Masuk“แก! กล้าดียังไงถึงโยนเอกสารใส่ฉันแบบนี้...ไอ่นพ!!”
ความโกรธในระดับสิบเกิดขึ้นกับเจนภพทันที เขาหันไปเรียกลูกน้องคนสนิทของเขา
“ครับนาย”
มานพรีบวิ่งเข้ามา ภาพชายหนุ่มที่ยืนอยู่กลางห้องรับแขกพร้อมกับลูกน้องสองคนนั้น ทำให้มานพตกตะลึงอย่างที่สุด เขารู้จักผู้ชายคนนี้ มานพพึ่งจะรับข้อมูลจากสายของเขาเมื่อครู่ ไม่คิดว่าคนๆ นี้จะทำการได้เร็วขนาดนี้
“ไล่มันออกไป!”
“แต่นายครับ...เอ่อ”
“อ่านข้อความในเอกสารให้นายของคุณฟังสิ!”
พริษฐ์ผู้ที่ถือไพ่เหนือกว่าเอ่ยเสียงเย็นด้วยท่าทีเคร่งครึมไม่สะทกสะท้านต่อสิ่งใด ร่างสูงยืนเด่นเป็นสง่าอยู่กลางห้องโถง พร้อมกับลูกน้องและทนายมือดีของเขา
“ครับ...” มานพกวาดสายตาอ่านเอกสารในมือ ข้อความทุกอย่างในเอกสารนั้นมันทำให้เขาผงะราวกับโดนผีหลอก
“ฉันบอกให้แกไล่มันออกไป! ไอ่นพ!”
เจนภพรีบตัดบททุกอย่าง เขาไม่อยากให้บุตรสาวของเขาเข้ามาเจอ และต้องรับรู้เรื่องราวของเขา
“คุณต่างหาก! ที่จะออกจากบ้านหลังนี้ไป! เจนภพ!”
น้ำเสียงอันทรงพลังเอ่ยขึ้นอย่างประกาศิตไม่หวั่นต่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า มันถึงเวลาเอาคืนแล้ว พริษฐ์ไม่เกรงกลัวสิ่งใด เพราะเขาไม่ใช่เด็กน้อยอายุ 10 ปีคนนั้นแล้ว
“แก! กล้าดียังไง ที่พูดแบบนี้!”
เจนภพผุดลุกขึ้นยืนพร้อมกับชี้นิ้วไปยังชายหนุ่มแปลกหน้าที่กล้าดีมาต่อกรกับเขาถึงในบ้าน
[ด้านหนึ่งห่างออกไป]
“คุณหนูคะ...ไปเถอะค่ะ ปล่อยให้คุณพ่อจัดการเรื่องนี้เถอะนะคะ คงไม่มีอะไรหรอกค่ะ เป็นแค่นักธุรกิจร่วมลงทุนกับคุณพ่อค่ะ...”
กาญจนาพยายามกันคุณหนูของเธอออกจากตรงนั้น หญิงสาวยืนฟังบทสนทนาของผู้เป็นพ่อกับชายแปลกหน้าคนหนึ่ง
“ไม่ค่ะป้าน้อย...เขาคนนั้นกำลังอ้างว่าบ้านหลังนี้ และบริษัทของคุณพ่อเป็นของเขา...”
ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่ปรากฏกายอยู่เบื้องหน้านั้น ดึงความสนใจขอนันท์นลินเป็นอย่างมาก และสิ่งที่ชายคนนั้นพูดออกมา หมายความว่าอย่างไรกัน เขามาทวงคืนเอาอะไรจากพ่อของเธอ
“แต่คุณหนู...”
“มีอะไรที่พระพายยังไม่รู้เหรอคะป้าน้อย คุณพ่อไม่เคยบอกพระพายถึงเรื่องกิจการของบริษัทเลยสักครั้ง พระพายไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าคุณพ่อประกอบธุรกิจอะไรบ้าง แล้วคนนั้นเขาเป็นใครคะ ทำไมต้องมาอ้างว่าบ้านหลังนี้และบริษัทเป็นของเขาคะ”
ดวงตากลมโตจ้องไปยังบุคคลที่เธอกำลังเอ่ยถึง เขายังหนุ่มอยู่เลย ทำไมถึงกล้าที่จะมาทำอะไรแบบนี้นะ
[อีกด้านหนึ่ง]
“ผมให้เวลาคุณสามวัน! รีบเก็บข้าวของและออกจากบ้านหลังนี้ไป! จากนี้คุณติดต่อผ่านทนายของผม ส่วนเรื่องบริษัท ทนายของผมแจ้งเรื่องกับเลขาคุณไปแล้ว เพราะฉะนั้นผู้ที่ถือหุ้น 70เปอร์เซ็นต์คือผม ตามกฎหมาย! บริษัทปรียากรไพศาลนี้ไม่ใช่ของคุณอีกต่อไป...เจนภพ!”
ชายหนุ่มยกยิ้มอย่างสะใจเมื่อได้เห็นสีหน้าของฝ่ายตรงข้ามเผือดสีลงอย่างเห็นได้ชัด แววตาเหี้ยมเกรียมสาดประกายอำมหิต และพึงพอใจกับสิ่งที่ได้เห็นเป็นอย่างมาก
“ไม่! แก! แกเป็นใคร!”
“นายครับ...” มานพกำลังจะบอกผู้เป็นนาย แต่ทว่า...
“พริษฐ์ อัครกิจวัฒนา! จำไม่ได้เหรอครับ! ว่าผมเป็นใคร! จำเด็กที่คุณเคยเตะเมื่อ 20 ปีที่แล้วไม่ได้หรือ! ผู้หญิงที่คุณเคยข่มขืนจนเธอต้องฆ่าตัวตาย และเพื่อนรักของคุณต้องทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส สุดท้ายพ่อต้องมาฆ่าตัวตายตามแม่ไปอีกคน เพราะทนความเจ็บปวดที่คุณสร้างไว้ไม่ไหว! ผมคือลูกชายของเขา!”
น้ำเสียงเกรี้ยวกราดของชายหนุ่มดังลั่นบ้าน จนทำให้ผู้คนที่อยู่บริเวณนั้นตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน และแน่นอนว่า
เพล้ง!!! เสียงแก้วร่วงลงสู่พื้นอย่างจัง
“มะ-ไม่นะคะ!!”
“พระพาย!”
เจนภพตกใจ เมื่อเห็นบุตรสาวอันเป็นที่รักกำลังวิ่งเข้ามา
“หมายความว่ายังไงคะคุณพ่อ!”
นันท์นลินมองผู้เป็นพ่อกับชายแปลกหน้าสลับกันไปมา สิ่งที่ผู้ชายคนนี้พูดออกมามันคืออะไรกันแน่
“ลูกอย่าไปฟังมัน! มันโกหก! ลูกออกไปก่อน!”
“โกหกงั้นหรือ!! งั้นดูนี่!!”
พริษฐ์โยนภาพถ่ายทั้งหมดลงกับพื้น สายตาคมเข้มเหลือบมองหญิงสาวร่างบางที่กำลังพรวดเข้ามาคว้ารูปนั้นหยิบขึ้นมาดู ใบหน้านวลเนียนเผือดซีดลงทันทีกับภาพที่เธอเห็น ‘คงจะเป็นลูกสาวนายเจนภพสินะ!’ ความคิดบางอย่างบังเกิดขึ้นในหัวของพริษฐ์ทันที ริมฝีปากหนายกยิ้ม แววตาของชายหนุ่มเร่าร้อนดุจเปลวเพลิง!
“ไอ่นพ! เอามันออกจากบ้านกูไปเดี๋ยวนี้!!”
เจนภพเดือดดาลอย่างที่สุดเมื่อไม่สามารถที่จะควบคุมเหตุการณ์นี้ได้ สิ่งที่เขากลัวมากที่สุดในชีวิตก็คือ บุตรสาวอันเป็นที่รักรู้ความจริงเรื่องราวในอดีตของเขา
“พ่อคะ! นะ-นี่คือพ่อนี่คะ”
นันท์นลินพลิกภาพเหล่านั้นดู มือบางสั่นระริกเมื่อเห็นความจริงบางอย่างในภาพนั้น
“มันแกล้งพ่อ ใส่ร้ายพ่อ ลูกอย่าไปฟังมัน!”
เจนภพพยายามดึงตัวลูกสาวออกจากที่ตรงนั้น
“เอาเวลาที่คร่ำครวญไปเก็บของดีกว่า...ต่อไปนี้บ้านหลังนี้ไม่ใช่ของพวกคุณอีกต่อไป! เธอบอกพ่อของเธอดีกว่าสาวน้อย! ดูแล้วพ่อของเธอจะยังดื้อด้านไม่ยอมรับความเป็นจริง! เสียเวลาทำมาหากินจริงๆ”
พริษฐ์หันไปเอ่ยกับหญิงสาว แววตาของเขาเจิดจ้าเป็นประกาย ‘ความจริงมีหมากตัวหนึ่งที่น่าสนใจ...ในระหว่างการแก้แค้นอีกนะ’ สายตาคมดุจับจ้องไปที่ร่างบางอย่างสนใจ
“แก!”
เจนภพไม่อาจเอ่ยอะไรออกไปได้อีกแล้ว คำพูดทุกอย่างมันจุกอยู่ในอกของเขาไปหมด เขาไม่คิดว่าลูกชายของกนกรดาจะกลับมาเอาคืนเขาแบบนี้
“คุณธัญญ์ครับ...ให้เรียกคนมาไล่ออกไหมครับ...ตอนนี้คนของเรารออยู่ด้านนอกนะครับ...”
มนัสทนายความวัย 52 ปีที่อยู่เบื้องหลังของการช่วยเหลือครอบครัวของพริษฐ์เอ่ยขึ้น
“ยังครับคุณมนัส...รอให้พวกเขาทำใจก่อน สักพัก”
“ฉันไม่ยอม! แกโกงฉัน! แกหลอกฉัน!”
เจนภพทำอะไรไม่ได้ เลยเล่นงานด้วยคำพูด สิ่งที่เกิดขึ้นมันเกิดความคาดหมายของเขา
“พ่อคะ หลักฐานทั้งหมด มันคือความจริงใช่ไหมคะ พ่อทำร้ายครอบครัวของเขาใช่มั้ยคะ พ่อช่วยอธิบายพระพายหน่อยได้มั้ยคะพ่อ...”
น้ำเสียงอันสั่นเครือเปล่งออกมา น้ำตารินไหลออกมา มือบางถือเอกสารและรูปถ่ายไว้ ริมฝีปากบางสั่นระริก ความจริงที่ได้รับตอนนี้ มันทำให้นันท์นลินช็อคอย่างที่สุด เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าพ่อที่เธอรักสุดหัวใจ จะกลายเป็นคนใจร้ายอย่างที่ชายแปลกหน้าคนนี้กล่าวหา
“ไม่นะ! ปล่อยฉัน! แก!”ในเมื่อข้อมือของเธอถูกมัดเอาไว้ รมิตาก็ใช่ว่าจะยอมแพ้เสียเมื่อไหร่ เท้าของเธอทำงานแทบจะทันที ทั้งเตะทั้งถีบแบบทุลักทุเลภายในรถยนต์คันหรูสีดำที่ติดฟิล์มดำสนิททั้งคันกับแอร์เย็นฉ่ำ “เธอนี่มันวอนหาเรื่องจริงๆ พับผ่าสิ!!” เสียงของภรัณยูคำรามออกมา เขาไม่คิดว่าคืนนี้จะเป็นคืนที่หนักหนาที่สุดในชีวิตของเขา จากนี้ไปเขาคงหลีกหนีผู้หญิงไปสักพัก “แกก็ปล่อยฉันสิ!”เสียงหอบหายใจกระเส่า รมิตาเริ่มหมดแรงตอนนี้สภาพของเธอที่นั่งอยู่ตักของชายแปลกหน้า อกกระเพื่อมไหวภายใต้บราตัวจิ๋ว ทำให้สายตาคมจ้องมาที่เต้าใหญ่คู่นั้นทันที “ปากดีขนาดนี้โดนสักที ก็คงจะดีนะ!” ภรัณยูเริ่มมีความคิดใหม่แทรกเข้ามา สายตาคมกวาดไปทั่วเรือนร่างอันขาวโพลนที่อยู่บนตักของเขา ลมหายใจร้อนสะดุดเข้าที่สองเต้าขาวที่กระเพื่อมขึ้นลงไปมาตามแรงหายใจของเจ้าตัว “ไอ้แมงดา! อย่างแก! ฉันไม่เอาหรอก! อย่าได้แม้แต่จะคิด!” “อ่อ...ปากดีให้ตลอดล่ะกัน! ไอ่แมงดาคนนี้แหละ! จะทำให้เธอร้องไม่หยุด!”สิ้นประโยค มือหนาก็ยกร่างของเธอคร่อมกับบนตักเขาในสภาพที่เขานั่งพิงอยู
ภรัณยูเห็นด้วยกับเพื่อนหมดแล้วตอนนี้ เขามองไม่เห็นทางที่จะกลบเสียงร้องของยัยม้าพยศนี้ได้ยังไง “กรี๊ดดดด! ฉันไม่ไป! แกปล่อยฉันเดี๋ยวนี้! ธัญญ์! ธัญญ์คะ”เสียงหวีดร้องคร่ำครวญพร้อมกับความเสียใจที่มีต่อคนรักของเธอตอนนี้มันชัดเจนแล้ว พริษฐ์ไม่ได้รักเธอแล้ว คนรักของเธอเลือกอีนังผู้หญิงคนนั้น ไม่ได้รักรมิตาอีกแล้ว... “มานี่! หยุดร้องได้แล้ว! ผมเหนื่อยแล้วนะ” “แกก็ปล่อยฉันสิ! ไอ้แมงดา!”รมิตาใช้คำพูดหยาบคายด่าทอผู้ชายที่จับเธอไว้แน่น เพื่อหวังให้ชายหนุ่มนี้หมดความอดทน “ยัยผู้หญิงปากปลาร้า! อึ่ม!”ภรัณยูพยายามนับหนึ่งถึงร้อย กลั้นความโกรธอย่างที่สุด มือหนาบีบแขนของเธอเอาไว้แน่น เกิดมาก็ไม่เคยเจอ ผู้หญิงอะไรบ้าชะมัด “รัณ! แกพาเธอเข้าไปเถอะ ฉันจะรออยู่ข้างนอก ไม่ไหวจริงๆ แก้วหูจะแตกแล้ว”นารารัตน์ขับรถมาจอดตรงหลังคลับ ที่ห่างไกลผู้คนพอสมควร พร้อมกับร้องเรียกเพื่อนของเธอ วิธีนี้อาจจะช่วยกลบเสียงยัยหมาบ้านี้ได้ “โอเค เส้นด้าย! แก้วหูฉันระเบิดแล้วเหมือนกัน!” “อีนังบ้า! แกเป็นเพื่อนกับอีนังหน้าด้าน พวกแกกักขังหน่วงเหนี่ยวฉัน! อย่
เสียงทักทายอย่างไม่เป็นมิตรแฝงไปด้วยความเย้ยหยันเมื่อร่างของรมิตาเดินมาถึงที่โต๊ะ สายตาเหยียดมองจ้องหาเรื่องเต็มร้อย แม้แฟนหนุ่มของเธอจะห้ามเท่าไหร่รมิตาก็ไม่ยอมฟัง เพราะภายในร่างกายของรมิตานั้นร้อนเป็นไฟ บวกกับแอลกอฮอร์ผสมอยู่พอสมควร เธอจะต้องปิดเกมบ้าบอนี้ให้ได้ “แล้วคุณคิดว่าจะเจอดิฉันที่ไหนหรือคะ...ที่นอกจากเพนท์เฮ้าส์สุดหรูของคุณพริษฐ์แล้ว...ดิฉันเองก็ไม่ค่อยจะมีที่ไปสักเท่าไหร่เลยค่ะ...ช่วยแนะนำหน่อยสิคะ”นันท์นลินก็มีฤทธิ์ของแอลกอฮอร์อยู่ในร่างกายไม่น้อยเลยทีเดียว บวกความกล้าที่มีอยู่ทุนเดิมอยู่แล้ว ก็ยิ่งเหมือนสุมไฟเพิ่มเข้าไปอีก “แก! มันจะมากเกินไปแล้วนะ...แกคิดเหรอว่าธัญญ์เลี้ยงแกไว้และปล่อยให้อยู่สุขสบายแบบนี้...แล้วแกจะมากล้ามาพูดแบบนี้กับฉัน!”ความโกรธแล่นปรี๊ดขึ้นมาทันที เมื่อเจอความพูดตอกกลับจากอีกฝ่าย “แล้วดิฉันจะต้องพูดแบบไหนกับคุณล่ะคะ...ในเมื่อคุณกลับไปถามแฟนของคุณแล้ว คำตอบที่ชัดเจนแบบนั้น คุณก็น่าจะรู้แล้วนะคะ จะต้องให้ดิฉันตอบแบบไหนถึงจะตรงใจคุณคะ”ใบหน้าสวยเชิดหน้าขึ้นอย่างไม่เกรงกลัวใดๆ ความมึนตึงเพราะฤทธิ์ของเครื่องดื่มทำให้นันท์น
“อะไรของแกรัณ! อยู่ดีๆ ก็พูดอะไรบ้าๆ ขึ้นมา”นารารัตน์มองเพื่อนชายสุดเฮ้วของเธอ ภรัณยูเป็นผู้ชายที่ค่อนข้างมุทะลุ บ้าดีเดือด ผิดกับรูปลักษณ์ของตัวเองเป็นอย่างยิ่ง หล่อ ขาว คม ริมฝีปากสีชมพูอ่อนๆ รูปร่างสูงโปร่งแต่ไม่ถึงกับผอม อกแกร่งกำยำ หุ่นค่อนข้างไปทางสำอางมากกว่าที่ออกแนวชายชาตรี ทำให้ผู้หญิงนับร้อยนับพันมองเพื่อนของนารารัตน์เป็นเกย์มาตลอด “ก็หมายถึงเธอคนนั้น ที่เป็นแฟนของนายพริษฐ์นั่นไง ก่อนหน้านี้เธอจะหาเรื่องพระพายอยู่ไม่ใช่เหรอ...ฉันจะอาสาจัดการให้ เธอจะได้ไม่มายุ่งกับพระพายอีก” “รัณ! นี่แกจะบ้าหรือไง คิดอะไรไม่ออกแล้วใช่มั้ย แกถึงใช้วิธีแบบเผด็จการของแกน่ะ” “พระพายไม่เป็นอะไรหรอกรัณ...ขอบคุณรัณมากเลยนะที่จะช่วยพระพาย...จริงๆ เธอจะโมโหก็ไม่แปลกหรอก เพราะเธอก็ต้องหึงหวงแฟนของตัวเองเป็นเรื่องธรรมดา เป็นใครก็ต้องโกรธกันทั้งนั้นพระพายเข้าใจ” “โอเค...ถ้าพระพายไม่เป็นไรก็ดีแล้ว...รัณเองจะได้สบายใจ เอ้า...ดื่มกันบ้างสิ...ไหนๆ วันนี้เราก็มาเจอกัน...ในรอบเท่าไหร่นะ...รอบสองเดือนน่าจะใช่...มาๆ ชนแก้ว!” “นานจนจำไม่ได้แล้วสิรัณ...โอเค...ด
เสียงร้องครวญอย่างเจ็บปวด พรินทร์ไม่คิดว่ามันจะเจ็บขนาดนี้ ในหัวของเธอก่อนหน้านี้คิดว่ามันคงสุขสมและเสียวซ่าน แต่ทว่ามันกลับไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิดเลยสักนิด หัวใจของพรินทร์เริ่มเต้นแรงและถี่ขึ้นเรื่อยๆ อาการบางอย่างของเธอกำลังจะตามมา ริมฝีปากบางกัดเม้มเอาไว้เพื่ออดกลั้นกับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น “ไม่!! โอ๊ะ! ผมก็ปวด! ธารา!”เสียงทุ้มรอดไรฟันออกมา เอวหนายกขึ้นสูงกดเน้นสะโพกกระแทกแท่งเหล็กฝ่าความคับแคบเข้าไปอย่างแรง! จนทำให้แท่งร้อนแกร่งนั้นทะลุทะลวงเยื้อกั้นเข้าลึกจนสุดลำ! สวบ! มังกรใหญ่กระแทกกระทั้นเสียงดังสนั่น! “กรี๊ดดดด! ไม่นะ! ปล่อย! ฮึก!”เสียงร้องของเธอดังพร้อมกับแท่งร้อนกระแทกเข้ามาช่องทางรักของเธอจนจุก “โอวว์ ซี๊ดดดด...อึ้มมม์ ปล่อยตัวตามสบายธารา!”เสียงหอบกระเส่าสั่งคนตัวเล็ก เมื่อเรือนร่างงามพยายามจะเด้งร่างตัวเองออก จนมือหนาต้องจับล็อคเอวบางเอาไว้แน่น! ตั่บ! เสียงมังกรใหญ่กระทุ้งกระแทกเสียงดังสนั่นจนร่างบางสั่นสะท้านสะเทือน “ฮึก! แต่มันจะ- เจ็บ!”เสียงร้องของหญิงสาวดังลั่นห้อง ช่วงล่างของเธอเจ็บปวดจนแทบแตกสลาย มือบ
คำหวานถูกหยอดอย่างต่อเนื่อง แต่ก็มีบางอย่างที่เป็นความจริง กวินกานต์ไม่ได้โกหกตรงที่เธอเป็นคนสวยและน่ารักเลย เพราะเธอคนนี้เป็นแบบนั้นจริงๆ ใบหน้าขาวนวลเนียนใส ดวงตากลมโตหวานซึ้ง ริมฝีปากบางอวบอิ่มสีชมพู มันทำให้กวินกานต์แอบหลงใหลเคลิบเคลิ้ม แต่ก็เป็นเพียงชั่วขณะชั่วครู่ เพราะว่า กวินกานต์นั้นรักนันท์นลินเกินกว่าที่จะมองหญิงอื่น เขารักนันท์นลินเพียงคนเดียวเท่านั้น สิ่งที่เขาแสดงตอนนี้คือการแก้แค้นเอาคืนนายพริษฐ์ ชายที่พรากคนที่รักไปจากเขา เวลาผ่านไปราวหนึ่งชั่วโมง... “อื้อออ...” พึมพําอย่างเคลิบเคลิ้มของหญิงสาวดังขึ้น เมื่อริมฝีปากร้อนกำลังดูดดุนปากบางอย่างดุเดือด ร่างของพรินทร์ลอยเคว้งขึ้นไปในอากาศ กลุ่มผีเสื้อน้อยใหญ่โบยบินไปทั่วช่องท้อง อันเรียบแบนของเธอ ลิ้นหนาชอนไชเข้าไปในโพรงปากเล็ก เกี่ยวกวัดรัดลิ้นบางอย่างรุนแรงตามอารมณ์ที่กำลังกระเพื่อมไหว “ธะ-ธารา ผะ-ผม โอววว์”เสียงทุ้มครวญครางอย่างเจ็บปวด กวินกานต์ไม่คิดว่าร่างงามจะให้ความรู้กระสันถึงเพียงนี้ ความหวานอันดูดดื่มจากเรียวปากสวย ทำให้กวินกานต์ตกอยู่ในห้วงอารมณ์หวามอย่างง่ายดาย “คะ?” ใ