Share

บทที่ 12 ลดน้ำหนัก

แน่นอนว่าถูซินเยว่จะไม่ทำร้ายซูเฟิ่งอี๋จนถึงตาย หากตายขึ้นมาเธอต้องถูกส่งตัวไปกินข้าวคุกในอำเภอ

ไม่จำเป็นต้องเอาตัวเองเข้าแลกกับเศษสวะเช่นนี้

เธอยืนขึ้นแล้วเดินไปยังซูจื่อหังที่ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง แล้วพูดว่า "มาอุ้มท่านแม่ออกไปด้วยกันเถอะ"

ในเมื่อตระกูลซูไล่พวกเขาไป ถูซินเยว่จึงไม่หน้าด้านหน้าทนพอที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป

ซูจื่อหังพยักหน้า เหลือบมองซูเฟิ่งอี๋บนพื้นที่พยายามลุกแต่ก็ลุกไม่ขึ้น แล้วจึงหันไปมองมือของถูซินเยว่ จู่ ๆ ก็ถามขึ้นว่า "มือเจ้าเจ็บหรือเปล่า?"

“ฮะ?” ถูซินเยว่ตะลึงงัน ลูบฝ่ามือของตัวเองโดยไม่รู้ตัว

จะว่าไป เมื่อครู่เธอเองก็ไม่ได้รู้สึก แต่เมื่อถูกซูจื่อหังถามขึ้นเช่นนี้ เธอก็รู้สึกเจ็บแปลบอยู่ที่ฝ่ามือเล็กน้อย

เพราะอย่างไรแล้วการตบกว่าสิบครั้งนั้น ก็เกิดแรงปะทะขึ้นทั้งสองฝ่าย

“ดูเหมือนจะเจ็บนิดหน่อยน่ะ” ถูซินเยว่ยิ้มโง่ให้ซูจื่อหังสองที

ซูจื่อหังกล่าวต่อว่า "คราวหน้าถ้าเจ้าจะตบตีใคร ก็อย่าใช้มือตัวเอง หาคนอื่นมาช่วยดีกว่า"

"ได้" ถูซินเยว่พยักหน้าอย่างจริงจัง เมื่อครู่เธอกำลังโกรธจึงไม่ได้คิดอะไรมาก

ในขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน พวกเขาก็อุ้มนางหยูขึ้น และเดินไปที่กระท่อมมุงจาก ทำเหมือนซูเฟิ่งอี๋ที่อยู่บนพื้นเป็นอากาศธาตุ

ส่วนซูเฟิ่งอี๋ที่นอนกองอยู่บนพื้นนั้นกำลังจะอาเจียนเป็นเลือดด้วยความโกรธ

ทั้ง ๆ ที่คนที่ถูกตบคือนาง หน้าของนางถูกตบจนบวมเป่ง แต่จื่อหังกลับถามถูซินเยว่อย่างหน้าตาเฉยว่าเจ็บมือหรือเปล่า?!

พวกสารเลวสองตัว!

“ท่านแม่ รีบมาช่วยดึงข้าลุกขึ้นที” ซูเฟิ่งอี๋เงยหน้าขึ้นและมองไปที่แม่เฒ่าตระกูลซูที่ยืนอยู่ข้าง ๆ อย่างไม่แยแส

“ไม่ได้เรื่อง แค่เด็กผู้หญิงก็สู้ไม่ไหว” แม่เฒ่าตระกูลซูเหลือบมองนาง เมื่อเห็นว่านางไม่ได้อาการสาหัส แค่หน้าบวมแดงจนน่ากลัวไปหน่อยเท่านั้น แม่เฒ่าตระกูลซูก็ยันไม้เท้าหมุนตัวเดินกลับเข้าห้อง ทิ้งซูเฟิ่งอี๋ที่อยากร้องแต่ก็ร้องไม่ออกให้นอนอยู่บนพื้นคนเดียว

เมื่อกลับจากภูเขาก็เกือบจะมืดแล้ว ถูซินเยว่และซูจื่อหังช่วยกันแบกนางหยูไปที่กระท่อมมุงจาก

เมื่อเปิดประตูออก ถูซินเยว่ก็ตกใจจนอ้าปากค้าง สภาพภายในกระท่อมนั้นแย่กว่าข้างนอกเสียอีก ทั้งหมดมีเพียงสองห้องเท่านั้น ข้างในไม่มีอะไรเลยนอกจากเตียงไม้ที่ไม่มีขา เมื่อมองขึ้นไปข้างบนหลังคาก็พบว่าตรงกลางเป็นช่องว่างเปล่า

หลังจากวางนางหยูลงเรียบร้อยแล้ว เมื่อมองดูสภาพแร้นแค้นตรงหน้า จู่ ๆ ซูจื่อหังก็พูดขึ้นว่า "ซินเยว่ ข้าทำให้เจ้าต้องลำบากจริง ๆ "

ทันทีที่แต่งเข้ามา ก็ต้องมาลำบากไปกับเขาด้วย ซูจื่อหังรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก

เดิมทีเขาต้องการให้ถูซินเยว่กลับไปหลบที่บ้านพ่อแม่ของเธอ แต่แล้วเขาก็นึกได้ถึงเรื่องวันนั้นที่ซูเฟิ่งอี๋และลุงรองพาเธอเข็นใส่เกวียนวัวกลับไป ปรากฏว่าบ้านตระกูลถูกลับปิดประตูใส่

ในพื้นที่ชนบทสมัยโบราณ เด็กหญิงที่แต่งงานออกไปแล้ว ยากที่จะมีเหตุผลใดสามารถกลับไปที่บ้านได้อีก

หากกลับไปในเวลานี้ คงถูกชาวบ้านนินทาอย่างแน่นอน

ซูจื่อหังเหลือบมองถูซินเยว่อย่างรู้สึกขอโทษ

แต่ถูซินเยว่กลับมองโลกในแง่ดี เธอวางหมูป่าที่อยู่บนหลังลงแล้วนั่งลงกับพื้น พูดด้วยรอยยิ้มว่า "ต่อไปนี่ก็คือบ้านของเรา เราต้องพยายามต่อสู้ไปด้วยกัน สร้างบ้านหลังนี้ให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ !"

หลังจากที่แยกครอบครัวออกมาแล้ว เงินที่หามาได้ทั้งหมดก็จะเป็นของพวกเขา แม้ว่าตอนนี้จะลำบากไปบ้าง แต่ตราบใดที่พวกเขาไม่กลัวความยากลำบาก อนาคตก็จะต้องดีขึ้นเรื่อย ๆ ถูซินเยว่ไม่เชื่อหรอกว่าเธอที่เป็นถึงหน่วยรบพิเศษจากศตวรรษที่ยี่สิบจะอับจนหนทางกับความยากลำบากเล็ก ๆ น้อยๆ ของชีวิตในสมัยโบราณเช่นนี้

ท่าทางที่มั่นใจของหญิงสาวถูกส่งต่อไปยังซูจื่อหังเช่นกัน เขาคุกเข่าลงต่อหน้าถูซินเยว่ เลิกคิ้วแล้วถามว่า "เจ้าไม่รังเกียจหรอกหรือ?"

“รังเกียจอะไร?” ถูซินเยว่ทำปากยื่นแล้วพูดว่า “ข้าไม่ใช่พวกรังเกียจความจนและรักความสบายซะหน่อย!"

แม้ว่าเธอจะเพิ่งย้อนอดีตมาและไม่เข้าใจอะไรเลย แต่ต้องมาแต่งงานโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่ กลายเป็นหญิงที่แต่งงานแล้ว ทั้งยังต้องเผชิญหน้ากับญาติ ๆ ที่ร้ายกาจของครอบครัว แต่ทว่าถูซินเยว่กลับแสดงให้เห็นว่าสามีโดยบังเอิญของเธอคนนี้ไม่เลว อย่างน้อยที่สุดก็เป็นอาหารตาที่ดีไม่น้อย....

หญิงสาวเงยหน้าขึ้นและยิ้มอย่างโง่เขลาให้กับซูจื่อหังที่อยู่ตรงข้าม

ซูจื่อหังชะงักพร้อมส่ายหัวอย่างจนปัญญา

เนื่องจากมีเพียงเตียงเดียว พวกเขาทั้งสองจึงช่วยกันจัดแจงปูที่นอนกันบนพื้น เพื่อพอให้มีที่นอนก่อนหนึ่งคืน

เช้าวันรุ่งขึ้นถูซินเยว่พลิกตัวอยู่ในผ้าห่ม แสงแดดจากด้านนอกส่องกระทบไปที่ใบหน้าของเธอ เธอเอื้อมมือไปดึงผ้าห่มมาปิดตาโดยสัญชาตญาณ ทันทีที่เธอยื่นมือออกมา ก็สัมผัสไปโดนวัตถุบางอย่างที่อ่อนนุ่ม พร้อมกับกลิ่นหอมที่โชยมาเตะจมูก

ถูซินเยว่รู้สึกตัวตื่นทันที

เมื่อคืนเธอไม่ได้กินข้าว จึงรู้สึกหิวอยู่นานแล้ว ตอนนี้ได้กลิ่นหอมยั่วยวนแบบนี้แล้วจะหลับลงได้อย่างไร เธอจึงรีบลืมตาตื่นขึ้น แต่ก็เจอเข้ากับใบหน้าอันหล่อเหลา

ซูจื่อหังก้มศีรษะลงเห็นเธอลืมตาขึ้น มุมปากเผยอรอยยิ้มพูดขึ้นว่า "ได้เวลาลุกขึ้นไปกินข้าวแล้ว"

พอลืมตาตื่นก็เจอหนุ่มรูปงาม ชีวิตแบบนี้ช่างเป็นชีวิตที่น่าอภิรมย์อะไรเช่นนี้

ถูซินเยว่รีบลุกขึ้นนั่ง ทำจมูกฟุตฟิต แล้วถามขึ้นว่า "เจ้าหุงข้าวเรียบร้อยแล้วหรอ?"

“ใช่” ซู่จื่อหังพยักหน้าและกล่าวต่อว่า “ข้าขอลาหยุดกับสำนักบัณฑิตสิบวัน ดังนั้นสิบวันนี้ข้าจะอยู่ที่บ้าน รีบลุกขึ้นมาล้างหน้าและกินข้าวเถอะ"

"ได้" ถูซินเยว่ขานรับ มองดูเงาร่างสูงของชายหนุ่มที่เดินออกไป แล้วจึงรีบลุกขึ้นพับผ้าห่มให้เรียบร้อย

แม้ว่าทั้งสองจะเป็นสามีภรรยากันแล้ว แต่ทั้งคู่รู้กันโดยปริยายว่าจะไม่พูดถึงเรื่องการแต่งงานของพวกเขา อย่าว่าแต่ซูจื่อหัง แม้แต่ตัวถูซินเยว่เองมองสภาพตัวเองแบบนี้ก็ยังรู้สึกพะอืดพะอม

อาศัยช่วงที่กำลังล้างหน้าบ้วนปาก ถูซินเยว่ก็เรียกฉงเป่าออกมา

“ฉงเป่า น้ำพุศักดิ์สิทธิ์จากมิติสามารถช่วยข้าลดน้ำหนักได้หรือเปล่า?”

“แน่นอนสิ น้ำพุศักดิ์สิทธิ์สามารถทำอะไรก็ได้" ฉงเป่าอ้าปากหาว น้ำเสียงรังเกียจดังเข้ามา "ร่างกายของเจ้ามีสารพิษมากเกินไป ดังนั้นจึงมีฝีขึ้นเต็มหน้า เดี๋ยวดื่มน้ำพุศักดิ์สิทธิ์เข้าไป น้ำพุศักดิ์สิทธิ์ก็จะช่วยเจ้าปรับสมดุลในร่างกาย และกำจัดสารพิษ ถึงเวลาเจ้าก็จะผอมไปเอง"

“อย่างนี้นี่เอง" ดวงตาของถูซินเยว่เป็นประกาย "วิเศษจัง"

เมื่อนึกถึงตรงนี้ ดูเหมือนว่าเธอจะคิดอะไรได้บางอย่าง จึงถามขึ้น "น้ำพุศักดิ์สิทธิ์สามารถช่วยรักษาบาดแผลได้ไหม"

หากสามารถช่วยสมานแผลได้ ก็ไม่แน่ว่าอาจจะช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของนางหยูได้เช่นกัน ตั้งแต่หมดสติไปเมื่อวานจนถึงตอนนี้นางหยูก็ยังไม่ฟื้น

เมื่อถามถึงตรงนี้ เสียงของซูจื่อหังก็ดังขึ้น "ซินเยว่ เจ้าเสร็จหรือยัง อาหารจะเย็นหมดแล้ว"

"อ้อ เสร็จแล้ว" ถูซินเยว่ขานตอบ ขณะที่เรียกหาฉงเป่าอีกครั้ง อีกฝ่ายก็เหมือนจะแกล้งตาย ไม่ว่าถูซินเยว่จะเรียกเท่าไหร่ ก็ไม่มีเสียงตอบรับ

“ไอ้ฉงเป่าเวรเอ้ย พึ่งพาอะไรไม่ได้จริง ๆ ” บ่นไปสองสามคำ ถูซินเยว่ก็แตะขี้เถ้าเล็กน้อยขึ้นมาขัดฟัน ต้องเก็บเรื่องนี้พักไว้ก่อนชั่วคราว

ในบ้านมีอยู่สองด้าน ด้านหนึ่งสำหรับสามคนนอน อีกด้านหนึ่งมีโต๊ะวางอยู่ตรงกลาง และมีเตาที่สร้างขึ้นอย่างลวก ๆ ด้วยหม้อกระทะเหล็กและเศษหญ้าไว้ใช้เป็นที่ทำอาหาร

ในบ้านมีเพียงสิ่งของไม่กี่อย่างเท่านั้น เป็นบ้านที่มีแค่กำแพงสี่ด้านที่ว่างเปล่าและความยากจน

ถูซินเยว่นั่งลงบนม้านั่งแล้วจู่ ๆ ก็นึกอะไรขึ้นได้

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status