นิโคไลรีบหันหน้าเข้าหากำแพงเมื่อประตูห้องน้ำเปิดออก เพราะไม่อยากให้ผู้ชายที่คุยกันในห้องน้ำเมื่อครู่รู้ว่าตนเองแอบฟังอยู่ พอสองคนเดินไปออกไปไกลแล้ว ชายหนุ่มก็ได้แต่มองตามหลัง เพราะได้ยินแต่เสียงเลยไม่รู้ว่าคนไหนที่เคยเป็นแฟนของพัณณ์ชิตามาก่อน
แต่ตอนนี้มันไม่สำคัญอีกแล้วเพราะนิโคไลตัดสินใจแล้วว่าจากนี้เขาจะจีบคุณหมอคนสวยอย่างจริงจัง เพราะตั้งแต่ได้ใกล้ชิดมาตลอดหนึ่งเดือนมันทำให้เขามั่นใจว่าพัณณ์ชิตาคือผู้หญิงที่เขาอยู่ใกล้แล้วมีความสุขโดยไม่มีเรื่องบนเตียงมาเกี่ยวข้อง
จะว่าไปแล้วนิโคไลก็รู้สึกแปลกใจกับตัวเองอยู่เหมือนกัน ปกติแล้วเขาไม่เคยขาดเรื่องอย่างว่าได้นานขนาดนี้มาก่อน เขาชักจะสงสัยแล้วว่าตนน่าจะกามตายด้านไปแล้วหรือไม่ก็เครียดจนไม่มีอารมณ์ทางเพศ เขารีบสลัดความคิดพวกนี้ออกจากหัวก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปจัดการธุระส่วนตัว
ชายหนุ่มเดินกลับมานั่งที่เดิมอีกครั้งขณะที่พัณณ์ชิตาก็กำลังนั่งฟังเพื่อนคนหนึ่งเล่าถึงการไปออกหน่อยแพทย์เคลื่อนที่ในถิ่นธุระกันดาร
“หายไปนานเลยนะคะ นึกว่ากลับไปแล้ว”
“พอดีมีงานให้ต้องโทรไปจัดการนิดหน่อยครับ” เขาตอบพลางขยับเข้ามาใกล้จนพัณณ์ชิตารู้สึกว่ามันใกล้จนแทบจะตัวติดกันอยู่แล้ว
“คุณ ที่นั่งตั้งกว้างมานั่งติดฉันทำไม” เธอกระซิบเบาๆ
“ทำไมล่ะ หรือกลัวแฟนเก่าจะเข้าใจผิด”
“แฟนเก่า” หญิงสาวหันมามองหน้าเขาอย่างสงสัย เธอไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้เขาฟังและมั่นใจได้เลยว่าเพื่อนของเธอก็ไม่มีคนไหนพูดถึงอย่างแน่นอน เพราะเรื่องมันผ่านมานานแล้ว และแฟนเก่าของเธอคนนั้นก็แต่งงานไปแล้ว
“อย่าทำหน้างงแบบนั้นสิ เรื่องนี้ผมบังเอิญรู้มาและก็รู้ด้วยว่าเขากำลังจะเลิกกับเมียแล้วกลับมาหาคุณ”
“ตลกน่า ใครจะทำแบบนั้น”
“พั้นช์ ถ้าเขากลับมาขอคืนดีคุณจะว่ายังไง”
“มันไม่มีทางเป็นแบบนั้นหรอกนะคะ หนังสือที่อ่านแล้วไม่ประทับใจคุณอยากจะหยิบขึ้นมาอ่านซ้ำไหมล่ะคะ” เธอถามกลับ
“สำหรับผมคงไม่ครับเพราะมันเสียเวลา”
“ฉันก็คิดแบบนั้นเพราะฉะนั้นมันไม่มีทางเสียเวลากลับไปคบกับคนที่เคยเลิกมาแล้วหรอกนะคะ”
“ถ้าเขามาง้อ มาขอโอกาสล่ะ”
“ไม่หรอกค่ะ ฉันว่าโอกาสของเขาหมดไปตั้งแต่วันที่ตัดสินใจเลิกกันแล้ว ฉันไม่ได้โกรธหรือเกลียดเขาหรอกนะคะ แต่ทุกอย่างถ้ามันจบก็คือจบ ที่เหลือก็แค่ความเป็นเพื่อนค่ะ ฉันว่าคุณน่าจะรู้อะไรมาเยอะนะคะ”
“ก็ประมาณหนึ่งครับ ผมรู้ด้วยนะว่าเขาคิดว่าที่คุณยังไงไม่มีแฟนเพราะรอเขาอยู่”
“จะบ้าหรือเปล่าใครรอเขากันล่ะ”
“แต่เขาคิดแบบนั้นนะครับ”
“คุณรู้เหรอคะว่าคนไหนเป็นแฟนเก่าของฉัน”
“ตอนแรกผมก็ไม่รู้หรอกว่าคนไหนแฟนเก่าคุณ แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วล่ะ” นิโคไลสังเกตปฏิกิริยาของผู้ชายสองคนที่เดินออกมาจากห้องน้ำ ขณะที่เขาขยับเข้าใกล้และเริ่มกระซิบกระซาบกับพัณณ์ชิตา
“ฉันว่าเรื่องนี้ไม่น่าเอามาเป็นประเด็น เพราะเราเลิกกันไปนานแล้วนะคะ เรื่องจะกลับไปคบกันมันไม่มีทางเป็นไปได้เลยสักนิด ปล่อยให้เขาคิดไปคนเดียวเถอะค่ะว่าฉันรอเขาอยู่ ฉันคงไปห้ามความคิดของเขาไม่ได้” พัณณ์ชิตาไม่สนใจความคิดของคนอื่นเพราะรู้ดีว่าตัวเองไม่มีทางคืนดีกับเขา
“ถ้าคุณไม่อยากให้เขาคิดว่าคุณรอเขาอยู่ ผมจะให้คุณยืมผมเป็นแฟนก็ได้นะ”
“ฉันจะทำแบบนั้นเพื่ออะไรล่ะคะ”
“เพื่อให้เขาเลิกสนใจคุณไงล่ะ ถ้าเขาเห็นว่าคุณมีแฟนแล้วเขาก็คงเลิกคิดและอาจจะไม่ต้องหย่ากับเมียเขาก็ได้นะ คุณคงไม่อยากเป็นสาเหตุให้เขาเลิกกับเมียใช่ไหมล่ะ” นิโคไลหว่านล้อม
“ฉันคงไม่มีอิทธิพลกับการตัดสินใจของเขาขนาดนั้นหรอกมั้งคะ”
“มันก็ไม่แน่เสมอไปนะครับ”
“ฉันละเกลียดนักเชียวพวกผู้ชายเจ้าชู้เนี่ย”
“แต่ผมไม่เจ้าชู้นะ” นิโคไลรีบบอก
“เชื่อได้เหรอคะ ฉันว่าหน้าตาหล่ออย่างคุณคงควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า”
“แล้วหนึ่งเดือนที่ผ่านมาคุณเห็นผมควงใครไหมล่ะ”
“ฉันจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ เราไม่ได้ตัวติดกันสักหน่อย”
“ผมไม่มีใครหรอก ถ้ามีจริงคุณก็คงเคยเห็นผ่านตาหรือไม่ก็ต้องคุยโทรศัพท์ให้คุณเห็นบ้าง”
“สองคนนั้นจะนั่งจีบกันอีกนานไหม” เพื่อนคนหนึ่งเห็นว่าทั้งสองเอาแต่นั่งคุยกับก็อดจะแซวไม่ได้
“นั้นสิ ดูสิเพื่อนเขากำลังจะกลับกันแล้ว เก็บไว้คุยกันสองคนก็ได้มั้ง” เพื่อนอีกคนก็เอากับเขาด้วย
“โทษทีครับ พอดีมีเรื่องตกลงกันนิดหน่อย ผมจะจ่ายค่าอาหารทั้งหมดแต่พั้นช์เขาไม่ยอมครับ”
“ได้ไงล่ะยายพั้นช์มีเจ้ามือทั้งทีพวกเราจะได้ไม่ต้องจ่ายไง”
“ใช่ๆ นานๆ ทีจะมีเจ้ามือ”
“พั้นช์เกรงใจคุณนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับเพื่อนแฟนก็เหมือนเพื่อนผม” พูดจบเขาก็ส่งเครติดการ์ดให้กับพนักงานโดยไม่ฟังคำคัดค้านของพัณณ์ชิตา
“อ้าว ยังไงกันแน่เมื่อกี้บอกเป็นเพื่อนนะพั้นช์” เพื่อนคนหนึ่งรีบถามขึ้นเพราะตอนแรกที่พัณณ์ชิตาแนะนำนิโคไลกับทุกคนนั้นเธอบอกแค่ว่าเขาเป็นเพื่อน
“พวกเธอก็พูดเหมือนไม่รู้จักเพื่อนตัวเองนะ พั้นช์เคยมีเพื่อนที่ไหนนอกจากพวกเราบ้างล่ะ” คุณหมอหนุ่มที่คุยกันนิโคไลช่วยพูดสนับสนุนพัณณ์ชิตาไม่อยากหักหน้าเขาเลยได้แต่ยิ้มรับไปโดยปริยาย
คนอื่นต่างยืนดีที่พัณณ์ชิตามีแฟนแต่ก็มีอยู่คนหนึ่งที่ทำหน้าบึ้งเพราะรู้สึกผิดหวังที่ได้ยินแบบนั้น
“แล้วอย่างนี้จะมีข่าวดีเมื่อไหร่ล่ะ อย่าลืมบอกพวกเราแต่เนิ่นๆ นะคะคุณนิค พวกเราน่ะกว่าจะลางานมาครบทีมได้แบบนี้มันยากมาก”
“เอาไว้เราตกลงกันได้แล้วจะบอกทุกคนอีกครั้งนะครับ ตอนนี้พั้นช์เขาขอทำงานก่อน ส่วนผมพร้อมตลอดครับ”
“ว้าว น่าอิจฉาจังเลยนะพั้นช์ คุณนิคคะ ถ้าไม่อยากรอพั้นช์จะหันมาสนใจเพื่อนของพั้นช์ได้นะคะ” คุณหมอสาวคนหนึ่งรับพูดแหย่
“พวกเรายังโสดอีกหลายคนเลยนะคะ”
“ขอบคุณครับ” นิโคไลยิ้มรับกับไมตรีที่เพื่อนของหญิงสาวมอบให้
จากนั้นทุกคนก็ร่ำลากันอีกพักใหญ่ก่อนจะแยกย้ายกันขึ้นรถของตน นิโคไลสังเกตว่าผู้ชายคนนั้นจ้องเขาราวกับว่าอยากประกาศตนเป็นศัตรู ก่อนจะเดินตรงมาที่เขากับพัณณ์ชิตายืนอยู่
“พั้นช์ ผมขอคุยหน่อยได้ไหม”
“คุยอะไรคะ”
“เรื่องส่วนตัว ขอเวลาไม่นานครับ”
“คุยตรงนี้ก็นี่ เรากับนิคไม่มีความลับต่อกันอยู่แล้ว” พัณณ์ชิตายอมเล่นละครเป็นแฟนของเขาเพราะเธอเห็นท่าทางของอดีตคนรักแล้วมันดูไม่เป็นมิตรเลย
นิโคไลเลยถือโอกาสโอบไหล่เธอเข้ามาจนชิดโดยที่หญิงสาวไม่ขัดขืนแต่อย่างใด
“คุณเป็นแฟนกันแน่เหรอ”
“ทำถามแบบนั้นล่ะ”
“ไม่รู้สิ บางทีพั้นช์อาจจะแค่อยากประชดผม”
“เราจะทำแบบนั้นทำไมล่ะ ถ้าเรื่องที่วินจะพูดมีแค่นี้เราสองคนต้องขอตัวกลับก่อนนะ”
“แล้วเราจะโทรหานะพั้นช์”
“ถ้าโทรเรื่องงานวินโทรหาเราได้ตลอดนะ แต่ถ้าไม่ใช่ก็อย่าเลย เราไปก่อนนะ”
“หมอพั้นช์ลางานตั้งหลายวันครั้งนี้จะไปเที่ยวไหนคะ” พยาบาลหน้าห้องตรวจถามคุณหมอสาวที่มักจะใช้วันหยุดไปกับการท่องเที่ยวและมีของฝากติดไม้ติดมือมาเป็นประจำ“ครั้งนี้คิดว่าจะพักผ่อนอยู่บ้านจริงๆ ค่ะ เจอกันวันจันทร์หน้านะคะ” พัณณ์ชิตาอยากให้เวลากับนิโคไลบ้างเพราะที่ผ่านมาเธอทำแต่งานหนักมาโดยตลอดพัณณ์ชิตาบอกพยาบาลที่หน้าห้องตรวจก่อนจะรีบมาขึ้นรถซึ่งนิโคไลมารออยู่ก่อนแล้ว“เหนื่อยไหมครับ” ชายหนุ่มส่งน้ำเย็นให้เธอ เขาทำแบบนี้ทุกครั้งที่มารับคนรัก“ไม่ค่ะ ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวรับน้ำมาดื่มจากนั้นทั้งสองคนก็ไปทานอาหารเย็นด้วยกันที่ร้านประจำซึ่งตั้งอยู่ไม่ห่างจากเพนท์เฮาส์“ผมขอทำงานต่ออีกนิดนะครับ” นิโคไลบอกคนรักเมื่อมาถึงบนห้อง“ได้ค่ะ”พัณณ์ชิตากลับมายังห้องนอนยังไม่ทันได้เข้าห้องน้ำก็มีข้อความจากหมอปิญชาน์แจ้งผลการตรวจเลือดและนั่นก็ทำให้เธอยิ้มออก ไม่ใช่แค่ผลจากหมอปิญชาน์ แต่เธอยังไม่ตรวจที่อื่นมาแล้วเมื่อตอนบ่าย หญิงสาวยิ้มด้วยความดีใจที่ทุกอย่างมันผ่านไปได้ เธออาบน้ำอย่างสบายใจจนลืมไปว่านิโคไลก็รอฟังผลเลือดอยู่เหมือนกันเมื่อนึกได้ว่ายังไม่ได้บอกข่าวดีกับเขาก็รีบอาบน้ำและแต่งตัวอย่างรวดเร็ว แต
วันนี้พัณณ์ชิตามาเจาะเลือดที่คลินิกของหมอปิญชาน์หลังจากที่ทานยาครบ 28 วันแล้ว ไม่ว่าผลการตรวจเลือดจะออกมายังไงนิโคไลก็ยังยืนเหมือนเดิมว่าเขาจะแต่งงานกับเธอซึ่งเหลือเวลาอีกไม่ถึงครึ่งเดือนแล้ว “เดี๋ยวพี่จะเอาเลือดไปส่งเอง พั้นช์ไปรอฟังผลที่บ้านก็ได้นะ” “นานไหมครับหมอ” นิโคไลถาม “ไม่เกิน 2 ชั่วโมงครับ” “ถ้าผลเป็นลบก็หยุดยาแล้วมาตรวจซ้ำอีกครั้งหลังจากวันนี้อีกสองเดือน” “แล้วถ้าผลเป็นบวกล่ะครับ” “ถ้าผลเป็นบกต้องตรวจเพิ่มว่าระดับเชื้อมีมากน้อยแค่ไหนจากนั้นก็จะเริ่มทานต้านเชื้อครับ แต่ผมว่าดูแล้วโอกาสที่จะติดเชื้อแทบไม่มีเลย พั้นช์ก็อาการปกติดี” “ขอบคุณครับหมอชาน์” “พั้นช์ออกไปรอข้างนอกก่อนได้ไหม พี่ขอปรึกษาอะไรคุณนิคสักหน่อย” ปิญชาน์บอกคุณหมอรุ่นน้อง “ขอพั้นช์ฟังด้วยไม่ได้เหรอคะ” “มันเป็นเรื่องของผู้ชายพั้นช์อย่าฟังเลย” “ก็ได้ค่ะ” พัณณ์ชิตาเดินออกไปแล้วปิญชาน์ก็ให้คำแนะนำเพิ่มเติมกับนิโคไลเพราะรู้ว่าผู้ชายทุกคนนั้นมีความต้องการในเรื่องอย่างว่า “ขอบคุณค
“เป็นอะไรหรือเปล่าพั้นช์” นิโคไลถามคนรักทันทีที่เธอขึ้นมานั่งบนรถ “มีเรื่องเครียดนิดหน่อยค่ะ” “ผมช่วยอะไรได้ไหมครับ” “ใครก็ช่วยไม่ได้หรอกค่ะ” “ผมไม่รู้ว่าปัญหามันคืออะไร ถึงผมช่วยไม่ได้แต่ให้กำลังใจพั้นช์ได้ใช่ไหมครับ” เขาจับมือเล็กๆ ขึ้นมาแล้วจูบไปบนหลังมือเบาๆ “ขอบคุณค่ะนิค เรารีบกลับเถอะค่ะพั้นช์เหนื่อยมากอยากนอนพักแล้ว” “พั้นช์หลับเลยก็ได้นะครับ” พัณณ์ชิตาหลับตาลงช้าๆ เธอไม่ได้เหนื่อยอย่างที่พูดเลยสักนิดแต่เธอกำลังเครียดกับปัญหาที่ตนเองกำลังเผชิญอยู่และก็ไม่รู้เลยว่าจะเริ่มพูดกับเขายังไง “ที่รักถึงแล้วถ้าไม่ไหวให้ผมอุ้มไปนะ” “ไม่เป็นค่ะนิค พั้นช์ไหว” พอมาถึงบนห้องก็รีบอาบน้ำและเข้านอนซึ่งนิโคไลก็เข้าใจว่าคนรักเหนื่อยจากการทำงานจริงๆ เพราะเมื่อเช้าเธอบอกเขาว่าวันนี้มีผ่าตัดถึงสามเคสด้วยกัน ชายหนุ่มนั่งทำงานต่ออีกพักใหญ่ก่อนจะอาบน้ำและเข้านอนตามเธอไป พัณณ์ชิตายังนอนไม่หลับเพราะเอาแต่คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ระหว่างรอผลเลือดหนึ่งเดือนนี้เธอต้องหาทางอยู่ห่างจากเขาให้ม
อีกไม่ถึงสองเดือนก็จะถึงงานแต่งงานแล้ว การเตรียมงานเป็นไปตามแผนที่คิดไว้ ทั้งสองคนเลือกไปถ่ายพรีเวดดิ้งที่ภูเก็ตเพราะที่นั่นเป็นจุดที่ทั้งสองตกลงใช่ชีวิตร่วมกัน ตอนนี้ทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้หมดแล้วเหลือแค่รอเวลาเพียงเท่านั้น พัณณ์ชิตายังคงทำงานอย่างเดิมแต่ก็วางแผนไว้แล้วว่าหลังแต่งงานเธอจะรับขึ้นเวรให้น้อยลงเพราะอย่างแบ่งเวลาให้กับครอบครัว ซึ่งเรื่องนี้นิโคไลก็ให้เธอเป็นคนตัดสินใจเอง ส่วนเขาก็ยังคงทำงานที่บริษัทของตนเองและบิดาที่ย้ายออฟฟิศมาไว้ที่ตึกฝั่งตรงข้ามกับโรงพยาบาล “หมอพั้นช์ไหวไหมคะ” พยาบาลประจำห้องผ่าตัดถามเธอขึ้นเพราะวันนี้พัณณ์ชิตาผ่าตัดไปถึงสามเคสและเคสสุดท้ายเป็นที่ค่อนข้างหนักเพราะคนไข้มีเชื้อ HIV แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี” “ไหวค่ะพี่ไก่” “หมอพั้นช์อึดมากๆ เลยนะคะ” “พี่ไก่เหมือนกันนะคะ ถ้าไม่ได้พี่พั้นช์ก็คงแย่” เพราะพี่ไก่หรือปัทมานั้นเป็นพยาบาลที่คอยส่งเครื่องมือให้เธอในห้องผ่าตัด ทั้งสองทำงานเข้าขากันดี บางครั้งเธอแทบไม่ต้องบอกพี่พยาบาลก็หยิบเครื่องมือมารออยู่แล้ว “พี่ดูตารางผ่าตัดแล้ว เดือนนี้หมอพั
กลับมาถึงเมืองไทยชีวิตของพัณณ์ชิตาก็ดำเนินต่อไปตามปกติ ในทุกๆ วันนิโคไลจะคอยตามรับส่งจนใครๆ ต่างก็พากันอิจฉา แม้ว่าต้องทำงานบริษัทของตนเองและบิดาแต่นิโคไลก็บริหารเวลาได้ดี “พั้นช์ครับ ผมแต่งตัวโอเคไหม” “หล่อแล้วค่ะ” พัณณ์ชิตามองคนรักที่วันนี้เขาเลือกสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวต่างจากวันปกติที่มักจะสวมแต่สีโทนมืด “มันดูเข้ากับคุณไหม” “เข้าสิคะ นิคคะคุณไม่จำเป็นต้องแต่งตัวให้เข้ากับพั้นช์หรอกนะคะ แต่แบบเดิมก็ดีอยู่แล้ว” “ผมอยากเปลี่ยนตัวเองบ้าง เบื่อแล้วสีมืดๆ ดูไม่สดชื่นเลย แล้วผมก็อยากดูดีในสายตาของเพื่อนคุณ”วันนี้พัณณ์ชิตานัดทานอาหารกับเพื่อนซึ่งบังเอิญว่าเข้ามาประชุมวิชาการกันที่กรุงเทพหญิงสาวจึงนัดทานอาหารเย็นกับทุกคนและเธอก็ตั้งใจจะบอกข่าวดีให้เพื่อนๆ ได้ทราบ“เราต้องเตรียมการ์ดไปให้เพื่อนๆ ไหมครับ”“พั้นช์เอาใส่กระเป๋าไว้แล้ว ไปกันเถอะค่ะ”“เดี๋ยวสิ ลืมอะไรหรือเปล่า”“ไม่นะคะ หญิงสาวเปิดกระเป๋าถือของตนเองเช็กแล้วว่าด้านในมีการ์ดแต่งงาน โทรศัพท์รวมทั้งกระเป๋าเงินอยู่ครบแล้ว“ผมไม่ได้หมายถึงของในกระเป๋า”“แล้วหมายถึงอะไรล่ะคะ” หญิ
สายของวันใหม่พัณณ์ชิตาถึงรู้สึกตัวตื่น เมื่อคืนทั้งเธอและคนรักต่างกระโจนเข้าหากันครั้งแล้วครั้งเล่า หญิงสาวไม่คิดมาก่อนว่าตัวเองจะมีเรี่ยวแรงตอบสนองเขาได้มากขนาดนั้น เธอไม่รู้ว่ามันมากไปหรือเปล่าเพราะไม่เคยมีประสบการณ์กับคนอื่นมาก่อน แต่ถ้าถามว่ามีความสุขไหมคุณหมอสาวก็ตอบได้อย่างไม่อายเลยว่ามันมีความสุขมาก สุขจนนึกว่าทุกอย่างเป็นความฝัน เธอนึกไม่ออกเลยว่าเมื่อวานถ้านิโคไลกลับมาไม่ทันจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอบ้าง ถึงแม้จะยิงอังเดรไปแล้วแต่ก็ยังมีลูกน้องของเขาที่รออยู่ทางด้านนอกอีกอย่างน้อยสองคน “โทรศัพท์” พัณณ์ชิตานึกได้ว่าเมื่อวานได้อัดเสียงสนทนาไว้ จึงรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็วแต่ก็ต้องทรุดลงข้างเตียงเพราะขาเธอแทบมีแรงอีกทั้งยังปวดร้าวไปทั้งตัว “โอ๊ยยย...” “พั้นช์ คุณเป็นอะไรหรือเปล่า” นิโคไลที่เดินขึ้นมาบนห้องนอนพอได้ยินเสียงก็รีบเข้ามาพยุงเธอขึ้นมานั่งบนเตียง “นิคคะ โทรศัพท์ของพั้นช์อยู่ที่ห้องรับแขก ช่วยไปเอาให้หน่อยได้ไหมคะ” “ผมเห็นแล้วแต่แบตมันหมดตอนนี้ชาร์ตอยู่ เดี๋ยวผมเอามาให้แบตน่าจะเต็มแล้ว” พัณณ์ชิตานั่ง