تسجيل الدخول
ต่างคาดหวังในสิ่งที่ตนเองไม่ต้องการ
ณ ห้องอาหารในโรงแรมแกรนด์เซนเตอร์พอยต์ย่านสุขุมวิทเป็นสถานที่นัดหมายของหญิงสาวและชายหนุ่ม...
“สวัสดีค่ะ...” อัญชนาก้าวเข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงโต๊ะ ที่พนักงานเสิร์ฟได้เชิญเธอเข้ามา
“สวัสดีครับ... คุณใช่ คนที่คุณป้าผมเชิญมา!!!” น้ำเสียงสะบัดห้วนกล่าวทักทายจากชายหนุ่มที่นั่งก้มหน้ากับมือถือ เงยหน้าขึ้นมองเธออย่างไม่เต็มตา
เขาคือทายาทคนหนึ่งของตระกูลพงษ์กุล เป็นหลานชายของประพันธ์พ่อสามีของกังสดาลประธานใหญ่ของบริษัทสหพันธ์กรุ๊ป
“อัญชนาค่ะ...” ร่างบอบบางในชุดสูทลำลองสีกรมท่าสวมทับกางเกงสแล็กสีดำ ตอบกลับอย่างเฉยเมย ราวกับว่าเขาไม่ได้มีความสำคัญอะไรเลยในการนัดหมายครั้งนี้
“เราสองคนต้องมาทำความเข้าใจกัน...” ชายหนุ่มในชุดสูทสีเทาเข้มผูกเนคไทดำเอ่ยขึ้น โดยยังก้มหน้ากดโทรศัพท์มือถืออยู่
“เรื่องนั้น...ฉันทราบจากคุณป้าคุณทั้งหมดแล้ว ไม่ทราบว่าต้องทำความเข้าใจอะไรอีกคะ”
“เราไม่เคยเจอกันมาก่อน มาเจอกันนี่เป็น blind date ไหม” เขาเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามเต็มตา แววตาของเขาดูระริกเข้าไปในความรู้สึกของอัญชนา
“ไม่ใช่... นี่มันคือการต่อรองทางธุรกิจมากกว่า” เธอตอกกลับอย่างสุภาพ
“ผมเพิ่งเข้าใจวันนี้ว่า คุณป้าผมใช้คำไม่ถูกต้อง” ฝีปากของเขาไม่เบาเลย
“ยังไง...ฉันไม่เข้าใจ” เธอทำหน้าสงสัย
“คุณป้าบอกว่า ได้นัดให้ผมมากินข้าวกับลูกสาวของเพื่อนท่าน”
“งั้นเหรอคะ... แต่ฉันรับรู้มาว่า เราสองคนต้องมาต่อรองกัน”
“เรื่องอะไร...ผมไม่เข้าใจ”
“งั้นคุณว่ามาก่อนล่ะกัน อย่างที่คุณบอกฉันแต่แรกว่า เราต้องมาทำความเข้าใจกัน”
“บริษัทสินทวีทรัพย์ประกันภัย กำลังจะถูกถอดออกจากตลาดหลักทรัพย์ ผมเลยถูกยัดเยียดให้เข้ามาดูแล” คำเสียดสีของเขาบาดเข้ากลางใจของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า
“โอเค... เราต้องทำอะไรบ้าง จากนี้ไป”
“ไม่มีอะไร ครอบครัวคุณคงต้องการยกคุณมาแต่งงานเพื่อลดต้นลดดอก”
“นี่มันจะมากไปแล้ว...คุณปากหมา” อัญชนาลุกยืนทันที
“ผม...สุราช ครับ” เขาเอ่ยชื่อขึ้นมาเพื่อตอบโต้
“ฉันไม่ต้องการอยากรู้จักคนปากหมาแบบนี้... ฉันไม่ได้อยากแต่งงานด้วย” เธอโมโหเลือดขึ้นหน้า
“เราสองคน...ใจตรงกัน ผมไม่ได้อยากแต่งงาน แต่ถูกบังคับ”
“ไปบอกคุณป้าคุณเลย... ฉันขอยกเลิกดีลนี้” เธอหน้าหงิก โมโหจนหน้าแดง
“ผมอยากให้คุณดูตัวเลขว่า บริษัทของคุณขาดทุนขนาดต้องถูกเพิกถอนจากกลต. เรากำลังจะเข้าไปถือหุ้นกู้หน้าให้ไม่ดีกว่าหรือ” เขากำลังจะลุกขึ้นเพื่อจะไปหยิบเอกสารมาให้เธอดู
“ไม่ต้องเลย... ปล่อยมันเจ๊งไป ฉันจะไปหาคนอื่นมา take over แทน”
“อย่าลืมว่า สัญญาใจของคุณป้าผมดีขนาดนี้ ทำไมยังจะไปหาคนอื่น จะดีกว่าของผมหรือ” น้ำเสียงดูเป็นต่อมากมาย
“ผมเสนอคุณป้าไปแล้ว... ผมยอมแต่งงานให้ แต่ผมไม่ขออยู่ด้วย”
“แล้วคิดว่าฉันจะยอมหรือ ฉันไม่ได้อยากอยู่ร่วมห้องเดียวกับคนแบบนี้เหมือนกัน ไม่ได้ให้เกียรติกัน” เธอเถียงกลับ
ทั้งสองขึ้นเสียงใส่กันค่อนข้างดัง จนโต๊ะรอบๆ ต่างหันมามองคนทั้งสอง สุราชจึงถือ
วิสาสะดึงข้อมือของอัญชนาลากไปที่ลิฟต์ เพื่อดึงเธอขึ้นไปดูเอกสารที่ห้องพักของเขา
“นี่สุภาพหน่อย...ฉันไม่อยากขึ้นห้องกับนายเลยนะ”
“ผมอยากให้คุณมาดูเอกสารทั้งหมด”
“ทำไมไม่เอาลงมาให้ฉันดูล่ะ”
“มันค่อนข้างเยอะ” เขาหาข้ออ้าง
เธอเดินตามแต่โดยดีหลังจากเถียงกันครู่หนึ่ง ทันทีที่ลิฟต์เปิดออกสุราชโมโหที่ถูกเธอด่าใส่หน้า
“อย่างนายก็แค่ข่มเหงพวกเรา อย่าเอาความรวยมาเบ่งรัศมีแถวนี้ ครอบครัวฉันแม้จะตกต่ำวันนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่า ฉันจะกลับมาเหมือนเดิมไม่ได้”
“นายมันก็แค่หมาตัวหนึ่ง... เดินหมากตามเกมของผู้ใหญ่”
สุราชได้ยินคำนี้เหมือนสบประมาทอย่างแรง เขาโมโหกัดฟันจนกรามนูน หน้าแดงก่ำ กระชากเธอเข้าห้องอย่างไม่ปราณี
“ปากกล้าอวดดี...ด่าแรงขนาดนี้เลยเหรอ” เขาเดินไปดึงกระเป๋าลากใบย่อมมาเปิดออก แล้วยกเอกสารมาวางบนโต๊ะทำงานตัวเล็กหน้าโซฟารับแขก
“มาดู...ตัวเลขทั้งหมดว่ามันขนาดไหน” เขาเข้ามาจับแขนลากเธอไปดู ขณะอัญชนาขัดขืน
“ไม่ต้องกระชาก... ฉันเดินไปเองได้” เธอตะคอกใส่
อัญชนานั่งลงตรงเก้าอี้หน้าชายหนุ่ม เขาเปิดเอกสารแต่ละชิ้นยื่นให้ดู หญิงสาวไม่เคยรู้เลยว่า ทำไมบริษัทของครอบครัวจึงขาดทุนได้ขนาดนี้ หนี้เกือบร้อยล้านมันมากเกินกว่าเธอจะไปหาใครมาช่วย ป้ากังสดาลเพื่อนของคุณแม่เธอได้ยื่นมือเข้ามาแก้ไขเพื่อยกภาระหนี้เหล่านี้ให้กับสหพันธ์กรุ๊ปไปบริหาร
“ผมเพิ่งกลับมาจากอเมริกา ถูกดึงให้มาเอี่ยวโดยไม่รู้เรื่องรู้ราว”
“ฉันขอบอกเลยว่า ... คุณป้ากังสดาลท่านดีมาก อยากช่วยครอบครัวฉัน แต่ที่ฉันไม่เห็นด้วยคือ ต้องมาอยู่กับคนที่ฉันไม่เคยรู้จักหัวนอนปลายเท้า” เธอเข้าใจเสียดสี
“ผมไม่มีหัวนอน แล้วคุณมีปลายเท้าหรือ” เขาพูดสลับอย่างงุนงง กับคำเสียดสีของเธอ
“เราอย่าเถียงกันเลย...ฉันเริ่มปวดหัวแล้วนะ” เธอไม่อยากเสียเวลาเถียงกับเขา
“ผมปวดหัวยิ่งกว่า ต้องมาบริหารหนี้ช่วยพวกคุณ”
“นี่... กลับไปปรึกษาคุณป้าใหม่เถอะ ฉันปวดหัวมากเลย” อัญชนาเริ่มเครียดเมื่อไหร่ ไมเกรนจะวิ่งขึ้นทันที
สุราชนึกถึงเรื่องราวของผู้หญิงคนนี้ ยิ่งทำให้เขาเริ่มคิดไม่ตก ความรักระหว่างเขากับนิชารัตน์คงพังไม่มีชิ้นดี พวกเขาเพิ่งชื่นมื่นกลับกันมาจากปารีส
“เฮ้อ...ผมปวดหัวมากกว่าคุณอีก”
“ทำไมเหรอ... มีคนรักอยู่แล้วล่ะสิ” ดูสีหน้าท่าทางของเขาแล้ว คงไม่ผิดจากคำที่เธอว่ากลับไป
“เฮ้อ... ปวดใจ” เขาถอนหายใจบ่นพึมพำ
“ไม่เป็นไร... บอกคุณป้าว่า เราไม่อยากแต่งงาน และคุณมีผู้หญิงอยู่แล้ว”
“ไม่ง่ายอย่างที่คิด”
“ทำไมล่ะ... จะยากอะไร ฉันเห็นคุณแดกดันว่าฉัน... คุณเป็นนักบริหารชั้นยอดอยู่นี่ไง” เธอจ้องหน้าเขาหยั่งเชิง
ชายหนุ่มหงุดหงิดงุ่นง่าน เดินวกไปวนมายิ่งทำให้อัญชนาปวดหัวหนักมาก เธอมีโรคไมเกรนที่ห้ามเครียดคิดเยอะอยู่ด้วย
“ผมต้องทำตามคำสั่ง”
“ขนาดนั้นเลย”
เขาทำหน้างุด ท่าทางทดท้อ...เอ่ยอย่างอ้อมแอ้ม จนอัญชนาไม่ได้ยินตอนท้ายของวลีนี้
“สหพันธ์กรุ๊ปกับครอบครัวผม... !!!”
การตัดสินใจอยู่ด้วยกัน ต้องมาจากพื้นฐานการเปิดเผยตัวตนกันตั้งแต่แรก-----------------------------------อัญชนาตกใจมากที่เห็นสุราชมีอาการแปลกๆ ขณะนี้เขาปวดหัวมากเกินกว่าจะทำอะไรได้ เธอรีบวิ่งจากห้องนอนออกไปที่ตู้เย็นตรงมุมแพนทรี เปิดตรงช่องฟรีซคว้าเจลประคบเย็นที่แช่ไว้ออกมา“คุณ... มา มา!!! ฉันประคบให้” เธอคว้าเอาผ้าขนหนูเช็ดผมของเขามาห่อและค่อยลูบไล่ตั้งแต่กลางกระหม่อมลงมาถึงต้นคอ“อืม...อืม...” เสียงบางเบาลอดจากไรฟันของเขา“นอนคว่ำหน้าลงไปที่หมอนเลย... ฉันประคบให้ ไม่นานจะดีขึ้น” เธอเอามือรีบคว้าหมอนมาวางให้เขาขยับกายขึ้นไป แล้วกระซิบตรงกกหูให้เขาทำตามที่สั่งเสียงอืออาเบาๆ หลับตาทำตามที่อัญชนาสั่งอย่างว่านอนสอนง่าย สุดท้ายเธอจึงขอให้เขานอนหงายและเอาถุงเจลวางลงบนหน้าผาก จากนั้นเธอก็ไล่นวดคลึงขมับของเขาเบาๆ ทั้งสองข้าง หญิงสาวใช้เวลาอยู่ตรงนี้ช่วยให้เขาดีขึ้นถึงหนึ่งชั่วโมง“คุณหลับไปนะ... ฉันจะไปชงชาเขียวร้อนๆ ให้ถ้าตื่นขึ้น” เธอกระซิบก่อนลงจากเตียง ฝ่ามือของชายหนุ่มจับแขนเธอคลึงวนไปมา“ไม่ต้องกลัว เดี๋ยวฉันมานะ” เธอโน้มตัวลงไปกระซิบเขาอีกครั้งอัญชนาได้เขียนไลน์ไปบอกแม่ว่า คืนนี้จะอ
บทพิศวาสของเขา มีอะไรน่าสงสัย-------------------------------------------อัญชนาตกใจตื่นจากอาการหลับใหล หลังจากได้ร่วมรักกันอย่างเผ็ดร้อน จิตสำนึกระคนความเศร้าจะทำให้เธอกลับบ้านไปด้วยความรู้สึกผิดกับครอบครัว“เป็นไงบ้าง... คุณช่วยผมรื้อฟื้นความทรงจำได้ดีทีเดียว” เขาเดินมาที่เตียงเปิดผ้าห่มซุกร่างเข้ามาโอบเธอไว้แนบอก“เงียบ...เป็นอะไรไหม...เจ็บรึเปล่า” เสียงนุ่มอบอุ่นของเขากระซิบข้างหู“ไม่พูดอะไรเลยหรือ... ผมจะรู้สึกผิดนะ ผมรุนแรงไปหรือ” เขาสะดุ้งรู้สึกน้ำตาของหญิงสาวชุ่มตรงแผงน้ำอกที่มีขนประปราย“my babe…สาวน้อยของผม ขอโทษ!!! เราไม่ได้ตกลงกันก่อนที่จะมีอะไรกัน” เขาจูบพวงแก้มและเช็ดน้ำตาให้เธอ“เราควรตกลงกันก่อน... ผมใจร้อนไปหน่อย ไม่คิดว่าจะเกินเลยขนาดนี้ ขอโทษนะ คุณทำให้ผม horny มาก ...นวดคลึงตรงจุดนั้น มัน arousing ปลุกอารมณ์ผมจนเตลิด” เขากระซิบเบาๆ ตรงกกหู ทำอัญชนาสยิว“ผมรับผิดชอบ... เราแต่งงานกันนะ” เขาออดอ้อนเสียงยั่วยวน“ผมจะไปต่อได้... คืนนี้ช่วยผมหน่อย” เขายังสาธยายยืดยาว“ผมอยากรู้จักคุณให้มากกว่านี้ รับอารมณ์ผมได้ไหมตอนร่วมรักกัน” อัญชนาได้ยินประโยคนี้ทำให้เธอหวั่นไหว เขา
บทพิศวาสคลั่งไคล้ของเขา ทำเธอใจละลาย-------------------------------------------วัลภาแม่ของสุราชได้ติดต่ออัญชนาหลายครั้ง จนในที่สุดหญิงสาวขอปรึกษากับแม่อัญญาอีกครั้งก่อนตัดสินใจ“แม่คะ... หนูไม่รู้จะยังไงดี ขอบททดสอบก่อนทำสัญญาแต่งงานดีไหมคะ” เธอยื่นข้อเสนอ“ลองคุยกับคุณป้าเบลดูก็ได้ แม่เคยได้ยินมาว่าก่อนแต่งงานกับสามี เธอเคยทำข้อตกลง เผื่อได้ข้อแนะนำอะไรก่อนตัดสินใจ แม่เข้าใจหนูนะ...”“แล้วคุณพ่อล่ะคะ ว่ายังไงบ้าง” เธอกังวลต่อความรู้สึกของพ่ออรรถพล“คืนนี้ลองปรึกษาคุณพ่อดูนะลูก แม่คุยก่อนหน้านั้น ท่านบอกว่าทำไมต้องไปบังคับลูก” อัญญาถอนหายใจกังสดาลได้ไปปรึกษากับวัลภาแม่ของชายหนุ่ม เธอได้รับข้อความจากอัญชนาว่าขอบททดสอบ ลองให้เวลาพวกเขาสองคนอยู่ด้วยกันก่อนทำสัญญาตกลงแต่งงาน“เบล... เข้าใจทั้งสองคน...พวกเขายังไม่รู้จักกัน จะให้ไปอยู่ด้วยกัน จะลำบากมากในการปรับตัวเข้าหากัน” กังสดาลกังวลใจแทนพวกเขาทั้งคู่“ก็อย่างที่หนูอัญเสนอมาก็ดีนะ ฉันว่าให้เธอลองไปทำความรู้จักกับสุราชก่อน แล้วหนูอัญเสนอยังไงบ้างล่ะ”“เธอจะไปลองดูแลเขาสักหนึ่งอาทิตย์ คุณภาลองไปถามลูกชายดูก่อนว่า ตกลงไหม” กังสดาลเห็นสม
ภาระอันยิ่งใหญ่...ยากปฏิเสธ-------------------สุราชสั่งให้สาวน้อยของเขาเฝ้าอัญชนาไว้ไม่ให้เธอออกจากห้องน้ำ ตัวเขาเดินออกไปยังลานจอดรถ ไปที่รถเพื่อหยิบผ้าห่มผืนน้อยมาให้เธอห่อตัวออกไป“ผมเอาผ้าห่มมาให้...ห่อตัวซะ” น้ำเสียงของเขาดูสงสารเธออยู่บ้างเขาสั่งสาวน้อยพาอัญชนาออกมายืนรอที่หน้าคลับ เขาจะขับรถมารับ“นิ...พาเธอมารอตรง...หน้าคลับ”“นางทำให้พวกเรายุ่งยาก...วุ่นวายจริงๆ” นางบ่นพึมพำใส่หน้าอัญชนาสุราชขับรถไปตามแผนที่ที่เขาขอให้เธอส่งให้เขาที่ไลน์“ใกล้ถึงบอกด้วย...ผมจะชะลอ”“ค่ะ... บ้านหลังในสุดด้านซ้าย” เขาเริ่มชะลอรถให้ค่อยคลานเข้าไปจอดหน้าประตูรั้ว อัญชนากดรีโมต เธอขออนุญาตลงรถ สาวน้อยหน้าหวานจึงเปิดประตูลงไปก่อนที่จะให้อัญชนาก้าวออกไป“ฝันดีนะครับ... ฝากบอกคุณพ่อคุณแม่ด้วยว่า ผมขอโทษ” เขาหันหน้ามาตะโกนบอกเบาๆ“ค่ะ...” หญิงสาวเดินเข้าประตูบ้านไปอย่างห่อเหี่ยวใจ“อ้าว...ไปทำอะไรกัน ทำไมเอาผ้าห่อตัวมา” แม่อัญญาเข้ามากอดลูกสาวตบหลังเบาๆ“ไม่มีอะไรค่ะ คนไม่ดีลวนลามหนู” เธอบอกแม่เสียงสั่น“เขารึ... แย่นะนายคนนี้”“ไม่ใช่ค่ะ... พวกที่เมาในคลับนั้นค่ะ”“ขึ้นไปอาบน้ำ...นอนซะลูก ตัวสั่น
มาเจออะไรที่ไม่คาดคิด ทำให้อกสั่นขวัญแขวน ------------------“อย่าบอกนะว่า...ต้องเป็นหนี้บุญคุณ” อัญชนาเสียดสีกลับไป แต่เสียงเธอบางเบา ...กลับรู้สึกเห็นใจเขาขึ้นมา“เฮ้อ...” เขาถอยหายใจยาวมาก เสียงถอนหายใจแบบนี้ แสดงว่าครอบครัวของเขาต้องมีปัญหาแน่นอน“ช่างมันเถอะ...” เขาเอ่ยราวจำยอม“จะยังไงล่ะ... คุณป้าจะไม่ว่าใช่ไหม ที่พวกเราไม่ยอมอ่ะ” เธอเปิดประเด็นวกกลับไปเรื่องเดิมเขายังไม่ทันตอบ เสียงกริ่งหน้าประตูก็ดังขึ้น จึงรีบก้าวตรงไปหน้าประตูแล้วส่องดูว่าใครมา“เฮ้อ... คุณไปนั่งตรงโซฟา...” เสียงสั่งขณะเดินกลับมาตรงโต๊ะที่เธอนั่งอยู่“ได้... จะให้ทำอะไรบอกด้วย สาวมาหาล่ะสิ” เธอมองหน้าเขาอมยิ้มอย่างเป็นต่อเขาได้แต่มองหน้าเธอเงียบไม่ตอบ แล้วหันหลังเดินกลับไปที่ประตู กระชากลูกบิด ประตูเปิดออก ทันใดสาวน้อยหน้าหวานแต่งตัวราวกับจะไปเต้นรำ เสียงรองเท้าส้นสูงลงส้นเป็นจังหวะทีละก้าว ทีละก้าวใกล้เข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าสาวอีกคน นางจ้องตาเขม็งมายังสาวซึ่งนั่งอยู่บนโซฟา ...เธอกำลังกดรีโมตทีวีอยู่“เธอมาทำอะไรอยู่ที่นี่... ฮะ ราช” นางแย่งรีโมตจากอัญชนาไป ขณะกำลังจะยกเอามันตบหน้าเธอ สุราชเข้ามาคว้าไว้ทัน
ต่างคาดหวังในสิ่งที่ตนเองไม่ต้องการณ ห้องอาหารในโรงแรมแกรนด์เซนเตอร์พอยต์ย่านสุขุมวิทเป็นสถานที่นัดหมายของหญิงสาวและชายหนุ่ม...“สวัสดีค่ะ...” อัญชนาก้าวเข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงโต๊ะ ที่พนักงานเสิร์ฟได้เชิญเธอเข้ามา“สวัสดีครับ... คุณใช่ คนที่คุณป้าผมเชิญมา!!!” น้ำเสียงสะบัดห้วนกล่าวทักทายจากชายหนุ่มที่นั่งก้มหน้ากับมือถือ เงยหน้าขึ้นมองเธออย่างไม่เต็มตาเขาคือทายาทคนหนึ่งของตระกูลพงษ์กุล เป็นหลานชายของประพันธ์พ่อสามีของกังสดาลประธานใหญ่ของบริษัทสหพันธ์กรุ๊ป“อัญชนาค่ะ...” ร่างบอบบางในชุดสูทลำลองสีกรมท่าสวมทับกางเกงสแล็กสีดำ ตอบกลับอย่างเฉยเมย ราวกับว่าเขาไม่ได้มีความสำคัญอะไรเลยในการนัดหมายครั้งนี้“เราสองคนต้องมาทำความเข้าใจกัน...” ชายหนุ่มในชุดสูทสีเทาเข้มผูกเนคไทดำเอ่ยขึ้น โดยยังก้มหน้ากดโทรศัพท์มือถืออยู่“เรื่องนั้น...ฉันทราบจากคุณป้าคุณทั้งหมดแล้ว ไม่ทราบว่าต้องทำความเข้าใจอะไรอีกคะ”“เราไม่เคยเจอกันมาก่อน มาเจอกันนี่เป็น blind date ไหม” เขาเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามเต็มตา แววตาของเขาดูระริกเข้าไปในความรู้สึกของอัญชนา“ไม่ใช่... นี่มันคือการต่อรองทางธุรกิจมากกว่า” เ







