Share

บทที่ 122 ข่มขู่

Author: ฮวาฮวาน่งหยวี่
เดิมทีนางหยูคิดว่าซูฟาเสียงนั้นจะเกรงใจขึ้นบ้างเพราะเห็นแก่หน้าของแม่เฒ่าตระกูลซู แต่นางดันลืมเสียสนิทไปว่าตัวเองนั้นเป็นผู้หญิง

ตอนนี้เป็นยุคสมัยโบราณ ถ้านางหยูเอาเรื่องนี้ไปเปิดเผยต่อหน้าแม่เฒ่าตระกูลซูแล้วล่ะก็ เกรงว่าเพื่อปกป้องลูกชายของตนเองแล้วแม่เฒ่าตระกูลซูควไม่สนใจนางหยูอย่างแน่แท้

และก็เป็นจริงตามคาด หลังจากซูฟาเสียงได้ยินคําพูดของนางหยูแล้วก็ฉีกยิ้มกว้างออกมาทันที จากนั้นเอ่ยอย่างช้า ๆ ว่า "อาซ้อ นี่ท่านไร้เดียงสาเพียงนี้เชียวหรือ? ท่านจะไปบอกท่านแม่ใช่ไหม? ก็เอาสิ ถ้าท่านไปบอกแม่ ข้าก็จะบอกว่าเป็นท่านเองที่ทนความเหงาไม่ได้ เลยมายั่วข้า! ดูสิ เสื้อบังทรงผืนนี้ก็คือหลักฐานยังไงล่ะ"

ขณะที่พูด ซูฟาเสียงก็ดึงเสื้อบังทรงออกมาแกว่งไปแกว่งมาต่อหน้านางหยูอย่างไร้ยางอาย

นางหยูโกรธจนหน้าซีด มองท่าทางกระหยิ่มยิ้มย่องของซูฟาเสียงแล้ว นางก็แทบอยากจะกัดอีกฝ่ายให้ตายคามือ

"ซูฟาเสียง นี่ข้าเป็นพี่สะใภ้ของเจ้านะ เจ้าอย่ามาทำมากเกินไป"

นางหยูกัดฟันพูด

แต่ซูฟาเสียงกลับไม่สนใจ ยังไงตอนนี้ก็หักหน้ากันแล้ว เขาจึงไม่จําเป็นต้องปิดบังอีกต่อไป เขาก็แค่อยากจะนอนกับนางหยู หากนางหยูรับปากเขาแต่โ
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Nareerat Tandee
สนุกดี น่าอ่านต่อ
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 123 ซื้อปลาแห้ง

    ซูจื่อหังพยักหน้าพลางความมั่นใจแวบผ่านดวงตา แล้วพูดว่า "วางใจเถอะ ไม่มีปัญหาแน่นอน"รูปร่างอันสูงใหญ่ของเขาดูมั่นอกมั่นใจเหลือเกินถูซินเยว่พยักหน้า หรี่ตายิ้มแล้วพูดว่า"ข้าเชื่อใจท่าน ท่านพี่ของข้าน่ะเก่งที่สุดอยู่แล้ว"หน้าซูจื่อหังแดงขึ้นมา เมื่อหญิงสาวเข้ามาใกล้ ลมหายใจก็พ่นลงบนใบหน้าของเขา ทําให้เขาตัวแข็งทื่อไปทั้งร่าง แม้แต่ใบหูก็แอบแดงขึ้นมาด้วยในสมองของผู้ชายมีเพียงคําพูดที่หญิงสาวพูดเมื่อกี้นี้สะท้อนก้องอยู่ "ท่านพี่ของข้าเก่งที่สุด... เก่งที่สุด..."ปกติแล้วถูซินเยว่มักจะเรียกเขาว่าท่านพี่ซู มีแต่ตอนที่ชมเขาหรือตอนที่อารมณ์ดีเท่านั้น ถึงจะเรียกเขาว่าท่านพี่ทุกครั้งที่ได้ยินอีกฝ่ายเรียกเขาแบบนี้ ในใจของซูจื่อหังก็มักจะรู้สึกแปลก ๆ หญิงสาวที่อยู่ข้างหน้าเขาเป็นเมียของตัวเอง นางเป็นของเขาซูจื่อหังอดพูดไม่ได้ว่า"ซินเยว่ ข้ามีเรื่องหนึ่งอยากปรึกษากับเจ้า""เรื่องอะไรหรือ?"ถูซินเยว่มองอีกฝ่ายด้วยความสงสัย"ต่อไปเจ้าเรียกข้าว่าท่านพี่ตลอดเถอะ เดี๋ยวเรียกท่านพี่ซู เดี๋ยวเรียกท่านพี่ ข้าตั้งตัวไม่ค่อยจะทันน่ะ" ซูจื่อหังพูดอย่างจริงจัง ไม่ได้แสดงอารมณ์ที่ว่าตัวเองอยากได้

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 124 นี่มันอัจฉริยะชัด ๆ

    หลังจากเทน้ำมันลงหม้อแล้วก็ส่งกลิ่นหอมจากน้ำมันไปถ้วนทั่วถูซินเยว่ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็ช่วยซูจื่อหังไม่ได้มากสักเท่าไร เธอทำได้เพียงแค่ช่วยซูจื่อหังควบคุมขนาดไฟเท่านั้น พูดง่าย ๆ คือทำได้เพียงช่วยเผาไฟลุงเฉียนและเด็กรับใช้กลุ่มหนึ่งในห้องครัวรวมทั้งพ่อครัวใหญ่ก็มาล้อมอยู่โดยรอบ ต่างมองไปยังถูซินเยว่และซูจื่อหังที่กำลังยุ่งกับการทำอาหาร เมื่อเห็นปลาแห้งที่แช่อยู่ในน้ำก็แสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา เนื่องจากไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร ทำไมต้มออกมาแล้วส่งกลิ่นหอมได้ในขณะที่พวกเขาสงสัยนั้น ซูจื่อหังก็นำปลาแห้งใส่ลงไปในหม้อแล้วพ่อครัวโจวเป็นพ่อครัวใหญ่ในครัวของโรงเตี๊ยมเทียนเซียง เมื่อเห็นลุงเฉียนตั้งใจมองซูจื่อหัง จึงเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัยว่า "ข้าทำอาหารมาตั้งสิบกว่าปี ไม่เคยได้ยินเลยว่าปลาแห้งผัดพริกจะอร่อยได้ ปลาเค็มพวกนี้ พวกเศรษฐีขุนนางเขาไม่กินกันหรอก มีแต่พวกคนจนเท่านั้นที่จะกิน"พูดตามจริง พ่อครัวโจวกับลุงเฉียนล้วนไม่มีความหวังอะไรกับปลาแห้งของถูซินเยว่ทั้งนั้นตอนแรกลุงเฉียนก็ไม่เชื่อ แต่ว่าในเมื่อเขาปล่อยให้ถูซินเยว่เข้าไปในครัวแล้ว ทุกอย่างก็ต้องรอให้ถูซินเยว่ทำให้เสร็จก่อนแล้

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 125 สามีของข้านั้นเก่งที่สุด

    หลังจากกระแอมไปหนึ่งที ถูซินเยว่ก็เดินตามหลังลุงเฉียนเข้าห้องไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นปลาแห้งกระสอบนั้นยังคงวางอยู่บนพื้นเมื่อครู่ลุงเฉียนยังไม่แยแสกับของอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับเหมือนเห็นสมบัติล้ำค่า เขาวางกระสอบปลาแห้งไว้บนโต๊ะอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็ถูมือพลางพูดขึ้น "ซินเยว่ เจ้าว่าปลาแห้งนี้ เจ้าอยากขายเท่าไหร่กันล่ะ""ห้าสิบอีแปะต่อชั่ง ไม่มีการต่อรอง" ถูซินเยว่พูดช้าๆ พร้อมกางนิ้วทั้งห้าออกมาเมื่อลงลุงเฉียนได้ยินราคานี้ก็กระโดดลุกขึ้นจากตำแหน่งทันที แล้วถามด้วยมุมปากบิดเบี้ยวว่า "ห้าสิบอีแปะ มันแพงเกินไปหรือเปล่า ซินเยว่? เนื้อเก้งยังแค่สามสิบอีแปะต่อชั่ง ไหนเจ้าว่ามาสิ ว่าทำไมปลาแห้งถึงได้แพงขนาดนี้? ลดราคาลงหน่อยได้ไหม?""ลดไม่ได้" ถูซินเยว่ส่ายหัวเธอสนิทกับลุงเฉียนก็จริง แต่ถ้าเป็นเรื่องเงินล่ะก็ไม่เข้าใครออกใครทั้งนั้น คิดให้ละเอียดย่อมดีกว่าเมื่อเห็นลุงเฉียนทำหน้าตาลำบากใจ ถูซินเยว่ก็ไม่รีบร้อน เธอค่อย ๆ อธิบายว่า "ลุงเฉียนรู้ไหมว่าในกระสอบนี้มีปลาแห้งอยู่เท่าไหร่?"ลุงเฉียนนึกย้อนเมื่อครู่ที่เขาวางปลาแห้งบนโต๊ะก็ลองกะน้ำหนักดูอยู่ ปลาแห้งกระสอบนี้เหมือนจะมีปริมาณ

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 126 ช่วยชีวิต

    ตรงกลางกลุ่มคน หญิงชราคนหนึ่งกำลังชักกระตุก น้ำลายฟูมปาก หมดสติคอพับไป ดูจากการแต่งกายแล้วน่าเป็นคนคนรวย และหญิงสาวที่นั่งคุกเข่าอยู่ด้านข้างหญิงชรานั้นทำผมทรงมวยผมง่ามคู่ ดูท่าทางน่าจะเป็นสาวใช้ที่คอยดูแลหญิงชราคนนี้อยู่เมื่อเห็นว่าหญิงชราหมดสติไป นางจึงพยายามร้องเรียกหญิงชราด้วยความตกใจอกสั่นขวัญแขวน เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ตอบสนองก็ยิ่งร้อนใจน้ำตานางเอ่อล้นเบ้าตา หญิงสาวเอามือข้างหนึ่งกุมมือหญิงชราไว้พลางเงยหน้าขอความช่วยเหลือจากคนจำนวนมากที่อยู่โดยรอบ นางเอ่ยถามว่า "มีใครใจดีช่วยข้าหน่อยได้ไหม ฮูหยินเฒ่าของข้าหมดสติไปแล้ว ใครก็ได้ช่วยพานางไปส่งโรงหมอหน่อยเถิด ข้าข้อร้องล่ะ"เด็กสาวดูอายุราว ๆ ก็แค่สิบห้าสิบหก ดูท่าจะเป็นห่วงเอามาก ๆดูนางร่างกายบอบบางเช่นนี้แล้วก็รู้ได้ทันทีว่าคงไม่เคยทำงานหนักมาก่อน แน่นอน ว่าจะให้มาเคลื่อนย้ายฮูหยินเฒ่าของนางด้วยตัวคนเดียวก็คงไม่ไหวคนที่มามุงดูมีมากมายก็จริง แต่คนมีน้ำใจก็มีแค่ไม่กี่คน ดูหญิงชราท่าจะไม่ไหวแล้ว ต่างคนต่างก็กลัวว่าจะทำให้ตัวเองเดือดร้อนไปด้วย เดี๋ยวจะเป็นอัปมงคลต่อตัวเองซะเปล่า ๆดังนั้น หลังจากที่เด็กสาวร้องขอความช่วยเหลือแ

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 127 ซือเสื้อผ้าให้ท่านพี่

    "ไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก ก็แค่บังเอิญ เดี๋ยวพอฮูหยินเฒ่าของเจ้าฟื้น ต่อไปเจ้าต้องไส่ใจดูแลนางให้มากหน่อยนะ ข้าเกรงว่าโรคลมบ้าหมูอาจจะกำเริบขึ้นได้อีกในอนาคต" ถูซินเยว่ไม่ได้บอกชื่อของเธอกับอีกฝ่าย แต่หันหลังแทรกตัวออกมาจากฝูงชนแล้วจากไปพร้อมกับซูจื่อหังทันทีที่พูดจบซางเอ๋อร์มองตามหลังถูซินเยว่ไป แววความประหลาดใจปรากฏขึ้นในดวงตาของนางและในตอนนี้เอง ฮูหยินเฒ่าก็ค่อย ๆ ลืมตาขี้นมามองไปที่ซางเอ๋อร์ซึ่งมีคราบน้ำตาติดเต็มหน้าแล้วเอ่ยถามอย่างอ่อนแรงว่า "นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?"นางจำได้เพียงว่าตัวเองเดินมาถึงปากทางตลาดไม่ทันได้เข้าไปก็เป็นลมไปเสียก่อน"ฮูหยินเฒ่า" ซางเอ๋อร์เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ทั้งหมดแล้วจบลงด้วยความว่า "โชคดีที่แม่นางใจดีคนนั้นช่วยฮูหยินเฒ่าไว้ มิเช่นนั้นข้าน้อยก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี""แม่นางใจดีหรือ?" ฮูหยินเฒ่าชะงักไป นางคิดตามไม่ทันทางด้านนี้ ถูซินเยว่กับซูจื่อหังก็เดินเข้ามาในตลาดแล้ว เมื่อนึกขึ้นได้ว่าคราวก่อนที่มาตลาด ซูจื่อหังซื้อผ้าให้ตัวเองไปตัดเสื้อผ้าใหม่ คราวนี้ถูซินเยว่ก็อยากซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้ซูจื่อหังสักชุดเหมือนกันหลังจากซื้อเมล็ดพันธุ์เสร็จ

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 128 มีเรื่องเกิดขึ้นอีกแล้ว

    "ช่วงปีใหม่มานี้เจ้าผอมลงมากเลย กินเนื้อเยอะ ๆ หน่อย" พอเห็นถูซินเยว่คีบเนื้อคืนมาให้ตัวเอง ซูจื่อหังก็คีบกลับไปให้อีกฝ่ายอีกหนสายตาของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความรักใคร่ ในขณะที่พูดเขาก็ลูบหัวของถูซินเยว่ไปด้วยบะหมี่ชามนี้ราคาแค่แปดอีแปะ เดิมทีในชามบะหมี่ก็มีเนื้อไม่มากนัก ตอนนี้ซูจื่อหังเอามาให้ตัวเองหมดแล้ว ตอนนี้ชามบะหมี่ของอีกฝ่ายดูไม่เหมือนบะหมี่เนื้ออีกแล้ว แต่เหมือนบะหมี่มังเจเสียมากกว่าซูจื่อหังเองก็เรียนหนักในสำนักบัณฑิตเหมือนกัน ปกติก็ไม่ค่อยได้กินเนื้อสักเท่าไหร่ ผู้ชายคนนี้มักคิดแต่จะเอาของดี ๆ ให้เธออยู่เสมอ แต่เขากลับไม่เหลืออะไรไว้ให้ตัวเองเลยถูซินเยว่กำลังจะคีบเนื้อกลับไปอีกหน แต่หลี่เม่าที่อยู่ข้าง ๆ ทนดูต่อไปไม่ไหวแล้วเขาเงยหน้าขึ้นแล้วพูดว่า "พวกท่านสองผัวเมียหยุดให้กันไปให้กันมาได้แล้ว บะหมี่น้ำจะเย็นหมดอยู่แล้ว อาซ้อ ในเมื่อท่านพี่ซูเอาให้เนื้อท่าน ท่านก็กินเถอะ""นั่นสิ รีบกินซะเถอะ บะหมี่ผัดถ้าเย็นแล้วจะไม่อร่อยนะ" ซูจื่อหังพยักหน้าพลางพูดถูซินเยว่ไม่มีทางเลือกจึงต้องเก็บเนื้อซอยไว้ แต่ในใจของเธอกลับกำลังคิดว่าเดี๋ยวตอนเย็นกลับบ้านไปเธอจะต้องทำอาหารอร่อย

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 129 เสื้อบังทรงถูกขโมยไปแล้ว

    "อาสามของเจ้า เขาขโมยเสื้อบังทรงของแม่ไป แถมยังขู่แม่ว่า..." ผ่านไปพักใหญ่นางหยูถึงสะอึกสะอื้นพูดออกมาได้ประโยคหนึ่งถูซินเยว่ตะลึงไป หน้าตานางตอนนี้ราวกับคนโดนฟ้าผ่า"อาสามงั้นหรือ?"ถ้าเธอจำไม่ผิดล่ะก็ คงเป็นคนที่ชื่อซูฟาเสียงนั่นแน่ก่อนหน้านี้ เจ้าของร่างต้องไปกระโดดบ่อน้ำฆ่าตัวตายก็เพราะทนไม่ไหวที่โดนซูฟาเสียงกับซูเฟิ่งอี๋รังแก แต่ว่าไม่ได้เจอซูฟาเสียงตั้งนานเธอเกือบจะลืมเรื่องนี้ไปแล้วในความทรงจำ ซูฟาเสียงไม่มีอะไรสักอย่าง เหมือนจะเป็นคนไม่ได้เรื่องแถมยังจนแล้วก็ยังโสดอยู่ความคิดนี้วนผ่านไปในสมองแล้วถูซินเยว่ก็เข้าใจได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นดูท่าว่าซูฟาเสียงจะทนความเหงาไม่ไหว จึงมาเล็งที่พี่สะใภ้ของตัวเองคนบ้านนี้ไม่มีคนดีมีคุณธรรมเลยสักคนจริง ๆ เลยสินะ"ซินเยว่ วันนี้ซูฟาเสียงมาขู่แม่อีกแล้ว เขาบอกว่าถ้าคืนนี้แม่ไม่ไปกับเขา เขาจะเอาเรื่องนี้ไปพูด" เมื่อมาถึงตรงนี้สีหน้าของนางหยูก็ร้อนใจมาก นางพูดอย่างจนหนทางว่า "ถ้ามีใครรู้เรื่องนี้เข้าจริง ๆ ล่ะก็ แม่คงไม่มีหน้าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกแล้ว"ถึงตอนนั้นถึงแม้ว่านางจะไม่ได้ทำอะไรเลย แต่พวกคนขึ้นินทาในหมู่บ้านคงไม่สนหรอก ถ

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 130 รักเมียเป็นอันดับหนึ่ง

    "อ่อ น่าสามก็ร้อนใจเป็นเหมือนกันนี่" เจิ้งหมานหม่านถอยหลังไปสองก้าว จงใจบีบจมูกพูดว่า "ข้าเห็นว่าบนเสื้อบังทรงมีคราบสกปรกของน้าสามติดอยู่ไม่น้อยนะ""เจ้า!" ซูฟาเสียงถูกยั่วโมโหจนหน้าแดงถึงหูว่ากันว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เจิ้งหมานหม่านผู้นี้ช่างไร้ยางอายและอันตพาลเสียยิ่งกว่าซูฟาเสียงเสียอีก"เจ้ารีบคืนมันมาให้ข้าเดี๋ยวนี้เลย ไม่งั้นข้าไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่!" พอเห็นเจิ้งหมานหม่านทำหน้าตาไม่แยแส ซูฟาเสียงก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เขาพูดด้วยความโกรธว่า "ถ้าเจ้าไม่คืนให้ข้า ข้าจะข่มขืนเจ้า แล้วดูซิว่าเจ้าจะมีหน้าอยู่ในบ้านตระกูลซูของเราต่อไปได้ยังไง"พอเขาพูดแบบนี้ เจิ้งหมานหม่านก็ตกใจเบิกตากว้าง มองอีกฝ่ายอย่างไม่อยากจะเชื่อ"น้าสาม นี่จะหน้าไม่อายเกินไปหรือเปล่า?"อะไรแบบนี้ก็กล้าพูดมาได้"ที่ข้าหน้าไม่อายก็เพราะเจ้าบีบบังคับข้าเอง หมาจนตรอกยังกระโดดกำแพงได้เลย" ซูฟาเสียงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ พอเห็นเจิ้งหมานหม่านเผลอก็รีบแย่งชิงเอาเสื้อบังทรงมาจากมือของอีกฝ่าย"เฮ้ย ท่านนี่มัน!""ข้าขอเตือนไว้ก่อนนะว่าอย่ามาทำให้ข้าโกรธ ไม่อย่างนั้น..." หลังจากได้เสื้อบังทรงกลับมาซูฟาเสียงไม่กลัวเจิ้งหมานหม่านอ

Latest chapter

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 381 ช่างคล้ายคลึงนัก

    ทั้งคู่เดินถึงหน้าประตู ปะเหมาะเวลานี้ จวนแม่ทัพหลิ่วก็มีคนเดินออกมาเช่นกัน"คนนี้ก็คือใต้เท้าซูที่เจ้าชอบอย่างงั้นหรือ" ฮูหยินหลิ่วเหลียวมองบุตรีซึ่งอยู่ข้างกาย สื่อเป็นนัยให้อีกฝ่ายอย่าได้วู่วามทุกวันนี้คราใดที่หลิ่วโหรวโหรวเห็นถูซินเยว่กับซูจื่อหังเดินมาด้วยกัน ด้วยท่าทีรักใคร่ปรองดอง นางจะรู้สึกเดือดดาลในใจ ราวกับภูเขาไฟที่ใกล้ระเบิดกระนั้นนางทำเสียงฮึดฮัด "ถูซินเยว่มีวันนี้ได้ ก็เพราะอาศัยบารมีซูจื่อหัง แต่คอยดูไปเถิด หญิงบ้านนอกเช่นนาง ใหม่ ๆ ยังพอทำให้ซูจื่อหังพอใจได้บ้าง แต่พอนานวันเข้า ได้เห็นสาวงามในเมืองหลวงมากมาย ความรักของพวกเขายังมั่นคงเหมือนแต่ก่อนได้อีก ก็แสดงว่าผิดมนุษย์แล้ว"ฮูหยินหลิ่วแสดงท่าทีนิ่งเฉยแต่บุตรีพูดก็มีเหตุผล ผู้ชายในโลกนี้น้อยนักที่จะไม่คิดได้ใหม่ลืมเก่า ยกตัวอย่างเช่นสามีของนาง ในอดีตก็เคยให้คำมั่นสัญญา ว่าแม้เป็นหรือตายก็จะขอรักอดีตคนรักเพียงผู้เดียว แต่พอบ้านเขาประสบภาวะเดือดร้อน สุดท้ายก็มาเลือกแต่งงานกับตน จนบัดนี้ลืมหน้านังคนแพศยานั่นไปถึงไหนต่อไหนแล้วแสดงว่าความจริงใจของผู้ชายคือสิ่งที่ไร้ประโยชน์ปกติเสแสร้งทำเป็นรักมั่นจริงใจ แต่พอเอ

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 380 ลูกสาวจอมโง่เขลา

    หากซูจื่อหังไม่รังเกียจถูซินเยว่แล้วล่ะก็ งั้นต่อให้หลิ่วโหรวโหรววทุ่มเทแรงกายแรงใจมากแค่ไหนก็ตาม เกรงว่าก็คงไม่สามารถเข้าไปในจวนสกุลซูได้ดั่งใจปรารถนาหรอกแต่น่าขําที่ลูกสาวคนนี้ของนางกลับไม่รู้ต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้เลย รู้แต่ไปเหยียดหยามถูซินเยว่อย่างโง่เขลาเท่านั้นนี่ถ้าทําให้ถูซินเยว่อับอายต่อหน้าทุกคนก็ว่าไปอย่าง แต่นี่กลับยังโดนถูซินเย่วตอบโต้กลับมาจนขายหน้า นี่ไม่ใช่เป็นการตบหน้าตัวเองหรือไง?เมื่อคิดถึงตรงนี้ ฮูหยินหลิ่วก็ไม่อยากเห็นหน้าลูกสาวคนนี้แม้แต่นิดนางขมวดคิ้ว จู่ ๆ ก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้และอดไม่ได้ที่จะพูดว่า "ใช่แล้ว เรื่องนี้ข้ายังไม่ได้บอกพ่อเจ้า ถ้าพ่อเจ้ารู้ ดูสิว่าเขาจะสั่งสอนเจ้ายังไง เจ้าระวังตัวหน่อย"ภายใต้การเกลี้ยกล่อมและคําเตือนของฮูหยินหลิ่ว ในที่สุดหลิ่วโหรวโหรวก็หลับตาลง นางนั่งอยู่บนที่นั่งของตัวเองอย่างเซ็ง ๆ ทั้งหน้ามีแค่อารมณ์เดียวนั่นก็คือ นางไม่มีความสุขฮูหยินหลิ่วถอนหายใจอย่างจนใจ แล้วเงยหน้ามองฝั่งตรงข้าม ตําแหน่งของนาง มีเพิงดอกไม้อยู่ตรงกลางบดบังร่างของถูซินเยว่พอดี ดังนั้นนางจึงเห็นเพียงโครงร่างผ่านเถาวัลย์อย่างคลุมเครือเท่

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 379 จางเยียนหรัน

    วันนี้ตระกูลจางเป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงเชิญตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง ก่อนมาซูจื่อหังเคยพูดกับนางว่า เขากับตระกูลจางเข้ากันได้ดีในราชสํานัก ดังนั้นวันนี้ ถูซินเยว่ก็ไม่อยากสร้างปัญหาอะไรให้กับตระกูลจาง เพื่อไม่ให้คนอื่นรู้สึกว่าพวกเขาไม่มีมารยาทเห็นเหล่าฮูหยินกับหลิ่วโหรวโหรวเพิ่งเยาะเย้ยเธอเมื่อครู่ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ถูซินเยว่ก็สบายใจไม่น้อย ก้มหน้าก้มตากินอาหารด้วยตัวเองไม่สนใจใครทั้งนั้นในขณะที่เธอกําลังกินอย่างมีความสุข จู่ ๆ ก็มีคนผลักแขนของเธอเบา ๆถูซินเยว่นิ่งงันไปพักหนึ่ง หันหน้ากลับไปอย่างสงสัยใคร่รู้ เห็นหญิงสาวในชุดสีเหลืองคนหนึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ ตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ กําลังใช้ดวงตากลมโตจ้องมองเธออย่างอยากรู้อยากเห็นดวงตาของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นและไร้เดียงสา แต่กลับไม่มีเจตนาร้ายเลยแม้แต่น้อยถูซินเยว่เคยเห็นคนมามากมาย เรื่องเหล่านี้เธอยังพอสามารถมองออกได้ตั้งแต่แรกเห็นเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีเจตนาร้าย ท่าทีของเธอก็อ่อนโยนลงมาก"ไม่ทราบว่าแม่นางมีเรื่องอะไรหรือเปล่า?"ถ้าเธอจําไม่ผิด คนที่นั่งข้างเธอเมื่อกี้น่าจะเป็นผู้หญิงที่เยาะเย้ยเธ

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 378 หน้าแตก

    ถูซินเยว่ชะงัก และรู้สึกตลก เมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายก็รู้สึกประหลาดใจ ตอนที่ออกจากมาตอนเช้า เธอได้สวมใส่เครื่องประดับมาหลายชิ้นจริงๆแต่ระหว่างทาง ถูซินเยว่รู้สึกว่าต่างหูระเกะระกะเกินไป จึงแอบถอดมันออกและวางไว้บนรถม้าคาดไม่ถึงจริงๆ ว่าในงานเลี้ยงจะมีคนไม่กินไม่ดื่ม แต่หันมาจับจ้องที่เครื่องหัวของตนเองแทนถูซินเยว่ยื่นมือไปจับที่ผมของตนเองอัตโนมัติ จากนั้นก็พูดเสียงราบเรียบว่า "ในเมื่อวันนี้ตระกูลจางเป็นเจ้าภาพ แขกสำคัญจึงเป็นตระกูลจาง แล้วเหตุใดข้าจักต้องแต่งตัวให้ดูดีขนาดนั้น""จนก็ยอมรับว่าจนเถอะ จะหาเหตุผลอะไรมาอ้างมากมายไปทำไม ในที่นี้ใครไม่รู้บ้างว่าพวกเจ้ามาจากบ้านนอก ข้าเองก็แค่รู้สึกเสียดายแทนใตเท้าซูเท่านั้น ทั้งที่มีมีอนาคตอันดี หากแต่งงานกับบุตรสาวขุนนางสักคน ก็คงยิ่งช่วยส่งเสริมให้เจริญก้าวหน้า แต่กลับเลือกจะเฝ้าอยู่แค่หญิงชาวบ้านเฉกเช่นเจ้า..."ประโยคหลังแม้ว่าจะไม่ได้พูดต่อจนจบ แต่ก็สามารถเข้าใจได้ถึงแม้บนใบหน้าของถูซินเยว่จะแสดงสีหน้าใดๆ แต่สาวรับใช้ที่อยู่ข้างๆ สีหน้าย่ำแย่มากแล้วนางอาศัยอยู่ที่ตระกูลซูมานาน ก็พอจะรู้ว่าถูซินเยว่ไม่ได้ไม่มีเงิน และเงินส่วนใ

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 377 ดูถูก

    ตั้งแต่ตอนที่อยู่ในหมู่บ้านต้าเย่ เพราะเรื่องเล็กๆ น้อยๆ หรือเพราะผลประโยชน์อันน้อยนิด แม้เป็นครอบครัวเดียวกัน ก็ยังสามารถโกรธแค้นกันจนตัดญาติขาดมิตรไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่นใด แค่ในตระกูลถู เพียงเพื่อสินสอดของตระกูลเหลียง ถูชิวหลานก็ดันทุรังจะสับเปลี่ยนตัวเธอกับลูกสาว ภายหลังยังไม่ยอมรับด้วย แถมยังผลักไสความผิดทุกอย่างไปที่เจ้าของร่างหากเธอไม่ได้ข้ามิติมาอยู่ในร่างของเจ้าของร่างซื่อบื้อคนนั้น นางจะใช้ชีวิตอยู่ในตระกูลซูอย่างไร เกรงว่าคงเหลือแต่เสี้ยววิญญาณแล้วอย่างด้านซูเฟิ่งอี๋ในตระกูลซู ตอนนั้นพวกเขาเองก็หวงแหนเงินเล็กๆ น้อยๆ เห็นชีวิตนางหยูกำลังตกอยู่ในอันตรายก็ยังไม่ยอมรักษาให้นางเรื่องราวของญาติสนิทมิตรสหายที่ทำร้ายคนใกล้ตัวเพียงเพื่อผลประโยชน์และเงินทองมีมากมายเกินกว่าจะพูด ขนาดบ้านเธอยังเป็นเช่นนี้ แล้วต้าฉีที่มีบ้านสกุลมากมายขนาดนี้ล่ะชาวบ้านธรรมดาทั่วไป อาจทำไปเพื่อเงินทอง แต่องค์ชายสามกับองค์ชายใหญ่ กลับทำเพื่อแก่งแย่งแผ่นดิน ขนาดที่เป็นการต่อสู้เพื่อความเป็นความตาย และไม่มีใครยอมอ่อนข้อให้ใคร ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้"ชีวิตคนเรามีหลายเรื่องที่มักไม่เป็นดังที่หวัง ข

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 376 อิจฉา

    "วันนี้เป็นงานเลี้ยงของตระกูลจาง ข้าก็นึกว่าเจ้าจะพูดคุยเรื่องอะไรกับข้า คาดไม่ถึงว่าจะใช้เรื่องนี้มาข่มขู่ข้าในที่ๆ ไม่มีคนเช่นนี้?"ชายผู้นั้นหัวคิ้วกระตุก รีบก้มศรีษะลงแล้วพูดว่า "กระหม่อมมิบังอาจพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่กระหม่อมทราบว่าองค์ชายสามเป็นคนเฉลียวฉลาด แต่ไหนแต่ไรมา การที่บุตรสายตรงรับสืบราชบัลลลังก์ต่อก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล แล้วไฉนองค์ชายสามจึงมิตั้งใจเป็นข้าราชบริพานบริสุทธิ์ คอยค้ำจุนเสด็จพี่ของพระองค์เล่าพ่ะย่ะค่ะ?"ฉีหวานหัวดราะเสียงดัง น้ำเสียงเย็นเยือกลงฉับพลัน เขาสะบัดแขนเสื้อ พร้อมสีหน้าเย็นชา "แม่ทัพหลิ่วพูดเช่นนี้ ช่างไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย ตอนที่ข้าพบกับมือสังหารไล่เอาชีวิตตอนที่รีบเดินทางกลับมาจากเป่ยเจียงอันไกล แม้วันนี้ข้าไม่พูด เชื่อว่าท่านแม่ทัพเองก็คงทราบดีว่าเป็นฝีมือของใคร?"ถูซินเยว่ที่นั่งอยู่ในศาลาชะงักงัน ที่แท้คนที่ยืนอยู่ตรงข้ามกับฉีหวานก็คือแม่ทัพหลิ่วนี่เอง หากนางจำไม่ผิดละก็ ก่อนหน้านี้ที่หน้าประตูตระกูลจาง ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ หลิ่วโหรวโหรวก็คือแม่ทัพหลิ่วผู้นี้สินะ?เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ถูซินเยว่ก็รู้สึกเซ็งขึ้นมา ถ้ารู้แต่แรกว่าพวกเขาจะคุยกันเรื่

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 375 แอบฟัง

    หลิ่วโหรวโหรวก็มองเห็นพวกเขาเช่นกัน และเมื่อนึกถึงความสนิทสนมของถูซินเยว่และซููจื่อหังวันนั้นในจวนซู นางก็กำหมัดแน่นแม่ทัพหลิ่ว หลิ่วถิง เมื่อเห็นว่าบุตรสาวของตนเองอยู่ๆ ก็หน้าตาไม่สดใส ทั้งที่เมื่อสักครู่ยังดีอกดีใจ ก็ขมวดคิ้วถามว่า "เป็นอะไรไป? มีคนรู้จักรึ?""เจ้าค่ะ..." หลิ่วโหรวโหรวกำลังจะอ้าปากพูด ฮูหยินหลิ่วที่อยู่ข้างๆ ก็ผลักนาง และส่งสายตาให้กับอีกฝ่ายหลิ่วโหรวโหรวจึงได้แต่หุบปากเงียบอย่างไม่พอใจนักฮูหยินหลิ่วเดินไปข้างๆ หลิ่วโหรวโหรวอย่างเงียบๆ กระตุกแขนเสื้อของบุตรสาวและพูดเตือนเสียงเบาว่า "เจ้าอย่าได้พูดถึงเรื่องของตระกูลซูอีก หากเจ้าพูดถึงอีกข้าจะไม่ยกโทษให้เจ้า! เมื่อกี้เจ้าไม่เห็นฮูหยินตระกูลซูหรือย่างไร? นางท้องโตขนาดนั้นแล้ว! เจ้าคิดจะไปเป็นภรรยาน้อยของคนอื่นหรือ? พูดออกไปรังแต่จะกลายเป็นเรื่องตลก!"หลิ่วโหรวโหรวสีหน้าย่ำแย่ทันทีแม้ว่าซูจื่อหังมีภรรยาหลวงอยู่แล้ว แต่ในใจนางนั่นก็เป็นเพียงหญิงบ้านนอกที่เทียบกับตนเองไม่ได้เลยด้วยซ้ำ นางซึ่งเป็นบุตรีสายตรงของจวนแม่ทัพ จะตกเป็นรองอยู่เป็นภรรยาน้อยของซูจื่อหังหรืออย่างไร?ลำพังแค่คิด นางก็ไม่ต้องการหลิ่วโหรวโหร

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 374 งานเลี้ยงตระกูลจาง

    ขณะที่ถูซินเยว่กำลังยุ่งอยู่กับการเปิดร้านขายเครื่องประดับ และนางหยูกำลังกังวลเรื่องลูกค้าอยู่นั้น เทียบเชิญฉบับหนึ่งก็ได้ส่งมาถึงที่บ้าน"เป็นงานฉลองวันเกิดของมารดาเฒ่าตระกูลจางจากเสนาบีดีกระทรวงการคลัง"ถูซินเยว่ถือเทียบเชิญไว้ในมือและยิ้มอย่างประหลาดใจ "ในเมืองหลวงแห่งนี้ข้านั้นไม่ได้รู้จักใครเลยสักคนหนึ่ง แต่นึกไม่ถึงว่าตระกูลจางจะส่งเทียบเชิญมาให้ข้า"สามีของตนเองก็เป็นข้าราชการขั้นเจ็ดเล็กๆ คนหนึ่ง แม้ว่าตระกูลจากจะไม่ใช่ข้าราชการชั้นสูง แต่ก็เป็นข้าราชการขั้นห้า และบรรพบุรุษก็ล้วนเป็นข้าราชการทั้งนั้น ซึ่งก็นับว่าเป็นตระกูลที่มีคุณธรรมสูงส่งการที่ส่งเทียบเชิญมาให้พวกเขาในงานเลี้ยงวันเกิดเช่นนี้ ก็เรียกได้ว่าไม่ได้ดูถูกพวกเขาเพียงแต่ คนในยุคโบราณส่วนมากจะดูแคลนคนทำธุรกิจ หากตนเองไปร่วมงานละก็ จะทำให้พวกเขารู้ว่าภรรยาของซูจื่อหังเป็นหญิงทำมาค้าขาย ก็ยากที่จะไม่ดูแคลนเดิมทีถูซินเยว่ไม่อยากไป แต่คาดไม่ถึงว่าซูจื่อหังจะหันมากุมมือเธอไว้ ยิ้มแล้วพูดอย่างไม่ใส่ใจนักว่า "บุตรชายของใต้เท้าจางสนิทกับข้า ภรรยาของข้าเป็นหญิงสาวที่มีเสน่ห์มากที่สุดในใต้หล้า ไม่ว่าทำอะไรก็ดีทั้งนั้น แล

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 373 ฮ่องเต้หมดสติ

    สำหรับถูซินเยว่แล้ว จะเป็นลูกผู้ชายหรือผู้หญิงก็ไม่เป็นไร สิ่งสำคัญคือ การที่ลูกน้อยสามารถคลอดออกมาได้อย่างปลอดภัยเพราะในยุคโบราณการที่ผู้หญิงคลอดลูกนั้นเปรียบเสมือนการเดินไปขอบประตูนรก ดังนั้นการที่สามารถให้กำเนิดลูกได้อย่างปลอดภัยถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ง่าย เธอจึงไม่คาดหวังอย่างอื่นอีกแต่ว่าช่วงนี้เธอมักจะถูกนางหยูล้างสมองอยู่บ่อยๆ จนถูซินเยว่เองก็คิดว่าท้องนี้อาจจะเป็นลูกผู้ชายก็ได้เป็นผู้ชายก็ดี เพราะความคิดปิดกั้นในยุคโบราณนั้นสร้างความลำบากให้กับหญิงสาวอย่างมาก หากเป็นเด็กผู้ชาย ก็สามารถลดความลำบากหลายๆ อย่างให้เธอได้ไม่น้อยเดิมทีถูซินเยว่อยากจะถามฉงเป่าว่าในท้องตนเองนั้นเป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิงกันแน่ ซึ่งตามปกติแล้วขอเพียงเอาของกินมาล่อนิดล่อหน่อย ฉงเป่าก็ยอมพูดทุกอย่าง มีเพียงแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวที่ไม้ว่าถูซินเยว่ถามอย่างไร อีกฝ่ายก็ไม่ยอมบอก"อย่างไรเสียลูกก็อยู่ในท้องของข้า เจ้าจะบอกหน่อยมิได้หรือว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง? ถึงเจ้าพูดมา ด้วยเงื่อนไขการรักษาแบบนี้ข้าก็ทำอะไรเจ้าไม่ได้มิใช่หรือไง?"อีกอย่าง ถูซินเยว่เองก็ไม่มีความคิดการให้ความสำคัญชายมากกว่าหญิงด

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status