ภากรอึ้งไป และก่อนที่จะได้ขยับตัว เสียงฝีเท้าก็ซอยออกมาจากข้างในกระทบถูกพื้นหินอ่อน…กลิ่นหอมฉุยโชยผ่านมา เขารู้ได้ทันทีว่าเป็นแม่ของเขา การปรากฏตัวของคุณนายแสงเดือนด้วยกลิ่นหอมกระจายกรุ่น และเธอก็สวยสดออกมาในชุดที่เตรียมพร้อมจะออกไปนอกบ้านได้ ดวงหน้าเนียนผ่องเต่งตึง….ไม่มีรอยเหี่ยวย่นตีนกาไม่เคยขึ้นตรงปลายตาของเธอ
“นั่นอะไรกัน” เสียงเธอแหลมเมื่อมองไปเห็นลูกชายคุกเข่าอยู่กับพื้นหินอ่อน และบนเก้าอี้คือร่างบอบบางของรัฐยาที่นั่งอยู่…ขาอยู่ในเฝือกทั้งสองข้าง
“กร...”
เธอเรียกเขาด้วยเสียงหนัก ๆ คิดปราดไปไกล…กลัวนักว่าลูกชายจะมาหลงใหลได้ปลื้มกับเด็กคนนี้
มิใช่ญาติ จะสนิทสนมทำไม
“ลงไปนั่งแบบนั้นทำไม”
เธอมองดูรัฐยา ดวงตาคมที่ระบายสีเอาไว้สดและเขียนรอบขอบตาด้วยสีดำเข้มจัดไปทั้งหมด เมื่อแสงจากกึ่งกลางดวงตาของเธอจ้าออกปานนั้น
รัฐยาเมินหลบ ใจเต้นแรง เขากลัวผู้หญิงคนนี้….กลัวจนใจมันเต้นไม่เป็นจังหวะ และมื่อก็สั่นไปหมดแล้ว
ภากรลุกขึ้นยืนช้า ๆ แล้วถอยไปนั่งบนเก้าอี้อีกตัวหนึ่ง
“มาแล้วหรือ…จะมาอยู่ในบ้านนี้ใช่ไหม…” เธอถามรัฐยาโดยตรง “ขาเธอนั่นน่ะอีกนานไหมกว่าจะหาย”
“หมอว่าอีกสองเดือนก็ถอดเฝือกได้ฮะ”
เขาตอบด้วยเสียงอ่อน ๆ ไม่กล้าประสานสายตาด้วยนานนักรู้อยู่เต็มอกว่าคุณนายไม่ชอบให้เขาเข้ามาอยู่ร่วมบ้านด้วย
“ก็ดี…จะได้ช่วยเหลือตัวเองได้ คุณดำรงน่ะถึงกับหาคนเอาไว้รับใช้เธอด้วยเชียวนะ คงจะแปลก ๆ สำหรับเธอ อยู่บ้านคนใช้ก็ไม่เคยมีไม่ใช่หรือ มาอยู่บ้านนี้นอกจากจะได้เป็นคุณเทียนแล้ว ยังจะมีสาวใช้ประจำตัว….” เธอหัวเราะแปลก ๆ “ระวังเอาไว้หน่อยแล้วกันนะ อะไรที่มันมาไว ก็จะเข้าทำนองวูบมาแล้วก็จะวูบไป”
ภากรไม่ชอบใจนักเมื่อได้ยินแบบนั้น แต่เขาก็ไม่เอ่ยออกมาต่อหน้ารัฐยาจนเมื่อคุณนายเดินไปที่โรงรถ เขาจึงเดินตามไป เสียงฝีเท้าของเขาทำให้คุณนายหันกลับมามองเห็นลูกชายพิงกับเสาโรงรถเอามือข้างหนึ่งซุกกระเป๋าเอาไว้ สีหน้านิ่งขรึมจัด
“แม่ไม่น่าจะพูดกับเทียนแบบนั้นเลย”
“อย่านะ” เธอชี้หน้าเขา “อย่าเข้าข้างมัน จะเอายังไงกับแม่อีกที่ยอมให้มันเข้ามาอยู่ที่นี่”
“แกไม่ได้อยากมาเลยนะฮะ แต่พ่อเห็นว่าแกไม่มีใคร บ้านนั้นน่ะแกจะไปอยู่ได้ยังไงตัวคนเดียว ขาของแกก็ยังเป็นแบบนั้น…แล้วแกยังจะต้องไปเรียนหนังสือ ยังจะต้องใช้ชีวิตอยู่ต่อไป…เด็กตัวคนเดียวไม่มีแม่อีกแล้ว แกย่ำแย่มากนะฮะแม่ ผมอยากขอร้องแม่สักเรื่องหนึ่ง”
“ไม่ย่ะ”
เธอกระแทกเสียงหนัก ๆ จิ้มนิ้วกลางที่มีแหวนเพชรรูปมาคีเม็ดใหญ่ที่หน้าผากของลูกชายอย่างแรง
“ไม่ใช่เพราะเราหรือที่ทำเรื่องขึ้นมา…แม่ยอมรับได้เท่านี้…จะพูดอย่างนี้แหละใครจะทำไม…แม่คิดว่าตอนนี้บ้านเราต้อนรับเอาเด็กข้างถนนเข้ามา คอยดูไปเถอะว่าจะต้องมีแต่เรื่องอีกสารพัดให้เดือดร้อน”
“แม่กลัวกระทั่งเด็กหนุ่มตัวเล็ก ๆ คนเดียวน่ะหรือ”
“ไม่ได้กลัว…แต่รังเกียจ…” เธอตอบตรง ๆ “เห็นหน้ามันแล้วก็เวทนาไม่ลง นี่รู้ไหมแม่ไปให้หมอเขาตรวจสอบดวงชะตาแม่มาแล้วนะ…แม่เชื่อว่าเจ้าเทียนนี่น่ะจะเป็นตัวการเข้ามาทำให้ครอบครัวของแม่ต้องแตกแยก หมอเค้าเตือนแม่ว่าจะมีคนที่สามเข้ามา”
ชายหนุ่มส่ายหน้าน้อย ๆ กับความเชื่ออันเหลวไหลยิ่งนั้น แม่เขามีเวลาว่างมากเกินไปที่จะเที่ยวไปตามโรงแรมดัง ๆ แล้วตรวจสอบโชคชะตาตัวเอง ก่อนจะมาทึกทักเอาว่าเรื่องนั้นเป็นเรื่องจริง
“มันมาแล้ว มันก้าวเข้ามาแล้ว แม้มันจะเป็นผู้ชาย”
“เทียนไม่มีพิษภัยอะไรเลยฮะ…แล้วนี่มันก็เป็นความจำเป็น…เพราะผมทำให้แกต้องเสียแม่ ต้องเป็นลูกกำพร้า”
“ทำไมไม่มองบ้างล่ะว่าการที่เด็กนั่นเสียแม่น่ะ ไม่ใช่เป็นเคราะห์ แต่กลายเป็นโชคมหาศาลไปแล้ว ที่ได้ผู้อุปการะดี ๆ ได้มาเสวยสุขที่บ้านนี้”
ภากรนิ่งอึ้ง เขาไม่อาจจะแก้ความเข้าใจผิดของแม่ได้ เขาทำไม่ได้ คุณนายแสงเดือนปักใจเสียแล้วและยากอย่างยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงความคิดของเธอได้
“แม่จะไปประชุม…กลับมาค่อยพูดกันใหม่”
เธอเป็นนักสังคมสงเคราะห์คนหนึ่ง แต่ภากรก็รู้ว่านั้นคืองานที่แม่จำเป็นต้องทำเพื่อสังคมของแม่…แต่ไม่ได้เกิดจากแม่เต็มใจอยากจะทำ…สังคมของแม่ก็เหมือนดอกไม้ประดิษฐ์สวย ๆ ที่ชวนมอง แต่พอเข้าไปสัมผัสจับต้องใกล้ ๆ ความงามที่เห็นไม่จับใจให้เกิดความซาบซึ้งประทับใจได้เลย
เขาเดินกลับมาหารัฐยาที่ยังนั่งอยู่บนเก้าอี้ เหยียดขาสองข้างในเฝือกหนา ๆ ยาวออกไป มีไม้ค้ำรักแร้สองอันวางพิงกับโต๊ะใกล้ ๆ กันนั้น….เขาช่วยเหลือพยุงให้ลุกขึ้น รัฐยาเอาไม้เท้ามาค้ำยัน แล้วออกเดินอย่างคล่องแคล่ว เขาเรียนรู้ที่จะช่วยเหลือตัวเองได้อย่างดี
“พี่จะพาไปดูห้องของเธอ”
เขาบอก….เธอจะอยู่ที่นี่ได้อย่างสบาย ๆ ตั้งใจเรียนเรื่องก็ไม่ต้องไปใส่ใจอีก….และนั่น….” เขากวักมือเรียกหญิงคนหนึ่งที่ลับ ๆ ล่อ ๆ เข้ามาหา อายุของส้มได้ยี่สิบเอ็ด ทำงานที่นี่มาห้าปีแล้ว มาตั้งแต่ยังเป็นเด็กหญิงยังไม่ได้ทำบัตรประชาชน อยู่รับใช้ที่นี่จนไม่คิดจะไปที่อื่นอีก แล้วนายดำรงก็เลือกส้มมารับใช้รัฐยาเป็นส่วนตัว
ด้วยเหตุผลว่าส้มอายุไม่ห่างจากรัฐยามากนัก แล้วก็ยังไม่ใช่คนปากมากอีกด้วย
“มาซิ ส้ม….มารู้จักคุณเทียน”
รัฐยาเบิกตากว้าง เขาไม่เคยมีสาวใช้ประจำตัว บ้านเขาไม่มีเงินจะจ้างสาวใช้ เขารู้สึกตะขิดตะขวงใจอย่างบอกไม่ถูก….เมื่อส้มยอบตัวเข้ามาแล้วคุกเข่าลงกับพื้นเงยหน้ามอง
“ส้มจ้ะ…เขาจะทำงานส่วนตัวให้เทียน….ตอนนี้พี่จะให้ส้มนอนห้องเดียวกับเทียนด้วย จะได้ช่วยพาเทียนเข้าห้องน้ำ อาบน้ำ แต่งตัว ส้มเคยเลี้ยงน้องมาก่อนด้วยนะ ส้มทำได้”
“แต่เอ้อ...พี่ส้มเป็นผู้หญิง เทียนเป็น...” เสียงอุบอิบ หน้าแดง
“พี่ส้มมีน้องชายตั้งสี่คนนะ คุณเทียน อย่าอายพี่เลย”
เพื่อน ๆ พารัฐยามาส่งถึงที่รถ เขาไม่ได้เข้าไปช่วยเหลือ และเขาก็อยากให้รัฐยาช่วยเหลือตัวเอง เด็กหนุ่มส่งยิ้มให้เขามาแต่ไกล การก้าวเดินโดยมีไม้คอยช่วยพยุงตัวนั้น รัฐยาทำได้ดีมากแล้วเขารับเพื่อนของรัฐยาอีกสองคนติดรถมาด้วย…เป็นหน้าที่ที่เขากระทำไม่มีตกหล่นมาเป็นเดือน ๆ แล้ว และเป็นสิ่งที่รัฐยาซาบซึ้งเป็นที่สุด ตนแรกก็คิดว่าเขาจะทำได้ไม่กี่วันแล้วก็เลิกราไป แต่ภากรเป็นคนเสมอต้นเสมอปลายอย่างยิ่ง เมื่อเขาเริ่มต้นสิ่งใดแล้วเขาก็ปฏิบัติต่อไปได้โดยไม่ทิ้งขว้างไปเสียกลางคันเสียงพวกสาว ๆ คุยกันลั่นรถ ใหม่ ๆ ก็ไม่เคยได้ยินเสียงสักแอะ เดี๋ยวนี้อาจจะเป็นเพราะเริ่มคุ้นกับเขามากขึ้น เขามองดูทางกระจกแล้วก็อมยิ้ม…เขาเหงา…ชายหนุ่มรู้ว่าการเป็นลูกคนเดียวเป็นชีวิตเงียบเหงาและบางครั้งอับเฉาเหลือเกิน เขาอยากมีพี่น้องมานานแล้วเมื่อสบโอกาสตอนที่รัฐยาเข้ามาอยู่ร่วมบ้าน เขาจึงคิดว่านี่เป็นน้องชายของเขา น้องที่เขาเคยอยากได้เป็นนักหนาส่งพวกเพื่อน ๆ ของรัฐยาไปหมดแล้ว เขาก็หยิบกล่องเล็ก ๆ จากกระเป๋าเสื้อไปข้างหลัง รัฐยาทำตาโตมองดูอย่างงงงัน“อะไรฮะ คุณกร”“พี่ซื้อมาฝากเทียน รับไปซิ”รัฐยาพนมมือไหว้เขา รับไปถือไว้
หล่อนยังเปราะบางเกินกว่าจะไปรบรากันคุณนายแสงเดือนได้ คุณนายพูดแต่ละคำแสบไปถึงไหน ๆ ยังแววตาที่ดูถูกเหยียดหยามหล่อนปานนั้นทำให้ภคินีไม่ปรารถนาจะเข้าไปเป็นสะใภ้ ไม่อยากรับคุณนายมาเป็นแม่ผัวให้เกิดศึกสงครามยืดเยื้อแต่หล่อนก็ยังไม่อาจจะตัดภากรทิ้งไปได้ง่ายนัก ในระหว่างที่เขายังไม่เดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศ การมีเขาก็เท่ากับมีกระเป๋าเงินใบใหญ่ไว้เนรมิตแก้วแหวนเงินทองสารพัดนึกที่หล่อนปรารถนาจะได้ให้กับหล่อนภคินีไม่โง่…ไม่หยิ่งจะยอมรับของกำนัล…มันไม่เห็นจะเสียหายตรงไหน แถมภากรก็ยังไม่เคยล่วงเกินหล่อนอีกด้วย เขาทุ่มให้โดยไม่หวังของตอบแทน บางเวลาภคินีมองว่าภากรเป็นไอ้หนุ่มหน้าโง่คนหนึ่ง หล่อนเคยอยากให้เขาโดดเข้าใส่หล่อน…แต่เขาก็ไม่เคยทำ และหากหล่อนเริ่มก่อนภากรอาจจะลับลอยไปทันทีก็เป็นได้ เขาเป็นหนุ่มที่สมถะกับเรื่องทำนองนี้จนชวนฉงนว่าเขาเป็นปกติหรือเปล่า เลือดเนื้อของเขาไม่เคยเดือดพล่านเลยสักหน“กร...” น้ำเสียงของหล่อนอ่อนโยนลง “สั่งอาหารเถิด ค่ำแล้วเดี๋ยวจะพาไปดูแหวน…ผ่านไปเห็นวันก่อนซ้วยสวย…ไพลินจ้ะ”“ไปดูตอนค่ำ ๆ อย่างนี้น่ะหรือ”“ก็ไปดูเอาไว้ก่อนไง…ค่อยซื้อให้วันหลังก็ได้…คงไม่กี่ตังค์ล
รัฐยาทำให้เขาใจแป้ว และชายหนุ่มก็พยายามทดแทนให้อย่างมากที่สุด เขาพารัฐยาลงจากรถเข้าไปในโรงเรียน ออกจะเป็นภาพที่แปลกตาในสายตาของเพื่อน ๆ ร่วมโรงเรียนที่รู้จักรัฐยาเมื่อเขามาถึงด้วยรถยนต์คันใหญ่โก้หรู ยังจะผู้ชายที่ประคับประคองมาก็เป็นผู้ชายมาดโก้ที่พวกนักเรียนสาวรุ่นตาโตกิ๊วก๊าวกันได้อยู่ห่าง ๆ พอคล้อยหลังภากรแล้ว รัฐยาก็ได้ยินเสียงถามแซ่ดไปหมดเขายิ้มแย้มเมื่อพูดถึงภากร อดภาคภูมิใจแทนเขาไม่ได้ที่เขาเป็นหนุ่มซึ่งสาวน้อยเริ่มผลิเนื้อสาวพากันให้ความสนใจ“คุณภากร เป็นผู้มีพระคุณกับเรามาก ตอนนี้เราอยู่บ้านเขา พ่อเขารับอุปการะเรา จากอุบัติเหตุ”มีแต่ยกย่องเทิดทูนเขา ยิ่งภากรทำดีกับเขาเท่าไหร่ รัฐยาก็ทั้งเทิดทูนนับถือเขานักหนา เขาคิดว่าพร้อมจะตอบแทนในพระคุณที่เขามีเหนือหัวนี้ได้…แม้ชีวิตตัวเองก็สามารถให้กับเขาได้ โดยที่รัฐยามองไม่เห็นวันข้างหน้า วันที่คิดในสิ่งตรงกันข้ามนี้โดยสิ้นเชิง///////////////////////////////////////////////////////////////“คุณมาช้าอีกแล้ว”ภคินียกมือขึ้นมองเวลา จากนาฬิกาเรือนบอบบางราคาแพงลิบลิ่วเพราะนี่เป็นของขวัญชิ้นหนึ่ง ที่ภากรซื้อหาให้เป็นของกำนัลหล่อนง สีหน้าขอ
“เพราะลูกของเรา…”เพียงได้ยินเท่านี้ เธอก็ยกมือขึ้นเหมือนจะห้ามปรามไม่ให้เขาพูดต่อสีหน้ายังไม่สู้จะดีนัก“ก็เพราะอย่างนี้น่ะซิคะ…ดิฉันถึงพูดไม่ออก แต่ดิฉันไม่อยากให้ลูกเข้าไปสนิทสนมอี๋อ๋อ นายเทียนไม่ใช่เด็กแล้วนะคะ เป็นหนุ่มแล้ว”“ก็ยังเพิ่งจะอายุสิบหก อีกอย่างหนุ่มแล้วไง ไม่ใช่สาว” เขาแย้ง“อุ๊ย…สิบหกนี่ไม่เด็กแล้วค่ะ คุณ กำลังใช้การใช้งานได้ดีทีเดียว อีกอย่างเดี๋ยวนี้ชายกับชายก็เยอะไป…ถมไป”“เฮ้ย...” นายดำรงแทบสำลัก “อย่าคิดนอกลู่นอกทาง”ริมฝีปากของคุณนายเชิดขึ้นเหมือนปราศจากความเชื่อถือโดยสิ้นเชิง“ดิฉันเคยเห็น ลูกเพื่อนมี ติดใจเด็กผู้ชาย นายเทียนทำตัวเป็นเด็กใส ๆ แต่ใจอาจจะกำลังคิดจับตากรอยู่ก็ได้”เขาเลยได้แต่ถอนใจ คุณนายแสงเดือนไม่รู้ว่าเอาความคิดทำนองนี้มาใส่ในหัวตั้งแต่เมื่อไหร่“ให้ไปจับผู้ชายคนอื่นเถอะนะคะ อย่ามาจับตากรเข้าเชียว ดิฉันเอาถึงแตกหักไปข้างแน่ ๆ”แต่เธอก็ไม่ได้พูดเรื่องที่บังคับให้รัฐยาได้สาบาน แม้เป็นเพียงคำสาบานก็ยังทำให้เธออุ่นใจได้บ้างนิดหน่อยว่าหากรัฐยายังกล้าดีข้องเกี่ยวกับภากร รัฐยาก็จะมีอันต้องพินาศฉิบหายไปเอง เธอจะไม่ยอมเห็นเด็กข้างถนนขึ้นมาเสมอหน้ากับลู
“ขาเป็นไงมั่ง”“เทียนพอจะเดินได้มากแล้ว”“ก็ดีนี่เธอ ฉันอยากจะเตือนสักเรื่องหนึ่ง ภากรน่ะเป็นหนุ่มแล้ว เขาไม่เคยมีน้อง เขาอาจจะเอาใจใส่เธอมาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไยดีเธอแบบสายเลือดแท้ๆ พี่น้องแท้ๆ เข้าใจไหม”รัฐยาร้อนไปทั่วกาย เขายังไม่เคยมีแฟน“เทียนสาบานได้ว่าไม่เคยคิดตีเสมอ”เขาละล่ำละลักบอกปากสั่นไปหมดแล้ว“เทียนนับถือคุณภากร”“ขอให้เป็นอย่างนี้ตลอดไปเถิดนะ…ฉันน่ะกลัว…เพราะเห็นมาเยอะแล้ว และก็ไม่อยากให้ลูกชายมีพี่มีน้องที่เป็นคนนอก”“เทียนไม่ได้คิด”เขาบอกย้ำ….ดวงหน้าเผือด“นี่นายเทียน….”คุณนายเข้ามาใกล้อีกนิด….มื้อเอื้อมมาข้างหน้าแล้วแตะคางมองเด็กหนุ่มขึ้นมา รัฐยาตัวแข็งทื่อ เขารับรู้จากสัมผัสนั่นว่าเต็มไปด้วยความรังเกียจเดียดฉันท์…และแววตาของคุณนายที่เขามองเห็นก็ดูน่ากลัว ปราศจากความเป็นมิตร และก็ยังแปลความไม่ได้ว่านอกจากรังเกียจไม่เป็นมิตร ยังมีอะไรที่แอบซ่อนอยู่ เพราะรัฐยายังเยาว์วัยเกินไปนั่นเอง“ฉันขออะไรเธอสักอย่างนะ”“ครับ”เขารับคำด้วยเสียงแผ่ว ๆ รู้สึกแรงดันจากมือนั่นจะผลักคางของหล่อนให้แหงนเชิดขึ้น ดวงตาของเขาสาดกระทบไฟ เหมือนหวาดกลัว ไม่แน่ใจแต่คุณนายก็ยังไม่ปร
เธอเอื้อมมือมาแตะบ่าเขา จากสัมผัสบอกเธอว่าเขาทำตัวแข็งมากกว่าระดับปกติไปสักนิดหนึ่ง“เพราะลูกชายคนนี้ของแม่เป็นหนุ่มหน้าตาดี เรียนดี ฐานะก็ดีจะเอาอะไรมากไปกว่านี้อีกเล่า จริงไหมจ๊ะ”เขาเดินขึ้นมาข้างบนได้อย่างไร ภากรก็ไม่อยากจะแน่ใจเหมือนกัน เขารู้สึกสะเทือนใจกับคำพูดที่คุณนายแสงเดือนบอกว่าตรงไปตรงมาอย่างยิ่ง หลังจากที่เขาเคยเลิกคิดเรื่องนี้มาแล้ว ภคินีก็เคยทำให้เขาคิดมาก หล่อนดูแปลก ๆ เอาแน่เอานอนไม่ได้ในเรื่องนี้ บางครั้งหล่อนก็หวานฉ่ำกับเขา แต่บางครั้งหล่อนก็เฉยเมยเหมือนคนแปลกหน้าไม่ใช่คนรักชายหนุ่มสลัดศีรษะแรง ๆ เขาไม่อยากจะเก็บเอามาคิดมาก แม่ไม่ชอบภคินีต่างหากเล่า แม่ถึงพูดออกไปแบบนั้นแม่กำลังเฉไฉแต่เขาจะไม่เฉไฉตามแม่เป็นอันขาดกำลังเดินไปตามทางที่จะไปห้องของเขา ชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงไม้กุกกักดังเป็นจังหวะ เขาชะงักก่อนจะเห็นรัฐยากำลังเดินมา ดึกแล้วน่าจะอยู่บนเตียงมากกว่ารัฐยายังไม่เห็นเขา ได้ยินแต่เสียงแต่เสียงถามอยู่ใสๆ“พี่ส้ม อย่างนี้เรียกว่าเทียนเดินได้ดีหรือยัง”“ไปวิ่งแข่งได้เลยละค่ะ”“กีฬาคนพิการน่ะซิ”เขาเดินเข้าไป และรัฐยาก็เบือนหน้ามามองเห็น ยิ้มหวานให้กับเขา ลักยิ้