"น้องชมพู"
"คุณครูขาาาา" น้ำเสียงสั่นเครือที่ตอบรับมา ทำเอารอยยิ้มเธอค่อยๆ หายไป ปภาวรินทร์เลิกคิ้วแปลกใจว่าทำไมลูกศิษย์ตัวน้อยถึงร้องไห้น้ำตาคลอแบบนั้น
"น้องชมพูเป็นอะไรคะ ร้องไห้ทำไม"
"คุณแม่ไม่มาหาหนูเลย คุณป้าก็บอกไม่ให้คุณครูมาหา" เด็กน้อยร้องไห้จ้ากว่าเดิมเมื่อเห็นคุณครูเดินเข้ามา กอดเกี่ยวคุณครูไว้แน่นเพราะกลัวจะไม่ได้เจออย่างที่คุณป้าพูดอีก
"คุณแม่กำลังเดินทางมาค่ะ หนูไม่ต้องกลัวนะ เดี๋ยวครูอยู่เป็นเพื่อน" ใบชาโอบกอดน้องชมพูแน่นเข้าใจความรู้สึกเด็กว่าคงจะเคว้งคว้างน่าดู "แล้วนี่ผู้ปกครองน้องไปไหนคะ" ก่อนจะหันไปถามพยาบาลสาวที่ยืนเฝ้าอยู่
"ก่อนหน้านี้เป็นคุณป้ากับลูกสาวเฝ้าค่ะ แต่เห็นว่าลูกมีเรียนเลยขับรถไปส่ง ให้ฉันเฝ้าน้องก่อนค่ะ" ปภาวรินทร์ลอบถอนหายใจ เด็กตัวแค่นี้คงจะไม่เข้าใจอะไรมากนักหรอก ยิ่งไม่มีคนคุ้นเคยหรือคนในครอบครัวอยู่เลยยิ่งกลัว
"น้องชมพูครับ"
"คุณลุงหมอออ" เสียงเจื้อยแจ้วกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งเมื่อหมอหมอกเปิดประตูเข้ามาทักทาย ใบชาขมวดคิ้วมึนงงเล็กน้อยเมื่อเขาเดินเข้ามา ส่วนพยาบาลที่ทำหน้าที่เฝ้าทีแรกเดินสวนกลับออกไป ในห้องพักจึงเหลือเพียงเธอเด็กน้อยที่นอนอยู่บนเตียงและคุณหมอหนุ่ม
"ไหนพี่พยาบาลบอกน้องชมพูร้องไห้เหรอครับ" อวัศย์เดินขยับกายเข้าไปยืนข้างเตียง ยกมือลูบศีรษะส่งยิ้มอบอุ่นไปให้
"หนูไม่ร้องแล้วค่ะ คุณครูมาแล้ว"
"อ้าว แล้วไม่อยากเจอหมอแล้วเหรอครับ เมื่อกี้ยังให้พยาบาลไปตามอยู่เลย"
"อยากเจอค่ะ อยากเจอทั้งสองคนเลย ลุงหมอกับคุณครูอยู่กับหนูก่อนนะคะ" เด็กน้อยรีบพูดรัวเร็ว กลัวทั้งคุณครูทั้งคุณหมอจะหายไป ฉุดมือผู้ใหญ่ทั้งสองคนประประสานกันแน่น
"เอ่อ..น้องชมพูทานข้าวรึยังคะ ครูซื้อผลไม้มาฝาก" ปภาวรินทร์พูดตะกุกตะกักด้วยความขวยเขิน ค่อยๆ ดึงมือออกจากอุ้งมืออุ่นที่ซ้อนทับอยู่ แสร้งทำเป็นจัดแจงผลไม้ที่ซื้อมา "ทานได้ไหมคะ" ก่อนจะหันไปถามคุณหมอที่ยืนมองหน้าเธออยู่
"ทานได้แต่ผมไม่ค่อยชอบแอปเปิลเท่าไหร่"
"ฉันหมายถึงน้องชมพูจะทานได้ไหมคะ!" หญิงสาวเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเมื่อโดนคนเป็นหมอกวนอารมณ์เข้าให้
"อ้อ นึกว่าถามผม ถ้าเป็นน้องทานได้ปกติครับ" อวัศย์แสร้งทำหน้าซื่อแต่แววตาขบขันจนคนตัวเล็กอดหมั่นไส้ไม่ได้
"คุณหมอว่างเหรอคะ"
"จะชวนไปไหนล่ะ ถ้าเป็นคุณผมว่าง" ปภาวรินทร์ถอนหายใจเสียงดังจงใจให้คนตัวสูงได้ยิน
"ฉันหมายถึงคุณไม่ทำงานเหรอคะ? ปกติหมอจะงานยุ่งนี่" เธออธิบายเสียงเรียบจงใจมองข้ามความกวนของเขา
"เป็นหมอก็ต้องมีเวลาพักนะครับ อีกอย่างก่อนหน้านี้น้องชมพูก็เรียกหาผม" เมื่อเขาพูดจบเธอจึงเบนสายตามองลูกศิษย์ตัวน้อย ซึ่งพยักหน้าตอบรับรัวเร็วเพื่อยืนยันว่าเป็นคนเรียกหาคุณหมอจริงๆ
"ก็คุณป้าไม่ให้คุณครูมาหนูเลยจะหาลุงหมอ ลุงหมอใจดีเมื่อเช้าก็เข้ามาเล่นกับหนู" เมื่อเป็นความต้องการของน้องชมพูเธอจึงไม่เอ่ยอะไรต่อ นำผลไม้ไปล้างทำความสะอาดในขณะที่คนเป็นหมอยึดเก้าอี้ข้างเตียงนั่งคุยเล่นกับเด็กน้อยจนส่งเสียงคิกคักสนุกสนาน
"เดี๋ยวอีกสักพักครูต้องไปที่โรงเรียนนะคะ ส่วนคุณแม่จะมาถึงวันนี้หนูไม่ต้องกลัวนะ" ใบชาเอ่ยขึ้นเมื่อเด็กน้อยสภาพจิตใจเริ่มปกติ ไม่หวาดกลัวเหมือนช่วงเธอเข้ามาแรกๆ อาจเพราะหมอหมอกที่นั่งอยู่อีกฝั่งของเตียงตรงข้ามเธอ เอ่ยเล่าเรื่องนู้นเรื่องนี้ให้ฟังเป็นระยะๆ
"แล้วคุณครูจะมาหาหนูอีกไหม" เสียงอ่อยๆ เอ่ยถามอย่างน่าสงสาร
"มาสิคะ ถ้าหนูยังต้องอยู่โรงพยาบาล หรือไม่ เราต้องได้เจอกันที่โรงเรียนอยู่แล้ว"
"แต่คุณป้าบอกว่าจะไม่ให้หนูไปเรียนแล้ว" เด็กน้อยเล่าน้ำตาคลอ
"ได้ไปสิคะ คุณแม่บอกว่าจะให้หนูไปเรียนกับคุณครูเหมือนเดิม"
"จริงเหรอคะ! เย่ๆ ถ้างั้นให้คุณลุงหมอไปเรียนด้วยได้ไหมคะ" ถึงแม้จะดีใจแค่ไหนแต่เด็กน้อยก็ยังไม่ลืมคุณลุงหมอใจดีของตัวเอง เอ่ยขอให้เขาร่วมเรียนด้วย
"เอ่อ..คุณหมอเรียนไม่ได้ค่ะ คุณหมอต้องทำงาน" ใบชาพยายามอธิบาย
"อ้าว..เหรอคะ"
"ไม่เป็นไรเอาไว้ตอนคุณหมอไปหาคุณครูชา จะแวะไปหาน้องชมพูด้วยนะครับ"
"เย่ๆ โอเคเลยค่าาา" เด็กน้อยร้องดีใจเมื่อคิดว่าจะได้เจอคุณหมออีก ในขณะที่หญิงสาวขึงตาใส่ร่างสูงอย่างขุ่นเคือง
จะมาหาเธออีกทำไม!
"โกรธอะไรผมอีกครับคุณครู" อวัศย์เดินตามร่างบางออกจากห้องพัก หลังจากที่น้องชมพูหลับไปแล้ว และพยาบาลส่งข่าวขึ้นมาว่าคุณป้ากลับมาแล้ว พลางเอ่ยถามเมื่อเห็นท่าทางคนที่เดินนำไปเหมือนจะโกรธ
"ไม่ได้โกรธค่ะ"
"ผู้หญิงนี่ ปกติเขาปากไม่ค่อยตรงกับใจกันใช่ไหม" คำพูดลอยๆ ที่มากระแทกใจคนที่เดินนำหน้าอยู่ ส่งผลให้เธอหยุดกึก หันกลับไปมองคนที่ยืนส่งยิ้มยียวนอยู่ทันที
"ก็บอกว่าไม่ได้โกรธไงคะ!"
"ครับๆ ไม่โกรธ งั้นงอนอะไรผมรึเปล่า"
"ไม่ได้งอนค่ะ! แต่คุณไม่ควรไปรับปากเด็กมั่วๆ เด็กจะตั้งความหวังนะคะ ถ้าแกไปโรงเรียนแล้วไม่เจอคุณ" ปภาวรินทร์อธิบายสิ่งที่ขุ่นเคืองใจ
"ใครว่าผมรับปากน้องชมพูมั่วๆ ผลจะเข้าไปจริงๆ"
"แล้วจะไปทำไมคะ?"
"ก็อย่างที่บอกน้องชมพูไปไง" ปภาวรินทร์ย้อนคิดถึงสิ่งที่เขาพูดไว้
ไม่เป็นไรเอาไว้ตอนคุณหมอไปหาคุณครูชา จะแวะไปหาน้องชมพูด้วยนะ
มาหาเธอ...จะมาทำไม?
"หืม ใกล้ถึงแล้วเหรอหมอก" ปภาวรินทร์เปิดกระจกมองทิวทัศน์ด้านนอกที่คุ้นตา ภาพใบชาที่เรียงรายสุดลูกหูลูกตาทำให้เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ ภาพบรรยากาศตอนที่เคยอยู่ที่แห่งนี้วนกลับเข้ามาในความคิดคิดถึงยาย คิดถึงพี่ใบบัวตอนนี้ทั้งสองคนก็คงได้เจอกันแล้ว และคงมองเธออยู่บนฟ้า ใบชาเงยหน้ามองท้องฟ้ากว้างที่สดใส ส่งยิ้มให้คนที่มองลงมาตอนนี้ชามีความสุขมากเลยยาย แล้วก็พี่บัว...ตอนนี้คนที่ชารักเขาอยู่ข้างๆ แล้วนะ ยินดีกับชาด้วยนะ"นอนต่อก่อนก็ได้ อีกสักพักอยู่เหมือนกัน เห็นลมบอกว่ากำลังปรับปรุงทางเข้าหลัก หมอกเลยอ้อมไปอีกทาง" อวัศย์เอ่ยบอกแฟนสาว ก่อนจะเอื้อมมือมากอบกุมมือเล็กปภาวรินทร์ปิดหน้าต่างรถก่อนจะเอนตัวลงซบไหล่คนข้างๆ สูดความหอมจากกลิ่นกายคนร่างสูง"เปี๊ยกหื่น" "หมอก!" เธอเงยหน้าแหวเขาทันที ทุบไหล่กว้างไปสองสามที"ฮ่าๆๆ น่ารักออกยัยเปี๊ยก" ตั้งแต่เขารู้เรื่องวันนั้น สรรพนามใหม่ของเธอก็คือยัยเปี๊ยก ซึ่งเธอเพียรปฏิเสธยังไง เขาก็ดึงดันจะเรียกชื่อนี้ จนสุดท้ายเธอได้แต่เลิกบ่น ยอมๆ ให้เขาเรียก เอาตามที่เขาสบายใจ"ขอโทษนะหมอก ชาไม่ได้อยู่คุยด้วยเลย" เรียกได้ว่าเธอหลับตั้งแต่ยังไม่ครึ่งทางก็ว่าได้วั
"หมอก" ใบชาเอ่ยเรียกคนรักเมื่อเห็นเขาแน่นิ่งไป หลังจากเล่าให้เขาฟังถึงที่มารูปพวกนี้ "หมอกเป็นอะไรรึเปล่า" เขาละสายตาจากรูปภาพที่วางเรียงกันอยู่ เงยหน้าสบตาเธอด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก"ใบชา...""หมอกโกรธเหรอ" ปภาวรินทร์ถามอย่างไม่แน่ใจ กลัวเขาจะโกรธที่ปิดบังมาตลอด เขาไม่ตอบแต่ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขน เขาโอบกอดเธออย่างแนบแน่น เมื่อเห็นท่าทางแบบนั้นเธอจึงเอื้อมมือไปโอบกอดแผ่นหลังของชายหนุ่มลูบขึ้นลงอย่างแผ่วเบา"หมอกขอโทษนะชา..ขอโทษจริงๆ" เสียงเขาสั่นเครือ เอ่ยขอโทษซ้ำไปซ้ำมาอย่างรู้สึกผิด"อะไรกันหมอก เป็นอะไร?" ใบชามึนงง ทำท่าจะผละตัวเขาออก แต่คนร่างสูงไม่ยอม ยังคงโอบกอดเธออย่างแนบแน่น"ขอโทษนะ ที่ลืมชา ขอโทษที่ปล่อยให้ชาต้องยืนมองตรงนั้นอยู่คนเดียว""เฮ้ยหมอก! อย่าพูดแบบนั้นสิ ไม่เกี่ยวกันเลย ชาไม่ได้เป็นอะไร" ยิ่งได้รับคำปลอบโยนว่าไม่เป็นไร ความรู้สึกผิดในใจก็ยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้น"ทำไมล่ะชา ทำไมไม่มาหาหมอก" อวัศย์ยังคงเสียงสั่นอย่างไม่เข้าใจ ในเมื่อเราอยู่ห่างกันแค่นั้นแท้ๆ เราอยู่ในไร่ชาเดียวกันแท้ๆ แต่เธอกับเขากลับไม่มีโอกาสได้เจอกันชื่อใบชา ใกล้ตัวจริงๆ ด้วย"ก็ยายบอกไม่ให้ทัก ไม่อยาก
"หมอก" ใบชาเอ่ยเรียกคนรักเมื่อเห็นเขายืนนิ่งอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า ในขณะที่เธอเดินเข้าไปใกล้อย่างงุนงงว่าทำไมเรียกแล้วเขาไม่ตอบ เมื่อเธอเดินเข้าไปถึงตัวเขาเห็นคนตัวสูงก้มมองสิ่งของในมือก็เบิกตากว้างตกใจ เอื้อมมือไปคว้าสิ่งที่อยู่ในมือคนรักทันที "ดูอะไร!""นี่มันอะไรอะชา หมอกงงไปหมดแล้ว" เขาชูรูปใบสุดท้ายที่เธอดึงไปไม่หมด โชว์ให้คนรักดู ประมวลผลความคิด ถึงประโยคในรูปนั้น"ไม่มีอะไร.." รู้ว่าเป็นประโยคที่โง่มากแต่ใบชาก็เลือกตอบแบบนั้น ก็ไม่รู้จะตอบเขายังไง"ทำไมชามีรูปหมอกเต็มไปหมดเลย" เขาเปิดประเด็นถาม ขมวดคิ้วมึนงงปภาวรินทร์ถอนหายใจยาวในเมื่อเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้วเธอจึงตัดสินใจจะทบทวนความจำให้เขา หญิงสาวเดินไปกุมมือคนรักมานั่งที่ปลายเตียง กางรูปทั้งหมดออกให้เขาดู"อย่างที่หมอกเห็นเลย ชารู้จักหมอกมานานมากแล้ว""ได้ไง.." เขาตอบกลับเหมือนคนละเมอ ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ใบชาหัวเราะน้อยๆ กับท่าทางของเขา "ไม่ต้องมาหัวเราะเลยชา เรื่องมันยังไงกันแน่" อวัศย์ท้วงเสียงเข้ม"หมอกจำชาไม่ได้จริงๆ เหรอ" ใบชาจ้องมองสบตาคนรักนิ่ง ในขณะที่อวัศย์เพ่งมองใบหน้าเธออย่างครุ่นคิด "ยัยเปี๊ยกไง" เมื่อเธอพูดจบเขานิ
"เดจาวู เดจาวูชัดๆ" "อะไรเฮีย บ่นอะไร" เหนือนทีถามพี่ชายเมื่อเขาบ่นพึมพำอะไรสักอย่าง "ก็นี่ไง ทำไมกูรู้สึกเหมือนเดจาวูเลยที่ต้องพามึงกับเฮียมานั่งเฝ้าเมียนี่ไง""แต่คราวนี้ก็มีเมียเฮียด้วยไม่ใช่รึไง""จะบ่นทำไม มึงกลับไปก็ได้นะปล่อยให้ซอลอยู่นี่แหละ ใครจะเข้ามาจีบก็แล้วแต่" น่านนทีบ่นน้องชาย แสร้งทำเป็นขู่ ซึ่งก็ได้ผลเมื่อน้องชายตาลุกวาวทันที"ไอ้มาเฝ้าน่ะเข้าใจ แล้วนี่เอามาด้วยทำไม" เขาเพยิดหน้าไปยังคุณหมอหนุ่มที่กำลังไถหน้าจอดูรูปแฟนสาวในโทรศัพท์อยู่ ก่อนจะเงยหน้ามองคนมีประเด็นแล้วก้มหน้าดูหน้าจอต่อไม่สนใจ"เอาหน่าเฮีย ให้หมอหมอกมาด้วยนั่นแหละ เดี๋ยวถ้าสาวๆ เมาจะได้แยกรับกลับได้เลยไง" เหนือนทีออกความเห็นวันนี้เป็นวันที่ซอลจัดงานเลี้ยงสละโสดเล็กๆ ก่อนแต่งงาน ซึ่งจะมีเฉพาะคนสนิท ที่โซนวีไอพีผับนี้ และจะมีแค่สาวๆ เท่านั้น ทีแรกซอลตั้งใจจะเปิดห้องนอนที่โรงแรมข้างๆ ซึ่งหนาวนทีรีบค้านไม่เห็นด้วย และมีพลังเสียงของพี่น้องช่วยพูด วันนี้สาวๆ เลยต้องกลับไปนอนบ้านเหมือนเดิม ซึ่งเป็นโชคดีของเขา ไม่ต้องออกปากอะไร ก็มีคนพูดแทนให้แล้วความจริงเขาก็เซ็งไม่น้อยที่ต้องปล่อยให้เธอไปเที่ยวตอนกลางคืน
"นี่พวกแกพูดบ้าอะไรกันเนี่ย!" วารุณีตะโกนสุดเสียง ไม่คิดว่าคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีจะกล้าเปิดตัวแบบนี้มันผิดแผนไปหมดความจริงเธอตั้งใจมาเพื่อเรียกคะแนนความสงสารแต่บทสรุปทำไมกลับกลายเป็นว่าเธอโดนแฉ และคนตรงหน้าเปิดเผยในสิ่งที่เธอไม่คิดว่าเขาจะกล้าพูด"พูดความจริงไงวา ความจริงที่พี่บอกวามาโดยตลอด แต่วาไม่เคยฟัง" ดาราสาวชี้หน้าทั้งสองคนน้ำตาคลอด้วยความเจ็บใจ"พวกแกมันพวกผิดเพศ ทุเรศ คิดเหรอว่าจะมีใครให้โอกาสพวกแก""พี่ไม่รู้หรอกนะว่าใครจะให้โอกาสไหม แต่วาหมดโอกาสแล้วล่ะ" "หมายความว่าไง!!" วารุณีเงยหน้ามองคนพูดด้วยสีหน้าหวาดระแวง แววตาหวั่นวิตก"แล้วทำอะไรไว้ล่ะ" อธิปพูดจบนักข่าวหลายคนก็ฮือฮาขึ้นมาทันที เมื่ออยู่ๆ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินเข้ามา วารุณีถอยหลังผงะตกใจ"พะ.พวกแกมาทำอะไร!""ขออนุญาตนะครับ คุณชื่อวารุณีถูกต้องไหมครับ" "ทำไม!" เธอตวาดคนในเครื่องแบบเสียงดัง "อย่าเข้ามานะ!""ขอเชิญคุณวารุณีไปให้ปากคำที่โรงพักด้วยครับ คุณตกเป็นผู้สงสัยในการจ้างวานฆ่าเด็กหญิงประทานพร" นับว่านี่เป็นเรื่องที่น่าตกใจที่สุดในวันนี้ นักข่าวทุกสำนักยกกล้องถ่ายวิดีโอตรงหน้า ในขณะที่อีกหลายคนกรูเข้ามาเพื่อส
ปภาวรินทร์นั่งมองบรรยากาศโดยรอบในห้องบอลรูมขนาดใหญ่ ส่วนมากจะเป็นนักข่าวที่นั่งจับจองพื้นที่อยู่เต็มบริเวณด้านหน้าเวทีชั่วคราวขนาดกลาง ส่วนเธอนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่จัดไว้ให้ มีนักข่าวหลายคนสังเกตเห็นเธอ ทำท่าจะเข้ามาเพื่อขอสัมภาษณ์ แต่โดนสายตาดุของคนข้างๆ ห้ามไว้ก่อน ส่วนใหญ่จึงได้แต่เมียงมองมาทางเธอ แต่ไม่กล้าเข้ามาถึงแม่อธิปจะยืนยันไปก่อนหน้าแล้วว่าใบข้าวเป็นลูกของเขา ส่วนเธอไม่ใช่แม่ แต่ก็มีกระแสด้านลบไม่น้อยที่บอกว่าเป็นเพียงข้ออ้าง เธอคือเมียน้อย เมื่อนักข่าวเห็นเหยื่ออันโอชะ ก็ไม่พลาดที่จะอยากเข้ามาทำข่าว แต่ความอยากก็ย่อมแพ้อิทธิพลของทายาทเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง เมื่อคิดแล้วว่าหากมีเรื่องกับเขาคงไม่คุ้มกัน เลยเลือกที่จะล่าถอยมากกว่าจะชนเมื่อถึงเวลาที่นัดหมายพอดิบพอดี อธิปจึงก้าวออกมาจากประตูด้านหลังเวที เขากวาดสายตามองรอบๆ ก่อนจะหยุดที่เธอ ปภาวรินทร์ส่งยิ้มเป็นกำลังใจให้ เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเดินมานั่งยังพื้นที่ที่ถูกจัดไว้ให้"สวัสดีครับพี่ๆ นักข่าวทุกท่าน ก่อนอื่นผมต้องขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติมางานแถลงข่าวของผม และก็ขอบคุณที่ทุกท่านจะใช้พื้นที่สื่อของตัวเองสื่อสาร