นึกถึงสิ่งที่นางต้องประสบ หยางหยางก็ยิ่งโกรธคนเหล่านั้น ที่โกรธยิ่งกว่าคือโกรธที่ตนเองโทสะโมหะบังตาจนหน้ามืดตามัว ใจทราม ขาดสติ กระทำเรื่องหยาบช้าป่าเถื่อนเช่นนั้นลงไปราวกับไม่ใช่มนุษย์
ปึง!!!
เสียงทุบโต๊ะดังสนั่น ทำเอาเหล่าขุนศึกนายกองร่างใหญ่ยังอกสั่นขวัญผวา
ท่ามกลางความเงียบงัน แม่ทัพใหญ่เข่นเขี้ยวคำราม ออกคำสั่งเสียงเข้ม นัยน์ตาแดงก่ำเหมือนโลหิต
“ส่งคนไปจับตาดูในจุดที่สำคัญ หากพบพิรุธแม้แต่น้อย ก็ไม่ต้องคิดแสดงความเมตตาเจรจาอะไรแล้ว! ระหว่างนี้ก็เฝ้าระวังค่ายพักทัพให้ดี หลายวันมานี้พักผ่อนกันพอแล้ว นับจากวันนี้เริ่มฝึกซ้อมไพร่พล เตรียมแผนการรบเผื่อเอาไว้ อย่าให้บกพร่อง!”
เหล่าแม่ทัพนายกองฟังแล้ว บ้างแย้มยิ้มพยักหน้าเออออ บ้างก็ลูบหนวดเคราชอบอกชอบใจ
เห็นนายตนขึงขัง เอาจริงเอาจัง มีไฟในการสู้รบเช่นนี้ พวกเขาก็พลอยฮึกเหิมไปด้วย
ถูกแล้ว! ต้องอย่างนี้สิ จึงจะสมกับที่เป็นท่านแม่ทัพ!
ค่ำวันนี้ หลังรับความช่วยเหลือจากหญิงหม้ายสกุลอวี๋ทำความสะอาดเนื้อตัว หนิงซินเม้มริมฝีปากแน่น นอนนิ่ง แสร้งทำเป็นไม่รู้สึกไม่รู้สา ปล่อยให้หญิงหม้ายดูแลบาดแผล ณ จุดบอบบางอ่อนนุ่ม หูฟังหญิงหม้ายกล่าวอย่างดีใจกึ่งปลอบโยนเรื่องที่ร่างกายนางตอบสนองต่อการรักษาของตน รวมทั้งยาบำรุงของท่านหมออาวุโสอวิ๋น ทำให้บาดแผลที่เคยคิดว่าน่ากังวล ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว อีกทั้งผิวพรรณยังเปล่งปลั่งดูมีเลือดฝาดแล้ว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าสุขภาพร่างกายกลับมาสมบูรณ์แข็งแรงกว่าก่อนหน้านี้มากเพียงใด
จนบัดนี้ หญิงหม้ายสกุลอวี๋ก็ยังไม่รู้ว่านางคือองค์หญิงรอง หนิงซิน องค์หญิงศักดิ์สิทธิ์แห่งแคว้นป๋ายที่คนทั่วหล้า โดยเฉพาะตัวหญิงหม้ายเอง เฝ้าเทิดทูนบูชา
หญิงหม้ายกลับเข้าใจว่าแม่นางน้อยของแม่ทัพใหญ่แห่งเฮยเซ่อเย่ว์ เป็นเพียงสตรีหน้าคล้ายองค์หญิงหนิงซินผู้ศักดิ์สิทธิ์และสูงส่งของตนเท่านั้น ทว่านั่นก็เพียงพอแล้วให้ผู้ทำหน้าที่หมอจำเป็นอย่างนาง ปรารถนาจะเห็นแม่นางน้อยผู้นี้มีความสุข ไม่เจ็บไข้ และถ้าหากเป็นไปได้ ก็อยากให้แม่นางน้อยผู้นี้ได้ดี
หลังตรวจดูว่าไม่เหลือสิ่งใดให้ต้องกังวล หญิงหม้ายสกุลอวี๋ก็อมยิ้มน้อยๆ เงยหน้าขึ้น กล่าวอย่างพึงพอใจ
“อาการของแม่นางฟื้นตัวเร็วมาก ไม่เกินสามวันก็คงหายดีแล้ว”
หนิงซินฟังแล้วไม่รู้ว่าควรดีใจหรือไม่
ถ้านางหายดีแล้ว มิใช่ว่าคนผู้นั้นจะ...กับนาง...
นึกถึงตรงนี้ หนิงซินก็สับสนจนแทบไม่อาจฝืนรักษาสีหน้าสงบนิ่ง
เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ด้วยสถานการณ์ยามนี้...มิใช่ว่านางไม่อาจทำใจให้ยินยอม นางถึงกับเตรียมใจเอาไว้แล้วด้วยซ้ำ...
แต่ครั้นจะให้พูดว่ายินดี ก็ไม่อาจพูดได้เต็มปากเช่นกัน...
แม้ข้าวสารจะกลายเป็นข้าวสุกไปแล้ว แม้สิ่งที่เสียไปจะไม่มีวันย้อนกลับ และแม้ดูๆ ไปแล้วคนผู้นี้ก็หาได้ชั่วช้าเลวทรามถึงเพียงนั้น กระนั้นก็เถอะ จะอย่างไรนางก็นับเป็นองค์หญิงผู้หนึ่ง ต้องมาถูกกระทำย่ำยีเช่นนี้...หากยังปล่อยตัวปล่อยใจ ปล่อยเลยตามเลย แล้วราชวงศ์สกุลอิ๋งจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด? นี่หากไม่ติดว่าสงครามยังไม่ยุติ ภาระหน้าที่ของนางยังไม่เสร็จสิ้น นางคงชิงเชือดคอหรือกัดลิ้นตายไปแล้วตั้งแต่ในราตรีแรก ต่อให้ต้องตายก็ต้องรักษาความบริสุทธิ์เอาไว้ให้จงได้ คงไม่ปล่อยให้บุรุษผู้หนึ่งเสพสุขจากร่างกายตนตั้งไม่รู้กี่ครั้งกี่คราเช่นนั้น...
เห็นแม่นางน้อยของแม่ทัพใหญ่เม้มริมฝีปากแน่น ใบหน้าหมองคล้ำ แววตาอมทุกข์ หญิงหม้ายก็เดาว่าคุณหนูผู้นี้คงห่วงพะวงถึงอนาคตของตนเอง จึงขยับเข้าใกล้ ยัดขวดยาสมุนไพรขวดเล็กๆ ใส่มือน้อย
“ข้ารู้ว่าท่านกังวลเรื่องใด แม่นางไม่ต้องกลัวไป ขอเพียงท่านผสมยานี้ดื่มทุกเช้า กลางวัน เย็น เรื่องที่ท่านกังวลก็จะคลี่คลายลงด้วยดี”
หนิงซินไม่เข้าใจ
“ก็เรื่อง...” หนิงหม้ายสกุลอวี๋ลดเสียงลงให้แค่พอได้ยิน ราวกลับเกรงว่าจะถูกจับได้ “ตั้งครรภ์อย่างไรล่ะ!”
ตั้งครรภ์! นัยน์ตาหนิงซินเบิกโพลงขึ้นเล็กน้อย
เคยได้ยินอยู่บ้างเหมือนกัน ว่ามียาจำพวกระงับการตั้งครรภ์ห้ามบุตร
หากชงสมุนไพรในขวดนี้ดื่มวันละสามเวลา เช่นนี้แล้ว นางก็จะไม่ตั้งครรภ์?
“มะ...ไม่ได้นะ...”“ข้ารับปากว่าจะไม่สังหารผู้ใดหากไม่จำเป็น”“แต่เหล่าทหารของทั้งเฮยเซ่อเย่ว์และแคว้นป๋ายก็ต้องเสียเลือดเสียเนื้อมิใช่หรือ” นางจ้องตาวิงวอนไม่ยอมแพ้อาจเพราะความกังวล มือที่ทาบทับแผงอกแกร่งพลันแข็งเกร็ง ขยับเหมือนหนึ่งจะกำ ท้องน้อยเองก็หดเกร็งเช่นกันหยางหยางสะดุ้งเล็กน้อยเพราะการกระทำนั้น ทำเอาหนิงซินสะดุ้งตาม แต่เพราะนางพยายามข่มใจไม่ให้รามือโดยง่าย มือที่ควรผละออกจึงกลายเป็นเคลื่อนไหวอยู่บนแผงอกแกร่งเหมือนหนึ่งแตะไล้หยอกเย้าจู่ๆ ส่วนที่ยังค้างคาอยู่ในกายนางส่วนนั้นก็ขยายตัวขึ้นอีกคราหนิงซินหน้าแดงจัด รู้สึกร้อนวูบไปทั้งหน้าทั้งตัว มือน้อยที่ทาบบนแผงอกกว้างยิ่งสั่นระริกไปกันใหญ่อา... นางช่าง...น่ารัก...หยางหยางพลันตื่นตัวเต็มที่อีกครั้ง ทำเอาเคร่งเครียด คิดหนัก...เมื่อครู่เพิ่งรังแกนางหนักหน่วงถึงเพียงนั้น หากลงมือซ้ำ เกรงว่าร่างกายเล็กๆ บอบบางใต้ร่างเขาอาจล้มป่วยลงอีกหน...“นะเจ้าคะ...ท่านแม่ทัพ ได้โปรด...” นางขอร้อง
เขากอดร่างนางไว้แน่น กระแทกแรงๆ อีกหลายครั้ง ก่อนดันอาวุธร้ายเข้าลึก จากนั้นบางอย่างก็ระเบิดโพลงอยู่ข้างในนั้น ทำเอาในกายนางอุ่นร้อนชุ่มแฉะไปหมดเขา...ปลดปล่อยสิ่งนั้นข้างในอีกแล้ว? หนิงซินเสียวซ่านสุดจะหาคำบรรยาย ส่วนอ่อนนุ่มกระตุกเกร็ง สองขาหนีบเข้าหากันแน่นโดยไม่รู้ตัวหยางหยางฟุบตัวลง กอดร่างนางไว้แน่น เนิ่นนานนักถึงเลื่อนมือขึ้นลูบศีรษะน้อยๆ ของนางอย่างเบามือ ก่อนเคลื่อนตัวขึ้นจูบหน้าผากทั้งที่บางส่วนยังคงค้างคากันอยู่ แล้วลูบหลังปลอบโยนอย่างแผ่วเบาสำหรับบุรุษเช่นเขาแล้ว ความสัมพันธ์ทางกายกับความรักนั้นเป็นคนละเรื่องกัน ทว่าครั้งนี้ กับองค์หญิงน้อยผู้นี้ เขากลับรู้สึกต่างออกไปเขาไม่เคยเอ็นดูใส่ใจ เฝ้าถนอมและหวงแหนผู้ใดเท่าสตรีในอ้อมกอดร่างน้อยนี้มาก่อน“เมื่อครู่...เจ็บหรือไม่” หยางหยางถามอย่างไม่มั่นใจนักตัวเขาเองก็พยายามยั้งมือ ยับยั้งชั่งใจมากแล้ว ทว่า...ช่วงสุดท้ายนั้น มันสุดจะระงับจริงๆหนิงซินได้ยินคำถามแล้วใบหน้าตึงและเห่อร้อนขึ้นทันทีนางก้มหน้างุด ซุกแผงอกแกร่ง ส่ายหน้าน้อยๆ“ท
จะไม่ให้นางตกใจได้อย่างไร ในเมื่อสิ่งที่เข้ามาในกายนางมันทั้งใหญ่โตมโหฬาร ทั้งดุนดันหน้าท้องนางจนอึดอัดคับแน่นไปหมด!สิ่งที่ทั้งร้อนและแข็ง ทั้งใหญ่ยาวเช่นนี้ เข้ามาในกายนาง!มิน่าเล่าครั้งแรกนั่นนางถึงได้...หนิงซินกระถดถอยหนีโดยสัญชาตญาณ แต่เขาขยับตาม“อา...” เขาครางอย่างพึงพอใจ ก่อนจะจับร่างนางขึ้นนั่งคร่อมร่างตนเองไว้ตอนแรกว่าตกใจแล้ว ตอนนี้หนิงซินกลับตกใจยิ่งกว่านางทั้งตกใจทั้งรู้สึกอับอายจนไม่อายนั่งตัวตรงอยู่ได้ ได้แต่หมอบกายลงกอดเกาะเขาไว้แน่น“แบบนี้น่าจะดีกว่า...” เขาบอกเสียงแหบห้าวหนิงซินหูอื้อตาลาย ไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไรไม่ทันจะได้ถาม หยางหยางก็ค่อยๆ จับสะโพกนางขยับยก“ฮึก...!” เพียงเขาขยับมือเล็กน้อย เลือดลมในกายนางก็พลันแล่นพล่าน ความเสียวซ่านแปลกประหลาดแล่นปลาบจากปลายเท้าขึ้นสู่ศีรษะ ทำเอาตัวสั่นงันงกเหมือนลูกนกอ่อนแอยามแรกฟักจากไข่หยางหยางเห็นท่าทางนั้นแล้วยิ่งกว่าคันยิบๆ ในหัวใจ เขาทั้งเอ็นดูทั้งอยากรังแกนาง เอาคืนที่บังอาจมายั่วยวนบุรุษเช่นตน
แม่ทัพใหญ่สบตาคู่งามแล้วไม่อาจโกหกได้เขากล่าวเนิบช้า “เสด็จพ่อของเจ้าคิดเล่นเล่ห์กับข้า”หนิงซินตกใจ“มิใช่ว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดหรอกหรือ ท่าน...ท่านตรวจสอบดีแล้วหรือยัง”“ไม่มีสิ่งใดต้องตรวจสอบทั้งนั้น ข้ายื่นข้อเสนอที่ดีต่อทั้งสองฝ่ายที่สุดไปแล้ว บิดาเจ้าอิดเอื้อนไม่ทำตาม เรื่องก็มีเท่านี้”“เช่นนั้น...พวกท่านจะทำสงครามกันอีกหรือ” นางถามหน้าเผือดสีไม่นะ! นางจะยอมให้เกิดเรื่องเสียเลือดเนื้อเช่นนั้นไม่ได้เป็นอันขาดหนิงซินเปลี่ยนจากจับแขนเสื้อเป็นจับแขนเขาไม่ว่าจะต้องใช้วิธีใด นางก็จะต้องทำให้คนผู้นี้ให้โอกาสเสด็จพ่อของนางได้คิดอีกสักครั้ง นางไม่เชื่อหรอกว่าเสด็จพ่อของนางจะหน้ามืดตามัวจนมองไม่เห็นความเป็นจริงเช่นนั้น!ก่อนอื่น...ก่อนอื่นนางต้องรั้งเขาไว้ ทำให้เขาหยุดคิดเรื่องแต่งกำลังทหารเตรียมการรบเสียก่อน!“เมื่อครู่ท่านจะออกไปไหนอีกหรือ...อย่าไปเลยนะ”แม่ทัพเฮยเซ่อเย่ว์ไม่เข้าใจ“ข้ารู้ว่าเสด็จพ่อทำให้ท่านและเหล่าแม่ทัพนายกองขุ่น
“ทวยเทพช่างส่งท่านมาโปรดข้าโดยแท้” หนิงซินแย้มยิ้มงดงามดั่งบุปผา ทำเอาหญิงหม้ายสกุลอวี๋ที่เข้าใจผิดไปคนละเรื่องขวยอายจนแทบตัวลอยหนิงซินที่หาได้รู้อันใดสักนิด เผลอเลื่อนมือข้างหนึ่งลงลูบท้องน้อยแม้แต่สัตว์ยังรักลูกของมัน แล้วประสาอะไรกับนาง...ใช่ว่านางไม่ต้องการลูก สำหรับนางแล้ว ไม่ว่าลูกจะถือกำเนิดขึ้นมาด้วยเหตุใด ลูกก็ย่อมเป็นลูก เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของนาง...ทว่าการตั้งครรภ์กับผู้นำทัพฝ่ายศัตรูในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมมิต่างอะไรไปจากการตบหน้าราชวงศ์สกุลอิ๋ง ยังไม่นับอีกว่านางคือผู้ถือพรหมจรรย์แม้ข้อเท็จจริงจะเป็นเช่นไร นางก็ไม่ต้องการให้ผู้อื่นล่วงรู้ความจริงน่าอับอายที่ว่าองค์หญิงศักดิ์สิทธิ์แคว้นป๋ายถูกข่มเหงรังแก และ...นางมั่นใจว่าจะต้องเกิดเรื่องเช่นในคืนนั้นอีกมากกว่าหนึ่งครั้ง โดยที่นางไม่อาจห้ามปรามขัดขืนได้เลยวัดจากเรื่องที่เกิดขึ้นครั้งล่าสุด ยามนี้นางไม่กลัวบุรุษผู้นั้นอีกต่อไป สิ่งที่นางหวาดกลัว และทำให้กังวลเสียมากมาย ก็คือตัวนางเองพอได้รู้จักรสสัมผัสที่ชวนให้ใจสั่นและสุขสมอย่างน่าพิศวงนั้นแล้ว นางก็เปลี่ยนไป
นึกถึงสิ่งที่นางต้องประสบ หยางหยางก็ยิ่งโกรธคนเหล่านั้น ที่โกรธยิ่งกว่าคือโกรธที่ตนเองโทสะโมหะบังตาจนหน้ามืดตามัว ใจทราม ขาดสติ กระทำเรื่องหยาบช้าป่าเถื่อนเช่นนั้นลงไปราวกับไม่ใช่มนุษย์ปึง!!!เสียงทุบโต๊ะดังสนั่น ทำเอาเหล่าขุนศึกนายกองร่างใหญ่ยังอกสั่นขวัญผวาท่ามกลางความเงียบงัน แม่ทัพใหญ่เข่นเขี้ยวคำราม ออกคำสั่งเสียงเข้ม นัยน์ตาแดงก่ำเหมือนโลหิต“ส่งคนไปจับตาดูในจุดที่สำคัญ หากพบพิรุธแม้แต่น้อย ก็ไม่ต้องคิดแสดงความเมตตาเจรจาอะไรแล้ว! ระหว่างนี้ก็เฝ้าระวังค่ายพักทัพให้ดี หลายวันมานี้พักผ่อนกันพอแล้ว นับจากวันนี้เริ่มฝึกซ้อมไพร่พล เตรียมแผนการรบเผื่อเอาไว้ อย่าให้บกพร่อง!” เหล่าแม่ทัพนายกองฟังแล้ว บ้างแย้มยิ้มพยักหน้าเออออ บ้างก็ลูบหนวดเคราชอบอกชอบใจเห็นนายตนขึงขัง เอาจริงเอาจัง มีไฟในการสู้รบเช่นนี้ พวกเขาก็พลอยฮึกเหิมไปด้วยถูกแล้ว! ต้องอย่างนี้สิ จึงจะสมกับที่เป็นท่