Войтиตอนที่ 10 โรคระบาด
ฝั่งด้านอี้หาน
หลังจากที่นางกินข้าวเสร็จได้เดินทางมาที่ห้องเครื่องพร้อมสาวใช้สามสี่คนที่เดินตามมาคอยดูแลและมีซูซูที่ยืนถือร่มตามหลังนางมาติด ๆ เพราะยามนี้แสงแดดเริ่มร้อน
“ว้าวนี่หรือห้องเครื่องช่างกว้างใหญ่จริง ๆ นี่ ” อี้หานตื่นเต้นกวาดสายตามองสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ตรงหน้า สาวใช้ในห้องครับตกใจรีบพากกันออกมาต้อนรับแม้กระทั่งพ่อครัวใหญ่
“พระชายารองมีเรื่องอันใดถึงมาเยือนที่ห้องเครื่องหรือพะย่ะค่ะ หรือว่าอาหารที่กระหม่อมทำไม่ถูกปาก”
“มิใช่ มิใช่ท่านพ่อครัวมิต้องเป็นกังวลข้าแค่อยากมาเดินสำรวจดูในสิ่งที่ข้าต้องดูแลเท่านั้น พระชายาเสวี่ยหมิ่นมอบงานให้ข้าดูแลบันทึกการใช้จ่ายหลังจวน ข้าอยากรู้ว่าสิ่งของที่ซื้อในแต่ละครั้งต้องใช้เบี้ยอัฐเท่าไหร่ เท่านั้นเอง”
“เป็นเช่นนั้นเองหรือพะย่ะค่ะ พอดีวันนี้เป็นวันที่ของใช้ในครัวเรือนหมดพอดีพระชายาอยากจะออกไปที่ตลาดกับพวกกระหม่อมหรือไม่จะได้รู้ว่าของที่ใช้มีอะไรบ้างราคาเท่าไหร่พะย่ะค่ะ”
“ดีเลย ข้าเองก็อยากออกไปเปิดหูเปิดตา เช่นนั้นออกไปตลาดกันเถอะ” อี้หานกระปรี้กระเปร่าเมื่อได้ยินว่าจะได้ออกไปข้างนอกตั้งแต่ทะลุมิติมานางไม่เคยไปที่ใดเลยนอกจากเรือนตระกูลซูกับจวนอ๋องหวังหมิง
ขบวนเกี้ยวของอี้หานออกเดินทางออกจากจวน พร้อมกับสาวใช้ในห้องเครื่องที่ต้องมาช่วยกันถือของ ในตลาดผู้คนคึกคักเดินเลือกซื้อของกันมากมาย เมื่อมาถึงตลาดเกี้ยวได้หยุดเคลื่อนไหวเพราะต้องลงเดินเลือกของ อี้หานจึงบอกให้สารภีรออยู่ด้านนอกตลาด นางเดินดูของอย่างตื่นเต้นของที่ไม่เคยก็ได้เห็นขนมโบราณที่อยากลิ้มลองก็ได้ลอง รอยยิ้มของนางปรากฎตลอดเส้นทางที่เลือกซื้อของ ระหว่างซื้อของหูของอี้หานได้ยินชาวบ้านพูดคุยกันถึงเรื่องโรคระบาดในหมู่บ้านข้าง ๆ
“ข้าได้ยินมาว่าตอนนี้ที่หมู่บ้านใกล้ ๆ มีโรคระบาดเกิดขึ้นร่างกายมีตุ่มแดงขึ้นเต็มตัว ตัวร้อนจับไข้ไม่มีหนทางรักษาไม่นานนักตุ่มแตกกลายเป็นบาดแผลช่างน่ากลัวจริง ๆ ร่างกายผ่ายผอมลงเรื่อย ๆ ได้ยินมาว่าตายไปสองคนแล้ว ข้าจะไม่ไปที่หมู่บ้านนั้นสักพักเลยล่ะ ”
“จริงหรือ ? น่ากลัวจริง ๆ แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่าโรคอะไร”
“ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ต่อจากนี้จะซื้ออะไรจะกินอันใดตรวจสอบดี ๆ ว่ามาจากที่นั่นหรือไม่ ไม่แน่อาจจะติดกันได้หากไปสัมผัส”
“อืม...ข้าจะตรวจสอบดูให้ดี” สตรีทั้งสองพูดคุยกันเดินผ่านอี้หานไป เมื่อนั้นใบหน้าของนางพลันเปลี่ยนสีดวงตาเป็นประกาย คิดแผนบางอย่างออกในทันที
“ซูซูข้าต้องการไปที่ร้านยาเจ้าพาข้าไปได้หรือไม่?”
“ท่านไม่สบายหรือเพคะ เช่นนั้นด้านหน้านู้นเพคะร้านขายยา”ซูซูชี้นิ้วไปด้านหน้าไม่ไกลนัก อี้หานจึงหันไปสั่งท่านพ่อครัวกับสาวใช้ให้ไปรอที่เกี้ยวก่อนนางขอไปซื้อยาสักครู่
“พวกเจ้าไปรอข้าที่เกี้ยวก่อนหรือผู้ใดต้องการซื้อของใช้ของตนเองก็ไปเลือกซื้อแล้วมาพบกันที่เกี้ยวอีกหนึ่งเค่อ”
“เพคะ /พะย่ะค่ะ”
อี้หานเดินตรงไปที่ร้านขายยา เข้าไปสอบถามเรื่องโรคระบาดกับท่านหมอทันที
“ท่านหญิงต้องการสิ่งใดหรือขอรับ” ท่านหมอมองอี้หานตั้งแต่หัวจรดเท้า ทั้งเนื้อผ้าที่นางสวมใส่อีกทั้งเครื่องประดับมากมายคงมิใช่สตรีธรรมดาแน่นอน
“ท่านหมอข้าต้องการรู้สิ่งหนึ่ง ท่านรู้หรือไม่โรคระบาดที่เกิดในหมู่บ้านใกล้ ๆ นั่นคือโรคอันใดกัน ”
“ข้าน้อยเองก็ไม่ทราบขอรับ เป็นโรคที่ไม่มีทางรักษาให้หายขาดได้ ยามนี้สำนักแพทย์หลวงกำลังนำไปตรวจและศึกษาวิธีการรักษา ข้าจึงไม่กล้าเข้าไปตรวจอาการด้วยตัวของข้าเองเพราะข้าก็แก่มากแล้ว ได้ยินว่าสามารถติดต่อกันหากสัมผัสโดยตรง” อี้หานคิดหาหนทางออกจากจวนของชินอ๋องได้แล้ว หากนางแสร้งเป็นโรคติดต่อชินอ๋องไม่กล้าเข้าใกล้และรังเกียจนาง เท่านี้เขาคงยอมปล่อยนางไปและมอบสินเดิมให้นางเพียงเท่านี้นางก็จะได้ออกไปใช้ชีวิตอย่างอิสระ ใช้เงินสินเดิมหาทางร่ำรวยเอง เพียงแค่คิดอี้หานก็มีความสุขจนล้นออกมาจากดวงตา ซูซูที่ตามมาด้วยเพียงเห็นก็เข้าใจว่านายหญิงของตนต้องมีแผนในใจอีกแล้วแน่ ๆ
“ขอบคุณท่านหมอนะเจ้าคะ ” เมื่อได้รู้ในสิ่งที่อยากรู้อี้หานก็รีบเดินออกไปจากร้านยาทันที
“พระชายาเพคะอย่าบอกนะเพคะว่าท่านมีแผนอีกแล้ว”
“ใช่แล้วซูซู แผนการครั้งนี้ข้าว่าสำเร็จแน่นอน เตรียมตัวเดินทางออกจากจวนชินอ๋องได้เลย ความปรารถนาของคุณหนูเจ้าจะสำเร็จแล้ว”
“แล้วพระชายาจะไปอยู่ที่ใดหรือเพคะ หากท่านจะแสร้งเป็นโรคมิใช่แต่ชินอ๋องจะรังเกียจท่านจะกลับเรือนตระกูลซูคงมิได้เพราะคนเหล่านั้นคงหวาดกลัวติดโรคระบาดเช่นเดียวกัน”
“ผู้ใดบอกว่าข้าจะกลับเรือนตระกูลซูเล่า ข้าตัดขาดแล้วไม่มีทางหันหลังกลับ ข้าจะใช้สินเดิมซื้อที่สร้างกระท่อมหลังเล็ก ๆ อยู่กับเจ้าสองคน ส่วนเรื่องทำมาหากินค่อยคิดหลังจากออกจากจวนชินอ๋อง” ซูซูถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ ไม่เข้าใจในสิ่งที่นายหญิงทำสักนิด ทุกวันนี้ก็สุขสบายอยู่แล้วจะออกไปจากจวนอ๋องให้ทุกข์เพราะเหตุใดกัน
เมื่อกลับมาถึงจวนพ่อครัวได้ให้บันทึกการซื้อของแก่อี้หาน นางเดินกลับห้องพรางครุ่นคิดเรื่องทำอย่างไรให้เกิดอาการผื่นแดง จนนางเหลียวไปเห็นดอกโบตั๋น รีบสั่งให้ซูซูไปเอามาให้ทันที
“ซูซูเจ้าไปเอาดอกโบตั๋นมาให้ข้าที”
“เอามาทำไมหรือเพคะ”
“ก็ทำให้เกิดผื่นนะสิ ข้าแพ้เกสรดอกโบตั๋นเพียงแค่ได้กลิ่นใบหน้าหรือแม้แต่ผิวกายของข้าจะเกิดผื่นแดงระเรื่อเต็มไปหมด”
“เช่นนั้นไม่เป็นอันตรายกับท่านหรือเพคะ ”
“ไม่หรอก ข้าแพ้ไม่รุนแรงแค่มีอาการผื่นคันเท่านั้น เจ้ารีบไปเอามาให้ข้าเถอะ อย่าถามให้มากความ”
“เพคะ “ ซูซูทำตามคำสั่งไปเอาดอกโบตั๋นมาให้ อี้หานได้สิ่งที่ต้อง
การแต่ยังไม่ให้ซูซูเอามาใกล้ตนเอง เอาไว้ช่วงใกล้ตะวันตกดินค่อยเอาดอกไม้มาสูดดม
ต่อจากนั้นนางได้เอาบันทึกคราวก่อนมาเปรียบเทียบกับของใช้ที่ไปซื้อกันในวันนี้ สินค้าของใช้ที่ซื้อมาราคาเหมือนเดิม แต่ทำไมการเบิกจ่ายไม่เหมือนในใบบันทึก จะมีการเบิกจ่ายมากกว่าที่ซื้อมาทุกครั้ง อย่างนี้พ่อครัวต้องรู้เห็นด้วยหรือเพราะเขาเป็นคนมาเบิกจากและลงชื่อเขาทุกครั้ง ยิ่งคิดยิ่งมีเรื่องให้สงสัยเต็มไปหมด อี้หานจะต้องสืบให้รู้ให้ได้แต่แล้วนางก็วางหนังสือลงพร้อมถอนหายใจ
"เฮ้อ...ทำไมต้องคิดให้ปวดหัวด้วยล่ะ ในเมื่ออีกไม่นานข้าจะออกไปจากจวนนี้แล้ว ใครจะทำอะไรก็ช่างสิไม่เห็นสนใจเลย ซูซูเราออกไปเดินเล่นนอกตำหนักกันเถอะอีกไม่กี่วันข้าจะได้ออกจากที่นี่แล้ว ต้องร่ำลาที่นี่สักหน่อย ”
“เพคะ” ทั้งสองพากันเดินเล่นหน้าตำหนักอากาศยามบ่ายลมพัดเย็นสบาย อี้หานไม่คิดอะไรนอกจากแผนการที่กำลังจะเกิดในค่ำคืนนี้
ตอนที่ 27 เลือกชินอ๋องเพียงไม่เกินครึ่งชั่วยาม แม่ทัพจัดการเหล่าทหารของใต้เท้าจางจนหมดสิ้นทุกคน หน้าวังหลวงเต็มไปด้วยกลิ่นคาวโลหิตคละคลุ้ง ทหารจัดการเก็บซากศพไปโยนทิ้งให้แร้งให้กากิน ส่วนหลางอี้ถูกจับตายเช่นเดียวกัน ตระกูลจางถูกจับทุกคนรวมถึงใต้เท้าที่เข้าร่วมก่อการกบฏครั้งนี้ทุกตระกูล สายของชินอ๋องหวังหมิงพาแม่ทัพบุกทลายที่ซุกซ่อนของใต้เท้าจางเสวี่ยหมิ่นไม่ทันได้ตั้งตัวหนีจึงถูกจับกุมมาที่คุกหลวง การตัดสินโทษของใต้เท้าจางคือการประหารเจ็ดชั่วโคตรเสวี่ยหมิ่นมิอาจจะหลบหลีกได้ นางกรีดร้องเสียสติเมื่อเห็นท่านพ่อถูกประหารนำหัวไปเสียบประจานอยู่หน้าวังหลวง ผู้คนชั่วช้าได้รับโทษที่ตนเองกระทำเอาไว้ ตอนนี้ทุกอย่างในวังหลวงคลี่คลายไร้ใต้เท้าชั่วช้าคิดไม่ดีต่อราชวงศ์อีก3 วันต่อมาจวนชินอ๋องหวังหมิงหลังจากที่จับกุมใต้เท้าจางได้ชินอ๋องแต่งตั้งให้ซูอี้หานขึ้นมาเป็นพระชายาเอก เหม่ยหนิงได้รับความเมตตาจากหวังหมิงให้กลับมาทำงานในจวนเช่นอย่างเคย ตอนนี้นางอยู่ห้องเครื่องแรก ๆ ทุกคนในจวนต่างพากันรังเกียจนางเพราะเสวี่ยหมิ่นเจ้านายของนางเป็นคนโหดเหี้ยมหักหลังได้แม้กระทั่งสวามีของตน
ตอนที่ 26 เริ่มเคลื่อนไหวเสวี่ยหมิ่นไม่หยุดนางลูบไล้บนอกแกร่งอย่างลืมตัว ร่างกายของหลางอี้สั่นสะท้านรีบจับมือของเสวี่ยหมิ่นให้หยุดกระทำก่อนที่ทุกอย่างจะเกินเลยไปมากกว่านี้“ข้าบอกให้ท่านหยุดได้แล้ว ทำไมถึงไม่หยุดเล่ายามนี้ข้ามิใช่เด็กชายตัวน้อยที่คอยให้ท่านหยอกเล่นเหมือนเมื่อก่อนและนะขอรับ”“ข้าก็ไม่ได้มองเจ้าเป็นเด็กชายตัวน้อยที่เมื่อก่อนถูกข้ารังแกเสียหน่อย ” หลางอี้มิอาจจะทนได้อีกต่อไปจับปลายคางของนางให้เผยอขึ้นก่อนจะบดจูบลงที่ริมฝีปากบางอย่างหนักหน่วงด้วยความถวิลหา ร่างบางสั่นสะท้านไปทั้งตัวสมองขาวโพลนอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน เลือดในร่างกายเริ่มพลุ่งพล่านโอบกอดคอของอีกฝ่ายอย่างลืมตัว เคลิบเคลิ้มกับรสจุมพิตที่เขามอบให้ทั้งสองแลกสัมผัสกันอย่างลึกซึ้งท่ามกลางเสียงน้ำที่ไหลไปตามกระแสน้ำ เหล่าแมลงปอเป็นพยานรักในครั้งนี้ เสวี่ยหมิ่นรู้สึกดีมาก ๆ จนแปลกใจว่าวันนั้นที่นางนอนกับชินอ๋องหวังหมิงใช่เรื่องจริงหรือไม่? จนกระทั่งความเจ็บปวดกับความเสียวซ่านที่ถาโถมเข้ามาพร้อม ๆ กันทำให้นางรู้ตัวทันทีว่านางถูกชินอ๋องหลอกลวงเข้าแล้ว และนี่คือครั้งแรกที่นางนอนกับบุรุษ ยิ่งทำให้นางแค้นชินอ๋องมากกว่า
ตอนที่ 25 เสวี่ยหมิ่นหนีไปฝั่งด้านอี้หาน นางกลับมาที่ตำหนักด้วยความผ่อนคลาย คิดไม่ผิดจริง ๆ ที่นางเปิดโปงความผิดของเสวี่ยหมิ่น“หม่อมฉันไม่คิดเลยนะเพคะว่าพระชายาเสวี่ยหมิ่นจะโหดร้ายโยนความผิดให้แก่สาวใช้ที่จงรักภักดีต่อนางเช่นนั้น ”“เพราะนางไม่เคยรักใครมากกว่าตนเองนะสิ เอาล่ะตอนนี้ทุกอย่างเริ่มคลี่คลายต่อจากนี้ข้าคงได้อยู่ที่นี่อย่างสุขสบาย วันนี้อากาศช่างดีเสียจริง” อี้หานยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เหมือนยกภูเขาออกจากอก ยามราตรีมาเยือนหวังหมิงกลับเข้ามาจากข้างนอกค่ำคืนนี้เขาก็ไปที่ตำหนักของซูอี้หานเช่นเดิม ทั้งสองนั่งกอดกันอยู่บนเตียงในห้องที่มีเพียงแสงเทียนริบหรี่ กลิ่นกำยานคละคลุ้งเต็มอากาศ“ต่อจากนี้ท่านจะทำเช่นไรต่อไปเพคะ ”“เรื่องของเสวี่ยหมิ่นนะหรือ? ข้าคิดเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้วนางไม่ยอมให้ตนเองถูกลงโทษแน่ ๆ ข้าให้คนของข้าเฝ้าจับตามอง นางจ้างวานให้สาวใช้นำจดหมายไปมอบให้แก่ใต้เท้าจางค่ำคืนนี้ในจวนของข้าคงจะมีหนูแอบซ่อนตัวเข้ามาขโมยของ เรารีบเข้านอนกันเถอะคนพวกนั้นจะได้ทำตามแผน”“เดี๋ยวสิเพคะ ท่านจะยอมปล่อยนางไปง่าย ๆ เช่นนี้หรือได้อย่างไรกัน”“ซูอี้หานเจ้าไม่ต้องเป็นกังวลข้ามิได้
ตอนที่ 24 โยนความผิด เขาได้อ่านและยอดที่จ่ายคนงานในจวนอีกทั้งซื้อของเข้าห้องเครื่องไม่ตรงกับที่ลงบันทึกเอาไว้ ยอดเงินในคลังหายไปทุกครั้งที่ทำการเบิกจ่าย ยิ่งตรวจสอบยิ่งเห็นว่าระยะเวลาที่หายไปคือช่วงที่พระชายาเสี่ยวหมิ่นดูแล เพื่อให้ความเป็นธรรมต่อพระชายาเอกเขาได้ตรวจสอบลายมือของทั้งสองมันไม่มีตรงใดที่เหมือนกันสักนิด“ทูลท่านชินอ๋องข้าน้อยได้ตรวจสอบแล้วมีการหายไปและจำนวนของที่เข้ามาไม่ตรงกับจำนวนเงินที่ออกไปจริง ๆ และการตรวจสอบลายมือทั้งสองไม่เหมือนกันด้วยพะย่ะค่ะ พร้อมทั้งหมึกในบันทึกกระหม่อมตรวจสอบแล้วเป็นหมึกที่เขียนมานาน หากจะเกิดการเขียนใหม่จากพระชายารองคงมิใช่ เพื่อความเป็นธรรมกระหม่อมอยากให้พระชายาทั้งสองเขียนลายมือตนเองลงใส่กระดาษต่อหน้าทุกคนเพื่อเป็นการยืนยันความบริสุทธิ์พะย่ะค่ะ” เจิงหลงเดินเข้ามาพร้อมหมึกและพู่กันวางลงบนโต๊ะซูอี้หานเดินมาหยิบพู่กันอย่างมั่นใจเขียนลงบนกระดาษเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ลายมือของนางเหมือนที่นางส่งให้ใต้เท้าทุกตัวอักษร เสวี่ยหมิ่นเริ่มสั่นกลัว นางสั่นเทาค่อย ๆ เดินไปหยิบพู่กันเขียนลงบนกระดาษครานั้นนางก็คิดได้‘แม้จะตรวจสอบว่าเป็นข้าที่เขียนลงข้
ตอนที่ 23 เอาคืนซูซูประคองอี้หานเข้าตำหนักสำรวจร่างกายไม่เห็นร่องรอยบาดเจ็บนางสบายใจขึ้นมาพร้อมสงสัยว่าทั้งหมดเป็นฝีมือของผู้ใดกันแน่“พระชายาเพคะ คนพวกนั้นไม่ได้ทำอันใดแล้วจับตัวพระชายาไปทำไมเพคะ หรือว่าต้องการเบี้ยอัฐ”“คนพวกนั้นถูกพระชายาเสวี่ยหมิ่นสั่งการมาให้จับตัวข้า ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่านางไม่เคยหวังดีกับข้าและเรื่องการยักยอกเงินนางต้องมีแผนใส่ร้ายข้าแน่นอน ในเมื่อร้ายมาข้าก็จะร้ายกลับจะเล่นงานข้าหรือ? ข้าจะเอาคืน”“แต่ว่าพระชายาเอกมีอำนาจมากนะเพคะ ไหนจะท่านพ่อของนางอีก คงไม่มีทางปล่อยให้พระชายชายารองใช้ชีวิตอยู่อย่างสุขสบายแน่นอน”“ข้าไม่กลัวหากเรายอมนาง นางก็คิดจะรังแกเราฝ่ายเดียว รุ่งเช้าข้าจะนำเรื่องที่นางยักยอกเงินแจ้งกับทุกคนได้ทราบอย่างทั่วถึง คอยดูว่านางจะทำหน้าเช่นไรในเมื่อต้องการใช้แผนนี้จัดการข้าแต่ข้าชิงลงมือก่อน”“ข้าเป็นห่วงพระชายาจริง ๆ นะเพคะ อยู่อย่างสงบไม่ดีกว่าหรือ”“ใจของข้าปรารถนาอยากอยู่อย่างสงบแต่อีกฝ่ายระรานข้าก่อน ข้าต้องปกป้องตนเองให้นางได้เห็นว่าข้าไม่ใช่สตรีโง่เขลาที่รังแกได้ง่าย ๆ อีกอย่างตั้งแต่วันนี้ชินอ๋องสั่งการให้องครักษ์เงาคอยปกป้องดูแลข้า เจ้
ตอนที่ 22 ไม่มีวันได้ใจ ฝั่งด้านเสวี่ยหมิ่นนางกลับมาที่ตำหนักเดินไปเดินมาอย่างร้อนใจ ก่อนหน้านี้นางไปดูการแสดงละครกับอี้หานตอนนั้นความโกรธเกรี้ยวที่มีต่ออี้หานยิ่งเห็นสายตาของหวังหมิงจ้องมองนางไม่กระพริบสายตาแถมยังถูกหวังหมิงตำหนิยิ่งทำให้นางอิจฉา จึงบอกแก่อี้หานว่านางเจ็บท้องขอเวลาสักครู่ อี้หานไม่ได้คิดอันใดคิดว่าเสวี่ยหมิ่นเจ็บท้องจริง ๆ และตอนนั้นนางกำลังสนุกสนานกับการแสดงจึงไม่ได้ตามเสวี่ยหมิ่นไป นางเดินไปเห็นกลุ่มชายฉกรรจ์กำลังนั่งดื่มสุราจึงว่าจ้างให้ไปจับตัวอี้หานและทำให้เกิดความวุ่นวาย พานางไปให้ไกลที่าสุดหรือในป่าลึกและปล่อยนางทิ้งไปเสียสตรีอ่อนแอเช่นนางคงไม่มีทางหาทางออกจากป่าได้ ชายฉกรรจ์รับคำว่าจ้างเพราะเห็นเบี้ยอัฐที่เสวี่ยหมิ่นโยนมาให้มากจนตนตาโตเพราะความโลภ นางจึงบอกรูปลักษณ์ของอี้หานพร้อมสีผ้าอาภรณ์ที่นางสวมใส่มาวันนี้ งานนี้มิใช่เรื่องยากชายฉกรรจ์จึงรับปากจะทำทันที เสวี่ยหมิ่นเดินกลับมายืนข้างกายของอี้หานเพื่อให้คนกลุ่มนั้นได้เห็นว่าสตีนางใดที่เขาต้องจับตัวไป แคร่ก!!'เสียงประตูเปิดเข้ามาเสวี่ยหมิ่นตกใจเล็กน้อยแต่เมื่อเห็นว่าเป็นเหม่ยหนิงนางโล่งอกขึ้นมาทั







