Home / รักโบราณ / หงส์เหนือพันธการ / บทที่ ๒/๒ ไร้ประโยชน์

Share

บทที่ ๒/๒ ไร้ประโยชน์

Author: KUNNUK
last update Last Updated: 2025-05-10 08:13:34

     พี่ชายของนาง อวี่เหวิน พี่ใหญ่เขาแต่งเข้าวังหลวงเป็นราชบุตรเขย นับแต่วันแต่งงานของเขา ทุกคนในจวนตระกูลอวี่ กระทำสิ่งใดก็ตาม ห้าในสิบส่วน ต้องไว้หน้าเขา พี่ใหญ่เปลี่ยนไปตามที่อยู่อาศัย จวนตระกูลอวี่เลี้ยงเขามา แต่ห้ามทำให้เขาอับอาย พี่ใหญ่ไม่ใช่คนตระกูลอวี่แต่แรก เป็นลูกบุญธรรมของท่านพ่อท่านแม่ เลี้ยงตัวได้แต่เลี้ยงใจไม่ได้ อวี่เหวินผู้ควรจะเป็นที่พึ่งให้น้อง ๆ ไม่มีแล้ว

     วันหน้าบิดาลาจาก ใครจะเป็นที่พึ่งให้ทุกคน หากไม่ใช่นาง...ตำแหน่งไท่จื่อเฟยจะช่วยให้จวนตระกูลอวี่ดำรงคงอยู่ได้ อวี่เทียนเหมยนึกถึงหน้าบิดามารดายามนางเดินตามพญามัจจุราช นางเหนื่อยหอบ หายใจรัวเร็ว รู้สึกร้อนทั้งที่ฝนยังตกลงมาไม่ขาดสาย เป้าหมายของนางยิ่งนางเดินช้า เขายิ่งเดินห่าง เขาเดินก้าวเดียวเทียบเท่านางเดินสามก้าว

     ใครเห็นเข้าคงได้หัวร่อ ขบขันว่านางวิ่งตามบุรุษไม่อายฟ้าดิน!

     ทางเดินทอดยาวออกไปไกลเหมือนไร้จุดสิ้นสุด ไท่จื่อนั้นราวกับว่าเขาเหาะได้ แม้มองจากที่ไกล ๆ อวี่เทียนเหมยยังต้องนึกชื่นชมในใจ เขาดูสง่างาม

     เขาสวมใส่อาภรณ์สีดำสนิททั่วทั้งตัว ดูจากเสื้อผ้าก็บ่งบอกแล้วว่าเขาเป็นนรกหรือสวรรค์ นางและเขากระทั่งเครื่องแต่งกายยังเลือกสวนทางกัน เขาเกล้าผมขึ้นสูงรวบตึง ไม่ปล่อยให้ผมหลุดรุ่ยไม่ถูกมัดแม้เพียงหนึ่งเส้น เครื่องประดับเพียงหนึ่งเดียวของเขาคือกวานไท่จื่อบนศีรษะ ไอดำแผ่เย็นยามเขาเดินผ่าน ทำให้ต้องขนลุกทั้งสรรพางค์กาย เขาดูเย็นชา เรียบง่าย สง่างามราวกับไม่อาจเอื้อม

     ใบหน้าของเขา…อวี่เทียนเหมยหยุดชะงักฝีเท้า แก้มสองข้างร้อนผ่าว รู้สึกมวนที่บริเวณท้องเล็กน้อย เมื่อนึกไปถึงแผลเป็นบริเวณใต้ตาด้านซ้ายของไท่จื่อ ใบหน้าที่มีตำหนิน่าดูนั่น ผนวกรวมเข้ากับแววตาคมเข้มดุดันสีดำสนิท ไม่ว่าใครก็ไม่ลืม

     อธิบายโดยง่าย ไท่จื่อเป็นบุรุษรูปงาม ผิวขาว รูปร่างสูงโปร่ง มีความทรงพลังอันแฝงไปด้วยกลิ่นอายอันตรายที่เย้ายวนใจ มากด้วยอิทธิฤทธิ์ในการปั่นหัวสตรีทั้งใต้หล้าให้ชวนฝัน เสน่ห์ลึกลับน่ากลัวคงจะทำให้หัวหมุนโดยง่าย ยินยอมเต็มใจอยู่ในห้วงความฝันต่อไป แม้ว่าจะเป็นฝันร้าย

     เห็นเขาแค่ชั่วกระพริบตา นางยังติดตราตรึงใจ พญามัจจุราช สมแล้วที่เป็นฉายา มองไปทางใดก็ไร้ความขาวสว่าง เห็นเพียงความดำมืดที่ขับเน้นให้เห็นว่าเขาหล่อเหลา กับบุรุษเขาฆ่าตัดหัว แต่กับนางเขาฆ่าโดยใช้วาจาให้ตัดใจ

     รู้ว่าอันตราย แต่ยังวิ่งตามอยู่ได้ คนงามกระพริบตาเรียกสติ นางต้องตามเขามาเพราะหน้าที่ไม่ใช่เพราะใบหน้าของเขา!

     พูดคุยกับเขาให้ได้ถือเป็นหน้าที่ หากสมหวังดังตั้งใจค่อยนับเป็นกำไร อวี่เทียนเหมยสูดลมหายใจเข้าลึก แรกเริ่มเดินก้าวเท้าเร็ว ๆ รักษาท่าทีบัดนี้เปลี่ยนเป็นกึ่งเดินกึ่งวิ่งแทน ความพยายามเป็นผล หรืออาจจะเป็นเพราะว่านางละทิ้งสิ้นแล้วกับการเดิน เปลี่ยนมาวิ่งแทนอย่างไม่สนสายตาผู้ใด มองตามคราใด เขาก็ไกลออกไปเรื่อย ๆ

     “ไท่จื่อเพคะ”

     “ไท่จื่อ”

     “โม่เทียนอวี่ไท่จื่อ”

     นางอยู่ใกล้จนมั่นใจว่าเขาได้ยิน เรียกแล้วเขาก็ไม่ยอมหัน ราวกับว่าในวังหลวงแห่งนี้มีไท่จื่ออยู่สิบคน ไม่ใช่เขาแล้วเป็นใคร ตำแหน่งไท่จื่อเป็นของแจกันตามทางเดินหรือ!

     เขาแสดงเจตนาว่าไม่อยากสนทนาอย่างโจ่งแจ้ง นางตะโกนออกไปอีกครั้งเสียงดังกว่าเดิมว่า “โม่เทียนอวี่ไท่จื่อ!”

     เมื่อนั้น…

     เรียกสามครั้งไม่หัน ครั้งที่สี่เขาจึงยอมหันหน้ากลับมามองนาง

     อวี่เทียนเหมยไม่สงวนท่าทีแล้ว วิ่งหน้าตั้งไปหาเขา ทว่าไหนเลยนางจะกล้าหอบหายใจต่อหน้า เหงื่อไหลพรากเพียงใด อวี่เทียนเหมยก็ไร้เสียง นางจ้องหน้าเขาไม่ยอมละสายตา กลัวว่าหากคลาดไปเพียงเสี้ยว เขาจะหายไปอีก

     เขาหยุดรออยู่ชั่วครู่ สตรีน่ารำคาญพยายามควบคุมลมหายใจ คงไม่อยากแสดงอาการเหนื่อยให้เห็น ยืนจ้องหน้าเขาด้วยท่าทีไม่น่าดู จะพูดก็ไม่พูดเช่นนี้ ไม่น่าเกลียดกว่าเดิมหรือ

     โม่เทียนอวี่ใช้โอกาสนี้กวาดสายตามองคนงามตั้งแต่หัวจรดเท้า ‘นึกว่าพวกจิตรกรวาดแต่งแต้มเสริมเติมแต่ง เห็นใบหน้าจึงรู้ว่าที่แท้งามกว่า’ โม่เทียนอวี่ขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่ชอบใจ

     ไม่ชอบใจที่นางงดงาม !

     เหตุใดจะต้องมีเหตุผลให้หยุดคิดในเมื่อตัดสินใจไปแล้ว!

     ไหนเลยจะชื่นชอบตัวเองยามนี้ รับรู้ถึงความรู้สึกแปลกไปอันรู้แก่ใจว่าเป็นเพราะเหตุใด เพื่อให้ใจแน่วแน่ไม่แปรผัน โม่เทียนอวี่หันหลังกลับ เดินห่างออกไปทันที

     อวี่เทียนเหมยหายเหนื่อยทันควัน จะวิ่งก็ไม่มีเรี่ยวแรงแล้ว จึงก้าวเท้ายาวเดินตามเขาไปต่อ ไม่กล้าเรียกขานดังเช่นเมื่อครู่ เห็นกับตาอยู่ว่าเขาไม่พอใจ

     เขารู้ว่านางเดินตาม เช่นเคยยังเร่งฝีเท้า เดินไปจนสุดทางเดิน เส้นทางต่อไปไร้หลังคากันเม็ดฝน ต้องใช้ร่มไม่เช่นนั้นก็เดินฝ่าฝนไป องครักษ์ข้างกายเขายื่นร่มในมือให้ผู้เป็นนาย ก่อนจะเดินออกไปท่ามกลางสายฝนและไม่แม้จะหันหลังกลับมามอง

     อวี่เทียนเหมยกำลังชั่งใจ ระลึกรู้ตัวว่าตนเองสวมใส่อาภรณ์สีขาว หากเปียกน้ำขึ้นมาแน่นอนว่าจะเกิดภาพไม่น่าดู ควรจะล้มเลิกดีหรือไม่!

     มีความลังเลทว่าเท้ากลับก้าวเดินต่อ เจียถิงสาวใช้คนสนิทคว้าชายเสื้อนางไว้ อวี่เทียนเหมยหันไปมอง เจียถิงส่ายหน้าคัดค้าน อวี่เทียนเหมยจับมือสาวใช้ออกห่าง ตัดสินใจได้แล้ว เหนื่อยต่อไปอีกหน่อยย่อมดีกว่าหยุดกลางทาง มีแต่ต้องตามไปเท่านั้น “เจ้ารออยู่นี่ หาผ้ามาให้ข้าสักผืน” สิ้นคำสั่งซูผิงสาวใช้อีกคนข้างหลังวิ่งกลับไปทางเดิม สาวใช้เจียถิงคนทัดทานรู้ว่าห้ามไม่ได้ เจ้านายไม่ถามความเห็น เก็บมือประสานไว้ รอตามคำสั่ง

     อวี่เทียนเหมยมองไปด้านหน้า เห็นเขายืนนิ่งถือร่มรออยู่กลางสายฝน เข้าใจได้ว่าเขามีเจตนาท้าทายตน...กล้าเดินฝ่าฝนไปหาเขาหรือไม่ ตั้งใจแต่แรกแล้วว่าอย่างไรก็ต้องตามเขาไป คนงามจับจ้องไปยังเป้าหมาย ก้าวเท้าออกไปไร้ลังเล

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • หงส์เหนือพันธการ   บทที่ ๒๕/๕ ว่าอย่างไรเล่า

    เสียงถวายพระพรแก่ไท่จื่อเป็นภาพน่าดู ศีรษะที่ก้มลงเพราะถูกบังคับ ไหนเลยจะเทียบเท่ากับศีรษะที่ก้มลงด้วยความเต็มใจ ฮ่องเต้สองแคว้นใหญ่ทั้งหยางและปิง มองพระพักตร์กันในทันใด คนที่ในภายภาคหน้าจะได้ครองบัลลังก์มังกรแห่งต้าเฉวียน แม้ชื่อเสียงคือพญามัจจุราช แต่กลับมองขาดเรื่องการซื้อใจคน น่านับถือ! รอจนเหตุการณ์ทุกอย่างปกติ ประชาชนทุกคนลุกขึ้น จับจ้องยืนมองอย่างเต็มที่ ตั้งแถวเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่จำเป็นต้องให้ใครสั่ง เฉินอวี้รีบวิ่งมาหาสหาย ยังไม่ทันพูดก็ได้รับคำถามก่อน “เมื่อครู่นางมองดูข้าหรือไม่” เฉินอวี้กระพริบตามองคนสับปลับตรงหน้า ที่ชอบกล่าววาจาค่อนแคะว่าเขาเสแสร้ง พูดเอาดีเข้าตัวว่าตนไม่ชอบแสดงละคร ดูเอาเถิด…หวังจะได้ทั้งใจประชาชนและหญิงคนรักในคราวเดียว โลภมากไปหน่อย แต่ก็ทำได้ดีจริง ๆ “ไม่มีที่ติ” ตอบไม่ตรงคำถาม แต่เหมือนจะตอบได้ตรงใจ โม่เทียนอวี่ยักไหล่ มองไปหาสหายอีกคน สือหม่าซีซวนกำลังจ้องเขาอยู่เช่นกัน สายตาของโม่เทียนอวี่สั่งให้สื่อหม่าซีซวนพาหยางลู่อิงฮวาไปให้ไกล ๆ สหายทำตามคำสั่งทันที ส่วนอีกฝั่งทางก็สะดวก เพราะเฉินอวี้รู้ทันว่าเข

  • หงส์เหนือพันธการ   บทที่ ๒๕/๔ ว่าอย่างไรเล่า

    ให้เขาคาดเดาความชั่วของฝั่งตรงข้ามผิดบ้างได้หรือไม่ ไร้ข้อสงสัยต้องเป็นมู่ฮองเฮาหรือผู้เฒ่ามากเล่ห์แซ่มู่ที่ส่งมา ครั้งนี้คงหมดสิ้นคำกล่าวอ้าง จะส่งคนแอบติดตามมาก็ไม่ได้ เขาไม่เคยให้ใครติดตามนอกจากเจี้ยนฉางและถางจี้ เสด็จปู่เล็ก หยางลู่ซูจิ้งฮ่องเต้ ก็มีองครักษ์อยู่มากมาย พวกนั้นจึงส่งคนมาซึ่งหน้า คงจะอ้างว่าคุ้มกัน ทหารมาใหม่ดันฝูงชนที่มุงดูผู้สูงศักดิ์ทั้งหลาย ดันออกไปให้ห่างไกลไม่ไว้หน้า เด็กน้อยหรือคนแก่ชรา แม่ค้าพ่อค้าประชาชน ถูกกีดกันเหมือนไม่ใช่คน สมควรแล้วหรือ… ท้ายที่สุดแล้วสมควรหรือไม่สมควร คนทั้งหมดทั้งมวล ล้วนมองเขาไม่ดี คุ้มครองโม่เทียนอวี่ไท่จื่อ ภายในอย่างไรไม่รู้ ภายนอกทหารคุ้มกันพวกนี้คือคนของโม่เทียนอวี่ไท่จื่อ คนตระกูลมู่ปราดเปรื่อง หนึ่งส่งคนมาตามติดได้ สองทำลายชื่อเสียง พญามัจจุราชไม่ใช่ความหมายที่ดีนัก ลงมือหนึ่งครั้งคับคั่งผลลัพธ์ ยิ่งทหารคุ้มกันโหดร้าย โม่เทียนอวี่ไท่จื่อก็ยิ่งโหดร้าย เสียงก่นด่าดุดันขู่เข็ญตะคอกบอกว่าจะควักลูกตา ประทุษร้ายร่างกาย ขี่ม้ามาเร็วไวไม่ทันให้ตั้งตัว แขกต่างแคว้นต่างแดนล้วนแต่เป็นฮ่องเต้ ทำเช่น

  • หงส์เหนือพันธการ   บทที่ ๒๕/๓ ว่าอย่างไรเล่า

    “เขา...” อวี่เทียนเหมยทวนคำ เขาที่ตรัสนี้คือใครชวนให้สงสัย ใครจะพาอันฉินไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทถึงห้องบรรทมได้ มีไม่กี่คนที่ได้รับอนุญาต “ก็ว่าที่สามีเจ้านั่นไง” ข้อสงสัยยังไม่กระจ่างแจ้ง หน้าต่างฝั่งทางนางก็ถูกเคาะเป็นจังหวะ อวี่เทียนเหมยไม่ได้เปิดม่าน รู้ว่าคนที่เคาะคืออวี่หลางซาน นางเอียงศีรษะตั้งท่ารอฟัง เสียงจากน้องชายดังเข้าหูบอกกล่าว “ไท่จื่อเสด็จมา พี่รองจะลงจากราชรถหรือไม่” ไท่จื่อ อีกแล้วหรือ.... องค์หญิงหยางลู่อิงฮวาครั้งนี้ก่อนกลับแคว้นหยาง ฮ่องเต้แคว้นหยางพระบิดาของนางเสด็จมารับกลับถึงที่ ต้าเฉวียนกับแคว้นหยางอย่าเอ่ยอ้างความสัมพันธ์ แนบแฟ้นแม่นมั่น เป็นที่รู้กันว่าองค์หญิงเพียงหนึ่งเดียวของแคว้น เอาแต่ใจเป็นที่หนึ่ง หยางลู่อิงฮวาคิดอย่างไรไม่รู้ บังคับขู่เข็ญเอาพระบิดามาอ้าง หาเรื่องเที่ยวชมเมือง มีแขกก็ต้องมีเจ้าบ้าน จะมีใครเหมาะสมมากกว่าโม่เทียนอวี่ ผ้าพันแผลยังไม่ถูกแกะ แต่องค์รัชทายาทเดินเหินไปทั่ว แน่นอนว่าถ้าโม่เทียนอวี่มา เฉินอวี้ขอลาไม่ได้ ต้องถูกบังคับมากกว่าใครคือสือหม่าซีซวน องค์หญิงแคว้นหยางเดินไม่ห่างแม่ทัพน้อยตระ

  • หงส์เหนือพันธการ   บทที่ ๒๕/๒ ว่าอย่างไรเล่า

    สาวน้อยน่ารักส่งยิ้มให้จนตาหยี อันฉินฮ่องเต้แย้มพระโอษฐ์ตามในทันใด สาวน้อยตอบว่า“อวี่ไฉฟงเพคะ” “มีพันธะใดหรือไม่” ตรัสถามพี่สาวของสาวน้อยก่อนจะทำสิ่งใดต่อไป ทอดพระเนตรเห็นอวี่เทียนเหมยส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้ม อันฉินฮ่องเต้ลิงโลดในพระทัยเหลือประมาณ อวี่เทียนเหมยเคยชินแล้วกับการเกี้ยวพาไม่เลือกหน้าของฝ่าบาทแคว้นปิง นางไม่ทัดทาน หาใช่เพราะไม่คัดค้าน ปล่อยให้อันฉินฮ่องเต้รู้ฤทธิ์ของน้องสาวนางเองดีกว่า ได้ยินอวี่ไฉฟงตอบคำถามของอันฉินฮ่องเต้แล้ว อวี่เทียนเหมยก็กลั้นยิ้ม “ไม่มีเพคะ” สาวน้อยเสียงใส พระทัยของฮ่องเต้แคว้นปิงสั่นไหว ตรัสถามด้วยความรีบร้อน “สนใจไปเที่ยวแคว้นปิงหรือไม่” “ฝ่าบาท...สามวันก่อนเกี้ยวพี่สาวหม่อมฉัน วันนี้มาเกี้ยวหม่อมฉัน ความจริงก็ค่อนข้าง...” อวี่ไฉฟงรอยยิ้มไม่คลายไปจากใบหน้า นางพูดต่อไปว่า “กล้าหาญจนน่าทึ่ง” ‘ว่าแล้วอย่างไรเล่า!’ คำชื่นชมที่แฝงเจตนาด่าทอว่าหน้าไม่อายนี้แยบยลแบบให้รู้ว่าด่า แต่เอาผิดไม่ได้ พี่สาวน้องสาวไม่ต่างกันจริง ๆ อันฉินฮ่องเต้สรวลดังลั่น ไม่ได้นึกโกรธเคืองแต่อย่างไร จริงใจต่อกันไว้จึงจะดี “ขึ้นมาเถิด” ภา

  • หงส์เหนือพันธการ   บทที่ ๒๕/๑ ว่าอย่างไรเล่า

    วันนี้หนาวมากกว่าทุกวัน หนาวจนต้องสวมเสื้อคลุมทับสองชั้น หิมะที่คาดการณ์ว่าจะตกเริ่มปรากฏเค้าลาง บริเวณโดยรอบมีบรรยากาศมืดมน เหลียวมองไปทางใดล้วนแต่น่าหดหู่ อย่างไรก็ตาม…นัดเอาไว้แล้ว ก็ต้องไป ผิวหนังช่วงอากาศเย็นไม่ว่าใครก็เป็น ค่อนข้างแห้งไร้ความชุ่มชื้น บำรุงดีเพียงใด ก็ยังทำให้หงุดหงิดใจยามจ้องมอง อวี่เทียนเหมยชโลมผิวด้วยน้ำมันจากดอกไม้ จนกลิ่นหอมลอยออกมานอกเสื้อคลุม มือทั้งสองข้างปลายนิ้วเย็นเฉียบ เย็นทั้งมือและเท้า เจียถิงยื่นมือมาจับคลำสำรวจอยู่ชั่วครู่ ก่อนสาวใช้จะรีบไปเอาถุงมือกับถุงเท้ามาใส่ให้ อวี่เทียนเหมยจึงค่อยรู้สึกอุ่นขึ้นมาเล็กน้อย มีเพียงเจียถิงและซูผิงรู้เรื่องราวทั้งหมด ว่าอวี่เทียนเหมยไปทำอะไรมา สาวใช้ทั้งสองน้ำตาเอ่อคลอ ในวันที่นางเดินออกจากตำหนักบูรพาพร้อมด้วยเลือดเต็มหน้า อวี่เทียนเหมยสั่งกำชับเข้ม ห้ามแพร่งพรายให้ใครรู้ ก้าวเท้าเข้าตำหนักบูรพา ปากกล่าววาจาล่วงเกินเจ้าของตำหนัก ไม่แตกต่างจากการรนหาที่ตาย เป็นเรื่องใหญ่ซึ่งรู้ถึงหูผู้ใด ต้องถูกตำหนิอย่างไม่มีข้อยกเว้น ทำลงไปแล้วมาคิดทบทวนย้อนหลัง อวี่เทียนเหมยพบว่าเรื่องราวทั้งหลายไม

  • หงส์เหนือพันธการ   บทที่ ๒๔/๔ สมดังใจ

    เรียบร้อยเสร็จสิ้น ม้วนกระดาษไม่รอให้หมึกแห้งถูกส่งคืน ราวกับว่าคนเขียนไม่อยากให้อยู่ในสายตา เฉินอวี้รับม้วนกระดาษมามองสำรวจรอบแรก หน้าที่ต่อไปเป็นของตนเอง คนแซ่เฉินยิ้มอย่างน่าชัง เมื่อเห็นว่าตำแหน่งฮองเฮายังไม่เปลี่ยนแปลง ว่าจะไม่พูดแล้วแต่อดไม่ได้ เยาะเย้ยถากถางเล็กน้อยเพื่อความสะใจส่วนตัว “ถามนางแล้วหรือไม่ เหมือนจะได้ยินมาว่ายินยอมแต่ไม่ยินดี” โม่เทียนอวี่ใบหน้าเรียบตึง ได้ยินแล้วถามไปเพื่ออะไร หากไม่ใช่เพราะหมายว่าจะกวนโทสะ ‘ช่างหัวเฉินอวี้เถิด’ สนใจเพียงแค่สิ่งที่ควรจะสนใจก็พอ สาบานว่าต่อให้เหมยเอ๋อร์จะปฏิเสธเขาอีกกี่พันครั้ง เขาก็ไม่พร้อมรับฟัง! “นั่งฟังมาตั้งนาน ขอถามได้หรือไม่” ทุกคนในห้องต่างพากันหันไปมองสือหม่าซีซวนที่ยกมือขึ้นมาตั้งท่าถาม “นางที่ว่านี้คือใคร” เหมือนจะรู้เรื่องแต่แท้จริงแล้วไม่รู้เรื่อง เฉินอวี้ธุระตนเสร็จเรียบร้อย เขาปัดเสื้อผ้าหันหน้าออกทางประตู ไม่มีคำพูดใด เดินผ่านสือหม่าซีซวนไปโดยไม่หันมองเสียเลยด้วยซ้ำ พูดคุยมาตั้งนาน นั่งฟังไม่ส่งเสียง สวรรค์โหดร้าย ให้ความสามารถแก่สหายของเขามามากมาย แต่กลับลืมให้สมอง…สือหม่าซีซวนไม่เข้าใจตั

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status