เด็กคนนั้น…ยังเด็กมากทีเดียว เมื่อเขาเข้าไปใกล้เตียงแล้วมองเห็นถนัดเต็มสองตาของตัวเอง ดวงหน้าเรียว…ผมสีดำขลับหวีเปิดเห็นหน้าผากลาดมนสวย คิ้วดำเรียวไปจดหางตา…แล้วเมื่อมองต่ำลงมาอีกนิดเห็นดวงตานั้นแล้ว ภากรก็กัดริมฝีปากตัวเองเอาไว้
เขาเห็นดวงตาแดงช้ำ เหมือนผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก
น้ำตายังเต็มดวงตาด้วย
คงจะร้องไห้มาตลอดเวลา เพราะแม่ของเด็กหนุ่มตายแล้ว…ไม่มีกิริยาอื่นใดเมื่อเห็นเขา เพราะรัฐยาได้พบปะเจอะเจอคนหลายคน ที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนเลย ทุกคนเข้ามาในห้องนี้ พูดโน่นพูดนี่กันมากมายจนถึงผู้ชายคนนี้ เขาคงจะแก่กว่าไม่กี่ปี หน้าตายังดูอ่อนกว่าทุกคนที่เดินเข้ามาแล้วเดินออกไป
“จะมาบอกอะไรเทียนอีกฮะ”
น้ำเสียงของเขาสั่นสะท้าน ริมฝีปากเริ่มเบะออกนิด ๆ
ภากรสงสารจับใจ…เขาไม่เคยมีความสงสารหนใดจะเท่าหนนี้ แล้วภาพหนึ่งก็ผ่านเข้ามาในความคิดของเขา ภาพของหญิงที่นอนเหยียดยาวอยู่บนพื้นถนนฉ่ำนองด้วยน้ำฝน มือยื่นไปจนสุดเหมือนจะไขว่คว้า เขายังจำภาพการตายของผู้หญิงคนนั้นได้
เขาโทษตัวเอง…ภากรนึกถึงว่าหากเขาแข็งต่อภคินีสักหน่อยไม่ปล่อยให้หล่อนเป็นคนขับรถ อุบัติเหตุที่พรากแม่ลูกจากกันชั่วชีวิตก็คงจะไม่เกิดขึ้น
“พี่…”
เขาตั้งตัวเองเป็นพี่…อยากให้ความอบอุ่น
อยากชดใช้ให้…ซึ่งมันคงจะทดแทนกันไม่ได้
รัฐยายังเด็ก การมีแม่เป็นสิ่งสำคัญที่จะประคับประคองชีวิตของเขาไปได้อย่างยาวนาน
และเด็กนี่ไม่มีพ่อ…เท่าที่เขารู้ แม่ของเขาเข้ามาตรวจสอบประวัติไปหนหนึ่งแล้ว
รัฐยาไม่มีใครอีกเลย มีกันแค่สองคนแม่ลูก สองชีวิต…ไร้ญาติขาดมิตรจริง ๆ
คุณแสงเดือนถึงกับออกปากว่าช่างแสนอนาถาเสียเหลือเกิน และหากคุณนายไม่เกรงใจสามีเป็นที่สุดแล้ว คุณนายคงจะโทร.บอกเพื่อนฝูงที่ทำงานด้านสังคมสงเคราะห์ให้รีบมารับรัฐยาไปเร็วไว…
“พี่ชื่อภากร…เรียกพี่กรก็ได้”
ชายหนุ่มยกเก้าอี้มาตัวหนึ่ง ตั้งลงใกล้ ๆ เตียง การมาปรากฏตัวของเขา ทำให้น้ำตาที่คอยที่จะหยาดรินจากดวงตาของรัฐยาเหือดแห้งไปได้ชั่วขณะหนึ่งแล้ว
เขากำลังฉงนฉงายกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทำไมมีคนมากมายเข้ามาหา…หลังเกิดอุบัติเหตุแล้ว รัฐยารู้แต่ว่ารถชนแล้วหนี…มีผู้หวังดีผ่านมาพบเห็นพาเขามาส่งโรงพยาบาล แม่ของเขาตายไปแล้ว และเขายังต้องนอนอยู่ที่นี่ แม้แต่งานศพของแม่ เขาก็ยังออกไปไม่ได้ มีคนเข้ามาพูดกับเขา มีคนเวทนาเมื่อรู้ว่าเขาไม่มีญาติ มีแต่แม่ มีคนออกปากว่าจะรับอุปการะเขาไว้
“คุณเป็นใครฮะ”
ถามเขาอย่างพิศวง พิศดูเขา เห็นเป็นผู้ชายหนุ่มที่หน้าตาดีมากคนหนึ่ง และกิริยาก็ยัง
สุภาพอย่างมากอีกด้วย ผิวของเขาสะอาดใส บอกถึงชีวิตความเป็นอยู่ที่สุขสบาย เสื้อผ้านั่นก็บ่งบอกเช่นกัน
แม้รัฐยาจะไม่มีเสื้อผ้าราคาแพง ๆ ยี่ห้อดังแต่เขาก็บอกได้ว่าใครอยู่ในฐานะระดับใด
“พ่อของพี่ คุณวิวัฒน์อยากจะอุปการะเทียน” เขาเรียกหล่อนอย่างสนิทสนม “ท่านรู้เรื่องที่เทียนเจออุบัติเหตุ ท่านสงสารเทียน”
พ่อเขา…รัฐยานึกออกแล้ว ชายวัยสี่สิบตอนปลาย ท่าทางสง่าภูมิฐาน น่าเคารพนับถืออย่างยิ่ง ผู้ชายคนนั้นไม่ค่อยจะพูดอะไรมากนัก พูดสั้น ๆ แต่กระชับได้ใจความครบถ้วน ไม่เหมือนกับผู้หญิงอีกคนบอกว่าชื่อ ‘แสงเดือน’ และรัฐยาก็จดจำได้แม่นยำว่า คนติดตามมาด้วยเรียกว่า ‘คุณนายแสงเดือน’
เธอมองเขาด้วยแววตาไม่พอใจนัก แต่ก็คงจะเกรงใจสามี รัฐยารู้ตัวเหมือนกัน เขาก็ไม่อาจจะทำตัวให้เป็นภาระต่อใครได้
“เทียนไม่กล้าขนาดนั้นฮะ มันมากเกินไป แค่นี้…” เขากวาดตาไปรอบ ๆ ห้อง…เป็นห้องพักพิเศษของโรงพยาบาลเอกชนที่รัฐยารู้ว่าค่าห้องมันแพงเหลือเกิน เขาอยากกลับบ้าน…แม้บ้านจะไม่มีแม่อีกแล้ว แต่นั่นเป็นที่ของเขาอย่างแท้จริง แต่ก็ยังไปไม่ได้ เพราะยังมีขาสองข้างที่บาดเจ็บ เขาเพิ่งผ่าตัด เขายังเดินไม่ได้
รัฐยาเองก็หวาดกลัวว่าเขาจะเดินได้เหมือนเดิมอีกหรือไม่
มีรอยแผลใต้เข่าลงไป…มันดูน่ากลัว เห็นรอยแผลนั่นแล้ว และยังรู้รสชาติของความเจ็บปวดจากบาดแผลนั้นอีกด้วย
“เทียนอยากไปหาแม่”
น้ำเสียงหวนละห้อย…จนเขาต้องเบือนหน้าหนีไปทางอื่น
“เทียนไปไม่ได้…เทียนเดินไม่ได้” เสียงของเขาดังขึ้น แล้วเนื้อตัวของเขาก็ไหวสะท้าน รัฐยาร้องไห้อีกแล้ว ภากรลุกจากเก้าอี้ผวาเข้าไป…เขาไม่เคยมีน้อง…แต่เขาก็รู้จักวิธีปลอบโยนผู้อ่อนแอกว่า
พ่อสอนเขาให้เป็นลูกผู้ชายอย่างเต็มตัว เขาโอบกอดร่างบอบบางเอาไว้ ในใจของเขามีแต่ความสงสารเท่านั้น แม้จะชดเชยให้อย่างไร เขาก็รู้ว่าไม่อาจจะเยียวยาความบอบช้ำของรัฐยาได้ ไม่ว่าจะทางกายที่เกิดบาดแผลให้เห็นชัด หรือทางใจที่รอยแผลกัดลึกมองไม่เห็นด้วยสายตา
“โอ๋…”
มือเขาแตะที่แผ่นหลังนั้น ในเสื้อของคนไข้ที่ทางโรงพยาบาลมีให้สวมใส่…ลูบเบา ๆ
“ไม่ต้องกลัว เรื่องร้าย ๆ มันผ่านไปแล้ว…พี่จะดูแลเทียนเอง คุณพ่อบอกแล้วว่าจะรับเทียนเป็นลูก จะเป็นน้องของพี่ไงล่ะ”
โชคดีอย่างนั้นหรือ โชคดีที่มาถึงหลังจากโชคร้ายได้ผ่านพ้นไปหยก ๆ
“พี่กรจะดูแลน้องอย่างดี หักใจเสียเถิดเรื่องแม่น่ะ มันเป็นเคราะห์ เทียนรักษาตัวให้หายเร็ว ๆ ดีกว่านะ”ไม่ทันที่จะให้คำตอบเขา ประตูห้องก็เปิดเข้ามา คุณนายแสงเดือนยืนอยู่ตรงหน้าประตูนั่นเอง ดวงตาในกรอบของเส้นดินสอที่เขียนเอาไว้จนเข้มเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นภาพเบื้องหน้าแล้วเธอก็ถลันพรวดเข้ามาอีก เกือบจะติดเตียงทีเดียว เธอหวงลูกชายนัก เธอตีความเลยเถิดไปในทางไม่ดีเดี๋ยวนี้ผู้ชายกับผู้ชายก็นะ“กร…อะไรกันจ๊ะ”แม้จะทอดหางเสียงได้ แต่น้ำเสียงของเธอก็กรุ่น ๆ อยู่ภากรคลายมือออกหน่อยหนึ่ง แต่เธอก็จับตามองอย่างระแวงเต็มทีก็เด็กที่นอนเจ็บอยู่นั่นน่ะมีเค้าว่าจะเป็นหนุ่มหล่อมาก นี่ก็น่าเอ็นดู ผิวพรรณหน้าตา แม้จะเป็นในยามบาดเจ็บ สะอาดหมดจด…จนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเด็กหนุ่มจากครอบครัวคนชั้นล่างยากจน…ผิวพรรณก็ดูสะอาดเกลี้ยงเกลา รูปร่างบอบบางน่าทะนุถนอมเธอกลัวนักกลัวว่าจะเป็นเรื่องผูกพันยืดเยื้อ และท่าทางภากรก็สำนึกผิดชัดแจ้งอยู่ภากรอยากมีน้องยิ่งเป็นน้องชายเขายิ่งอยากมี“น้องกำลังตกใจ”“เฮ้อ…มันน่าอยู่หรอกนะ…” เธอทำเสียงเนิบ ๆ “เรื่องนี้มันนับได้ว่าร้ายแรงสักหน่อย แต่ก็ยังโชคดีนะที่คนผ่านไปเจอเหตุการ
“ผมดื่มไม่ไหวแล้ว”ภากรเบือนหน้าหลบจากแก้วที่ยื่นเข้ามาจ่อถึงปากแต่มือนุ่ม ๆ ก็ยังไม่ยอมปล่อยจากต้นคอทางด้านหลังของเขา พยายามจะรั้งให้เขาหันหน้ากลับมาพร้อมกับเสียงปะเหลาะ ๆ“น่าอีกนิด คนเก่งนะ.”ไม่เพียงแต่พูดเฉย ๆ คนพูดยังยื่นจมูกมาแตะแก้มของเขาอีกด้วย กลิ่นหอมจากเรือนกายของหล่อนเหมือนเดินหลงเข้าไปในดงดอกไม้ จนเขาเคลิบเคลิ้มและเขาก็ไม่อยากให้ดวงตาคู่นั้นหม่นแสงลงเลยแข็งใจดื่มเข้าไปอีกอึกหนึ่ง“นั่นซิจ๊ะเป็นผู้ชายก็ต้องดื่มเหล้า จะดื่มแต่น้ำหวานได้ยังไง้ เสียหายหมด”ภคินีวางแก้วลง ตบมือให้กับเขาสองสามแปะ ดวงตาฉายประกายซุกซนสนุกสนาน หล่อนไม่ใช่หญิงสวยเรียกได้ว่าหล่อนเป็นผู้หญิงเท่คนหนึ่ง ดวงหน้าเรียวเห็นเส้นจมูกเด่นที่สุดบนใบหน้า จมูกที่โดดเด่นจนเหมือนว่าหล่อนไปทำศัลยกรรมมาใหม่ และหลายหนที่หล่อนท้าทายให้มีการจับกระดูกที่ขึ้นสันนั่นเป็นของแท้ ๆ ที่หล่อนอ้างว่าเป็นกันทั้งครอบครัว“ไปเต้นรำกันดีกว่า”หล่อนลากเขาออกไปสู่เวทีเต้นรำเล็ก ๆ ของสนามหน้าบ้านหลังนี้เป็นงานเลี้ยงฉลองหลังพิธีรับปริญญาเพื่อนฝูงที่รับปริญญารุ่นเดียวกันล้วนแล้วแต่เบิกบาน และคู่ของเขากับหล่อนก็เป็นคู่ที่ถูกจับตามองมากท
“ฝนตกทุกวันเลย เบื๊อเบื่อ”น้ำเสียงใส ๆ อ่อน ๆ บ่นออกมาเมื่อออกจากร้านหมอ เปิดประตูกระจกก้าวออกสู่ทางเท้าด้านนอก ก็เห็นเม็ดฝนกำลังเปาะแปะอยู่ หนุ่มน้อยยื่นมือออกไปก่อนจะหดกลับมา“ไม่ได้เอาร่มมาด้วยซิฮะ”หันมาทางมารดาที่ยังดูสาวพริ้งสำหรับการจะมีลูกชายอายุสิบหก แม้วัยของปรารถนาจะเข้าไปสามสิบแปดแล้ว หล่อนก็ยังดูสาวอยู่มาก จนลูกชายวัยสิบหกเหมือนน้องชายมากกว่าจะเป็นลูก“เอาหนังสือบังไปก่อนจะได้ไหม”“ได้ฮะ แม่ซิฮะจะไม่สบาย ขายิ่งไม่ค่อยจะดีอยู่ด้วย”เด็กหนุ่มมองมารดาอย่างห่วงใยที่สุด ปรารถนาเป็นโรคกระดูกเสื่อม มันมาไวเกินไปสำหรับอายุขนาดนี้ แต่หล่อนก็ต้องอยู่ในความดูแลของหมอ หล่อนต้องระมัดระวังค่อนข้างมากเกี่ยวกับเรื่องนี้“กลับแท็กซี่ดีไหมฮะ”เสียงใส ๆ ถามต่อ แต่ปรารถนาส่ายหน้าโดยเร็ว หล่อนต้องประหยัด แม่ม่ายอย่างหล่อนไม่มีเงินมากนักนอกจากเงินเดือนประจำจากหน้าที่การงานที่ต้องใช้จ่ายอย่างประหยัดเพื่อตัวและลูกชายสองชีวิตกับเงินเดือนสองหมื่น ปรารถนารู้ว่าเป็นภาระแสนสาหัสและเมื่อหันมองรอบตัวหล่อนพบว่ามีกันแค่สองชีวิตที่จะเกื้อกูลกันได้รัฐยาก็ยังเด็กเหลือเกินเพิ่งเรียนมอปลาย กำลังจะสอบเข้ามห
“เทียน…”เสียงของหล่อนกรีดแหลม…แล้วหล่อนก็ไม่รู้สึกอะไรอีกเลย ดวงตาของหล่อนยังลืมกว้าง และมือก็ไขว่คว้ายืนออกไปหล่อนไม่เห็นว่าห่างจากหล่อนไปไม่มากนัก รัฐยากระเด็นไปตกลงตรงนั้น…รัฐยายังรับรู้สิ่งต่าง ๆ ได้…แต่เขาขยับตัวอีกไม่ได้ รู้สึกมึนงง ได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเองก็เหมือนจะมาจากที่อันไกลแสนไกล เขาจำได้ว่าเป็นเสียงแม่… แต่เขาขานรับไม่ได้… เหมือนมีอะไรจุกอยู่ในลำคอของเขานี่เองและเขาก็เห็นใครคนหนึ่ง…ผู้หญิง…เห็นเป็นเงาพร่า ๆ เลือน ๆ จนมองหน้าไม่ถนัด เห็นผู้หญิงคนนั้นย่อตัวลงมามองเขาใกล้ ๆ และทำให้ได้เห็นอะไรบางอย่างวูบวาบเข้านัยน์ตาของเขารัฐยายกมือขึ้น แล้วก็คว้าจับเอาไว้ได้สร้อยข้อมือนั่นเอง ที่เป็นแวววับนั่น ในสำนึกที่ขาดวิ่นไป เขาพยายามจะจดจำมันให้ได้ เพราะมันเป็นสร้อยเส้นที่เขาพยายามจะจดจำมันให้ได้ เพราะมันเป็นสร้อยเส้นที่แปลกตา เป็นแบบที่เขาไม่ค่อยจะคุ้นเคยนัก มันมีลูกกระพรวนเล็ก ๆ เกือบจะรอบวงแล้วเขาก็กระตุกมืออย่างแรง เม็ดเล็ก ๆ ของกระพรวนนั่นเม็ดหนึ่งอยู่ในมือของเขาแล้วรัฐยาก็แน่นิ่งไปภคินีผวาลุกขึ้น สร้อยไม่ทันขาดแต่ก็ทำให้หล่อนตกใจสุดขีด… พอดีกับภากรตามเข้ามา เขาเห็นหล
“ลูกจ๋า…กลับแล้วหรือ”คุณนายก้าวเข้ามา ร่างที่ยังระหงอยู่ในชุดผ้าไหมสีน้ำทะเล…ทำให้ห้องทั้งห้องสดสว่างขึ้น ดวงหน้าที่พอกเครื่องสำอางหนา มองดูภคินีเขม็ง…ไม่เคยชอบภคินี เพราะมองเท่าไหร่ก็ไม่เคยเห็นความคู่ควรกับลูกชายคนเดียวของเธอเลย“ยังไม่กลับบ้านอีกหรือ นี่กี่ทุ่มเข้าไปแล้ว” เธอยกข้อมือดูเวลา… “เที่ยงคืนกว่าแล้วนะ…เธอจ๋า…หรือว่าจะนอนค้างเสียที่นี่ พ่อแม่เธอรู้หรือเปล่า อย่าให้เป็นว่าเช้าก็มาแย้ว ๆ กันหน้าบ้านล่ะ”ภคินีสะอึก หล่อนไม่เคยพูดเถียงทันคุณนายเลยสักหน“มีอุบัติเหตุครับแม่”ภากรรายงานเบา ๆ ทำให้คุณนายเบิกตากว้าง ยกมือทาบอก“อย่าบอกนะว่ารถใหม่นั่น…”เขาไม่ประหลาดใจเลยหากแม่เขาจะห่วงรถมากกว่าห่วงคน…คุณนายแสงเดือนเป็นผู้หญิงมั่งคั่ง แต่เธอก็เค็มอย่างหาตัวจับยากทีเดียว“รถไม่เป็นไรหรอกฮะ”“โล่งอกไปที… แต่อุบัติเหตุก็ไม่ได้หมายความว่าจะเอาแม่ภคินีมาค้างที่บ้านเราน่ะ”“มันมากกว่านั้น”เสียงของชายหนุ่มยิ่งเบาลงไปอีก แล้วเมื่อเขาบอกต่อ คุณนายก็ทำท่าเหมือนจะเป็นลม ถอยไปนั่งที่เก้าอี้ ดวงตาเบิกกว้างตะลึงงัน“กรน่ะหรือขับรถชนคนตาย…แล้วก็ยังเจ็บสาหัสอีกหนึ่ง ไม่หรอก…ไม่จริง”เธอปฏิเสธ นึก
ตีสาม…ภากรผวาขึ้นจากเก้าอี้ยาวตรงนี้ ลุกขึ้นเหมือนมีสปริงติดกับตัวเมื่อได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามา…เขาออกมาถึงเทอเรซหินอ่อนด้านหน้า พ่อเป็นคนแรกที่เขามองเห็น พ่อเดินเข้ามาใกล้เขา เสียงของแม่ตามมา เสียงเอะอะตามเคย…แม่มักจะเป็นคนที่พูดมากเสมอ“ฉันไม่เห็นด้วยเลยนะคุณ… ทำไมต้องไปเป็นผู้อุปการะเด็กนั่นด้วย ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายสังคมสงเคราะห์ของบ้านเมืองซิ คนไข้อนาถาน่ะรัฐบาลดูแลได้… แล้วญาติโยมเด็กนั่นก็คงจะมี… เราจะเสนอตัวเข้าไปทำไม ดีไม่ดีมันก็จะคิดเอาได้ว่าลูกเราส่วนเข้าไปพัวพัน”พ่อแตะบ่าเขาเบา ๆ มองเข้าไปในดวงตาของเขา แล้วพูดเสียงทุ้มเสมอกัน เป็นน้ำเสียงที่เขาเคยชินเสมอมา“พ่อยากคุยด้วย ในห้องสมุดนะ เดี๋ยวนี้”แล้วพ่อก็เดินเร็ว ๆ เข้าไปในตัวบ้าน เขากำลังจะตามเข้าไปแต่คุณนายคว้ามือของเขาเอาไว้ได้ กระตุกหมับทำให้เขาต้องหยุดเดิน หันกลับมามอง“ไม่น่าเลยนะ…เพราะดื่มเหล้าใช่ไหม ลูกถึงคะนองจนเกิดเรื่องขึ้น คนตายคนหนึ่ง บาดเจ็บอีกคนหนึ่ง…เด็กเพิ่งอายุสิบหก…ยังแต่งเครื่องแบบนักเรียนอยู่เลยนะ”“อาการหนักมากไหมฮะ”เขาถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่เหมือนไม่ใช่ตัวของเขาเองอีกสืบไป…เด็กคนนั้น…ใช่…แม่ข
“พี่กรจะดูแลน้องอย่างดี หักใจเสียเถิดเรื่องแม่น่ะ มันเป็นเคราะห์ เทียนรักษาตัวให้หายเร็ว ๆ ดีกว่านะ”ไม่ทันที่จะให้คำตอบเขา ประตูห้องก็เปิดเข้ามา คุณนายแสงเดือนยืนอยู่ตรงหน้าประตูนั่นเอง ดวงตาในกรอบของเส้นดินสอที่เขียนเอาไว้จนเข้มเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นภาพเบื้องหน้าแล้วเธอก็ถลันพรวดเข้ามาอีก เกือบจะติดเตียงทีเดียว เธอหวงลูกชายนัก เธอตีความเลยเถิดไปในทางไม่ดีเดี๋ยวนี้ผู้ชายกับผู้ชายก็นะ“กร…อะไรกันจ๊ะ”แม้จะทอดหางเสียงได้ แต่น้ำเสียงของเธอก็กรุ่น ๆ อยู่ภากรคลายมือออกหน่อยหนึ่ง แต่เธอก็จับตามองอย่างระแวงเต็มทีก็เด็กที่นอนเจ็บอยู่นั่นน่ะมีเค้าว่าจะเป็นหนุ่มหล่อมาก นี่ก็น่าเอ็นดู ผิวพรรณหน้าตา แม้จะเป็นในยามบาดเจ็บ สะอาดหมดจด…จนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเด็กหนุ่มจากครอบครัวคนชั้นล่างยากจน…ผิวพรรณก็ดูสะอาดเกลี้ยงเกลา รูปร่างบอบบางน่าทะนุถนอมเธอกลัวนักกลัวว่าจะเป็นเรื่องผูกพันยืดเยื้อ และท่าทางภากรก็สำนึกผิดชัดแจ้งอยู่ภากรอยากมีน้องยิ่งเป็นน้องชายเขายิ่งอยากมี“น้องกำลังตกใจ”“เฮ้อ…มันน่าอยู่หรอกนะ…” เธอทำเสียงเนิบ ๆ “เรื่องนี้มันนับได้ว่าร้ายแรงสักหน่อย แต่ก็ยังโชคดีนะที่คนผ่านไปเจอเหตุการ
เด็กคนนั้น…ยังเด็กมากทีเดียว เมื่อเขาเข้าไปใกล้เตียงแล้วมองเห็นถนัดเต็มสองตาของตัวเอง ดวงหน้าเรียว…ผมสีดำขลับหวีเปิดเห็นหน้าผากลาดมนสวย คิ้วดำเรียวไปจดหางตา…แล้วเมื่อมองต่ำลงมาอีกนิดเห็นดวงตานั้นแล้ว ภากรก็กัดริมฝีปากตัวเองเอาไว้เขาเห็นดวงตาแดงช้ำ เหมือนผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักน้ำตายังเต็มดวงตาด้วยคงจะร้องไห้มาตลอดเวลา เพราะแม่ของเด็กหนุ่มตายแล้ว…ไม่มีกิริยาอื่นใดเมื่อเห็นเขา เพราะรัฐยาได้พบปะเจอะเจอคนหลายคน ที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนเลย ทุกคนเข้ามาในห้องนี้ พูดโน่นพูดนี่กันมากมายจนถึงผู้ชายคนนี้ เขาคงจะแก่กว่าไม่กี่ปี หน้าตายังดูอ่อนกว่าทุกคนที่เดินเข้ามาแล้วเดินออกไป“จะมาบอกอะไรเทียนอีกฮะ”น้ำเสียงของเขาสั่นสะท้าน ริมฝีปากเริ่มเบะออกนิด ๆภากรสงสารจับใจ…เขาไม่เคยมีความสงสารหนใดจะเท่าหนนี้ แล้วภาพหนึ่งก็ผ่านเข้ามาในความคิดของเขา ภาพของหญิงที่นอนเหยียดยาวอยู่บนพื้นถนนฉ่ำนองด้วยน้ำฝน มือยื่นไปจนสุดเหมือนจะไขว่คว้า เขายังจำภาพการตายของผู้หญิงคนนั้นได้เขาโทษตัวเอง…ภากรนึกถึงว่าหากเขาแข็งต่อภคินีสักหน่อยไม่ปล่อยให้หล่อนเป็นคนขับรถ อุบัติเหตุที่พรากแม่ลูกจากกันชั่วชีวิตก็คงจะไม่เกิดขึ้น“
ตีสาม…ภากรผวาขึ้นจากเก้าอี้ยาวตรงนี้ ลุกขึ้นเหมือนมีสปริงติดกับตัวเมื่อได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามา…เขาออกมาถึงเทอเรซหินอ่อนด้านหน้า พ่อเป็นคนแรกที่เขามองเห็น พ่อเดินเข้ามาใกล้เขา เสียงของแม่ตามมา เสียงเอะอะตามเคย…แม่มักจะเป็นคนที่พูดมากเสมอ“ฉันไม่เห็นด้วยเลยนะคุณ… ทำไมต้องไปเป็นผู้อุปการะเด็กนั่นด้วย ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายสังคมสงเคราะห์ของบ้านเมืองซิ คนไข้อนาถาน่ะรัฐบาลดูแลได้… แล้วญาติโยมเด็กนั่นก็คงจะมี… เราจะเสนอตัวเข้าไปทำไม ดีไม่ดีมันก็จะคิดเอาได้ว่าลูกเราส่วนเข้าไปพัวพัน”พ่อแตะบ่าเขาเบา ๆ มองเข้าไปในดวงตาของเขา แล้วพูดเสียงทุ้มเสมอกัน เป็นน้ำเสียงที่เขาเคยชินเสมอมา“พ่อยากคุยด้วย ในห้องสมุดนะ เดี๋ยวนี้”แล้วพ่อก็เดินเร็ว ๆ เข้าไปในตัวบ้าน เขากำลังจะตามเข้าไปแต่คุณนายคว้ามือของเขาเอาไว้ได้ กระตุกหมับทำให้เขาต้องหยุดเดิน หันกลับมามอง“ไม่น่าเลยนะ…เพราะดื่มเหล้าใช่ไหม ลูกถึงคะนองจนเกิดเรื่องขึ้น คนตายคนหนึ่ง บาดเจ็บอีกคนหนึ่ง…เด็กเพิ่งอายุสิบหก…ยังแต่งเครื่องแบบนักเรียนอยู่เลยนะ”“อาการหนักมากไหมฮะ”เขาถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่เหมือนไม่ใช่ตัวของเขาเองอีกสืบไป…เด็กคนนั้น…ใช่…แม่ข
“ลูกจ๋า…กลับแล้วหรือ”คุณนายก้าวเข้ามา ร่างที่ยังระหงอยู่ในชุดผ้าไหมสีน้ำทะเล…ทำให้ห้องทั้งห้องสดสว่างขึ้น ดวงหน้าที่พอกเครื่องสำอางหนา มองดูภคินีเขม็ง…ไม่เคยชอบภคินี เพราะมองเท่าไหร่ก็ไม่เคยเห็นความคู่ควรกับลูกชายคนเดียวของเธอเลย“ยังไม่กลับบ้านอีกหรือ นี่กี่ทุ่มเข้าไปแล้ว” เธอยกข้อมือดูเวลา… “เที่ยงคืนกว่าแล้วนะ…เธอจ๋า…หรือว่าจะนอนค้างเสียที่นี่ พ่อแม่เธอรู้หรือเปล่า อย่าให้เป็นว่าเช้าก็มาแย้ว ๆ กันหน้าบ้านล่ะ”ภคินีสะอึก หล่อนไม่เคยพูดเถียงทันคุณนายเลยสักหน“มีอุบัติเหตุครับแม่”ภากรรายงานเบา ๆ ทำให้คุณนายเบิกตากว้าง ยกมือทาบอก“อย่าบอกนะว่ารถใหม่นั่น…”เขาไม่ประหลาดใจเลยหากแม่เขาจะห่วงรถมากกว่าห่วงคน…คุณนายแสงเดือนเป็นผู้หญิงมั่งคั่ง แต่เธอก็เค็มอย่างหาตัวจับยากทีเดียว“รถไม่เป็นไรหรอกฮะ”“โล่งอกไปที… แต่อุบัติเหตุก็ไม่ได้หมายความว่าจะเอาแม่ภคินีมาค้างที่บ้านเราน่ะ”“มันมากกว่านั้น”เสียงของชายหนุ่มยิ่งเบาลงไปอีก แล้วเมื่อเขาบอกต่อ คุณนายก็ทำท่าเหมือนจะเป็นลม ถอยไปนั่งที่เก้าอี้ ดวงตาเบิกกว้างตะลึงงัน“กรน่ะหรือขับรถชนคนตาย…แล้วก็ยังเจ็บสาหัสอีกหนึ่ง ไม่หรอก…ไม่จริง”เธอปฏิเสธ นึก
“เทียน…”เสียงของหล่อนกรีดแหลม…แล้วหล่อนก็ไม่รู้สึกอะไรอีกเลย ดวงตาของหล่อนยังลืมกว้าง และมือก็ไขว่คว้ายืนออกไปหล่อนไม่เห็นว่าห่างจากหล่อนไปไม่มากนัก รัฐยากระเด็นไปตกลงตรงนั้น…รัฐยายังรับรู้สิ่งต่าง ๆ ได้…แต่เขาขยับตัวอีกไม่ได้ รู้สึกมึนงง ได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเองก็เหมือนจะมาจากที่อันไกลแสนไกล เขาจำได้ว่าเป็นเสียงแม่… แต่เขาขานรับไม่ได้… เหมือนมีอะไรจุกอยู่ในลำคอของเขานี่เองและเขาก็เห็นใครคนหนึ่ง…ผู้หญิง…เห็นเป็นเงาพร่า ๆ เลือน ๆ จนมองหน้าไม่ถนัด เห็นผู้หญิงคนนั้นย่อตัวลงมามองเขาใกล้ ๆ และทำให้ได้เห็นอะไรบางอย่างวูบวาบเข้านัยน์ตาของเขารัฐยายกมือขึ้น แล้วก็คว้าจับเอาไว้ได้สร้อยข้อมือนั่นเอง ที่เป็นแวววับนั่น ในสำนึกที่ขาดวิ่นไป เขาพยายามจะจดจำมันให้ได้ เพราะมันเป็นสร้อยเส้นที่เขาพยายามจะจดจำมันให้ได้ เพราะมันเป็นสร้อยเส้นที่แปลกตา เป็นแบบที่เขาไม่ค่อยจะคุ้นเคยนัก มันมีลูกกระพรวนเล็ก ๆ เกือบจะรอบวงแล้วเขาก็กระตุกมืออย่างแรง เม็ดเล็ก ๆ ของกระพรวนนั่นเม็ดหนึ่งอยู่ในมือของเขาแล้วรัฐยาก็แน่นิ่งไปภคินีผวาลุกขึ้น สร้อยไม่ทันขาดแต่ก็ทำให้หล่อนตกใจสุดขีด… พอดีกับภากรตามเข้ามา เขาเห็นหล
“ฝนตกทุกวันเลย เบื๊อเบื่อ”น้ำเสียงใส ๆ อ่อน ๆ บ่นออกมาเมื่อออกจากร้านหมอ เปิดประตูกระจกก้าวออกสู่ทางเท้าด้านนอก ก็เห็นเม็ดฝนกำลังเปาะแปะอยู่ หนุ่มน้อยยื่นมือออกไปก่อนจะหดกลับมา“ไม่ได้เอาร่มมาด้วยซิฮะ”หันมาทางมารดาที่ยังดูสาวพริ้งสำหรับการจะมีลูกชายอายุสิบหก แม้วัยของปรารถนาจะเข้าไปสามสิบแปดแล้ว หล่อนก็ยังดูสาวอยู่มาก จนลูกชายวัยสิบหกเหมือนน้องชายมากกว่าจะเป็นลูก“เอาหนังสือบังไปก่อนจะได้ไหม”“ได้ฮะ แม่ซิฮะจะไม่สบาย ขายิ่งไม่ค่อยจะดีอยู่ด้วย”เด็กหนุ่มมองมารดาอย่างห่วงใยที่สุด ปรารถนาเป็นโรคกระดูกเสื่อม มันมาไวเกินไปสำหรับอายุขนาดนี้ แต่หล่อนก็ต้องอยู่ในความดูแลของหมอ หล่อนต้องระมัดระวังค่อนข้างมากเกี่ยวกับเรื่องนี้“กลับแท็กซี่ดีไหมฮะ”เสียงใส ๆ ถามต่อ แต่ปรารถนาส่ายหน้าโดยเร็ว หล่อนต้องประหยัด แม่ม่ายอย่างหล่อนไม่มีเงินมากนักนอกจากเงินเดือนประจำจากหน้าที่การงานที่ต้องใช้จ่ายอย่างประหยัดเพื่อตัวและลูกชายสองชีวิตกับเงินเดือนสองหมื่น ปรารถนารู้ว่าเป็นภาระแสนสาหัสและเมื่อหันมองรอบตัวหล่อนพบว่ามีกันแค่สองชีวิตที่จะเกื้อกูลกันได้รัฐยาก็ยังเด็กเหลือเกินเพิ่งเรียนมอปลาย กำลังจะสอบเข้ามห
“ผมดื่มไม่ไหวแล้ว”ภากรเบือนหน้าหลบจากแก้วที่ยื่นเข้ามาจ่อถึงปากแต่มือนุ่ม ๆ ก็ยังไม่ยอมปล่อยจากต้นคอทางด้านหลังของเขา พยายามจะรั้งให้เขาหันหน้ากลับมาพร้อมกับเสียงปะเหลาะ ๆ“น่าอีกนิด คนเก่งนะ.”ไม่เพียงแต่พูดเฉย ๆ คนพูดยังยื่นจมูกมาแตะแก้มของเขาอีกด้วย กลิ่นหอมจากเรือนกายของหล่อนเหมือนเดินหลงเข้าไปในดงดอกไม้ จนเขาเคลิบเคลิ้มและเขาก็ไม่อยากให้ดวงตาคู่นั้นหม่นแสงลงเลยแข็งใจดื่มเข้าไปอีกอึกหนึ่ง“นั่นซิจ๊ะเป็นผู้ชายก็ต้องดื่มเหล้า จะดื่มแต่น้ำหวานได้ยังไง้ เสียหายหมด”ภคินีวางแก้วลง ตบมือให้กับเขาสองสามแปะ ดวงตาฉายประกายซุกซนสนุกสนาน หล่อนไม่ใช่หญิงสวยเรียกได้ว่าหล่อนเป็นผู้หญิงเท่คนหนึ่ง ดวงหน้าเรียวเห็นเส้นจมูกเด่นที่สุดบนใบหน้า จมูกที่โดดเด่นจนเหมือนว่าหล่อนไปทำศัลยกรรมมาใหม่ และหลายหนที่หล่อนท้าทายให้มีการจับกระดูกที่ขึ้นสันนั่นเป็นของแท้ ๆ ที่หล่อนอ้างว่าเป็นกันทั้งครอบครัว“ไปเต้นรำกันดีกว่า”หล่อนลากเขาออกไปสู่เวทีเต้นรำเล็ก ๆ ของสนามหน้าบ้านหลังนี้เป็นงานเลี้ยงฉลองหลังพิธีรับปริญญาเพื่อนฝูงที่รับปริญญารุ่นเดียวกันล้วนแล้วแต่เบิกบาน และคู่ของเขากับหล่อนก็เป็นคู่ที่ถูกจับตามองมากท