Share

บทที่ 6 เงินจำนวนนี้ ข้าไม่มีทางให้พวกท่าน

ไม่ต้องให้ถูซินเยว่รอนาน ซูจื่อหังลุกขึ้นยืนที่ข้างเตียงแล้ว

เขาหันศีรษะมา สีหน้าเย็นชาเล็กน้อย นัยน์ตาแจ่มชัดจ้องมองไปยังซูเฟิ่งอี๋ แล้วเอ่ยถาม "พวกท่านเสียเงินไปเปล่า ๆ เพื่อส่งเสียข้าเรียนหนังสืองั้นหรือ? แล้วเงินเบี้ยเลี้ยงห้าร้อยอีแปะที่ได้รับจากอำเภอทุกเดือนล่ะ ไม่ใช่ว่าเข้ากระเป๋าพวกท่านหรอกหรือ? เงินที่ข้าแต่งภรรยา พวกท่านได้ควักสักแดงเดียวหรือ?"

นี่เป็นครั้งแรกที่ซูเฟิ่งอี๋เห็นซูจื่อหังแสดงสีหน้าเยือกเย็นเช่นนี้ เธอสะดุ้งไปเล็กน้อย แต่ก็โต้กลับอย่างไม่ยอมแพ้ "ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เจ้าจะให้พวกข้าเลี้ยงนางหยูไว้อย่างเปล่าประโยชน์ไม่ได้ แล้วยังต้องเสียเงินค่ารักษาให้นางอีก"

"ถูกต้อง" แม่เฒ่าตระกูลซูยิ้มเยาะ "มือของแม่เจ้าพิการ ต่อไปก็ไม่สามารถเชือดหมูเชือดไก่ หรือทำนาได้อีก แล้วจะเลี้ยงนางไว้ทำไม? หมอหลี่บอกแล้วไม่ใช่รึว่าคงไม่ตายเร็ว ๆ นี้ ยังดึงดันจะมาเสียเงินซื้อยาให้นางอีก ตระกูลซูของเรายากจน ไม่มีเงินซื้อยาให้นางหรอก"

เมื่อกล่าวถึงตอนนี้ แม่เฒ่าตระกูลซูจู่ ๆ ก็เปลี่ยนเป็นเสียงประชดประชันว่า "จื่อหัง จิตใจกตัญญูที่จะดูแลรักษาแม่ที่ป่วยของเจ้า พวกข้าไม่ขัดขวาง เพียงแต่ว่าเงินพวกนั้น ข้าไม่มีทางให้เจ้าเด็ดขาด แม้แต่แดงเดียว"

แม่เฒ่าตระกูลซูยืนพิงไม้เท้าอยู่ข้าง ๆ ใบหน้าแก่ ๆ ของนางเต็มไปด้วยความเย็นชา

ซูจื่อหังสูดลมหายใจเข้าลึก นิ่งงันอยู่นาน ในที่สุดก็พูดขึ้นว่า "ได้ ค่ายาของแม่ข้า ข้าจะไม่เอาจากพวกท่านแม้แต่อีแปะเดียว แต่เงินห้าร้อยอีแปะที่อำเภอส่งมา ข้าก็จะไม่มอบมันให้แก่พวกท่านอีก"

"อะไรนะ?" เมื่อได้ยินประโยคนี้ ซูเฟิ่งอี๋ก็เกือบกระโจนขึ้นมา ส่ายหน้าด้วยความขุ่นเคือง "ไม่ได้ ๆ บ้านตระกูลซูยังไม่ได้แยกครอบครัวกัน เงินห้าร้อยอีแปะนี้เจ้ามีสิทธิ์อะไรที่จะไม่ให้!"

เสื้อผ้าชุดใหม่ที่เธอสวมใส่ทุกเดือน แป้งหอมต่าง ๆ ที่เพิ่งซื้อใหม่ต่างต้องอาศัยเงินห้าร้อยอีแปะนี้ทั้งนั้น

ซูจื่อหังเหลือบมองใบหน้าที่น่าเกลียดของป้าตัวเอง แล้วพูดอย่างเย็นชา "ข้าจะเก็บเงินไว้รักษาแม่ข้า"

"จื่อหัง มันจะมากไปแล้วนะ!" ซูเฟิ่งอี๋พับแขนเสื้อขึ้น ท่าทางดุร้ายอำมหิต ที่หน้าประตูทันใดนั้นถูซินเยว่ก็ผลักประตูเปิดออก ขยับร่างอ้วน ๆ ของเธอเข้าไปหาซูจื่อหังทีละก้าว แล้วพูดด้วยรอยยิ้มโง่ ๆ "นี่ ข้าให้เจ้า"

"นังอ้วนไสหัวไป" ซูเฟิ่งอี๋ขมวดคิ้วสาปแช่ง หญิงอ้วนอัปลักษณ์นี่บดบังสายตานาง

ถูซินเยว่ไม่ใส่ใจนางแม้แต่น้อย ไขมันบนร่างเธอแกว่งไปมา รูม่านตาในดวงตาน้อยทอประกายสดใส มองดูซูจื่อหังที่อยู่ตรงหน้าเธอ

ซูจื่อหังก้มลงมืองดูในที่สุด ที่มองถูซินเยว่ไม่ใช่เพราะรังเกียจ แค่รู้สึกงุนงงเล็กน้อย

"อะไรหรือ?" ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขามักจะรู้สึกอยู่เสมอว่าแม้ว่าหญิงสาวตรงหน้าเขาจะดูเลอะเลือนสติไม่ดี แต่ดูเธอเหมือนจะเข้าใจในสิ่งที่เขาพูด

ซูจื่อหังไม่แน่ใจ ได้แต่ถามขึ้นอย่างมีความหวัง เนื่องจากมีข่าวลืออยู่บ่อย ๆ ว่าถูซินเยว่มักมีอารมณ์ฉุนเฉียวชอบทุบตีเด็ก ๆ ไม่แน่ว่าบางทีวินาทีถัดไปอาการบ้าของนางอาจจะกำเริบขึ้นมา ทุบหัวเขาจนเลือดสาดก็เป็นได้...

แต่ว่าซูจื่อหังต้องประหลาดใจ เพราะถูซินเยว่ไม่เพียงแต่มีดวงตาอันแน่วแน่ ทั้งยับจับมือเขาไว้อย่างปกติดี จากนั้นจึงหยิบกระเป๋าเงินออกจากหน้าอกแล้ววางลงบนมือของเขา

กระเป๋าทำจากผ้าใยป่านซึ่งตัดเย็บอย่างดี ขอบกระเป๋ามีด้ายหลุดรุ่ยออกเป็นขน ดูเหมือนว่าจะผ่านการใช้งานมาหลายปีแล้ว

ซูจื่อหังกะน้ำหนักกระเป๋าเงินในมือ และทันใดนั้นก็เหลือบมองที่ถูซินเยว่ด้วยความประหลาดใจ นัยน์ตาแวววาวระคนตกใจ กระเป๋าใบนี้มีเงินอยู่เต็ม!

ถูซินเยว่ไปเอาเงินมาจากที่ไหน?

ก่อนที่ซูจื่อหังจะได้ทันตั้งตัว ซูเฟิ่งอี๋ก็เห็นกระเป๋าเงินในมือเขาแล้ว

นางส่งเสียงครวญคราง กระโจนเข้าใส่พร้อมกับตะโกนว่า "นี่มันเงินของข้า นังคนสารเลวกล้าดียังไงมาขโมยเงินข้า!"

ดูจากท่าทางของซูเฟิ่งอี๋แล้ว เห็นได้ชัดว่านางต้องการจะฉกกระเป๋าเงินกลับไป

ขณะที่ซูเฟิ่งอี๋กระโจนเข้าใส่ซูจื่อหังนั้น ถูซินเยว่ใบหน้าโง่ทึ่มที่กำลังยืนดูดนิ้วอยู่ข้าง ๆ ก็เหยียดเท้าอ้วน ๆ ออกมาอย่างหน้าตาเฉย

"ว้าย!" ซูเฟิ่งอี๋ล้มหน้าคว่ำ

"สนุกจังเล้ย สนุกจริง ๆ !"

ยังไม่ทันจะได้ลุกขึ้น ถูซินเยว่ก็ปัดมือและนั่งลงบนท้องของซูเฟิ่งอี๋ เกือบทำให้นางกระอักเลือดพุ่งออกมาจากปาก

เมื่อเห็นใบหน้าบูดเบี้ยวของซูเฟิ่งอี๋ ถูซินเยว่ก็ต้องกลั้นขำอยู่ในใจ

การมีน้ำหนักตัวมากก็มีข้อดี นั่งลงไปทีเดียว ซูเฟิ่งอี๋คงไม่ได้ลงจากเตียงไปหลายวันแน่

"นังอ้วน ไสหัวไปเดี๋ยวนี้" ซูเฟิ่งอี๋ตะโกนร้องแต่ยังไม่ลืมกระเป๋าเงินของตัวเองหันไปพูดกับแม่เฒ่าตระกูลซู "ท่านแม่ นั่นเงินของข้า รีบไปเอาคืนเร็วเข้า!"

แม่เฒ่าซูเหลือบมองซูเฟิงอี้อย่างไม่พอใจ นางไม่รู้มาก่อนว่ามีเงินจำนวนนี้

ซูเฟิ่งอี๋ใบหน้าฉายแววหวาดหวั่น ในใจคิดว่าตกอยู่ในมือของแม่เฒ่ายังดีกว่าตกอยู่ในมือของจื่อหัง แม่เฒ่าหูเบา ต่อไปแค่ตนพูดจาหว่านล้อม คงยังเอากลับมาได้สักสองสามตำลึง แต่หากตกอยู่ในมือของจื่อหังละก็ นางคงไม่มีโอกาสเลยแน่นอน

"ท่านแม่ นั่นคือเงินที่ข้าเตรียมไว้แสดงความกตัญญูต่อท่าน"

ซูเฟิ่งอี๋รีบพูดขึ้น

เมื่อได้ฟังดังนั้นแม่เฒ่าตระกูลซูจึงได้มองไปยังซูจื่อหังอย่างช้า ๆ ขมวดคิ้วและสั่งว่า "จื่อหัง เอาเงินไปให้ป้าของเจ้าซะ”

ถูซินเยว่เมื่อได้ยินดังนั้นก็ร้อนใจขึ้นมาทันที กว่าเธอจะขโมยเงินนี้มาได้ จะเอากลับคืนไปให้ซูเฟิ่งอี๋ง่าย ๆ ไม่ได้

ดีที่ซูจื่อหังเองก็ไม่ใช่คนโง่ กำกระเป๋าใยป่านแน่น แล้วกล่าวเสียงเรียบ ๆ “นี่คือเงินของซินเยว่”

"เหลวไหล!" ซู่เฟิงอี้ยิ้มเยาะและสาปแช่ง "นางอ้วนอัปลักษณ์ถูซินเยว่ เข้าบ้านวันแรกก็ทำตัวเป็นหัวขโมย เงินจำนวนนี้มันเป็นของข้าชัด ๆ แต่นางอ้วนอัปลักษณ์เข้ามาขโมยไปจากห้องของข้า”

เธอจำได้แน่ชัดว่าเอาเงินซ่อนไว้ใต้เตียง แต่นางอ้วนอัปลักษณ์กับขโมยไปได้

คำก็อ้วน สองคำก็อ้วน

ถูซินเยว่เริ่มไม่สบอารมณ์ งอเข่าลงเล็กน้อยแล้วนั่งกดทับไปที่ท้องของนางอย่างสุดแรง

ซูเฟิ่งอี๋ตะโกนดังลั่นใบหน้าบิดเบี้ยว "โอ้ย แม่เจ้าโว้ย...."

"นั่นคือกระเป๋าเงินของแม่ข้า ข้าจำได้ กระเป๋าเงินของแม่ข้า!" ถูซินเยว่ชี้ไปที่กระเป๋าเงิน ตบมือพลางร้องตะโกนเสียงดัง ตะโกนไปพร้อมทั้งนั่งโยกตัวเป็นจังหวะไปบนท้องของซูเฟิ่งอี๋ กดร่างที่อยู่ใต้บั้นท้ายของตนไว้จนไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้

คำพูดของถูซินเยว่ไม่มีที่มาที่ไป แต่กลับทำให้ทุกคนหยุดฟัง

หากกระเป๋าเงินนี้เป็นของลูกสะใภ้คนที่สี่ของตระกูลถู ถ้าเช่นนั้นเงินในกระเป๋าก็น่าจะเป็นของบ้านของบุตรชายคนที่สี่ของตระกูลถู วันนี้ซูเฟิ่งอี๋ไปยกเลิกการแต่งงานที่บ้าน ไม่แน่ว่าบ้านของบุตรชายคนที่สี่ของบ้านตระกูลถูอาจจะรู้สึกผิดที่ยัดเยียดลูกสะใภ้มาแบบนี้ จึงยัดเงินสิบตำลึงนี้มอบให้

หากเป็นเช่นนั้น เงินจำนวนนี้ก็ควรจะเป็นของครอบครัวของซูจื่อหั่ง ไม่ใช่ของซูเฟิ่งอี๋

ซูจื่อหังนิ่วหน้าพลางกล่าวว่า "ในเมื่อเงินนี้ไม่ใช่ของท่านป้า ถ้าเช่นนั้นท่านป้าก็ไม่มีเหตุผลที่จะเอากลับไป” พูดจบเขาก็เอากระเป๋าเก็บเข้าไว้ในแขนเสื้อ และไม่ใส่ใจพวกเขาอีกต่อไป

แม่เฒ่าตระกูลซูหางตากระตุก พูดขึ้นว่า “จื่อหัง เจ้าหมายความอย่างไร? ต่อให้เป็นเงินที่ตระกูลถูมอบให้พวกเจ้า เจ้าก็ต้องเอามาให้ข้า”

ตระกูลซูยังไม่แยกครอบครัว ทุกคนในครอบครัวกินข้าวจากหม้อเดียวกัน ใครมีเงินก็ต้องมอบให้

หากเป็นเมื่อก่อน ซูจื่อหังก็อาจจะมอบให้พวกเขาไปแล้ว

แต่เรื่องที่เกิดขึ้นกับนางหยู ท่าทีของพวกเขาช่างน่าผิดหวังเสียเหลือเกิน

"เงินจำนวนนี้ ข้าไม่มีทางให้พวกท่าน"

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status