“พี่กรจะดูแลน้องอย่างดี หักใจเสียเถิดเรื่องแม่น่ะ มันเป็นเคราะห์ เทียนรักษาตัวให้หายเร็ว ๆ ดีกว่านะ”
ไม่ทันที่จะให้คำตอบเขา ประตูห้องก็เปิดเข้ามา คุณนายแสงเดือนยืนอยู่ตรงหน้าประตูนั่นเอง ดวงตาในกรอบของเส้นดินสอที่เขียนเอาไว้จนเข้มเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นภาพเบื้องหน้า
แล้วเธอก็ถลันพรวดเข้ามาอีก เกือบจะติดเตียงทีเดียว เธอหวงลูกชายนัก เธอตีความเลยเถิดไปในทางไม่ดี
เดี๋ยวนี้ผู้ชายกับผู้ชายก็นะ
“กร…อะไรกันจ๊ะ”
แม้จะทอดหางเสียงได้ แต่น้ำเสียงของเธอก็กรุ่น ๆ อยู่
ภากรคลายมือออกหน่อยหนึ่ง แต่เธอก็จับตามองอย่างระแวงเต็มที
ก็เด็กที่นอนเจ็บอยู่นั่นน่ะมีเค้าว่าจะเป็นหนุ่มหล่อมาก นี่ก็น่าเอ็นดู ผิวพรรณหน้าตา แม้จะเป็นในยามบาดเจ็บ สะอาดหมดจด…จนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเด็กหนุ่มจากครอบครัวคนชั้นล่างยากจน…ผิวพรรณก็ดูสะอาดเกลี้ยงเกลา รูปร่างบอบบางน่าทะนุถนอม
เธอกลัวนักกลัวว่าจะเป็นเรื่องผูกพันยืดเยื้อ และท่าทางภากรก็สำนึกผิดชัดแจ้งอยู่
ภากรอยากมีน้อง
ยิ่งเป็นน้องชายเขายิ่งอยากมี
“น้องกำลังตกใจ”
“เฮ้อ…มันน่าอยู่หรอกนะ…” เธอทำเสียงเนิบ ๆ “เรื่องนี้มันนับได้ว่าร้ายแรงสักหน่อย แต่ก็ยังโชคดีนะที่คนผ่านไปเจอเหตุการณ์เป็นคุณวิวัฒน์ ไม่อย่างนั้นเธออาจจะถูกรถคันนั้นถอยทับ ตายตามแม่…”
“แม่”
ภากรเรียกเสียงดังอย่างคาดไม่ถึง คุณนายแสงเดือนยังยิ้มได้หวานเจี๊ยบ…ยิ้มเหมือนเธอไม่รู้ว่าสิ่งที่เธอพูดออกมามันไม่ถูกต้อง แล้วภากรก็ไม่อาจจะพูดได้มากไปกว่านั้น แม่เขาเป็นคนช่างพูด และเธอก็ไม่ค่อยจะสนใจด้วยว่าคนฟังจะรู้สึกอย่างไรกับคำพูดเรื่อยเจื้อยของเธอ
ในฐานะที่เป็นลูก เขาก็ไม่กล้าที่จะตำหนิเธอต่อหน้าคนอื่น ชายหนุ่มสำนึกในความเป็นลูกของตัวเอง แล้วตอนนี้เขาก็เหมือนมีชนักปักหลัง เขาวิงวอนต่อพ่อสำเร็จแต่กับแม่นั้นดูเหมือนจะไม่เต็มอกเต็มใจนักที่จะอุปการะเด็กคนนี้ เขาได้ยินเสียงแม่กับพ่อเถียงกันอย่างเคร่งเครียด แล้วแม่ก็ต้องยินยอมพ่อ เพราะพ่อเป็นหัวหน้าครอบครัว เป็นใหญ่ในบ้านมากกว่านั่นเอง
น้ำตาของรัฐยาเลยไหลไม่ยอมหยุด เขารู้โดยไม่ต้องมีการประกาศตัวอย่างเปิดเผยว่าคุณนายแสงเดือนไม่ชอบเขา
คุณนายคงไม่อยากให้สามีของเธออุปการะเขาให้สิ้นเปลือง
“แม่อยากพูดกับเทียนตามลำพัง”
เธอบอกกับลูกชาย “กรไปรอข้างนอกก่อนได้ไหม”
“ผมอยากอยู่ด้วย”
เขาบอกเรียบ ๆ ไม่รุนแรง แต่ก็บอกความเป็นคนรั้นและดื้ออยู่พอสมควร แต่ไม่ออกมาในรูปแบบแข็งกร้าวจนมองเป็นก้าวร้าวมากนัก คุณนายข่มใจอย่างยากเย็นเอาการอยู่ แต่ในที่สุดก็จำต้องยินยอม ดูเหมือนว่าจะทั้งเรื่องลูกเรื่องผัวเป็นเรื่องที่เธอจะต้องยอมพ่ายแพ้ไปหมด
ชัยชนะจากลูกจากผัวเป็นเรื่องที่ทำได้ยากมาก
“คุณวิวัฒน์เขาจะจัดการงานศพให้แม่เธอด้วย เขาเป็นคนใจดีอย่างนี้แหละ ไม่อยากให้กลายเป็นหน้าที่ของมูลนิธิสองแห่งแย่งชิงกัน แบบลากกันไปลากกันมา”
คราวนี้รัฐยาร้องไห้โฮ เสียงของเขาทำให้คุณนายนิ่วหน้าแล้วเอ็ดเขาแรง ๆ
“นี่…เธอ…โตแล้วนะจ๊ะ รู้จักหักห้ามใจเสียบ้างซิ มีเสียงเท่าไหร่ก็แผดเข้าไป…”
“แม่ฮะ…ภากรท้วงด้วยเสียงอ่อน ๆ ยังเกรงใจเธอ ไม่กล้าจะขึ้นเสียงด้วย ทั้งที่แม่เขาพูดแบบนั้นมันไม่ถูกต้องเอาเสียเลย รัฐยากำลังอยู่ในภาวะที่จิตใจย่ำแย่มาได้ยินคำพูดแบบนี้เข้า เขายิ่งทรุดหนักทางใจไปกว่าเดิมอีกมากนัก
เธอยกมือโบกห้ามลูกชาย ประกายจากเพชรลูกกลมใหญ่บนนิ้วกลางวูบวาบจับตา
“เราโตกันแล้ว ความจริงเป็นยังไงก็ต้องพูดกัน…เธอก็อายุสิบหกแล้ว” เธอนั่งลงบนเก้าอี้ที่ลูกชายนั่ง “ฉันชอบอะไรก็ตรงไปตรงมาสักหน่อย ฉันมานี่ก็จะมาบอกเรื่องงานศพแม่เธอ แล้วก็เรื่องเธอ คงจะต้องอยู่โรงพยาบาลไปจนกว่าบาดแผลจะหาย ค่ารักษาพยาบาลคุณวิวัฒน์เขาจะจ่ายเอง…เขาเป็นคนชอบทำบุญจ้ะ ปีนึง ๆ น่ะ เขาอุปการะเด็กหลายคน ทั้งเด็กกำพร้า เด็กยากจน มีปัญหา…นี่จะมีเธอเพิ่มมาอีกคนหนึ่ง เขาน่ะเวทนาเธออยู่มากนะ”
ภากรรู้สึกว่ายิ่งแม่พูด เขาก็จะทนไม่ได้มากขึ้น สิ่งที่เขาจะทำได้ดีที่สุด โดยไม่เสียความเป็นลูกที่ดีไปก็คือเดินออกไปเสียจากห้องนี้ และนั่นทำให้คุณนายแสงเดือนยิ้มอย่างผู้ชนะออกมาได้ในที่สุด
ภากรออกไปสักคน เธอจะพูดได้มากกว่าเมื่อครู่ อย่างน้อยเธอจะต้องกำราบให้เด็กคนนี้เจียมเนื้อ เจียมตัวเอาไว้ สามีของเธอมีท่าทีใจอ่อนเป็นอันมากกับเด็กคนนี้ อยากจะอุปการะส่งเสียกัน…ทั้งที่ไม่ควรจะทำถึงขั้นนั้น นี่หากไม่ติดว่ารถยนต์คันนั้นเป็นของลูกชาย แล้วคนขับก็คือภากรละก็…เธอจะต่อสู้สุดฤทธิ์นั่นเทียว
แต่เพื่อให้เรื่องรถชนนี้เงียบกริบเหมือนคลื่นกระทบฝั่ง ไร้ร่องรอยทั้งปวง เธอจำเป็นต้องเห็นดีด้วยกับสามี
“เธอจะต้องอยู่รักษาตัว แล้วก็อยู่ในความอุปการะของเขากับฉัน…เธอจะได้เรียนหนังสือต่อไปตามเดิมจนกว่าเธอจะดูแลตัวเองได้…เธอจะรู้รายละเอียดเพิ่มเติมถึงเงื่อนไขที่เขาจะอุปการะเธอ เราจะทำเหมือนที่เราทำกับเด็กคนอื่น ๆ”
เพื่อน ๆ พารัฐยามาส่งถึงที่รถ เขาไม่ได้เข้าไปช่วยเหลือ และเขาก็อยากให้รัฐยาช่วยเหลือตัวเอง เด็กหนุ่มส่งยิ้มให้เขามาแต่ไกล การก้าวเดินโดยมีไม้คอยช่วยพยุงตัวนั้น รัฐยาทำได้ดีมากแล้วเขารับเพื่อนของรัฐยาอีกสองคนติดรถมาด้วย…เป็นหน้าที่ที่เขากระทำไม่มีตกหล่นมาเป็นเดือน ๆ แล้ว และเป็นสิ่งที่รัฐยาซาบซึ้งเป็นที่สุด ตนแรกก็คิดว่าเขาจะทำได้ไม่กี่วันแล้วก็เลิกราไป แต่ภากรเป็นคนเสมอต้นเสมอปลายอย่างยิ่ง เมื่อเขาเริ่มต้นสิ่งใดแล้วเขาก็ปฏิบัติต่อไปได้โดยไม่ทิ้งขว้างไปเสียกลางคันเสียงพวกสาว ๆ คุยกันลั่นรถ ใหม่ ๆ ก็ไม่เคยได้ยินเสียงสักแอะ เดี๋ยวนี้อาจจะเป็นเพราะเริ่มคุ้นกับเขามากขึ้น เขามองดูทางกระจกแล้วก็อมยิ้ม…เขาเหงา…ชายหนุ่มรู้ว่าการเป็นลูกคนเดียวเป็นชีวิตเงียบเหงาและบางครั้งอับเฉาเหลือเกิน เขาอยากมีพี่น้องมานานแล้วเมื่อสบโอกาสตอนที่รัฐยาเข้ามาอยู่ร่วมบ้าน เขาจึงคิดว่านี่เป็นน้องชายของเขา น้องที่เขาเคยอยากได้เป็นนักหนาส่งพวกเพื่อน ๆ ของรัฐยาไปหมดแล้ว เขาก็หยิบกล่องเล็ก ๆ จากกระเป๋าเสื้อไปข้างหลัง รัฐยาทำตาโตมองดูอย่างงงงัน“อะไรฮะ คุณกร”“พี่ซื้อมาฝากเทียน รับไปซิ”รัฐยาพนมมือไหว้เขา รับไปถือไว้
หล่อนยังเปราะบางเกินกว่าจะไปรบรากันคุณนายแสงเดือนได้ คุณนายพูดแต่ละคำแสบไปถึงไหน ๆ ยังแววตาที่ดูถูกเหยียดหยามหล่อนปานนั้นทำให้ภคินีไม่ปรารถนาจะเข้าไปเป็นสะใภ้ ไม่อยากรับคุณนายมาเป็นแม่ผัวให้เกิดศึกสงครามยืดเยื้อแต่หล่อนก็ยังไม่อาจจะตัดภากรทิ้งไปได้ง่ายนัก ในระหว่างที่เขายังไม่เดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศ การมีเขาก็เท่ากับมีกระเป๋าเงินใบใหญ่ไว้เนรมิตแก้วแหวนเงินทองสารพัดนึกที่หล่อนปรารถนาจะได้ให้กับหล่อนภคินีไม่โง่…ไม่หยิ่งจะยอมรับของกำนัล…มันไม่เห็นจะเสียหายตรงไหน แถมภากรก็ยังไม่เคยล่วงเกินหล่อนอีกด้วย เขาทุ่มให้โดยไม่หวังของตอบแทน บางเวลาภคินีมองว่าภากรเป็นไอ้หนุ่มหน้าโง่คนหนึ่ง หล่อนเคยอยากให้เขาโดดเข้าใส่หล่อน…แต่เขาก็ไม่เคยทำ และหากหล่อนเริ่มก่อนภากรอาจจะลับลอยไปทันทีก็เป็นได้ เขาเป็นหนุ่มที่สมถะกับเรื่องทำนองนี้จนชวนฉงนว่าเขาเป็นปกติหรือเปล่า เลือดเนื้อของเขาไม่เคยเดือดพล่านเลยสักหน“กร...” น้ำเสียงของหล่อนอ่อนโยนลง “สั่งอาหารเถิด ค่ำแล้วเดี๋ยวจะพาไปดูแหวน…ผ่านไปเห็นวันก่อนซ้วยสวย…ไพลินจ้ะ”“ไปดูตอนค่ำ ๆ อย่างนี้น่ะหรือ”“ก็ไปดูเอาไว้ก่อนไง…ค่อยซื้อให้วันหลังก็ได้…คงไม่กี่ตังค์ล
รัฐยาทำให้เขาใจแป้ว และชายหนุ่มก็พยายามทดแทนให้อย่างมากที่สุด เขาพารัฐยาลงจากรถเข้าไปในโรงเรียน ออกจะเป็นภาพที่แปลกตาในสายตาของเพื่อน ๆ ร่วมโรงเรียนที่รู้จักรัฐยาเมื่อเขามาถึงด้วยรถยนต์คันใหญ่โก้หรู ยังจะผู้ชายที่ประคับประคองมาก็เป็นผู้ชายมาดโก้ที่พวกนักเรียนสาวรุ่นตาโตกิ๊วก๊าวกันได้อยู่ห่าง ๆ พอคล้อยหลังภากรแล้ว รัฐยาก็ได้ยินเสียงถามแซ่ดไปหมดเขายิ้มแย้มเมื่อพูดถึงภากร อดภาคภูมิใจแทนเขาไม่ได้ที่เขาเป็นหนุ่มซึ่งสาวน้อยเริ่มผลิเนื้อสาวพากันให้ความสนใจ“คุณภากร เป็นผู้มีพระคุณกับเรามาก ตอนนี้เราอยู่บ้านเขา พ่อเขารับอุปการะเรา จากอุบัติเหตุ”มีแต่ยกย่องเทิดทูนเขา ยิ่งภากรทำดีกับเขาเท่าไหร่ รัฐยาก็ทั้งเทิดทูนนับถือเขานักหนา เขาคิดว่าพร้อมจะตอบแทนในพระคุณที่เขามีเหนือหัวนี้ได้…แม้ชีวิตตัวเองก็สามารถให้กับเขาได้ โดยที่รัฐยามองไม่เห็นวันข้างหน้า วันที่คิดในสิ่งตรงกันข้ามนี้โดยสิ้นเชิง///////////////////////////////////////////////////////////////“คุณมาช้าอีกแล้ว”ภคินียกมือขึ้นมองเวลา จากนาฬิกาเรือนบอบบางราคาแพงลิบลิ่วเพราะนี่เป็นของขวัญชิ้นหนึ่ง ที่ภากรซื้อหาให้เป็นของกำนัลหล่อนง สีหน้าขอ
“เพราะลูกของเรา…”เพียงได้ยินเท่านี้ เธอก็ยกมือขึ้นเหมือนจะห้ามปรามไม่ให้เขาพูดต่อสีหน้ายังไม่สู้จะดีนัก“ก็เพราะอย่างนี้น่ะซิคะ…ดิฉันถึงพูดไม่ออก แต่ดิฉันไม่อยากให้ลูกเข้าไปสนิทสนมอี๋อ๋อ นายเทียนไม่ใช่เด็กแล้วนะคะ เป็นหนุ่มแล้ว”“ก็ยังเพิ่งจะอายุสิบหก อีกอย่างหนุ่มแล้วไง ไม่ใช่สาว” เขาแย้ง“อุ๊ย…สิบหกนี่ไม่เด็กแล้วค่ะ คุณ กำลังใช้การใช้งานได้ดีทีเดียว อีกอย่างเดี๋ยวนี้ชายกับชายก็เยอะไป…ถมไป”“เฮ้ย...” นายดำรงแทบสำลัก “อย่าคิดนอกลู่นอกทาง”ริมฝีปากของคุณนายเชิดขึ้นเหมือนปราศจากความเชื่อถือโดยสิ้นเชิง“ดิฉันเคยเห็น ลูกเพื่อนมี ติดใจเด็กผู้ชาย นายเทียนทำตัวเป็นเด็กใส ๆ แต่ใจอาจจะกำลังคิดจับตากรอยู่ก็ได้”เขาเลยได้แต่ถอนใจ คุณนายแสงเดือนไม่รู้ว่าเอาความคิดทำนองนี้มาใส่ในหัวตั้งแต่เมื่อไหร่“ให้ไปจับผู้ชายคนอื่นเถอะนะคะ อย่ามาจับตากรเข้าเชียว ดิฉันเอาถึงแตกหักไปข้างแน่ ๆ”แต่เธอก็ไม่ได้พูดเรื่องที่บังคับให้รัฐยาได้สาบาน แม้เป็นเพียงคำสาบานก็ยังทำให้เธออุ่นใจได้บ้างนิดหน่อยว่าหากรัฐยายังกล้าดีข้องเกี่ยวกับภากร รัฐยาก็จะมีอันต้องพินาศฉิบหายไปเอง เธอจะไม่ยอมเห็นเด็กข้างถนนขึ้นมาเสมอหน้ากับลู
“ขาเป็นไงมั่ง”“เทียนพอจะเดินได้มากแล้ว”“ก็ดีนี่เธอ ฉันอยากจะเตือนสักเรื่องหนึ่ง ภากรน่ะเป็นหนุ่มแล้ว เขาไม่เคยมีน้อง เขาอาจจะเอาใจใส่เธอมาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไยดีเธอแบบสายเลือดแท้ๆ พี่น้องแท้ๆ เข้าใจไหม”รัฐยาร้อนไปทั่วกาย เขายังไม่เคยมีแฟน“เทียนสาบานได้ว่าไม่เคยคิดตีเสมอ”เขาละล่ำละลักบอกปากสั่นไปหมดแล้ว“เทียนนับถือคุณภากร”“ขอให้เป็นอย่างนี้ตลอดไปเถิดนะ…ฉันน่ะกลัว…เพราะเห็นมาเยอะแล้ว และก็ไม่อยากให้ลูกชายมีพี่มีน้องที่เป็นคนนอก”“เทียนไม่ได้คิด”เขาบอกย้ำ….ดวงหน้าเผือด“นี่นายเทียน….”คุณนายเข้ามาใกล้อีกนิด….มื้อเอื้อมมาข้างหน้าแล้วแตะคางมองเด็กหนุ่มขึ้นมา รัฐยาตัวแข็งทื่อ เขารับรู้จากสัมผัสนั่นว่าเต็มไปด้วยความรังเกียจเดียดฉันท์…และแววตาของคุณนายที่เขามองเห็นก็ดูน่ากลัว ปราศจากความเป็นมิตร และก็ยังแปลความไม่ได้ว่านอกจากรังเกียจไม่เป็นมิตร ยังมีอะไรที่แอบซ่อนอยู่ เพราะรัฐยายังเยาว์วัยเกินไปนั่นเอง“ฉันขออะไรเธอสักอย่างนะ”“ครับ”เขารับคำด้วยเสียงแผ่ว ๆ รู้สึกแรงดันจากมือนั่นจะผลักคางของหล่อนให้แหงนเชิดขึ้น ดวงตาของเขาสาดกระทบไฟ เหมือนหวาดกลัว ไม่แน่ใจแต่คุณนายก็ยังไม่ปร
เธอเอื้อมมือมาแตะบ่าเขา จากสัมผัสบอกเธอว่าเขาทำตัวแข็งมากกว่าระดับปกติไปสักนิดหนึ่ง“เพราะลูกชายคนนี้ของแม่เป็นหนุ่มหน้าตาดี เรียนดี ฐานะก็ดีจะเอาอะไรมากไปกว่านี้อีกเล่า จริงไหมจ๊ะ”เขาเดินขึ้นมาข้างบนได้อย่างไร ภากรก็ไม่อยากจะแน่ใจเหมือนกัน เขารู้สึกสะเทือนใจกับคำพูดที่คุณนายแสงเดือนบอกว่าตรงไปตรงมาอย่างยิ่ง หลังจากที่เขาเคยเลิกคิดเรื่องนี้มาแล้ว ภคินีก็เคยทำให้เขาคิดมาก หล่อนดูแปลก ๆ เอาแน่เอานอนไม่ได้ในเรื่องนี้ บางครั้งหล่อนก็หวานฉ่ำกับเขา แต่บางครั้งหล่อนก็เฉยเมยเหมือนคนแปลกหน้าไม่ใช่คนรักชายหนุ่มสลัดศีรษะแรง ๆ เขาไม่อยากจะเก็บเอามาคิดมาก แม่ไม่ชอบภคินีต่างหากเล่า แม่ถึงพูดออกไปแบบนั้นแม่กำลังเฉไฉแต่เขาจะไม่เฉไฉตามแม่เป็นอันขาดกำลังเดินไปตามทางที่จะไปห้องของเขา ชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงไม้กุกกักดังเป็นจังหวะ เขาชะงักก่อนจะเห็นรัฐยากำลังเดินมา ดึกแล้วน่าจะอยู่บนเตียงมากกว่ารัฐยายังไม่เห็นเขา ได้ยินแต่เสียงแต่เสียงถามอยู่ใสๆ“พี่ส้ม อย่างนี้เรียกว่าเทียนเดินได้ดีหรือยัง”“ไปวิ่งแข่งได้เลยละค่ะ”“กีฬาคนพิการน่ะซิ”เขาเดินเข้าไป และรัฐยาก็เบือนหน้ามามองเห็น ยิ้มหวานให้กับเขา ลักยิ้