/ รักโบราณ / หงส์เหนือพันธการ / บทที่ ๒/๓ ไร้ประโยชน์

공유

บทที่ ๒/๓ ไร้ประโยชน์

작가: KUNNUK
last update 최신 업데이트: 2025-05-10 08:13:48

     พูดช้า ๆ เสียงหนักแน่น ใบหน้าเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์ เขาเคยชินกับการพูดโดยไม่จำเป็นต้องคอยสังเกตสีหน้าของใคร เมื่อพูดแล้วก็ลุกขึ้นยืน ฝนยังไม่หยุดตก สภาพนางเหมือนไก่ในน้ำแกง [1]เขาตัดสินใจทิ้งร่มในมือไว้ข้างตัวนาง เพียงแต่ปล่อยมือเร็วไปเล็กน้อย ร่มร่วงลงไปที่พื้น...ราวกับว่าเขาขว้างทิ้ง

     หาใช่เรื่องที่ต้องใส่ใจ โม่เทียนอวี่หันหลังกลับไปหาเจี้ยนฉางและถางจี้ ยื่นมือไปรับร่มอีกคันจากองครักษ์ สายฝนต้องถูกตัวไม่น้อย เขาร่างกายแข็งแรงยังรู้สึกเย็น แล้วกับสตรีนางหนึ่งเล่า... สลัดความรู้สึกผิดออกจากใจได้ไม่หมด ออกคำสั่งกับเจี้ยนฉางว่า “เรื่องวันนี้อย่าได้แพร่งพราย”

     เจี้ยนฉางรับคำ โม่เทียนอวี่วางใจ ไม่ต้องพูดให้มากมาย โดยปกติเขาสงวนถ้อยคำยิ่งกว่าทองคำ มีวันนี้พูดมากไปกว่าทุกวัน ชี้แจงมุมมองของตนเองตามคำถามแล้ว เขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรอีก เดินจากไปโดยไม่เหลียวหลัง

     กลับกัน….

     อวี่เทียนเหมยน้ำตาไหลพราก ไม่เคยรู้สึกว่าตนเองตกต่ำมากถึงเพียงนี้ เขากล่าวว่านางไร้ประโยชน์!

     สามคำนี้เด่นชัดในหู สลักลึกยิ่งกว่าคำว่าไร้ศักดิ์ศรี!

     ไม่รู้ว่าเพราะตากฝนนาน หรือเพราะถ้อยคำที่ได้ยิน สูญสิ้นทุกความรับรู้ ชาไปทั่วทั้งตัวครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่ทราบ โกรธมากทีเดียว...แต่สู้อับอายไม่ได้ สมเพชตนเองอีกไม่น้อย

     ขอบคุณฝนที่ตกกระหน่ำในวันนี้ น้ำตาของนางจึงไม่โดดเด่นมากนัก ร่มของเขาที่ทิ้งไว้ยังวางอยู่ข้างตัว อวี่เทียนเหมยไม่คิดว่าเป็นเพราะความรักที่ทำให้นางร้องไห้ นางแน่ใจอย่างยิ่งในข้อนี้

     เพียงแต่ความเสียใจเด่นชัด จนไม่อาจปฏิเสธ

     ระยะเวลาสิบปีกว่าปียาวนานชั่วกระพริบตาเดียว เวลาทั้งหมดที่ผ่านมา นางล้วนใช้ชีวิตโดยมีบุรุษผู้หนึ่งเป็นเป้าหมาย เรื่องราวมากมายของเขาถูกเล่าขาน...ล้วนดีมากกว่าร้าย ให้นางไร้ความรู้สึกกับเขาย่อมเป็นไปไม่ได้

     กับไท่จื่อ...อย่างน้อย คำกล่าวที่ว่าหลงใหลได้ปลื้ม น่าจะไม่ผิดนัก เขาคือชายในฝัน ไม่ใช่แค่สำหรับนาง ใต้หล้านี้...เขาคือที่หนึ่ง สตรีใดบุตรสาวจวนไหนตระกูลน้อยใหญ่เพียงใดไม่ชื่นชมเขาบ้าง

     แล้วกับนางซึ่งถูกประกาศว่า ภายภาคหน้าได้ร่วมผูกชะตาวาสนากับเขา  เบื้องต้นคือไท่จื่อเฟย ต่อไป...ก็ไม่พ้นตำแหน่งมารดาของแผ่นดิน!

     คนไม่เกี่ยวข้องยังชื่นชอบ นางซึ่งมีพันธะกับเขาเกี่ยวข้องกันตั้งแต่แรกเกิด ย่อมต้องรู้สึกมากกว่าหลายเท่า!

     เหตุการณ์ในวันนี้เกินความคาดหมายไปมาก ยากที่สตรีคนหนึ่งยากจะรับมือไหว เขาไม่เคยปฏิเสธดังนางว่า จนวันพบเจอหน้า นางได้ยินเขากล่าววาจากับหู

     หนึ่งคือผิดหวัง สองไม่แพ้กันคือโกรธเคือง สามไม่พ้นเสียใจที่ต้องรู้สึกมากกว่าทุกความรู้สึกอื่น ผสมปนเปกันจนระบายออกมาเป็นน้ำตา แน่ชัดว่า ขัดใจทั้งยังผิดหวังในตนเองมากกว่าสิ่งใด

     อวี่เทียนเหมยร้องไห้เสียงดัง มั่นใจว่าเสียงฝนจะกลบเสียงร้องไห้ของนางได้ นางมีโอกาสร้องไห้ไม่มากนัก ขอร้องไห้ให้เต็มที่กับครั้งนี้!

     ไม่คาดคิด ไม่คาดฝัน ไม่ได้อยู่ใจแผนการที่เตรียมรับมือ 'ไม่ผิดเลย อวี่เทียนเหมยที่เจ้าจะร้องไห้' นางคิดปลอบใจตนเอง

     ก่อนหน้า...หากมีสักหนึ่งเสี้ยวที่เขาแสดงสัญญาณว่าไม่พอใจ นางจะไม่รู้สึกอะไรเลยแม้แต่น้อย

     เขามีทางเลือก แตกต่างกับนาง

     สำหรับองค์รัชทายาทที่มีความชอบอย่างเขา การเลือกสตรีเคียงคู่ย่อมเป็นสิทธิ์ หนึ่งความชอบของเขากับความยิ่งใหญ่ของต้าเฉวียน ผลงานเป็นที่ประจักษ์ องค์หญิงสักหนึ่งแคว้น หากเขาให้มาเป็นเพียงผู้งามตาน่าเคารพเฟิ่งอี๋[2]ก็ย่อมได้

     เขาไม่นึกสงสารนางบ้างหรือ ถูกจับจองให้เขาตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา ลมหายใจแรกยังไม่สูดรับอากาศ ก็ถูกประกาศแล้วว่ามีคู่

     อวี่เทียนเหมยรู้ดีสุดท้ายแล้วต่อให้ไม่ยินดีเพียงใด เขาย่อมต้องยินยอม ผ่านมาถึงขั้นนี้แล้ว จะทำสิ่งใดได้...เพื่อให้ภายภาคหน้าสงบสุข นางก็ควรต้องถามให้ชัดเจน

     ใช่ว่าหวังเคียงคู่รักมั่นดังนกยวนยาง ปรารถนาเป็นหงส์ได้ความเมตตาจากมังกรเช่นเขาเท่านั้นก็พอ แรกเริ่มเขาก็ไม่ไว้หน้า ต่อไปถามหาสิ่งใดจะได้รับ นางย่อมต้องกังวลใจ

     ด้วยพระเมตตาของฝ่าบาท นางแต่งกับเขาได้แน่นอน แต่ตำแหน่งไท่จื่อเฟยที่ไม่เคยคิดว่าจะหลุดมือกลับดูท่าจะห่างไกล จะให้ทำอย่างไรได้ ยังไม่ทันแต่งก็ถูกลดขั้นเสียแล้ว

     นางไร้ประโยชน์

     จริงดังเขาว่า ต้าเฉวียนนั้นถามแซ่ก่อนถามชื่อ

     อวี่เทียนเหมยรู้สถานะตนเอง บิดานางมีเพียงตำแหน่งราชครู ไร้ตระกูลหนุนหลัง มีข้อเหนือกว่าขุนนางอื่นหนึ่งขั้นคือ เป็นพระสหายของฮ่องเต้

     มีเพียงเท่านี้...

     ดีพร้อมอย่างไร ไร้ตระกูลหนุนหลัง มีแต่หัวไม่มีหาง หน้าบ้านกว้างใหญ่ หลังบ้านไม่มีพื้นที่ ก็ไร้ประโยชน์

     ถามว่าทำไมนางถูกหมั้นหมาย เหตุผลเบาบางยิ่งนัก เพราะคำทำนายจากพระสนมเว่ย เว่ยเฟยพระมารดาของไท่จื่อ คำทำนายว่า นางและเขามีวาสนาผูกเส้นผมด้ายแดงสอดประสาน

     ด้ายแดงที่นางละเมอเพ้อพกตามประสาเด็กสาว ถูกตัดให้ขาดไม่เหลือเยื่อใยด้วยวาจาของคนมีชะตาเคียงคู่ ทำนบน้ำตาก่อตัวตั้งแต่ได้ยินคำว่า นางไม่เหมาะสม ไม่คู่ควร

     สวรรค์...

     อวี่เทียนเหมยเงยหน้ามองท้องฟ้า ยามนี้มืดมิดไร้ดวงอาทิตย์ เม็ดฝนหยดเข้านัยน์ตา นางทำสิ่งใดผิดหรือ ล้วนลิขิตมาให้นางหมดสิ้น ไม่ฝ่าฝืน ก้มหน้ายอมรับชะตา เหตุใดจึงลงโทษนางให้แต่งกับบุรุษที่ดีพร้อมทุกสิ่ง เสียเพียงแต่ปาก

     กล่าววาจาราวกับผายลม!

     ที่แท้...

     เพิ่งรู้ได้ในตอนนี้ นางร้องไห้เพราะความคับแค้นใจ!

     ละอายใจแก่ตนเหลือเกิน เขาทำกับนางถึงเพียงนี้ ถามนางว่ายังอยากแต่งกับเขาหรือไม่ นางก็ยังตอบว่าอยาก

    หน้าไม่อาย

    ไร้ยางอาย

     ‘แล้วถ้ามัวแต่อาย ตำแหน่งไท่จื่อเฟยจะยังเป็นของนางอยู่หรือ’

     อวี่เทียนเหมยสะบัดศีรษะ นางชักจะตากฝนนานจนเลอะเลือน เถียงกับตนเองเป็นเรื่องราว

     เอาเถิด...

     ชีวิตต้องทิ้งเบื้องหลังเอาไว้ จึงจะเดินไปสู่เบื้องหน้าได้

     ‘เขาต้องชดใช้’

     นางคิดในใจพร้อมกับก้มลงไปหยิบร่มที่เขาโยนทิ้งไว้บนพื้น จับไว้แน่น

สมรสพระราชทาน นางจะทำให้เขาเป็นผู้กราบทูลร้องขอจากฝ่าบาท

     นางจะไม่คู่ควร ไม่เหมาะสม

     เขาจะยินยอม ไม่ยินดี

     นางจะไม่มีศักดิ์ศรี ไร้ประโยชน์มากเพียงใด

     อวี่เทียนเหมยมั่นใจ องค์รัชทายาทฐานะสูงส่ง แต่ฝ่าบาทซึ่งเป็นฮ่องเต้ย่อมสูงส่งมากกว่า

     อย่างไรเสีย เขาก็ไม่ได้พูดออกมาสักคำว่า ‘ไม่แต่งกับนาง’

     จะรีบร้อนตัวไปเพื่อสิ่งใดกัน แรงสนับสนุนจากฝ่าบาทผู้เป็นใหญ่กว่าใครในใต้หล้า ไม่ต้องสงสัยให้มากความ ฝ่าบาทย่อมส่งเสริมนาง

     นางไร้ประโยชน์ แต่เขาจะไร้คำปฏิเสธ!

     ถือเสียว่า เริ่มต้นใหม่นับแต่บัดนี้

     ไม่แต่งกับเขา นางจะแต่งกับใครได้!

     อวี่เทียนเหมยน้ำตาเหือดแห้ง ใบหน้ายังเปียกชื้นเช่นเดิม นางตากฝนมากเสียจนเพิ่งจะรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว ดูท่าคืนนี้ไม่พ้นต้องจับไข้

     เจตนาไม่กางร่ม มือกำแน่นจนเห็นข้อนิ้วมือขาว ต้องเก็บเอาไว้เตือนใจ

     วันนี้ถือว่าไม่สูญเปล่าเท่าใดนัก อย่างน้อยก็ได้รู้จักเขาเพิ่มขึ้น

     คนงามสูดน้ำมูก ใช้มือข้างที่ว่างลูบใบหน้า เหลียวกลับไปด้านหลังตรงทางเดิน เห็นสาวใช้สองคนกำลังวิ่งมาหาพร้อมร่มและผ้าผืนใหญ่

     นางยิ้มท่ามกลางสายฝน ผ้าถูกยื่นมาห่มคลุมตัวเอาไว้ ลุกขึ้นยืนด้วยความมั่นคง ก่อนจะเดินกลับ อวี่เทียนเหมยไม่ลืมหันไปมองยังทางที่ไท่จื่อเดินจากไปเมื่อครู่ หลังคาตำหนักบูรพาอยู่ในสายตา นางหมายมาดในใจ

     ‘นางจะรับคำขอโทษจากเขาผู้เป็นเจ้าของตำหนักบูรพา ด้วยตำแหน่งไท่จื่อเฟยเท่านั้น!’

[1] เปียกไปทั้งตัว

[2] ตำแหน่งพระชายาในองค์รัชทายาท ขั้น ๙  ชั้นเอก มีความหมายว่า "ผู้งามตาน่าเคารพ" สามารถแต่งตั้งได้ ๒๔ คน

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • หงส์เหนือพันธการ   บทที่ ๓/๓ ดอกไม้บานเพียงหนึ่งเดียว

    อวี่เทียนเหมยสบตากับมารดา รู้สึกอุ่นใจขื้นมาอีกมาก ท่านแม่เข้าใจในเหตุผลของนาง อวี่เทียนเหมยคิดว่าตนเองยังสามารถทนได้ อยากจะลองพยายามดูอีกสักครั้ง ทนมาแล้วแต่แรก ทนอีกต่อไปก็ไม่เสียหาย รู้ดีว่าหากตนทนไม่ไหว ประเมินแล้วได้ข้อสรุปว่า ตั้งรับกับไท่จื่อไม่ได้ นางคงร้องไห้โฮกลับจวนแต่วันแรก ไม่ปล่อยให้เวลาผ่านมานานถึงเจ็ดวัน แล้วจึงค่อยฟูมฟาย แม้จะโกรธเคืองพญามัจจุราชเพียงใด ก็ไม่มีความคิดจะยกเลิกมากเท่า ปรารถนาให้การหมั้นหมายยังคงอยู่ อวี่เสียนเห็นท่าทีของฮูหยินและบุตรสาว พลันเกิดความรู้สึกสับสนในใจขึ้นมาเล็กน้อย ไม่รู้ว่าควรจะต้องเสียใจ หรือยินดีกับความเข้มแข็งทางจิตใจของเหล่าสตรีแซ่อวี่ ที่มีมากจนเกินความพอดีนี้ “แล้วเจ้ายินดีหรือ” บิดาถามไถ่บุตรสาว “แล้วข้ายกเลิกได้หรือเจ้าคะ” ส่งถามคำถามที่มีคำตอบตายตัวอยู่แล้วออกไป ไม่มีใครตอบนางในข้อนี้ได้สักคน ทุ่มเถียงกันอย่างไร มีเพียงคนตระกูลอวี่ก็ไม่อาจยกเลิกได้ อวี่เทียนเหมยยิ้มพร้อมน้ำตาก่อนจะพูดถึงเรื่องกังวลใจอีกหนึ่งเรื่องออกไป “พี่ใหญ่…” บุตรสาวพูดไม่ทันได้จบประโยค เพียงแค่กำลังจะเริ่มเท่านั้น อวี่ฮูหยินผู้เป็นมารด

  • หงส์เหนือพันธการ   บทที่ ๓/๒ ดอกไม้บานเพียงหนึ่งเดียว

    ฟ้าฝนกำลังจะลาจาก ส่งท้ายฤดูกาลด้วยสายลมหนาว เป็นสัญญาณเตือนให้เตรียมพร้อมกับเหมันต์ฤดู อวี่เทียนเหมยสวมเสื้อคลุมอยู่แล้วยังคิดว่าหนาวอยู่ดี ต่อมาเมื่อเจียถิงเอาผ้าอีกผืนมาคลุมเพิ่มให้ จึงรู้สึกอุ่นขึ้นมาบ้าง คนงามเหลียวมองรอบห้องหาสาวใช้อีกคน แน่นอนว่าไม่มีเสียงพูดเจื้อยแจ้วเข้าหู แสดงว่าเจ้าตัวไม่อยู่ในบริเวณนี้ “ซูผิงเล่า” “นางไปเอายามาให้คุณหนูเจ้าค่ะ” เจียถิงตอบกลับมา รู้ว่าเจ้านายมองหาอะไร อวี่เทียนเหมยพยักหน้าว่ารับรู้ มองตามสาวใช้ คุ้นชินแล้วกับการหางานทำอย่างไม่หยุดหย่อนของเจียถิง แม้ไม่มีงานให้ทำ เจียถิงก็จะไปหาอะไรสักอย่างมาทำจนได้ ปากของเจียถิงนิ่งสงบ ลมไม่มีโอกาสเข้าปาก หากไม่มีคนถาม แต่มือของเจียถิงตรงข้ามกัน เคลื่อนไหวตลอดเวลา แตกต่างจากซูผิงที่ไม่มีทางอยู่นิ่ง ยิ่งกับการสนทนาหาข่าวที่ชอบอ้างว่าทำไปเพื่อเปิดหูตาให้กว้างไกล หรือเรียกอีกอย่างว่าการซุบซิบนินทานั้น ดูจะเป็นงานหลักมากกว่าการดูแลเจ้านายอย่างอวี่เทียนเหมย ซูผิงอยู่ไม่ติดที่ วิ่งไปมาทั้งวัน อยู่นอกจวนมากกว่าในจวน แต่ไม่มีผู้ใดตำหนิจริงจังเสียที เพราะซูผิงซุกซนเพียงแค่ในจวน เมื่อก้าวเท้า

  • หงส์เหนือพันธการ   บทที่ ๒/๓ ไร้ประโยชน์

    พูดช้า ๆ เสียงหนักแน่น ใบหน้าเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์ เขาเคยชินกับการพูดโดยไม่จำเป็นต้องคอยสังเกตสีหน้าของใคร เมื่อพูดแล้วก็ลุกขึ้นยืน ฝนยังไม่หยุดตก สภาพนางเหมือนไก่ในน้ำแกง [1]เขาตัดสินใจทิ้งร่มในมือไว้ข้างตัวนาง เพียงแต่ปล่อยมือเร็วไปเล็กน้อย ร่มร่วงลงไปที่พื้น...ราวกับว่าเขาขว้างทิ้ง หาใช่เรื่องที่ต้องใส่ใจ โม่เทียนอวี่หันหลังกลับไปหาเจี้ยนฉางและถางจี้ ยื่นมือไปรับร่มอีกคันจากองครักษ์ สายฝนต้องถูกตัวไม่น้อย เขาร่างกายแข็งแรงยังรู้สึกเย็น แล้วกับสตรีนางหนึ่งเล่า... สลัดความรู้สึกผิดออกจากใจได้ไม่หมด ออกคำสั่งกับเจี้ยนฉางว่า “เรื่องวันนี้อย่าได้แพร่งพราย” เจี้ยนฉางรับคำ โม่เทียนอวี่วางใจ ไม่ต้องพูดให้มากมาย โดยปกติเขาสงวนถ้อยคำยิ่งกว่าทองคำ มีวันนี้พูดมากไปกว่าทุกวัน ชี้แจงมุมมองของตนเองตามคำถามแล้ว เขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรอีก เดินจากไปโดยไม่เหลียวหลัง กลับกัน…. อวี่เทียนเหมยน้ำตาไหลพราก ไม่เคยรู้สึกว่าตนเองตกต่ำมากถึงเพียงนี้ เขากล่าวว่านางไร้ประโยชน์! สามคำนี้เด่นชัดในหู สลักลึกยิ่งกว่าคำว่าไร้ศักดิ์ศรี! ไม่รู้ว่าเพราะตากฝนนาน หรือเพราะถ้อยคำที่ได้ยิน ส

  • หงส์เหนือพันธการ   บทที่ ๓/๑ ดอกไม้บานเพียงหนึ่งเดียว

    อวี่เทียนเหมยนอนหงายอยู่บนเตียง เงยหน้ามองเพดาน สีหน้าบางครั้งซีดเซียวกว่าคนป่วยไข้ปกติธรรมดา บางคราก็แดงก่ำขึ้นมาโดยไม่รู้เหตุผล ผ้าห่มหลายผืนถูกคลุมไว้บนร่างกายซ้อนทับกันไว้ให้ความอบอุ่น คนงามปวดเมื่อยไปทั่วทั้งตัวเพราะพิษไข้ นับได้เจ็ดวันหลังจากวันนั้น นางไม่รอให้ฝนซารีบไปผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ตำหนักฉือหนิง ฐานที่มั่นอันคุ้นเคยหนึ่งเดียวของอวี่เทียนเหมยในวังหลวง ไทเฮามีพระเมตตามากล้น พระราชทานเสื้อผ้าชุดใหม่ไหมล้ำค่าปลอบประโลมใจ คนงามมีใบหน้ายิ้มแย้มกลับจวน กลัวคนในครอบครัวเป็นกังวล ไม่ถึงหนึ่งชั่วยามอาการทรุด ล้มป่วยจนได้ บิดามารดา เห็นสีหน้านางไม่ถามไถ่ อวี่เทียนเหมยไม่กล้าคาดเดา และไม่ได้บอกเล่าออกไปว่าเรื่องราวในวันนั้นเป็นอย่างไร ส่วนตัวแล้วเป็นคนไม่ชอบโกหก หากถูกถามขึ้นมาไม่พ้นต้องบอกตามจริง ยิ่งคิดยิ่งอาย อยากย้อนเวลากลับไปได้ รู้สึกว่าตนเองขาดการไตร่ตรองไม่น้อย หากกลับจวน วันหน้าค่อยไปพบ บางทีคงดีกว่า ‘โง่เขลายิ่งนัก’ มีเพียงคำก่นด่า สมน้ำหน้าตนเอง เอาเถิด…หากไม่ทำก็ไม่หายข้องใจ อย่างไรก็ย้อนกลับไปแก้ไขไม่ได้! ถอนหายใจอีกครั้ง หลับตาลงตั้

  • หงส์เหนือพันธการ   บทที่ ๒/๒ ไร้ประโยชน์

    เมื่อนั้น… เรียกสามครั้งไม่หัน ครั้งที่สี่เขาจึงยอมหันหน้ากลับมามองนาง อวี่เทียนเหมยไม่สงวนท่าทีแล้ว วิ่งหน้าตั้งไปหาเขา ทว่าไหนเลยนางจะกล้าหอบหายใจต่อหน้า เหงื่อไหลพรากเพียงใด อวี่เทียนเหมยก็ไร้เสียง นางจ้องหน้าเขาไม่ยอมละสายตา กลัวว่าหากคลาดไปเพียงเสี้ยว เขาจะหายไปอีก เขาหยุดรออยู่ชั่วครู่ สตรีน่ารำคาญพยายามควบคุมลมหายใจ คงไม่อยากแสดงอาการเหนื่อยให้เห็น ยืนจ้องหน้าเขาด้วยท่าทีไม่น่าดู จะพูดก็ไม่พูดเช่นนี้ ไม่น่าเกลียดกว่าเดิมหรือ โม่เทียนอวี่ใช้โอกาสนี้กวาดสายตามองคนงามตั้งแต่หัวจรดเท้า ‘นึกว่าพวกจิตรกรวาดแต่งแต้มเสริมเติมแต่ง เห็นใบหน้าจึงรู้ว่าที่แท้งามกว่า’ โม่เทียนอวี่ขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่ชอบใจ ไม่ชอบใจที่นางงดงาม ! เหตุใดจะต้องมีเหตุผลให้หยุดคิดในเมื่อตัดสินใจไปแล้ว! ไหนเลยจะชื่นชอบตัวเองยามนี้ รับรู้ถึงความรู้สึกแปลกไปอันรู้แก่ใจว่าเป็นเพราะเหตุใด เพื่อให้ใจแน่วแน่ไม่แปรผัน โม่เทียนอวี่หันหลังกลับ เดินห่างออกไปทันที อวี่เทียนเหมยหายเหนื่อยทันควัน จะวิ่งก็ไม่มีเรี่ยวแรงแล้ว จึงก้าวเท้ายาวเดินตามเขาไปต่อ ไม่กล้าเรียกขานดังเช่นเมื่อครู่

  • หงส์เหนือพันธการ   บทที่ ๒/๑ ไร้ประโยชน์

    อวี่คือแซ่ อักษรเหมยท้ายชื่อมาจากวันที่นางเกิดนั้นมีดอกเหมยบานสะพรั่งทั่วแผ่นดิน อักษรตัวสำคัญคือคำว่าเทียน ไหนเลยจะมาจากผู้อื่น เป็นเขาผู้นั้น องค์รัชทายาทโม่เทียนอวี่ อักษรเทียนนี้ ฮ่องเต้พระราชทานให้แก่นาง พร้อมพระราชโองการระบุสัญญาหมั้นหมายที่มาเยือนถึงหน้าจวนตระกูลอวี่ สัญญาหมั้นหมายแตกต่างอย่างไรกับการผูกมัด ใคร ๆ ก็ว่าเป็นเรื่องมงคลยิ่ง มงคลอย่างไรกัน...แตกต่างจากพันธการอย่างไรหรือ อักษรเทียนกลางชื่อของอวี่เทียนเหมย ก็เป็นดังรับสั่งจากสวรรค์ ให้นางยึดเขาเป็นศูนย์กลางของชีวิต โม่เทียนอวี่ไท่จื่อ ‘ชีวิตของหม่อมฉันไม่เคยได้ใช้เพื่อตนเอง ล้วนแต่เพื่อพระองค์ทั้งสิ้น’ ไม่ชอบไม่ว่า ไม่เคยปรารถนาให้รัก...แต่มาหยามเกียรตินางต่อหน้าผู้คนมากมาย ไม่ละอายใจบ้างหรือ ตัวเป็นบุรุษกลับรังแกสตรีด้วยวาจา เขาอายุนับปีนี้ได้ยี่สิบสองปี มากกว่านางถึงห้าปี เด็กน้อยอายุห้าปี...อ่านตำรารู้ภาษาคนแล้ว ตรงข้ามกับนางซึ่งยังเป็นทารกน้อยนอนอยู่ในห่อผ้า หากไม่ยินดี เหตุใดจึงไม่ปฏิเสธด้วยตนเองตั้งแต่ยามนั้น ปล่อยเวลาล่วงเลยผันผ่าน จนถอยหลังกลับไม่ได้เพื่อสิ่งใด! องค์รัชทายาทโม่เที

  • หงส์เหนือพันธการ   บทที่ ๑/๓ ยินยอม ไม่ยินดี

    มีเพียงความเงียบเป็นคำตอบ โม่เหยียนไซ่ฮ่องเต้ทอดถอนพระทัย ใช่ว่าปรารถนาให้พวกเขาเคียงคู่กันรักมั่นดั่งนกยวนยาง ขอเพียงหงส์เคียงคู่มังกรอย่างสงบสุข ขอความเมตตาเล็กน้อยจากโม่เทียนอวี่ให้แก่อวี่เทียนเหมย มันยากมากนักหรือ! “แล้วเจ้าคิดเห็นอย่างไร” พระองค์ไม่ตรัส โม่เทียนอวี่ก็ไม่พูด หากทรงไม่ริเริ่มการสนทนาก็ไม่พ้นไม่ได้ความ “แปดเก้าไม่ห่างสิบ”[1] ‘ห่างมากทีเดียวเด็กโง่!’ ทรงเข้าพระทัยในความหมายของถ้อยคำ แต่จะให้ทำตามไม่ได้เด็ดขาด ไท่จื่อเฟยก็คือไท่จื่อเฟย ใช่ว่าเป็นสตรีขององค์รัชทายาทแล้วจะมีฐานะเทียบเท่ากันทุกตำแหน่ง! ความจริงทรงไม่จำเป็นต้องถามเหตุผลเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่พระราชโองการเดียว โม่เทียนอวี่ก็ไม่อาจขัดขืน อยากบังคับเหลือเกิน แต่บังคับไม่ได้ เพราะพระโอรสของพระองค์ โม่เทียนอวี่เป็นผู้กล้าตัดข้อมือ [2]เด็ดขาดไม่เกรงกลัว ตัดสินใจแล้วไม่พิจารณาซ้ำสอง เอาเถิด… มรรคาสามพัน สวรรค์ไม่ตัดหนทางมนุษย์ [3]โอกาสใช่ว่ามีหนเดียว อย่างไรเสีย...ก็ไม่มีคำปฏิเสธว่าจะไม่แต่ง ไม่ย่อท้อ ไม่หมดหวัง จึงจะสมหวัง “เช่นนั้น หากข้าบังคับเจ้า...ประกาศพระราชโองก

  • หงส์เหนือพันธการ   บทที่ ๑/๒ ยินยอม ไม่ยินดี

    การเดินเท้าเงียบงัน ไม่มีกระทั่งเสียงรองเท้ากระทบพื้น อวี่เทียนเหมยเดินตามเสิ่นกงกงมาเรื่อย ๆ ไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติมอีกเช่นเดียวกับผู้เฒ่าที่ตั้งหน้าตั้งตานำทาง จวบจนเดินเข้ามาในเขตหวงห้าม อวี่เทียนเหมยมองไปรอบ ๆ ทุกสิ่งยังคงเหมือนเดิมไม่แปรเปลี่ยน ยังเป็นเฉกเช่นครั้งล่าสุดที่ได้มาเยือน ห้องทรงพระอักษร พื้นที่ส่วนพระองค์ของโม่เหยียนไซ่ฮ่องเต้ ฝ่าบาททรงแยกไว้เป็นสัดส่วนกับห้องทรงงาน อวี่เทียนเหมยหายใจผิดจังหวะเล็กน้อย ยามเฝ้ารอ...เหตุใดจึงนานนัก ยามถึงเวลา...เหลือทางข้างหน้าอีกเพียงแค่หนึ่งก้าว นางกลับเริ่มไม่แน่ใจราวกับว่าที่ผ่านมายังเตรียมตัวได้ไม่ดีพร้อม อยู่ ๆ ใจก็เต้นแรงอีกครั้ง มือสองข้างบีบเข้าหากันแน่น อึดอัดจนหายใจไม่ค่อยสะดวก ทั้ง ๆ ที่ห้องโปร่งโล่งสบายอากาศถ่ายเท หากไม่ใช่ว่ารู้สึกไปเอง เหมือนจะมีเหงื่อออกที่ใบหน้าเล็กน้อย เข้าเฝ้าฝ่าบาทร้อยครั้งไร้ความตื่นเต้น อวี่เทียนเหมยไม่เคยเป็นเช่นนี้ โม่เทียนอวี่ไท่จื่อ พญามัจจุราชองค์รัชทายาทแห่งต้าเฉวียน เขาทำให้นางผิดแปลกไปจากเดิม เขาจะเป็นอะไรก็เป็นไป อวี่เทียนเหมยหาได้ใส่ใจ หากไม่ใช่เพราะเขาเป็นคู่หม

  • หงส์เหนือพันธการ   บทที่ ๑/๑ ยินยอม ไม่ยินดี

    แคว้นต้าเฉวียนรัชศกฮุ่ยอัน,โม่เหยียนไซ่ฮ่องเต้วังหลวง . ช่วงท้ายปลายฤดูฝน พายุโหมกระหน่ำแทบทุกวันไม่เว้นว่าง ยามนี้เป็นเวลากลางวัน ทว่าท้องฟ้ากลับกลายเป็นสีดำมืดมิด เสียงลมพัดหวีดหวิวสอดประสานกับเสียงฟ้าร้องคำราม เมฆฝนกลุ่มใหญ่เคลื่อนคล้อยใกล้เข้ามาหา บ่งบอกว่าช่วงเวลาของพายุยังอีกยาวนาน หากบอกว่าสวรรค์พิโรธโกรธเคืองคงเชื่อได้โดยไร้ข้อสงสัย วันนี้ที่เฝ้ารอ วันที่ควรจะเป็นมงคลยิ่ง กลับถูกธรรมชาติทำให้หวั่นใจไปเสียแล้ว เทพธิดากำลังเดินเยื้องย่างท่ามกลางพายุฝน หากมีใครสักคนมาเห็นย่อมมีเสียงชื่นชมเช่นนี้ เพียงแต่ว่าฝนห่าใหญ่ทำให้มนุษย์หลีกเร้นหลบซ่อนหนี คนงามซึ่งหวังจะจำแลงกายเป็นเทพธิดาท่ามกลางสายตาผู้คนมากมายจึงต้องผิดหวัง หนทางเดินเข้าสู่วังหลวง ไร้ผู้คนสวนทาง อัสนีบาตกระทบเข้านัยน์ตา โสตประสาทตื่นตัวยิ่งกว่าเคย ท่าทางภายนอกคนงามดูสงบนิ่ง ทว่าในใจหาได้เป็นเช่นนั้น ร้อนรนยิ่งกว่าสิ่งใด ไม่ต้องให้ใครมาบอก ก็รู้ได้ทันที ‘วันนี้ฤกษ์ไม่ดีเสียแล้ว’ คนงามถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง เวทนาในชะตาของตน อากาศเย็นจนหนาวสั่น ละอองฝนสัมผัสถูกตัวไม่น้อย แต่กลับดับความร้อนภ

좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status