกคนที่พุ่งเป้าจะเอาชีวิตเขาอย่างเดียว เธอมองไปทางโจอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงรถดังขึ้นและแล่นมาทางนี้ด้วยความเร็วมาก เอี๊ยด!!“ขึ้นรถเร็ว!!”“ไปเอาพี่บลูมมาเดี๋ยวนี้!!”“เกาะแน่นๆนะคุณหนู”“ชิ่งเต็มที่เลยโจ” ทางด้านบลูมยืนแสยะยิ้มจ้องมองไอ้เวรที่อึดได้ใจขนาดโดนยิง โดนกระทืบจมตีนจนกระอักเลือดออกมายังลุกขึ้นไหว ถูกเขาจับทุ่มลงพื้นถนนก็ยังรอด สภาพมันโซซัดโซเซใกล้จะตายเต็มทนแล้วแหละ ตัวเขาถูกรุมนั่นเลยไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะบาดเจ็บหนักและเสียสมาธิจากการหันไปมองเมีย พวกลูกน้องมันพุ่งเป้าไปหา เขาหยิบปืนมายิงคุ้มกันให้กับเมียกับลูกน้องและพลาดโดนยิง “กูไม่มีทางให้ครั้งนี้มึงหนีไปหรอก!!” “งั้นมึงก็ผ่านไอ้นี่ไปให้ได้สิ!”“ไอ้เหี้ยเอ้ย!!” บลูมหัวเราะออกมาเมื่อเห็นสีหน้าตกใจของมัน