ตอนที่ 11 อับอาย
ยามโหย่ว(19.00) อี้หานนอนนิ่งอยู่บนเตียงร่างกายเต็มไปด้วยผื่นแดง ใจจดจ้องอยู่หน้าประตูว่าวันนี้หวังหมิงจะมาที่นี่หรือไม่ ไม่นานนักเสียงของสาวใช้หน้าตำหนักเดินมาแจ้งกับซูซูที่ยืนอยู่หน้าประตู
“พระชายาเพคะ ยามนี้ท่านชินอ๋องกำลังเสด็จมาที่นี่แล้วเพคะ”
“ดีเลยเจ้าไปบอกชินอ๋องว่าข้าไม่สบาย และเล่าเรื่องที่ได้ยินมาจากตลาดให้ชินอ๋องได้ทราบด้วยจะได้ไม่กล้าเข้ามาหาข้าในห้อง"
“เพคะ” ซูซูเดินออกไปข้างนอกเพื่อรอต้อนรับชินอ๋องตามคำสั่งของอี้หาน เมื่อเขาเดินมาถึงนางรีบไปยืนขวางด้านหน้าทันที
“ท่านชินอ๋องเพคะ วันนี้พระชายารองไม่สบายหม่อมฉันเกรงว่าน่าจะติดโรคจากด้านนอกเข้ามาเพคะ”
“ติดโรค โรคอันใดกันในเมื่อพระชายาอยู่แต่ในตำหนัก หรือว่านางสร้างเรื่องไม่อยากให้ข้าเข้าไปด้านใน”
“มิใช่เพคะ วันนี้พระชายาเดินทางไปตลาดพร้อมกับพ่อครัวเพื่อตรวจสอบค่าใช้จ่ายหลังจวน ไม่คิดว่าตอนนี้ที่หมู่บ้านใกล้ ๆ จะมีโรคระบาดเกิดขึ้น รู้อีกทีก็ได้ยินชาวบ้านพูดคุยกันอยู่เพคะ เมื่อกลับมาที่จวนพระชายามีอาการไม่ดี เริ่มจับไข้ปวดเนื่อปวดตัวร่างกายเต็มไปด้วยผื่นแดงราวกับอาการที่เขาลือกันที่ตลาดเพคะ พระชายากลัวว่าท่านชินอ๋องจะติดโรคจึงสั่งให้หม่อมฉันรอคอยท่านอยู่ที่หน้าตำหนักเพคะ” หวังหมิงกระตุกยิ้มคราหนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยอี้หาน
“เช่นนั้นเจ้าเองก็คงเข้าไปมิได้เช่นกันสินะ เอาเถอะข้านะไม่เกรงกลัวโรคที่เจ้าเอ่ยมาหรอกนะ อีกอย่างยังไม่ได้ให้หมอหลวงมาตรวจจะรู้ได้อย่างไรว่าพระชายาติดโรค เจ้าไปพักเถอะข้าจะไปเฝ้าดูอาการพระชายาเอง ”
“เช่นนั้นหม่อมฉันขอตัวก่อนนะเพคะ” ซูซูรู้ดีแม้ว่าจะพูดอย่างไรท่านชินอ๋องคงไม่เชื่อคำพูดของนางต่อจากนี้ก็เป็นหน้าที่ของอี้หานแล้วว่านางจะทำเช่นไรต่อไป
หวังหมิงแสยะยิ้มมุมปากย่างกรายเข้าไปด้านในห้องบรรทมจ้องมองร่างเล็กที่นอนห่มผ้าบนเตียงคิดว่าแผนการตื้น ๆ ของนางทำให้เขาไม่รู้เลยหรือว่านี่คือแผนการของนาง
“เจ้าเป็นเช่นไรบ้างพระชายา ข้าให้เจิงหลงไปตามหมอหลวงอีกไม่นานคงมา ต้องตรวจดูอาการให้แน่ชัดว่าเจ้าเป็นอันใดกันแน่” หวังหมิงเดินมานั่งย่อนกายลงบนเตียงจนอี้หานตกใจ ไม่คิดว่าเขาจะดื้อดึงเพียงเท่านี้แถมยังให้บ่าวไปตามหมอหลวงมาตรวจร่างกายของนางอีก
“ท่านชินอ๋องอย่าเข้ามาใกล้ข้าเลยเพคะ ข้ากลัวว่าท่านจะติดโรคจากข้า ตอนนี้ร่างกายของข้าผื่นแดงขึ้นเต็มแถมยังมีอาการคล้าย ๆ กับโรคระบาดที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้อีกด้วย แม้ว่ายังไม่ตรวจอย่างชัดเจนแต่ข้าแน่ใจว่าข้าจะติดโรคร้ายที่ไม่มีทางรักษาแน่ ๆ เพคะ” อี้หานเอ่ยออกมาน้ำเสียงแหบแห้งไร้เรี่ยวแรงปัดมือให้เขาออกห่างจากตน ทว่าหวังหมิงกลับขยับกายเข้ามาใกล้มากกว่าเดิม ประคองกายของนางให้ลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง นางคิ้วขมวดไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาทำ ทำไมเขาถึงไม่หวาดกลัวสักนิด ทว่าต่อจากนั้นเขาไม่ปล่อยให้นางสงสัยนาน เขากระซิบข้างหูของนางอย่างแผ่วเบา
“พระชายาของข้าไม่เคยนอนกับชายใดไม่มีทางที่จะติดโรคร้ายที่รักษาไม่หายนี่ได้หรอกนะ เพราะนี่คือโรคที่ติดต่อทางร่างกายที่นอนด้วยกันเท่านั้น” เมื่อสิ้นเสียงของหวังหมิง อี้หานดวงตาเบิกโพลงทันทีเพราะเข้าใจในสิ่งที่เขาเอ่ยออกมา นี่ไม่ใช่โรคระบาดแต่เป็นโรคที่ติดทางเพศสัมพันธ์ Hiv ในยุคปันจุบัน นางเขินอายแทบจะมุดหน้าแทรกแผ่นดินหนี
‘อ๊าก !! ทำไมข้าไม่ถามให้แน่ชัดมากกว่านี้ นี่มันไวรัสเอชไอวีที่ติดต่อได้เฉพาะคนที่นอนด้วยกัน แล้วอย่างนี้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน’
อี้หานคิดในใจก้มหน้าลงต่ำด้วยความอายก่อนที่นางจะคิดอะไรออก หากนี่คือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างนั้นคนที่น่ากลัวคือชินอ๋องหวังหมิงมิใช่นาง เมื่อคิดได้อย่างนั้นนางรีบดันกายของเขาออกห่างทันที
“หากเป็นเช่นดั่งที่ท่านกล่าวมา ข้าคงแพ้เกสรดอกไม้เท่านั้น แต่ว่าตอนนี้ท่านชินอ๋องต่างหากที่น่ากลัว อย่าเข้ามาใกล้ข้านะเพคะ ข้าไม่อยากเป็นโรคติดต่อและไม่มีทางที่จะนอนกับท่านแน่นอน ข้าอายุยังน้อยยังไม่อยากตายด้วยโรคที่ทรมานเช่นนี้ ท่านชินอ๋องปล่อยข้าไปเถอะนะ ” ใบหน้าของซูอี้หานพลันเปลี่ยนสี หวังหมิงเห็นท่าทางของนางอดที่จะหัวเราะไม่ได้ เขาไม่หนีแถมยังขยับมาแนบชิดดึงร่างของนางมากอดแน่น
“เจ้าจะหนีไปทางใด ข้านะหรือจะเอาโรคมาติดเจ้าข้าไม่เคยนอนกับสตรีใด แม้กระทั่งพระชายาเอกมีเพียงสตรีเดียวที่ข้าอยากจะนอนด้วยคือเจ้าซูอี้หาน ”
“ปล่อยข้านะเพคะ คำพูดของท่านข้าไม่เชื่อสักนิดวาจาของท่านไม่มีส่วนใดที่ออกมาจากความจริงใจเลย ที่ท่านกล่าวมาเช่นนี้เพราะต้องการร่างกายของข้า หากเป็นอย่างที่ท่านกล่าวไม่เคยนอนกับสตรีใด แล้วที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นชื่อเสี่ยงเลืองลือกระฉ่อนว่าท่านเป็นบุรุษที่มัวเมาในกาม แถมยังออกไปท่องราตรีกับนางคณิกาทุกวันนั่นคืออันใดกันเพคะ และบอกว่าไม่เคยนอนกับสตรีใดข้าไม่มีทางเชื่อเด็ดขาดผู้ที่อ่อนต่อโลกจะจูบเก่งเช่นนี้หรือเพคะ”
“ข้าไม่เคยนอนกับสตรีใดนั่นคือเรื่องจริง และเรื่องจริงอีกหนึ่งอย่างคือข้ามิเคยจูบกับผู้ใดเจ้าคือสตรีแรกที่ข้ามอบจุมพิตให้ ส่วนเรื่องหอนางโลมเอาไว้เมื่อไหร่ที่ข้าคลี่คลายทุกอย่างได้ข้าเล่าให้เจ้าฟังทุกอย่าง เจ้าเลิกวางแผนที่จะหนีข้าเถอะนะ ยามนี้ข้าเอ่ยความจริงให้เจ้าฟังเกือบครึ่งหนึ่งของข้า เพราะอยากให้เจ้าเลิกหวาดกลัวและคิดว่าข้าคือบุรุษที่มักมากในกาม ข้าจะไม่บังคับเจ้าหากเจ้าไม่เต็มใจที่จะหลับนอนกับข้า แม้ว่าข้าอยากจะใช้อำนาจบังคับเจ้าตั้งแต่วันแรกที่เจ้าเข้ามาเหยียบจวนของข้า แต่ข้าก็ไม่ได้ต้องการให้มันเป็นเช่นนั้น ตอนนี้เจ้าเล่นสนุกมามากพอแล้ว ” หวังหมิงจ้องมองนางด้วยสายตาแห่งความรักและอบอุ่น นางคือสตรีที่เขาหลงใหลตั้งแต่คราแรกที่พบเจอเมื่อสองปีที่แล้ว ทว่าตอนนั้นเขาต้องแต่งงานกับเสวี่ยหมิ่นเป็นงานแต่งที่ฝ่าบาทพระราชทานให้มิอาจจะปฏิเสธได้และเขากับเสวี่ยหมิ่นตกลงเข้าใจกันดีว่าการแต่งงานครั้งนี้คือการหนุนนำอำนาจของราชวงศ์ มิได้เกิดจากความรัก เขาบอกนางตั้งแต่วันแรกที่แต่งตั้งเข้ามา จะไม่มีการนอนร่วมกันแม้เพียงครั้ง เพราะใจของเขาอยู่กับสตรีมีนามว่าซูอี้หานจนหมดสิ้น เขาเฝ้าตามนางอยู่บ่อย ๆ ครั้ง และเหมือนโชคชะตาเข้าข้าง เมื่อครั้นนั้นใต้เท้าซูเข้ามาหาให้เขาช่วยเหลือ เขาจึงเลือกนางเป็นข้อแรกเปลี่ยน ใต้เท้าซูคงหมดสิ้นหนทางยอมให้บุตรสาวคนรองแต่งเข้ามาเป็นชายารองของเขา แต่เขาได้ให้คำมั่นสัญญากับใต้เท้าซูว่าจะดูแลอี้หานเป็นอย่างดีไม่น้อยหน้าพระชายาเอกเลย และเล่าเรื่องของเขาให้แก่ใต้เท้าซูได้รู้ถึงเหตุการณ์ที่เขากำลังพบเจออยู่พร้อมเรื่องที่เขาแสร้งออกไปที่หอนางโลม นั่นทำให้ใต้เท้าซูสบายใจที่ส่งมอบบุตรสาวคนรองให้แก่ชินอ๋อง
ตอนที่ 13 ข้าเหนื่อยเหลือเกินฝั่งด้านหวังหมิงเขากลับห้องเปลี่ยนอาภรณ์เตรียมเดินทางเข้าวังหลวงเนื่องจากมีราชโองการให้เขาไปเข้าเฝ้า ระหว่างนั้นเจิงหลงเดินเข้ามาแจ้งเรื่องที่เขาให้ตามเฝ้าสังเกตการ“ท่านชินอ๋องข้าได้ตามเฝ้าพระชายาเสวี่ยหมิ่นตามที่ท่านบอก พระชายาไม่ได้เป็นคนออกไปนอกตำหนักด้วยตนเองทว่าให้เหม่ยหนิงออกไปยามวิกาล ข้าได้แอบตามออกไปเห็นว่านางออกไปพบกับชายฉกรรจ์เมื่อมองดี ๆ นั่นคือหลางอี้ลูกน้องของใต้เท้าจางขอรับ ”“เหม่ยหนิงนางออกไปแต่ไม่มีทหารที่เฝ้าหน้าจวนมาแจ้งข้าเลยอย่างนั้นหรือ คนพวกนี้เป็นคนของพระชายาหมดเลยหรืออย่างไร”“เอ่อ.. เรื่องนั้นข้าคิดว่าเหม่ยหนิงนางติดสินบนมากกว่าขอรับ ข้าเห็นนางยื่นถุงเบี้ยให้ทหารที่เฝ้าประตู ”“เจ้าได้ยินหรือไม่ว่าทั้งสองหารือเรื่องอันใดกัน”“ข้าอยู่ไกลเกินกว่าจะได้ยินขอรับ ”“เช่นนั้นก็จงตามต่อไป และข้ามีอีกเรื่องที่ให้เจ้าทำเจ้าจงไปตรวจสอบการยักยอกเงินจากคลังของข้า เวลาสองปีให้หลังเงินในคลังของข้าหายไปไม่น้อย อยากรู้เหลือเกินว่าเป็นฝีมือพ่อครัวหรือเป็นฝีมือของเสวี่ยหมิ่นกันแน่”“พะย่ะค่ะ” หลังจากแต่งกายเสร็จหวังหมิงเดินทางเข้าวังหลวง
ตอนที่ 12 เปลี่ยนไปทีละนิด“เฮ้อ! ไม่ว่าข้าจะวางแผนอันใดท่านจับได้เสมอสินะ คำพูดของท่านข้ายังไม่วางใจหรอกนะเพคะ ตอนนี้ช่วยปล่อยกายของข้าได้หรือไม่ข้าหายใจไม่ออกเพคะ” ใจของอี้หานเต้นแรงตึกตักเมื่อได้ยินคำพูดของหวังหมิงที่จริงจังและหนักแน่นราวกับว่าสิ่งที่เขาเอ่ยมาคือความจริง เขายอมทำตามที่นางกล่าวมาค่อย ๆ ปล่อยนางออกจากอ้อมแขน และเอ่ยถามเรื่องที่เขาได้สงสัยตั้งแต่ที่สาวรับใช้กล่าวบอกเขา“เจ้าออกไปที่ตลาดเพราะเรื่องอันใด เสวี่ยหมิ่นมอบหมายงานให้เจ้าทำหรือ ถึงกระนั้นก็ไม่เห็นต้องออกไปเดินตลาดด้วยตนเอง”“จะไม่ให้ข้าไปที่ตลาดด้วยตนเองเช่นไรเพคะ ในเมื่อท่านต้องการให้ข้าเลิกเล่นและจริงจังข้าเองก็มีเรื่องอยากจะหารือกับท่านเช่นเดียวกัน เพราะต่อจากนี้หน้าที่ของข้าคือการดูแลการเงินหลังจวน ข้ามิอยากจะให้เกิดเรื่องขึ้นทีหลัง” อี้หานหมดสิ้นหนทางหนีจึงนำเรื่องที่นางสงสัยและคาใจบอกพร้อมหารือกับชินอ๋องเลย นางไม่รู้ว่าเขารู้หรือยังเกี่ยวกับบันทึกการจ่ายเงิน อี้หานลุกขึ้นจากเตียงเดินไปที่โต๊ะหน้าห้องบรรทม หวังหมิงอดสงสัยไม่ได้รีบเดินตามนางมา เมื่อมาถึงโต๊ะเห็นบันทึกมากมายที่กองอยู่ และยังมีหมึกใหม่ที
ตอนที่ 11 อับอาย ยามโหย่ว(19.00) อี้หานนอนนิ่งอยู่บนเตียงร่างกายเต็มไปด้วยผื่นแดง ใจจดจ้องอยู่หน้าประตูว่าวันนี้หวังหมิงจะมาที่นี่หรือไม่ ไม่นานนักเสียงของสาวใช้หน้าตำหนักเดินมาแจ้งกับซูซูที่ยืนอยู่หน้าประตู“พระชายาเพคะ ยามนี้ท่านชินอ๋องกำลังเสด็จมาที่นี่แล้วเพคะ”“ดีเลยเจ้าไปบอกชินอ๋องว่าข้าไม่สบาย และเล่าเรื่องที่ได้ยินมาจากตลาดให้ชินอ๋องได้ทราบด้วยจะได้ไม่กล้าเข้ามาหาข้าในห้อง"“เพคะ” ซูซูเดินออกไปข้างนอกเพื่อรอต้อนรับชินอ๋องตามคำสั่งของอี้หาน เมื่อเขาเดินมาถึงนางรีบไปยืนขวางด้านหน้าทันที“ท่านชินอ๋องเพคะ วันนี้พระชายารองไม่สบายหม่อมฉันเกรงว่าน่าจะติดโรคจากด้านนอกเข้ามาเพคะ”“ติดโรค โรคอันใดกันในเมื่อพระชายาอยู่แต่ในตำหนัก หรือว่านางสร้างเรื่องไม่อยากให้ข้าเข้าไปด้านใน”“มิใช่เพคะ วันนี้พระชายาเดินทางไปตลาดพร้อมกับพ่อครัวเพื่อตรวจสอบค่าใช้จ่ายหลังจวน ไม่คิดว่าตอนนี้ที่หมู่บ้านใกล้ ๆ จะมีโรคระบาดเกิดขึ้น รู้อีกทีก็ได้ยินชาวบ้านพูดคุยกันอยู่เพคะ เมื่อกลับมาที่จวนพระชายามีอาการไม่ดี เริ่มจับไข้ปวดเนื่อปวดตัวร่างกายเต็มไปด้วยผื่นแดงราวกับอาการที่เขาลือกันที่ตลาดเพคะ พระชายากลัว
ตอนที่ 10 โรคระบาดฝั่งด้านอี้หานหลังจากที่นางกินข้าวเสร็จได้เดินทางมาที่ห้องเครื่องพร้อมสาวใช้สามสี่คนที่เดินตามมาคอยดูแลและมีซูซูที่ยืนถือร่มตามหลังนางมาติด ๆ เพราะยามนี้แสงแดดเริ่มร้อน“ว้าวนี่หรือห้องเครื่องช่างกว้างใหญ่จริง ๆ นี่ ” อี้หานตื่นเต้นกวาดสายตามองสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ตรงหน้า สาวใช้ในห้องครับตกใจรีบพากกันออกมาต้อนรับแม้กระทั่งพ่อครัวใหญ่“พระชายารองมีเรื่องอันใดถึงมาเยือนที่ห้องเครื่องหรือพะย่ะค่ะ หรือว่าอาหารที่กระหม่อมทำไม่ถูกปาก”“มิใช่ มิใช่ท่านพ่อครัวมิต้องเป็นกังวลข้าแค่อยากมาเดินสำรวจดูในสิ่งที่ข้าต้องดูแลเท่านั้น พระชายาเสวี่ยหมิ่นมอบงานให้ข้าดูแลบันทึกการใช้จ่ายหลังจวน ข้าอยากรู้ว่าสิ่งของที่ซื้อในแต่ละครั้งต้องใช้เบี้ยอัฐเท่าไหร่ เท่านั้นเอง”“เป็นเช่นนั้นเองหรือพะย่ะค่ะ พอดีวันนี้เป็นวันที่ของใช้ในครัวเรือนหมดพอดีพระชายาอยากจะออกไปที่ตลาดกับพวกกระหม่อมหรือไม่จะได้รู้ว่าของที่ใช้มีอะไรบ้างราคาเท่าไหร่พะย่ะค่ะ”“ดีเลย ข้าเองก็อยากออกไปเปิดหูเปิดตา เช่นนั้นออกไปตลาดกันเถอะ” อี้หานกระปรี้กระเปร่าเมื่อได้ยินว่าจะได้ออกไปข้างนอกตั้งแต่ทะลุมิติมานางไม่เคยไปที่ใดเลยนอก
ตอนที่ 9 มีเรื่องให้ตรวจสอบ รุ่งเช้าวันต่อมา อี้หานนอนไม่หลับทั้งคืนไม่ว่าจะข่มตานอนเพียงใดนางก็มักจะคิดถึงยามที่ริมฝีปากของหวังหมิงประทับลงที่ริมฝีปากของนาง หัวใจเต้นโครมครามทั้งคืน ซูซูเดินเข้ามาในห้องถึงกับตกใจเมื่อเห็นพระชายานั่งอยู่ที่เก้าอี้ในห้องมืดสลัว“พระชายาทำหม่อมฉันตกใจหมดเลยเพคะ ปกติทุกเช้าหม่อมฉันจะเป็นคนมาปลุกท่านให้ลุกแต่งกายเหตุใดวันนี้ท่านถึงตื่นตั้งแต่เช้าตรู่เช่นนี้ ” ใบหน้าอิดโรยไม่ได้หลับได้นอนหันมามองซูซูยิ่งทำให้นางตกใจมากกว่าเดิมรอบดวงตาของอี้หานดำคล้ำคล้ายคนไม่ได้หลับได้นอน“ข้าไม่ใช่ตื่นแต่เช้าตรู่แต่ข้าไม่ได้นอนเลยต่างหาก โอ๊ยตอนนี้ข้าปวดหัวจริง ๆ” อี้หานใช้มือทั้งสองข้างจับที่หัวของตนเอง ซูซูรีบเข้าไปนวดบ่าไหล่พร้อมเอ่ยถาม“เหตุใดพระชายาถึงนอนไม่หลับเพคะ ให้ตามท่านหมอหลวงมาตรวจอาการดีหรือไม่ ? หรือว่ามื้อคืนนี้หม่อมฉันลืมจุดกำยานไว้ให้เช่นนั้นเช้านี้พระชายานอนพักสักนิดเถิดเพคะ หม่อมฉันจะจุดกำยามเพื่อให้ท่านผ่อนคลายเอง”“จะเป็นอะไรได้ก็เพราะท่านชินอ๋องบ้านั่นผู้เดียวทำข้าไม่ได้หลับได้นอน ข้าเกลียดเขาจริง ๆ ”ซูซูเริ่มเข้าใจอาการของนายหญิงที่นอนไม่หล
ตอนที่ 8 ค่าเสียเวลาเวลาผ่านไป 1 ชั่วยามอี้หานนอนตัวแข็งทื่อแทบไม่กล้าขยับไปทางใด ในห้องนอนยามนี้มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งสองและเสียงหัวใจเต้นแรงของอี้หาน'ทำไมถึงไม่ยอมกลับไปกันนะเป็นอย่างนี้ใครจะไปนอนหลับได้ ไม่น่าคิดแผนนี้เลยเพราะความโง่และสมองอันน้อยนิดของข้า โอ๊ย! แล้วอย่างนี้จะหาทางหนีเขาได้อย่างไรนะ' อี้หานคิดในใจพยายามขยับกายเล็กน้อยเพื่อคลายตัวออกจากแขนแกร่งของเขา"พระชายาเจ้ายังไม่หลับหรือ? หรือว่าไข้ขึ้นแต่ว่าร่างกายของเจ้าไม่ได้ร้อนแล้วนะ รู้สึกเหมือนมันจะเย็นราวกับคนปกติ ""เอ่อ..ที่ข้านอนไม่หลับเพราะไม่คุ้นชินที่ท่านชินอ๋องมานอนกอดเช่นนี้เพคะ อีกอย่างการเจ็บป่วยของข้ามักจะเป็นเช่นนี้ เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวเย็นทว่าข้างในยังคงร้อนระอุอยู่เพคะ""เป็นอย่างนี้นี่เอง ตั้งแต่ข้าเกิดมาพึ่งจะเคยได้ยินอาการป่วยของพระชายาช่างแปลกจริง ๆ ข้าอยากให้ร่างกายของเจ้ากลับมาแข็งแรงในเร็ววันเช่นนั้นคืนนี้ข้าจะกลับไปนอนที่ตำหนักของข้า " อี้หานใลหน้าพลันเปลี่ยนสีเมื่อได้ยินคำพูดของหวังหมิงคิดว่าคืนนี้จะไม่ได้หลับได้นอนต้องคอยระแวงเสียแล้ว“ข้าขออภัยด้วยนะเพคะที่ทำให้ท่านชินอ๋องต้องเสียเวลาอีกวัน”