Share

บทที่ 2 ถูกพบว่าแอบขโมยกิน

Author: ฮวาฮวาน่งหยวี่
เมื่อถูซินเยว่ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็เป็นเวลาเช้าของวันรุ่งขึ้นแล้ว แสงแดดจาง ๆ ส่องเข้ามาจากด้านนอกตามรอยแยกของประตู และกระทบไปที่ใบหน้าของถูซินเยว่ เธอขยับร่างเล็กน้อย และทันใดนั้นก็สูดหายใจเฮือกเมื่อรู้สึกว่าถูกบางสิ่งอยู่ข้างใต้ตัวเธอทิ่มแทง

เมื่อมองลงไปจึงเห็นว่าตัวเองนอนอยู่บนกองฟืน เพิงเล็ก ๆ โทรม ๆ นี้เต็มไปด้วยกองฟืนและกิ่งไม้แห้ง ตรงหัวมุมยังมีเครื่องมือทางการเกษตรที่ใช้ในทุ่งนาวางสุมอยู่

ก่อนหน้านี้เธอรู้อยู่แล้วว่าตนเองได้ข้ามภพมายังชนบทในสมัยโบราณ ถูซินเยว่ก็ไม่ได้รู้สึกตกใจอะไรมากนัก แต่ก็โชคดีที่ตระกูลซูพาเธอกลับมาและไม่ปล่อยให้เธอตายอยู่ข้างนอก

ถูซินเยว่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ลดศีรษะลงแล้วมองดูร่างอ้วนท้วนของที่มองไม่เห็นขาของตน ฟ้าร้องดังสนั่นแลบแปรบปราบอยู่เหนือศีรษะ เมื่อนึกถึงชาติก่อนที่เป็นถึงสาวงามในหน่วยแพทย์ทหารสังกัดหน่วยรบพิเศษ รูปร่างโค้งเว้าได้สัดส่วน เอวคอดเรียวขายาวระหง รุ่นพี่รุ่นน้องที่เดินผ่านต่างก็ต้องน้ำลายหกไปตาม ๆ กัน แล้วไอ้ร่างอ้วนฉุเป็นงูหลามในตอนนี้นี่มันอะไรกัน?

ถูซินเยว่ยื่นมือมาบีบเนื้อนุ่ม ๆ รอบเอว สงสัยจริง ๆ ว่าเจ้าของร่างนี้กินยังไงถึงได้อ้วนฉุแบบนี้ และที่แย่ไปกว่านั้นก็คือพอนึกถึงเรื่องกิน เจ้าของร่างก็ส่งเสียงดัง “โกรกกราก” ขึ้นมาตอบสนองพอดิบพอดี

ความรู้สึกหิวแผ่ซ่านขึ้นมาจากท้องของเธออย่างแจ่มชัด ถูซินเยว่อดไม่ได้ที่จะลูบท้องของตัวเอง ไม่ได้แล้ว หิวขนาดนี้ เธอต้องไปหาอะไรกินแล้ว!

ถูซินเยว่ใช้มือและเท้าทั้งสองพยุงตัวเองลุกขึ้นจากกองฟืน เธอเหยียดอุ้งเท้าสีดำของเธอออกพยายามที่จะผลักประตูฟืนที่ปิดอยู่ให้เปิดออก แต่ก็พบว่าประตูถูกล็อคอยู่ด้านนอก ตระกูลซูกลัวว่าเธอจะหลบหนีไปหรือยังไงกัน?

ถูซินเยว่คิ้วขมวด มองผ่านรอยแยกระหว่างประตูอย่างระมัดระวัง และพบว่าจริง ๆ แล้วไม่ได้มีกุญแจล็อกไว้ มีเพียงแค่แท่งไม้ยึดไว้เท่านั้น

"คิดว่าท่อนไม้เล็ก ๆ แค่นี้จะขังฉันไว้ได้หรือ ไร้เดียงสาจริง ๆ " เธอปัดมือเบา ๆ หันไปหยิบฟืนมาท่อนหนึ่งแล้วยื่นออกไปตามรอยแยกใต้ประตูและกระทุ้ง ครู่ต่อมาถูซินเยว่ก็ยืนอยู่ที่หน้าประตูแล้ว ดวงตาเล็ก ๆ ของเธอมองสำรวจสภาพแวดล้อมรอบ ๆ

ทว่า...เมื่อเธอมองเห็นสภาพแวดล้อมที่อยู่ตรงหน้าได้อย่างชัดเจนในที่สุด เธอก็อดไม่ได้ที่จะสบถออกมา "เชี่ย..."

เมื่อวานนี้ถูซินเยว่สามารถยอมรับความจริงที่ว่าเธอได้เดินทางข้ามเวลาไปยังชนบทในสมัยโบราณได้แล้ว อย่างไรก็ตามชาติที่แล้วเธอคือหน่วยแพทย์จากกองรบพิเศษ เดินทางไปทั่วประเทศ และรู้สึกเบื่อหน่ายกับชีวิตที่ตื่นเต้นผาดโผน คงจะดีไม่น้อยหากได้มาใช้ชีวิตอยู่ในชนบทที่มีทิวทัศน์สวยงาม อยู่ในบ้านก่ออิฐทำนาเลี้ยงไก่เลี้ยงปลา แต่ทว่าบ้านดินโคลนที่แสนทรุดโทรม ที่ดินเป็นหลุมเป็นบ่อ และต้นพุทราที่เหี่ยวแห้งโรยราอยู่หัวมุมตรงหน้าเธอ ล้วนบอกได้คำเดียวว่า...ข้นแค้น!

เมื่อเดินเข้าไปในห้องครัวและมองดูหม้อและกระทะที่แตกบิ่นอยู่ในตู้กับข้าวราขึ้น ถูซินเยว่ก็ยิ่งหดหู่หนักขึ้นไปอีก บ้านนี้มันต้องจนระดับไหนกันนะ ถ้วยชามดี ๆ สักอันยังหาไม่ได้

ท้องของเธอคำรามเหมือนฟ้าร้อง และในที่สุดเธอก็พบโจ๊กผักป่าในหม้อใบใหญ่บนเตา เธอรีบหยิบมันขึ้นมากิน โจ๊กผักป่ารสชาติจืดชืดเหมือนน้ำเปล่า ไม่มีรสชาติใด ๆ ทั้งสิ้น หลังจากกินไปหนึ่งชาม ท้องของถูซินเยว่ก็ไม่รู้สึกอิ่มสักนิด แถมยังหิวหนักกว่าเดิม

เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องค้นหาของกินในตู้ต่อไป

เมื่อถูซินเยว่เปิดตู้ออกและเห็นมันเทศเผาขนาดใหญ่อยู่ที่มุมตู้ ทันใดนั้นดวงตาของเธอก็เป็นประกาย จึงรีบยื่นมืออ้วนท้วนออกมาหยิบมันเทศไว้ในมือ กลิ่นนั้นปลุกเร้าน้ำย่อยในท้องของเธอเสียเหลือเกิน ขณะที่เธอกำลังจะอ้าปากจะกัด ทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดร้องดังมาจากประตู "อ๊ะ! นางหญิงอ้วนมาขโมยของกิน!"

ถูซินเยว่หันไปและเห็นบุตรสาวคนโตของตระกูลซูยืนอยู่ที่ประตูด้วยท่าทางตกใจปนโกรธ นางสวมชุดลายดอกไม้ราวกับเพิ่งตื่น ผมยุ่งเล็กน้อย ดวงตารูประฆังคู่นั้นจ้องเขม็ง สองมือเท้าสะเอวอวบอ้วน จ้องมองที่ถูซินเยว่ในห้องครัวด้วยท่าทางดุร้าย ราวกับว่านางอาจจะเข้ามาบีบคอเธอจนตายได้ทุกเมื่อ

ผู้หญิงคนนี้ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนดีตั้งแต่แรกเห็น

เมื่อนึกถึงแรงที่อีกฝ่ายเตะเธอลงจากเกวียนเมื่อวานนี้ ถูซินเยว่ยังคงรู้สึกปวดหลังอยู่ ยิ่งเห็นมนุษย์ป้าของตระกูลซูคนนี้ก็ยิ่งรู้สึกขัดลูกหูลูกตา เธอไม่อยากจะสนใจอีกฝ่าย ปัดมันเทศบนมือของเธอเบา ๆ แล้วยัดมันเข้าไปในปาก

บุตรสาวคนโตของตระกูลซูรีบเดินเข้ามาพลางสาปแช่ง "นางอ้วนอัปลักษณ์ เจ้าเป็นผีที่หิวโหยกลับชาติมาเกิดหรือยังไง มันพวกนี้มีไว้สำหรับลูกชายของข้า เอาคืนมาเดี๋ยวนี้นะ ไอ้บ้านตระกูลถูเวรเอ้ย ส่งผีบ้าผีบออะไรมาเนี่ย”

แม้ว่าถูซินเยว่จะอ้วน แต่การเคลื่อนไหวกลับคล่องแคล่ว เธอรีบหลบไปอีกทาง กัดมันเทศพร้อมกับพูดอู้อี้ “เจ้าสิอ้วนอัปลักษณ์ ทั้งบ้านเจ้านั่นแหละอ้วนอัปลักษณ์!”

บุตรสาวคนโตของตระกูลซูแหงนหน้าด้วยความโกรธ พลันหยิบไม้กวาดขึ้นมาแล้วย่างกรายเข้าหาเธอ

ทั้งสองคนเดินไล่กันไปมาในห้องครัว บุตรสาวคนโตของตระกูลซูแตะไม่ได้แม้แต่ปลายเส้นผมของถูซินเยว่ แถมยังทำเอาตัวเองเหนื่อยหอบ เมื่อเห็นถูซินเยว่กินมันเทศจนหมดและเลียมุมปากอย่างมีความสุข บุตรสาวคนโตของตระกูลซูก็แทบจะลมจับด้วยความโกรธ

นางเหยียดแขนออกไปจนนิ้วเกือบจะจิ้มหน้าของถูซินเยว่พร้อมก่นด่าเสียงดัง "นางหญิงอ้วนอัปลักษณ์สมควรตาย วันนี้ข้าจะส่งเจ้ากลับไปที่บ้านตระกูลถู ไม่มีทางที่เจ้าจะได้มาอยู่บ้านตระกูลซูของข้าเด็ดขาด เจ้าเทียบไม่ได้สักนิดแม้แต่ขี้เล็บของหมิงซวน บ้านตระกูลถูช่างไร้คุณธรรมนัก จงใจส่งนางหมูอ้วนโง่เง่านี่มาที่บ้านตระกูลซูของข้า ตั้งใจจะโค่นล้มล้างตระกูลซูของข้าหรือยังไงกัน!”

บุตรสาวคนโตของตระกูลซูก่นด่าสาปแช่งไม่หยุด จนปลุกนางหยูซึ่งนอนหลับอยู่ในห้องข้าง ๆ ให้ตื่นขึ้น

“พี่ใหญ่ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” นางหยูรูปร่างผอมบาง ใบหน้าเล็กซีดเซียว แต่ถึงกระนั้นเธอก็มีใบหน้าที่สะสวย เธอห่อไหล่และมองเข้าไปในครัว เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นถูซินเยว่ก็ตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นว่า "ซินเยว่ เจ้ามาทำอะไรที่นี่"

ตอนยังไม่เอ่ยปากพูด ซูเฟิ่งอี๋ซึ่งเป็นบุตรสาวคนโตของตระกูลซูก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่พอเอ่ยพูดขึ้นมา ซูเฟิ่งอี๋ก็เกิดโทสะหยิบไม้กวาดขึ้นมาแล้วเหวี่ยงใส่นางหยูพร้อมกับก่นด่า “ต้องโทษจื่อหังลูกชายเจ้าที่ดึงดันจะให้พานางอ้วนนี่กลับมาบ้าน เจ้าก็ด้วย เป็นหมูตายหรือไง สายป่านนี้ยังจะนอนกินบ้านกินเมืองอยู่อีก ของกินถูกนางอ้วนอัปลักษณ์นี่ขโมยกินหมดแล้ว!”

แขนของแม่นางหยู่มีเลือดไหลซิบจากการถูกไม้กวาดโจมตี น่าสงสารนัก

ถูซินเยว่เฝ้าดูจากด้านหลัง คิดว่านางหยูจะหลบ นึกไม่ถึงว่านางกลับยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อนด้วยความหวาดกลัว น้ำตาเอ่อรอบดวงตา และนางก็ถูกซูเฟิ่งอี๋ฟาดอีกสองสามครั้ง

นางหยูเม้มปากแน่น ช่างเป็นคนที่มีน้ำอดน้ำทนต่อการถูกทารุณกรรมอะไรเช่นนี้

ขณะที่เธอกำลังคิดอยู่นั้น ซูเฟิ่งอี๋ทุบตีนางหยูยังไม่รู้สึกพอใจ หันมาชี้หน้าถูซินเยว่

“นางอ้วนอัปลักษณ์ เจ้ามันตัวอัปมงคล!”

เมื่อเห็นว่าไม้กวาดกำลังพุ่งมาทางตน ถูซินเยว่ก็กรอกตามองบน เธอไม่ใช่นางหยูที่อดรนทนได้ไปเสียทุกอย่าง เธอจะไม่ยืนนิ่งปล่อยให้คนอื่นมารังแกเธอเด็ดขาด ขณะที่นางกำลังจะคว้าไม้กวาด นางหยูที่เพิ่งถูกทุบตีเมื่อครู่จู่ ๆ ก็รีบวิ่งไปคว้ามือของซูเฟิ่งอี๋และขอร้องว่า "พี่ใหญ่ ปล่อยซินเยว่ไปเถอะ อย่างไรแล้วนางก็เป็นลูกสาวของตระกูลถู วันนี้ยังต้องพานางกลับไปส่ง ซินเยว่นางสติไม่ดี ทุบตีนางไปก็ไร้ประโยชน์”

เจ้าของร่างไม่เพียงแต่เป็นคนอ้วนเท่านั้น ทั้งยังเป็นคนสติไม่ดี ชาวบ้านทั่วสารทิศต่างก็รู้ดีว่านางเป็นคนขี้โมโหอารมณ์ฉุนเฉียวง่าย

ซูเฟิ่งอี๋ถูกนางหยูรั้งเอาไว้ จึงไม่สามารถขว้างไม้กวาดออกไปได้ เธอผลักอีกฝ่ายออกไปพร้อมกับทิ้งไม้กวาดลง ด่าสาปส่งเดินออกไป

ก่อนจะออกไป ยังไม่ลืมที่จะพูดว่า "ท่านพ่อกับท่านแม่ข้ายังไม่ตื่น เจ้ารีบไปเตรียมอาหารแล้วคอยดูนางคนโง่นี้ไว้ด้วย รอให้ขาไปเอาสินสอดของกำนัลกลับมาจากบ้านตระกูลถูก่อน แล้วค่อยส่งตัวนางกลับไป”

หลังจากกลับมาเมื่อวานนี้ คนของตระกูลซูก็คิดวางแผนกันทั้งคืน ถูหมิงซวนแต่งออกไปที่บ้านสกุลเหลียงแล้ว ไม่มีทางพากลับมาเป็นสะใภ้ได้อีก แต่จะให้รับนางอ้วนอัปลักษณ์มาเป็นสะใภ้ของสกุลซูก็ไม่มีทางเป็นไปได้เช่นกัน ทางเลือกเดียวตอนนี้ก็คือนำเงินสินสอดทองหมั้นกลับคืนมา

เฟิ่งอี๋กระหยิ่มยิ้มย่องเมื่อคิดว่าจะแอบยักยอกเงินสินสอดทองหมั้นเอาไว้
Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 381 ช่างคล้ายคลึงนัก

    ทั้งคู่เดินถึงหน้าประตู ปะเหมาะเวลานี้ จวนแม่ทัพหลิ่วก็มีคนเดินออกมาเช่นกัน"คนนี้ก็คือใต้เท้าซูที่เจ้าชอบอย่างงั้นหรือ" ฮูหยินหลิ่วเหลียวมองบุตรีซึ่งอยู่ข้างกาย สื่อเป็นนัยให้อีกฝ่ายอย่าได้วู่วามทุกวันนี้คราใดที่หลิ่วโหรวโหรวเห็นถูซินเยว่กับซูจื่อหังเดินมาด้วยกัน ด้วยท่าทีรักใคร่ปรองดอง นางจะรู้สึกเดือดดาลในใจ ราวกับภูเขาไฟที่ใกล้ระเบิดกระนั้นนางทำเสียงฮึดฮัด "ถูซินเยว่มีวันนี้ได้ ก็เพราะอาศัยบารมีซูจื่อหัง แต่คอยดูไปเถิด หญิงบ้านนอกเช่นนาง ใหม่ ๆ ยังพอทำให้ซูจื่อหังพอใจได้บ้าง แต่พอนานวันเข้า ได้เห็นสาวงามในเมืองหลวงมากมาย ความรักของพวกเขายังมั่นคงเหมือนแต่ก่อนได้อีก ก็แสดงว่าผิดมนุษย์แล้ว"ฮูหยินหลิ่วแสดงท่าทีนิ่งเฉยแต่บุตรีพูดก็มีเหตุผล ผู้ชายในโลกนี้น้อยนักที่จะไม่คิดได้ใหม่ลืมเก่า ยกตัวอย่างเช่นสามีของนาง ในอดีตก็เคยให้คำมั่นสัญญา ว่าแม้เป็นหรือตายก็จะขอรักอดีตคนรักเพียงผู้เดียว แต่พอบ้านเขาประสบภาวะเดือดร้อน สุดท้ายก็มาเลือกแต่งงานกับตน จนบัดนี้ลืมหน้านังคนแพศยานั่นไปถึงไหนต่อไหนแล้วแสดงว่าความจริงใจของผู้ชายคือสิ่งที่ไร้ประโยชน์ปกติเสแสร้งทำเป็นรักมั่นจริงใจ แต่พอเอ

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 380 ลูกสาวจอมโง่เขลา

    หากซูจื่อหังไม่รังเกียจถูซินเยว่แล้วล่ะก็ งั้นต่อให้หลิ่วโหรวโหรววทุ่มเทแรงกายแรงใจมากแค่ไหนก็ตาม เกรงว่าก็คงไม่สามารถเข้าไปในจวนสกุลซูได้ดั่งใจปรารถนาหรอกแต่น่าขําที่ลูกสาวคนนี้ของนางกลับไม่รู้ต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้เลย รู้แต่ไปเหยียดหยามถูซินเยว่อย่างโง่เขลาเท่านั้นนี่ถ้าทําให้ถูซินเยว่อับอายต่อหน้าทุกคนก็ว่าไปอย่าง แต่นี่กลับยังโดนถูซินเย่วตอบโต้กลับมาจนขายหน้า นี่ไม่ใช่เป็นการตบหน้าตัวเองหรือไง?เมื่อคิดถึงตรงนี้ ฮูหยินหลิ่วก็ไม่อยากเห็นหน้าลูกสาวคนนี้แม้แต่นิดนางขมวดคิ้ว จู่ ๆ ก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้และอดไม่ได้ที่จะพูดว่า "ใช่แล้ว เรื่องนี้ข้ายังไม่ได้บอกพ่อเจ้า ถ้าพ่อเจ้ารู้ ดูสิว่าเขาจะสั่งสอนเจ้ายังไง เจ้าระวังตัวหน่อย"ภายใต้การเกลี้ยกล่อมและคําเตือนของฮูหยินหลิ่ว ในที่สุดหลิ่วโหรวโหรวก็หลับตาลง นางนั่งอยู่บนที่นั่งของตัวเองอย่างเซ็ง ๆ ทั้งหน้ามีแค่อารมณ์เดียวนั่นก็คือ นางไม่มีความสุขฮูหยินหลิ่วถอนหายใจอย่างจนใจ แล้วเงยหน้ามองฝั่งตรงข้าม ตําแหน่งของนาง มีเพิงดอกไม้อยู่ตรงกลางบดบังร่างของถูซินเยว่พอดี ดังนั้นนางจึงเห็นเพียงโครงร่างผ่านเถาวัลย์อย่างคลุมเครือเท่

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 379 จางเยียนหรัน

    วันนี้ตระกูลจางเป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงเชิญตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง ก่อนมาซูจื่อหังเคยพูดกับนางว่า เขากับตระกูลจางเข้ากันได้ดีในราชสํานัก ดังนั้นวันนี้ ถูซินเยว่ก็ไม่อยากสร้างปัญหาอะไรให้กับตระกูลจาง เพื่อไม่ให้คนอื่นรู้สึกว่าพวกเขาไม่มีมารยาทเห็นเหล่าฮูหยินกับหลิ่วโหรวโหรวเพิ่งเยาะเย้ยเธอเมื่อครู่ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ถูซินเยว่ก็สบายใจไม่น้อย ก้มหน้าก้มตากินอาหารด้วยตัวเองไม่สนใจใครทั้งนั้นในขณะที่เธอกําลังกินอย่างมีความสุข จู่ ๆ ก็มีคนผลักแขนของเธอเบา ๆถูซินเยว่นิ่งงันไปพักหนึ่ง หันหน้ากลับไปอย่างสงสัยใคร่รู้ เห็นหญิงสาวในชุดสีเหลืองคนหนึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ ตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ กําลังใช้ดวงตากลมโตจ้องมองเธออย่างอยากรู้อยากเห็นดวงตาของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นและไร้เดียงสา แต่กลับไม่มีเจตนาร้ายเลยแม้แต่น้อยถูซินเยว่เคยเห็นคนมามากมาย เรื่องเหล่านี้เธอยังพอสามารถมองออกได้ตั้งแต่แรกเห็นเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีเจตนาร้าย ท่าทีของเธอก็อ่อนโยนลงมาก"ไม่ทราบว่าแม่นางมีเรื่องอะไรหรือเปล่า?"ถ้าเธอจําไม่ผิด คนที่นั่งข้างเธอเมื่อกี้น่าจะเป็นผู้หญิงที่เยาะเย้ยเธ

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 378 หน้าแตก

    ถูซินเยว่ชะงัก และรู้สึกตลก เมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายก็รู้สึกประหลาดใจ ตอนที่ออกจากมาตอนเช้า เธอได้สวมใส่เครื่องประดับมาหลายชิ้นจริงๆแต่ระหว่างทาง ถูซินเยว่รู้สึกว่าต่างหูระเกะระกะเกินไป จึงแอบถอดมันออกและวางไว้บนรถม้าคาดไม่ถึงจริงๆ ว่าในงานเลี้ยงจะมีคนไม่กินไม่ดื่ม แต่หันมาจับจ้องที่เครื่องหัวของตนเองแทนถูซินเยว่ยื่นมือไปจับที่ผมของตนเองอัตโนมัติ จากนั้นก็พูดเสียงราบเรียบว่า "ในเมื่อวันนี้ตระกูลจางเป็นเจ้าภาพ แขกสำคัญจึงเป็นตระกูลจาง แล้วเหตุใดข้าจักต้องแต่งตัวให้ดูดีขนาดนั้น""จนก็ยอมรับว่าจนเถอะ จะหาเหตุผลอะไรมาอ้างมากมายไปทำไม ในที่นี้ใครไม่รู้บ้างว่าพวกเจ้ามาจากบ้านนอก ข้าเองก็แค่รู้สึกเสียดายแทนใตเท้าซูเท่านั้น ทั้งที่มีมีอนาคตอันดี หากแต่งงานกับบุตรสาวขุนนางสักคน ก็คงยิ่งช่วยส่งเสริมให้เจริญก้าวหน้า แต่กลับเลือกจะเฝ้าอยู่แค่หญิงชาวบ้านเฉกเช่นเจ้า..."ประโยคหลังแม้ว่าจะไม่ได้พูดต่อจนจบ แต่ก็สามารถเข้าใจได้ถึงแม้บนใบหน้าของถูซินเยว่จะแสดงสีหน้าใดๆ แต่สาวรับใช้ที่อยู่ข้างๆ สีหน้าย่ำแย่มากแล้วนางอาศัยอยู่ที่ตระกูลซูมานาน ก็พอจะรู้ว่าถูซินเยว่ไม่ได้ไม่มีเงิน และเงินส่วนใ

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 377 ดูถูก

    ตั้งแต่ตอนที่อยู่ในหมู่บ้านต้าเย่ เพราะเรื่องเล็กๆ น้อยๆ หรือเพราะผลประโยชน์อันน้อยนิด แม้เป็นครอบครัวเดียวกัน ก็ยังสามารถโกรธแค้นกันจนตัดญาติขาดมิตรไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่นใด แค่ในตระกูลถู เพียงเพื่อสินสอดของตระกูลเหลียง ถูชิวหลานก็ดันทุรังจะสับเปลี่ยนตัวเธอกับลูกสาว ภายหลังยังไม่ยอมรับด้วย แถมยังผลักไสความผิดทุกอย่างไปที่เจ้าของร่างหากเธอไม่ได้ข้ามิติมาอยู่ในร่างของเจ้าของร่างซื่อบื้อคนนั้น นางจะใช้ชีวิตอยู่ในตระกูลซูอย่างไร เกรงว่าคงเหลือแต่เสี้ยววิญญาณแล้วอย่างด้านซูเฟิ่งอี๋ในตระกูลซู ตอนนั้นพวกเขาเองก็หวงแหนเงินเล็กๆ น้อยๆ เห็นชีวิตนางหยูกำลังตกอยู่ในอันตรายก็ยังไม่ยอมรักษาให้นางเรื่องราวของญาติสนิทมิตรสหายที่ทำร้ายคนใกล้ตัวเพียงเพื่อผลประโยชน์และเงินทองมีมากมายเกินกว่าจะพูด ขนาดบ้านเธอยังเป็นเช่นนี้ แล้วต้าฉีที่มีบ้านสกุลมากมายขนาดนี้ล่ะชาวบ้านธรรมดาทั่วไป อาจทำไปเพื่อเงินทอง แต่องค์ชายสามกับองค์ชายใหญ่ กลับทำเพื่อแก่งแย่งแผ่นดิน ขนาดที่เป็นการต่อสู้เพื่อความเป็นความตาย และไม่มีใครยอมอ่อนข้อให้ใคร ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้"ชีวิตคนเรามีหลายเรื่องที่มักไม่เป็นดังที่หวัง ข

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 376 อิจฉา

    "วันนี้เป็นงานเลี้ยงของตระกูลจาง ข้าก็นึกว่าเจ้าจะพูดคุยเรื่องอะไรกับข้า คาดไม่ถึงว่าจะใช้เรื่องนี้มาข่มขู่ข้าในที่ๆ ไม่มีคนเช่นนี้?"ชายผู้นั้นหัวคิ้วกระตุก รีบก้มศรีษะลงแล้วพูดว่า "กระหม่อมมิบังอาจพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่กระหม่อมทราบว่าองค์ชายสามเป็นคนเฉลียวฉลาด แต่ไหนแต่ไรมา การที่บุตรสายตรงรับสืบราชบัลลลังก์ต่อก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล แล้วไฉนองค์ชายสามจึงมิตั้งใจเป็นข้าราชบริพานบริสุทธิ์ คอยค้ำจุนเสด็จพี่ของพระองค์เล่าพ่ะย่ะค่ะ?"ฉีหวานหัวดราะเสียงดัง น้ำเสียงเย็นเยือกลงฉับพลัน เขาสะบัดแขนเสื้อ พร้อมสีหน้าเย็นชา "แม่ทัพหลิ่วพูดเช่นนี้ ช่างไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย ตอนที่ข้าพบกับมือสังหารไล่เอาชีวิตตอนที่รีบเดินทางกลับมาจากเป่ยเจียงอันไกล แม้วันนี้ข้าไม่พูด เชื่อว่าท่านแม่ทัพเองก็คงทราบดีว่าเป็นฝีมือของใคร?"ถูซินเยว่ที่นั่งอยู่ในศาลาชะงักงัน ที่แท้คนที่ยืนอยู่ตรงข้ามกับฉีหวานก็คือแม่ทัพหลิ่วนี่เอง หากนางจำไม่ผิดละก็ ก่อนหน้านี้ที่หน้าประตูตระกูลจาง ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ หลิ่วโหรวโหรวก็คือแม่ทัพหลิ่วผู้นี้สินะ?เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ถูซินเยว่ก็รู้สึกเซ็งขึ้นมา ถ้ารู้แต่แรกว่าพวกเขาจะคุยกันเรื่

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status