EP.10
‘เอี๊ยด...’ เสียงประตูห้องเปิดออก
“ไงน้องแจน ดีขึ้นไหม” เสียงของรุ่นพี่แม็กเอ่ยถาม ก่อนจะหันไปโบกมือพร้อมรอยยิ้มให้กับยัยมีน ยัยมีนก็เหมือนกันโบกมือตอบเขาไป แหม..พวกข้าวใหม่ปลามันก็งี้
แต่ดูเหมือนพี่แม็กไม่ได้เข้ามาคนเดียวนะสิ มีร่างชายสูงตระหง่านในชุดกาวน์หมอไม่ต่างไปจากพี่แม็ก วันนี้เขาสวมแว่นกรอบเงินหล่อเหลาเอาการ แน่นอนว่าเป็นใบหน้าที่ฉันจดจำได้ดี จะลืมลงได้ไง แม้แต่ตอนนี้มันก็ยังวนเวียนอยู่ในจิตใต้สำนึกอยู่เลย
“สวัสดีค่ะพี่แม็ก แล้วก็...” ยัยมีนเอ่ยทักทายกับพี่แม็ก แต่พอเห็นอีกคนนางก็หันมองมาที่ฉันอย่างยิ้มกรุ่น ก่อนจะพูดต่อด้วยชื่อเขา “พี่เวลล์”
“ครับ” เขาตอบเพียงสั้นๆ จากนั้นปลีกตัวเดินไปยังริมหน้าต่างมองออกไปด้านนอกอาคารทำตัวเหมือนโดนลากมาอย่างนั้น ก็ใช่สิเราสองคนเมื่อจบคืนนั้น ก็คือคนแปลกหน้าและแน่นอนว่าเรื่องนี้ฉันเป็นคนพูดเอง แต่ทำไมกันนะ ใจมันดันเจ็บจี๊ดแปลกๆ กับท่าทีเมินเฉยของเขาตรงหน้า ฉันกำลังคาดหวังอะไรอยู่
“วันนี้ช่วงบ่ายน้องแจนคงได้กลับบ้านแล้วครับ”
“ดีจังเลยค่ะ แจนไม่อยากอยู่โรงพยาบาลนี้ เบื่อจะแย่อยู่แล้ว” ฉันยิ้มตอบกลับไป
“บ่ายนี้เหรอ ซวยแล้ว” ยัยมีนอุทานออกมาดังลั่น ส่วนกุ้กก็มีสีหน้าเจื่อนลงเล็กน้อยเช่นกัน
“ทำไมเหรอพวกมึง” ฉันหันหน้าไปถามสองสาวเพื่อนสนิท
“ช่วงบ่ายกูมีทำรายงานกลุ่มนะสิ สำคัญมากกูขาดไม่ได้” ยัยมีนเอ่ย
“ส่วนฉันบ่ายนี้ต้องออกไปถ่ายรูปนอกสถานที่ รับเงินมาแล้วด้วยยกเลิกนัดไม่ได้” กุ้กเอ่ยด้วยน้ำเสียงละห้อย
“ไม่เป็นไร กลับเองได้แขนขวากูไม่ได้พิการซะหน่อย”
“ไม่ได้!” “ไม่ได้!” สองสาวลุกขึ้น เสียงประสานกันเป็นหนึ่งเดียวอย่างพร้อมเพรียง
“เดี๋ยวเรียกรถเอา”
“ไม่ได้!” “ไม่ได้!
“อ่าว ทำไมละ พวกมึงเป็นอะไรเนี๊ย ฉันแค่โดนมีดเฉือนแขนซ้ายไม่ได้โดนจ้วงแทงหัวใจซะหน่อย”
“อย่าทำเป็นอวดเก่งได้ป่ะ หงุดหงิดเป็นแบบนี้ทุกที”
“......” ฉันได้แต่นิ่งไม่เอ่ยอะไรต่อ พวกมันชอบเอาแต่ใจ อันนี้ก็ไม่ได้ อันนั้นก็ไม่เอา
“งั้น....” ฉันยังไม่ได้เอ่ยอะไรต่อก็มีเสียงหล่อนุ่มลึก แทรกเข้ามาก่อน
“เดี๋ยวพี่ไปส่งให้เองครับ” พี่เวลล์ เจ้าของเสียงนั้นเอ่ย ทำให้ทุกคนมองไปทางพี่เขาราวกับเป็นจุดศูนย์รวมสายตา โดยไม่ได้นัดหมาย
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันไม่ได้ลำบากขนาดต้องพึ่งรุ่นพี่” ฉันตอบพลางหลุบตาลง
“น้องแจนไม่ต้องเกรงใจเวลล์มันหรอก มันคงโดนน้องสาวมันสั่งมาว่าให้ไปส่งแจนนั่นแหละ”
“น้องสาว?”
“น้องวีไง นั่นแหละน้องสาวเวลล์มัน”
“.....” พี่เวลล์ไม่พูดอะไร แสดงว่าเรื่องจริงสินะ เขาไปส่งเพราะว่าน้องสาวเขาให้ทำนี่เอง
“ก็ได้ค่ะ” ฉันเอ่ยตอบพลางถอนหายใจก่อนจะหันไปยังเพื่อนสาวทั้งสองคน “พวกแกสบายใจรึยัง รีบกลับเถอะฉันอยากนอน”
“อืม กูกับกุ้กกลับก่อนนะ เย็นเจอกันเดี๋ยวซื้อข้าวเย็นไว้ให้”
“อือ” ฉันตอบ
“เดี๋ยวพี่ไปส่งครับน้องมีน” พี่แม็กเอ่ยหันมายิ้มให้ฉันก่อนจะเดินตามเพื่อนสาวทั้งสองของฉันออกไป ทำให้ตอนนี้ ฉันอยู่ตามลำพังกับพี่เวลล์ รู้สึกอึดอัดชะมัด แค่จะมองหน้าพี่เขาฉันยังไม่อยากจะมอง
“ขอบคุณ”
“หืม..เรื่อง?”
“ขอบคุณที่ช่วยน้องสาวพี่ครับ”
“อ่อ ไม่เป็นไรค่ะ ใครเห็นก็ต้องช่วยอยู่แล้วค่ะ”
“แล้วตอนนี้แผลที่แขน ยังเจ็บรึเปล่าครับ”
“สบายมาก.....โอ๊ย..”ฉันกะจะยกโชว์พาวสักหน่อยแต่ดันปล่อยไก่ตัวโต ๆ เชี้ย เจ็บฉิบหาย
พี่เวลล์เดินเข้ามาข้างเตียงฉันถอดแว่นกรอบเงินพลางก้มตัวมองแผลที่แขนซ้ายว่าปริรึเปล่า ตอนนี้ไม่ต้องบอกว่าใบหน้าฉันร้อนฉ่าแค่ไหน เพราะใบหน้าเขาอยู่ใกล้ฉันมากเกินไปนะสิ
“ระวังหน่อย แผลเพิ่งเย็บ” เขาถลกแขนเสื้อฉันลงหลังดูแผลเสร็จ
“ถ้าแผลไม่เป็นอะไรแล้วพี่เวลล์กลับก่อนเถอะค่ะ ฉันอยากนอนสักงีบ”
“งั้นเดี๋ยว ตอนบ่ายจะมารับครับ” เขาคว้าแว่นสวมก่อนเดินออกจากห้องไปไม่ได้หันกลับมา เฮ้อ ดันมาเจอกันในสถานการณ์น่าอึดอัด แต่เขากลับนิ่งราวกับคืนก่อนที่ผ่านมาไม่มีอยู่จริง เพียงแต่เขาจำใจต้องทำเพื่อน้องสาวเขาเท่านั้นเอง แต่ก็ดีแล้วล่ะ นั่นมันเป็นสิ่งที่ฉันต้องการอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ไม่คิดให้ปวดหัวดีกว่าเหนื่อยจะแย่
15.00 น.
พยาบาลก่อนหน้าเข้ามาบอกฉันว่าอีกสักพักก็จะได้กลับแล้ว ฉันจึงลุกเข้าห้องน้ำเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยความทุลักทุเล เพราะไอ้แขนซ้ายบ้านี่สั่งการไม่ได้ดั่งใจจริงๆ เพียงแค่จะยกแขนใส่เสื้อยังลำบากไม่ไหว แล้วไอ้ชุดที่ยัยมีนเลือกมาก็แม่งใส่ยากชะมัด รัดติ้วอีกต่างหาก จนปัญญาแล้ว
ฉันเดินออกมาจากห้องน้ำ ออกมานั่งที่เตียงรอพยาบาลเข้ามาช่วยใส่ให้ ตอนนี้ฉันสวมแค่บราเท่านั้น หลังจากกดกริ่งปุ่มแดงบนหัวเตียง ไม่นานนักก็มีเสียงประตูห้องเปิดขึ้น สงสัยพยาบาลจะเข้ามาแล้ว มาเร็วดีเหมือนกัน
“พี่พยาบาลช่วยใส่เสื้อให้หน่อยได้ไหมคะ พอดีแขนยกไม่ได้ค่ะ” ฉันเอี้ยวตัวหันไปหาขอความช่วยเหลือกับพยาบาลแต่
“เฮ้ย!!” เมื่อเห็นคนที่เข้ามาก็ต้องตกใจหนักใช้มือขวาที่ไม่ได้รับบาดเจ็บดึงผ้าห่มมาปิดหน้าอกแทบไม่ทันการ
“พี่เวลล์เข้ามาได้ไงคะ”
“ก็กดกริ่งไม่ใช่เหรอครับ”
“ฉันเรียกพยาบาล”
“แต่ปุ่มที่แจนกดมันปุ่มฉุกเฉินเรียกหมอ โน้นถ้าจะเรียกพยาบาลต้องกดโฟนตรงนั้น”
“ห๊ะ” พอฉันมองไปดูปุ่มที่กดก็รู้ว่าเป็นฉันเองที่สะเพร่า
“งั้นพี่ช่วยออกไปก่อนได้ไหม เรียกพยาบาลให้มาช่วยที”
“ทำไม”
“ฉันจะใส่เสื้อผ้าไง ฉันทำเองไม่ได้ค่ะ”
เขาไม่พูดตอบ แต่กลับเดินมาอยู่ตรงฉันห่างไม่ถึงเมตร
“พี่.....จะทำอะไร”
“จะช่วยเอง”
“แต่พี่เป็นผู้ชาย”
“ไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็น จะอายทำไมครับ” สิ้นประโยคนั้น ก็ราวกับว่าหัวฉันถูกหินลูกยักษ์ทุบหัวอย่างจัง พี่เวลล์พูดออกมาได้หน้าตาเฉย ฉันกลืนคำพูดที่อยากพูดลงลำคอทั้งหมด สุดท้ายจึงให้พี่เวลล์ช่วยให้มันจบๆ ถึงเขาจะลืมเรื่องคืนนั้น และไม่มีความพิศวาสอะไรฉันแล้ว แต่ฉันสิ ฉันมันพวกหื่นกาม ฉันดันจำเรื่องพวกนั้นได้หมดแค่เห็นหน้าเขาฉันก็แทบอยากจะกระโจนอยู่แล้ว
“ขะ..ขอบคุณค่ะ”
“เก็บของหมดรึยัง”
“ค่ะ”
“งั้นกลับเถอะ โรงพยาบาลดำเนินเรื่องหมดแล้ว” เขาคว้ากระเป๋าของฉันเดินนำออกไปก่อน ฉันเองก็เดินตามออกไปทิ้งระยะห่างเล็กน้อย ก็ดูสิ พวกพยาบาลรายทาง เอาแต่จ้องซุบซิบนินทากันใหญ่ เสียมารยาทขั้นสุด ถ้าเป็นข้างนอกแม่จะยิงลูกกะตาให้หมดทุกคน หึ...
“พี่แจน...” หญิงสาวใบหน้าคุ้นเคยที่เพิ่งเจอกันคืนก่อนที่ผ่านมาทักทายด้วยรอยยิ้ม
“จ้า”
“ให้วีไปส่งนะคะ” เสียงเล็กไพเราะเอ่ยมา ทำเอาใจฉันโล่งอกอย่างบอกไม่ถูก ถ้าขืนต้องนั่งรถกลับกับพี่เวลล์สองคนคงอกแตกตาย พอมีน้องวีด้วยอีกคนก็ดูเหมือนฉันจะคลายความกังวลไม่น้อยเลยล่ะ
“พี่เวลล์ขับ ส่วนพี่แจนนั่งด้านหน้านะคะ วีขอนั่งด้านหลังเพราะคงลงรถก่อน”
เราทั้งสามคนนั่งประจำในรถแล้ว พี่เวลล์ที่ไม่พูดอะไรออกมาเลยแต่มีหันมองแว้บหนึ่งก่อนขับรถออกไป
“แขนพี่ดีขึ้นรึยังคะ วีเป็นห่วงจะตายอยู่แล้ว”
“ดีขึ้นมากแล้ว พี่ไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วง”
“วีขอโทษจริงๆ นะคะรุ่นพี่ ที่เป็นต้นเหตุให้พี่เจ็บแบบนี้”
“พี่เชื่อว่าใครที่ผ่านไปมาเห็นตรงนั้นก็ต้องช่วยน้องวีแน่นอนค่ะ แต่คราวหน้าหากต้องขับรถผ่านถนนเส้นนั้นตอนดึกดื่น ก็ต้องระวังตัวเป็นพิเศษนะ” พูดเสร็จฉันก็เบือนหน้าออกไปมองข้างทาง
“แล้วคนแทงเป็นใคร ตำรวจรู้ตัวรึยังครับ”
ฉันถึงกลับกลืนน้ำลาย เรื่องนี้ฉันไม่ได้แจ้งตำรวจนะสิ แต่ใช้คนของตนเอง เค้นถามทรมานจนมันพิการ และคายความลับมา ดีว่าใช้อิทธิพลกับตำรวจในเขตพื้นที่ทำเป็นว่าเรื่องทั้งหมดตำรวจสืบสวนหมดแล้ว
“เห็นตำรวจแจ้งว่าเป็นสโตกเกอร์ละแวกนั้นค่ะ มันชอบตามผู้หญิงผมยาว ดีไม่ดีที่รถน้องวียางเสียน่าจะเป็นเพราะคนร้ายนั่นแหละ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ คนร้ายติดคุกหัวโตไปแล้วค่ะ”
“ขอบคุณพี่แจนมากนะคะที่เป็นธุระให้”
“ไม่เป็นไร”
พูดจบฉันพบว่าพี่เวลล์จ้องมาทางฉันทำเอาขนลุก ใบหน้าเขาฉันมองไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่ แต่เขาก็ยังไม่พูดอะไรหันกลับไปขับรถต่อ เขาจะสงสัยฉันไหมวะพวกแก
ฝากนิยายเรื่องใหม่ที่ลงใน GoodNovel ด้วยจ้า
แสงแดดยามเย็นเริ่มทอแสงสาดส่องเข้ามา ฉันกับพี่เวลล์กำลังนั่งทานอาหารว่างกันอยู่ริมทะเล บรรยากาศดีสุด ๆ“ทานแตงโมหน่อยไหมครับ”“ค่ะ” ฉันยิ้มตอบเขา“ม่ะ...พี่ป้อน” เขาจิ้มแตงโมที่หวานฉ่ำนั้นป้อนให้ ฉันโน้มตัวเข้าไปกินอย่างมีความสุข “อร่อยไหมครับ”“อร่อยค่ะ แจนชอบแตงโม”“แล้วพี่ล่ะ แจนชอบไหม”“เอ๊ะ มันวกมาเวนี้ได้ยังไงกันคะพี่ ไม่ชอบค่ะ แต่รักเลย ฮี่...” เอ่ยจบเขายื่นมือมาบีบแก้มฉันด้วยความหมั่นเขี้ยว จากนั้นเขาก็ยังเอาแต่ป้อนผลไม้ให้ฉันทาน ถามว่าฉันกินไหม ก็กินสิผู้ชายหล่อป้อนทั้งที“แจนครับพอดีพี่มีประชุมด่วนของโรงพยาบาล พี่ขอตัววิดิโอคอลที่ประชุมสักครู่นะครับ”“ได้สิคะ งั้นแจนขอลงไปเล่นน้ำหน่อยนะคะ อยากเอาตัวจุ่มน้ำแล้ว”“ระวังด้วยนะครับ อย่างลงไปเล่นน้ำลึกมากล่ะ”“ค่ะพี่ แจนจะอยู่ใกล้ๆ นี่แหละค่ะ” เขาสวมผ้าคลุมที่เตรียมไว้พร้อมหยิบไอแพดปลีกตัวไปนั่งเก้าอี้ชายหาดใส่หูฟังพร้อมประชุม สีหน้าเปลี่ยนเป็นจริงจังและตึงเครียดมากขึ้นก็จริงล่ะนะ ถึงแม้เราจะมาพักผ่อน แต่งานก็ต้องดำเนินต่อไป จริงๆ แล้วฉันก็มีงานที่ต้องสะสาง แต่เพราะมีพ่อ มีพี่ทิม มีแฟรงค์ จึงสามารถวางใจได้ แต่พี่เวลล์เขาเป็นหมอ
ณ.ห้องครัวพี่เวลล์เข้าครัวทำกับข้าวให้ฉันตามที่ฉันร้องขอว่าอยากกิน กลิ่นผัดกะเพราไข่เยี่ยวม้าหอมฉุนไปทั่วบ้านพัก ทำเอาฉันสูดฟึดฟัด เพราะกลิ่นมันหอมจนอดไม่ไหว“หอมมาก อยากทานแล้วค่ะ” ฉันเดินเข้าไปสวมกอดเขาจากด้านหลัง ในขณะที่เขากำลังจัดเตรียมอาหารเหล่านั้นวางบนโต๊ะอาหาร"งั้นก็รอทานให้อร่อยนะพี่ตั้งใจทำให้แจนเป็นพิเศษเลยนะครับ"“ค่ะ..^^”ฉันนั่งรอที่โต๊ะอาหาร พร้อมแล้วกับการทานข้าวมื้อพิเศษที่เขามอบให้ อาหารง่ายๆ อย่างโจ๊กและผัดกะเพราไข่เยี่ยวม้า แบบพิเศษใส่ใจ“เสร็จแล้วครับ”“อื้อหื้อ น่าทานมาก ๆ ค่ะ จะทานแล้วนะคะ” ฉันที่ตั้งท่าจะทานแล้วนั้น ดันโดนพี่เวลล์ห้ามไว้ก่อน“เดี๋ยวสิครับ ล้างมือรึยัง ก่อนทานล้างมือก่อนครับ”“ก็ได้ค่ะ” ฉันทำหน้ามุ่ย แต่ก็ลุกไปล้างมือแต่โดยดี พอล้างเสร็จก็กลับมานั่งที่เดิม โดยที่พี่เวลล์เองก็เข้ามานั่งร่วมโต๊ะอาหารแล้ว“ทานเยอะๆ นะครับ” เขาไม่ใช่แค่พูด แต่ตักอาหารมาใส่จานให้ฉันด้วย ทั้งการกระทำและคำพูดเขาอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก นอกจากพ่อ ก็เขานี่แหละที่ทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นหัวใจได้จริงๆ“พี่เองก็ทานเยอะๆ นะคะ”“ครับ” ฉันยิ้มให้เขา เขาก็ยิ้มให้ฉัน เราต่างก็ทานอาหา
12.00 น.ฉันตื่นขึ้นมาด้วยความปวดเมื่อยไปทั้งร่างกายอยู่บนเตียงฟูกนุ่มแล้ว และกำลังนอนกอดกันตัวเป็นเกลียวกับคนข้างๆ ที่ฉันรักมาก ร่างกายเรายังเปลือยเปล่าล่อนจ้อน เพราะกว่าจะได้นอนก็เกือบเช้า จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเสพสุขกันไปกี่ยก แต่ที่แน่ ๆ ระเบียงนั่น ฉันวนไปทุกมุม ขนมาทุกท่า แถมพี่เวลล์ตัวดีดันแข็งแรงทั้งร่างกายและน้องชายเขาก็ตื่นไม่พัก จึงต้องเป็นฉันที่ทนรับอยู่ร่ำในคืนที่ผ่านมาอย่างหนักหน่วงเขายังนอนหลับสนิท สองมือเขากอดฉันแน่น ส่วนใบหน้าฉันก็แนบชิดกับแผงอกของเขา ฉันเงยหน้ามองเขา ดูสิตอนนอนก็ยังหล่อเลย ขนตายาวงอน ริมฝีปากได้รูป จมูกโด่งสันทัดผิวขาวเปล่งปลั่ง สันกรามที่บาดคม เฮ้อหล่อจนร้องขอชีวิตนั่นและ เป็นบุญของฉันที่ได้มีโอกาสมารักเขาจริง ๆดวงตาเขาค่อย ๆ เปิดออกหลุบมองฉัน เขาค่อย ๆ ฉีกยิ้มก่อนจะออกแรงแขนรัดฉันแน่นขึ้น“แจนทำให้พี่เวลล์ตื่นเหรอคะ”“ป่าวหรอกครับ ความรักต่างหากที่ทำให้พี่ตื่น”“ดีนะ แจนยังไม่ได้ทานข้าวไม่งั้นมีอ้วกแน่ๆค่ะ” สิ้นคำฉัน เขายิ้มมองฉันก่อนจะลูบหัวเบาๆ ก้มหอมฟอดใหญ่ๆ บนหัวฉัน“ทนนะ หลังจากนี้จะได้ยินแบบนี้บ่อยขึ้น เพราะพี่คลั่งรักแจนไม่ไหว”“กลัวแล้ววววววว
“ขี้โกงจังนะครับ ทำไมเสร็จไปก่อนพี่แล้วล่ะ” เขากอดฉันแน่นอีกครั้ง“ก็เป็นเพราะใครล่ะ โดนขนาดนี้ใครจะทนไหวคะ”“พี่ยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ” ฉันเอียงคอแหงนมองคนด้านหลังก่อนจะทำหน้ามุ่ยใส่ เขายิ้มมุมปากยักคิ้วให้ฉัน พลางก้มหน้าลงมาจุ๊บฉันหนึ่งที“ให้ตายเถอะ บอกอย่าเล่นกับระบบ พี่ก็เหมือนกันนั่นแหละ แจนไม่ยอมโดนกระทำอยู่ฝ่ายเดียวหรอก” ฉันลุกขึ้นหันหน้าไปเผชิญกับเขาที่นั่งอยู่ ผลักไหล่เขาให้ลงนอนราบบนโซฟาใหญ่นี้ พลางมองต่ำตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะคว่ำนั่งบนลำตัวของเขา ก็รู้แหละว่าตรงนั้นของเขามันแข็งขื่นขนาดไหนเพราะระหว่างขาฉันที่กำลังทับมันอยู่สัมผัสได้ ทำเอาตื่นเต้นชะมัดเป็นฉันบ้างที่เลียริมฝีปาก ทอดสายมองเขาอย่างยิ้มร้าย โน้มตัวลงเอาหน้าเกยไหล่เขาสองมือซุกซนสอดเข้าใต้เสื้อเพื่อสัมผัสผิวเขา มันแน่นมือถนัด ซิกแพคเป็นลอนที่จับก็รับรู้ได้ความแข็งแกร่งของหน้าท้องนั่น ทำเอาอยากเห็นด้วยตาเปล่าเสียตอนนี้“อื้ม...” เสียงครางเล็กๆ เมื่อมือฉันสัมผัสเข้ากับหัวนมของเขา มะ...ไม่ไหวแล้ว เสียงกับร่างกายของเขานี่มันทำเอาฉันคลั่งแทบบ้าเหมือนกันฉันทนไม่ไหวอีกต่อไป ถกเสื้อเขาไปกองไว้เหนืออก เผยให้เห็นแผง
เขายังคงวุ่นอยู่กับการจูบฉันอยู่แบบนั้นไม่มีท่าทีว่าจะคลายจูบเสียที ลมหายใจเขารดถี่ขึ้น ร้อนขึ้น พอๆ กับสัมผัสริมฝีปากของเขาที่พยายามบดเบียดรุกเข้ามาในโพรงปากฉัน ฉันก็ไม่ได้ขัดขืนอะไรปล่อยให้เขาทำตามใจ“อึก...โอ๊ย!!” พี่เวลล์กับฉันกำลังพรมจูบกันเข้าด้ายเข้าเข็ม แต่จู่ ๆ เป็นฉันเองที่ต้องผลักเขาออก“เป็นอะไรไปครับ” พี่เวลล์ประคองใบหน้าฉันมองหน้าด้วยความตกใจ“ขะ...ขาฉันค่ะ”“ขาเป็นอะไรครับ”“พี่ทับขาฉันค่ะ ฉันเจ็บ” สิ้นคำ เขาเหลือบไปมองดูแล้วก็เป็นให้เขาเห็น ก็ขาแกร่งของเขาทับขาเรียวเล็กของฉันจริง ๆ ไม่เจ็บได้ไง โซฟามันเล็กนิดเดียวนะเขาลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะยกขาฉันก่ายตักเขามานวดให้ฉัน อย่างแผ่วเบา“พี่ขอโทษครับพี่ไม่ได้ตั้งใจ”“ไม่เป็นไรค่ะ โซฟามันแคบ” ฉันยิ้มให้ก่อนจะลุกขึ้นนั่งแล้วยกขาที่ก่ายตักเขาออกวางลงปกติ“นั่นสิเนอะ ถ้าเป็นที่โล่งๆ คงจะดีกว่าใช่ไหมครับ”“ใช่ค่ะ...แต่เอ๊ะ ที่โล่งๆ ว๊าย!!!” พี่เวลล์ยกฉันพาดบ่าโดยที่ฉันไม่ทันตั้งตัวเลยสักนิด“พะ...พี่จะยกแจนไปไหนเนี่ยตกใจหมดเลย”“ก็ไปหาที่โล่งๆ ต่อไงล่ะ”“หมายถึงห้องนอนเหรอคะ”“ก็ใช่ แต่...หึ” เพราะฉันถูกพาดบ่าไว้ ทำให้มองไม่เห็นใบหน
เรากลับมาถึงบ้านพักของเรา เมื่อกำลังจะเดินเข้าบ้านฉันกลับหยุดเดินและฉุดรั้งเขาไว้ ฉันหันหน้ามองออกไปยังผืนทะเลตรงหน้าบ้านที่กำลังทอประกายด้วยแสงจันทร์ค่ำคืนนี้ พลางสูดอากาศเข้าไปเต็มปอดก่อนจะหันไปมองเขา“เป็นอะไรไปรึเปล่าครับ”“พี่คะ พี่รู้สึกยังไงบ้าง พี่อึดอัดใจรึเปล่าที่พี่เห็นฉันเป็นแบบนี้ ฉันรู้ว่าพี่เกลียดมาเฟีย ตอนนี้พี่กำลังข่มใจไว้ใช่ไหมคะ พี่ฝืนอยู่ใช่ไหม พี่กำลัง.......” ฉันพล่ามสาธยายไม่รู้จบ ฉันแค่รู้สึกกลัว กลัวว่าเขาจะไม่โอเค กับสิ่งที่ฉันเป็น และสิ่งที่ฉันกระทำ ฉันพะวงมันมาตลอด แต่ฉันก็อดไม่ได้เพราะฉันเป็นคนแบบนี้ มันแบบกระวนกระวายใจจนแทบบ้า อดีตมันยังคอยย้ำเตือนเสมอเขาไม่ปล่อยให้ฉันพูดจบ แต่เดินเข้าสวมกอดฉันแน่น จับศีรษะฉันแนบกับอกของเขาไว้ ลูบอย่างแผ่วเบา“พี่ไม่เป็นอะไรเลย สิ่งที่พี่เห็นยิ่งทำให้เข้าใจมุมแจนมากขึ้น เป็นพี่ที่คิดมากไปเอง พี่ผิดที่เอาอดีตที่เจอมาตัดสินจนทำให้รักของเราเคยล่มไปแบบนั้น”“พี่ไม่เกลียดฉันแล้วใช่ไหมคะ ที่ฉันเป็นมาเฟีย”“ไม่เลยครับ แล้วแจนล่ะครับ ยังโกรธพี่อยู่ไหม” เขาดันฉันออกจับไหล่ฉันทั้งสองข้าง สายตาก้มมองฉันด้วยความอ่อนโยน ฉันมองเขาด้ว