"ขอโทษนะคะ เด็กที่เกิดอุบัติเหตุจากกระจกบาดตอนนี้อยู่ที่ไหนคะ" เจ้าหน้าที่สาวที่นั่งให้บริการอยู่จุดประชาสัมพันธ์ของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังเงยหน้าจากหน้าจอการทำงานก่อนส่งยิ้มตอบด้วยท่าทางเป็นมิตร ก้มลงมองที่หน้าจออีกครั้งรัวนิ้วมือบนแป้นพิมพ์เล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าอีกครั้งแล้วตอบคำถามด้วยเสียงที่สุภาพ
"ตอนนี้คนไข้อยู่ที่ห้องฉุกเฉินฝั่งที่เป็นกุมารเวชกรรมค่ะ เดินออกตรงทางเชื่อมนี้เลี้ยวขวาตรงไปจนสุดได้เลยค่ะ" เมื่อได้คำตอบแล้ว ปภาวรินทร์รีบเอ่ยขอบคุณก่อนจะเดินไปตามทิศทางข้างหน้าตามที่เจ้าหน้าที่แนะนำ อาจเพราะเป็นโรงพยาบาลเอกชน ความวุ่นวายที่เธอเคยสัมผัสเมื่อสมัยก่อนตอนพายายมาโรงพยาบาลแทบจะไม่มี ออกจะต่างกันอย่างสิ้นเชิงด้วยซ้ำ ในขณะที่ตอนนั้นเธอจำได้ถึงสภาพความแออัดของทั้งคนป่วยและญาติมานั่งรอกันแน่นขนัด คนที่หาที่นั่งไม่ทันก็ต้องยืนรอ ทั้งวุ่นวายและแออัด เพราะบริการที่ไม่สามารถรับรองได้อย่างเพียงพอ เมื่อเทียบกับที่นี่ขนาดโซนแผนกรับยาที่ปกติคนจะเนืองแน่น ยังมีคนใช้บริการนั่งเก้าอี้รอเรียกตามคิวอยู่ประปราย อีกทั้งระหว่างทางที่เดินผ่านไปค่อนข้างเงียบสงบแต่ก็ไม่ได้ร้างผู้คน ยังมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ยืนบริการอยู่เป็นจุดๆ
เสียงโทรศัพท์ที่เธอถือไว้ในมือส่งเสียงเรียกเข้าส่งผลให้เธอละความสนใจจากการสังเกตรอบๆ ตัว ก่อนจะกดรับสายเมื่อเป็นคนที่เธอพยายามติดต่อก่อนหน้านี้แต่ไม่มีคนรับสาย
(พี่ชาซอลขอโทษพอดีซอลกำลังวุ่นๆ เลยไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ ตอนนี้อยู่ไหนแล้วคะ) เสียงณิชาหรือซอลคนที่เปรียบดั่งเจ้านายเธอเอ่ยขอโทษอย่างรู้สึกผิดเมื่อเห็นสายที่ไม่ได้รับจากเธอ
(ไม่เป็นไรค่ะคุณซอลตอนนี้พี่ถึงโรงพยาบาลแล้ว กำลังไปห้องฉุกเฉินที่น้องชมพูอยู่)
(โอเคค่ะ ฝากพี่ชาด้วยนะคะตอนนี้ซอลขอเคลียร์กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อน)
(ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะเรื่องน้องชมพูเดี๋ยวพี่ดูเอง)
(เอ้อพี่ชา พอดีคุณพ่อคุณแม่น้องทำธุระอยู่ต่างจังหวัดคนที่มาดูตอนนี้คือคุณป้านะคะ แต่พี่ชาระวังไว้หน่อยนะคะพอดีคุณป้าน้องค่อนข้างแรง เมื่อกี้ก่อนซอลออกมาก็มาโวยวายไปแล้วรอบนึง นี่ไม่รู้จะมาอีกรึเปล่า แต่ไม่ต้องห่วงนะคะซอลฝากเรื่องกับหมอหมอกไว้แล้ว)
(ใครนะคะ!) ใบชาย้อนถามอีกครั้ง ตงิดใจกับชื่อที่ปลายสายเพิ่งเอ่ยออกมา
(หมอหมอกค่ะ พี่ชาน่าจะรู้จักเพื่อนของพี่เมลที่เรียนที่เดียวกันกับพวกพี่ไง)
ใบชานิ่งอึ้งไปหลายวินาที หัวใจเต้นแรงอย่างที่ไม่ได้เป็นมานานหลายปีเมื่อได้ยินชื่อนั้น เริ่มจากความตกใจที่ได้ยินชื่อเขา ความดีใจที่อาจจะมีโอกาสได้เจอเขาอีกครั้ง และความหวั่นวิตก...เมื่อภาพสุดท้ายของเธอกับเขาใน 'คืนนั้น' แวบเขามาในหัว เขา...จะจำมันได้ไหมนะ
(พี่ชา..พี่ชาคะ!) ปภาวรินทร์กะพริบตาเล็กน้อยเรียกสติเมื่อเสียงปลายสายยังเอ่ยเรียกชื่อเธอ
(คะ..คุณซอล)
(เป็นอะไรรึเปล่าคะ เห็นเงียบไป)
(ไม่เป็นไรค่ะ คุณซอลไม่ต้องห่วงจัดการเรื่องตรงนั้นได้เลยเดี๋ยวทางนี้พี่จัดการเอง)
ใบชาเอ่ยตัดบทเมื่อณิชาเห็นว่าเธอน่าจะจัดการทุกอย่างได้จึงขอวางสายไป ในขณะที่เธอยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิมจมอยู่กับความคิดมากมายเพียงลำพัง หมอหมอก ถ้าตามที่ซอลพูดมาคงไม่พ้นคนๆ เดียวกับที่เธอคิด ถ้าเป็นแบบนั้นก็มีโอกาสต้องเจอหน้ากัน ถ้าเจอแล้วเขาจะเป็นยังไงนะ จะจำเธอได้รึเปล่า ถ้าจำได้จะจำได้แค่ไหน จะจำได้ไหมว่าคนที่อยู่กับเขาในคืนนั้น คือเธอ...
"นี่ไงครูของน้องชมพูฉันจำได้ เธอมาคุยกับฉันเลยนะว่าจะรับผิดชอบเรื่องนี้ยังไง หลานฉันเป็นแบบนี้!!" เสียงตวาดดังจากด้านหลังส่งผลให้เธอออกจากภวังค์ความคิด ปภาวรินทร์ครุ่นคิดเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทางคนตรงหน้าแผดเสียงตวาดมาดังลั่นก่อนจะถึงตัวเธอซะอีก ก่อนจะถึงบางอ้อเมื่อคุ้นๆ แล้วว่าคนนี้คือใคร ป้าของน้องชมพูเด็กนักเรียนที่เธอสอนพิเศษภาษาจีนให้ โดยปกติคนที่มารับมาส่งจะเป็นคุณแม่ของน้อง มีเพียงอาทิตย์นึงที่คุณป้าเป็นฝ่ายมาเอง ถึงจะเป็นเพียงอาทิตย์เดียวแต่เธอก็จำได้แม่นถึงวีรกรรมที่คุณป้าคนนี้มาโวยวายอยู่ดังลั่นโรงเรียนสอนพิเศษ เนื่องจากในวันนั้นเธอให้ทำแบบฝึกหัดวัดความรู้ก่อนเริ่มบทเรียนใหม่ ซึ่งเป็นเพียงการประเมินก่อนที่จะเข้าบทเรียนนั้นเท่านั้นเอง แต่คุณป้ากลับโมโหและไม่พอใจเนื่องจากหลานสาวคนเดียวตอบผิดได้คะแนนไม่ถึงครึ่ง ซึ่งเธอพยายามอธิบายแล้ว แต่คนตรงหน้าไม่สนใจอะไรทั้งนั้น หาว่าเธอสอนไม่ดี เรียนไปเด็กก็ไม่มีความรู้ จนน้องชมพูเด็กเพียงเจ็ดขวบต้องเป็นฝ่ายฉุดมือคุณป้า และเป็นคนพูดอธิบายเอง ถึงอย่างนั้นก็เถอะคุณป้าก็ยังหาเรื่องมาต่อว่าทั้งเธอทั้งโรงเรียนอยู่ดี กว่าเรื่องวันนั้นจะผ่านพ้นไปได้ก็เล่นเอาบรรดาคุณครูปาดเหงื่อกันไปหมด แถมยังต้องพยายามกันเด็กๆ ไม่ให้ไปเล่นแถวบริเวณนั้น เพราะไม่อยากให้มาเห็นหรือรับรู้ถึงพฤติกรรมแบบนั้นของผู้ใหญ่ ซึ่งขนาดวันนั้นยังเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนั้น แล้ววันนี้ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าคุณป้าจะขนาดไหน
"แม่เบาๆ สิคนมองกันเต็มแล้ว" เด็กวัยรุ่นคนที่ยืนข้างๆ รีบเอ่ยสะกิดคนเป็นแม่เมื่อเริ่มเป็นจุดสนใจพลางค้อมตัวลงเล็กน้อยเป็นเชิงขอโทษคนตรงหน้า
"เบาอะไร! แกจะอายอะไรพวกมันสิต้องอาย เปิดโรงเรียนบ้าอะไรทำให้หลานฉันเจ็บตัว ห่วยแตก!!" คุณป้ายังตวาดเสียงดังลั่นเมื่อเห็นคนตรงหน้าไม่มีท่าทีตอบโต้อะไร
"คุณใจเย็นๆ ก่อนนะคะฉันเข้าใจว่าคุณห่วงหลานแต่นี่เป็นอุบัติเหตุไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นนะคะ" ปภาวรินทร์เอ่ยขึ้นอย่างใจเย็น พยายามเข้าใจคนตรงหน้าว่าถ้าเป็นเธอก็คงเป็นห่วงไม่น้อยเหมือนกัน
"ใจเย็นอะไร? ไม่ใช่หลานเธอนี่ หลานฉันตัวแค่นั้นต้องมาเจ็บตัวเพราะพวกไม่มีความรับผิดชอบแบบพวกเธอ ทำมาเป็นเปิดโรงเรียนสอนภาษา บอกดีอย่างนั้นดีอย่างนี้ แค่ความปลอดภัยยังมีให้หลานฉันไม่ได้เลย!" ใบชาลอบถอนหายใจถึงจะเข้าใจได้ว่าคนตรงหน้าเป็นห่วงหลาน แต่การที่มาต่อว่าคนอื่นเสียๆ หายๆ มันก็คือเรื่องไม่สมควร อีกอย่างอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความผิดของพวกเธอสักหน่อย
"เอาเป็นว่าขอฉันไปดูอาการของน้องชมพูก่อนแล้วกันค่ะ ส่วนเรื่องอื่นๆ เดี๋ยวจะมาคุยรายละเอียดทีหลัง ไม่ต้องห่วงค่ะทางโรงเรียนพร้อมรับผิดชอบอยู่แล้วค่ะ" ปภาวรินทร์เอ่ยให้ผู้ปกครองมั่นใจเพราะเธอรู้ดีว่าณิชาจะไม่ปัดความรับผิดชอบแน่นอน
"นี่จะหนีใช่ไหม!! แล้วมาบอกรับผิดชอบคิดจะเอาเงินฟาดหัวพวกฉันรึไง!"
"คุณป้าคะ ไปดูน้องก่อนดีไหมคะ ตอนนี้หมอน่าจะทำแผลเสร็จแล้วเด็กอยู่คนเดียวจะกลัวนะคะ" ใบชาเอ่ยเสียงเรียบพยายามเรียกสติคนสูงอายุกว่าให้เห็นว่าสิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้ควรจะเป็นหลาน
"เธอไม่ต้องมาพูดเลย ห่วยแตกกันหมดหมดทั้งโรงเรียนทั้งครู!" ใบชาผงะถอยหลังเมื่อคนตรงหน้าพุ่งตรงมาหาเธออย่างคุกคาม สีหน้าโกรธจัด
"ว๊าย" ก่อนที่เธอจะร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อคุณป้าปรี่เข้ามาหาเธอพลางกระชากแขนเธออย่างรุนแรง ปภาวรินทร์เสียหลักเกือบหงายหลังหากไม่มีมืออุ่นๆ ประคองจับเธอไว้ก่อน กลิ่นหอมสะอาดจากน้ำยาปรับผ้านุ่มหรืออาจจะเป็นน้ำหอมแบรนด์ดังทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นอย่างประหลาด หรือความจริงอาจเป็นความอบอุ่นจากคนด้านหลังทำให้ความกลัวหายเป็นปลิดทิ้ง ถึงแม้ไม่ได้เจอกันนานถึงห้าปีแต่ความรู้สึกที่โอบล้อมเธออยู่เป็นความรู้สึกคุ้นชินเหมือนกับความทรงจำในค่ำคืนนั้น
หมอหมอก
ราวกับโลกทั้งใบหมุนช้าลงเมื่อเธอหันมองคนด้านหลังถึงแม้จะคิดอยู่แล้วว่าเป็นเขาแต่ใบหน้าที่เธอไม่ได้เจอนานถึงห้าปีก็ทำเอาหัวใจเธอเต้นเร็วขึ้นอย่างไม่มีสาเหตุ ใบหน้าที่เคยโดดเด่นอย่างไรในตอนนั้น ตอนนี้ก็แทบไม่ต่างกัน ออกจะดูดีกว่าเดิมด้วยซ้ำ คิ้วสีดำคมเข้ม ดวงตาสุขุมนุ่มลึกเปี่ยมเสน่ห์ จมูกโด่งรับกับสันกราม ริมฝีปากหนาได้รูป แต่ทั้งหมดที่เธอเห็น ไม่ทำให้เธอรู้สึกร้อนวูบวาบได้เท่ากับฝ่ามือร้อนที่ยังคงประคองเธออยู่ ถึงแม้แค่เพียงแผ่นหลังที่สัมผัสโดนกับอกผาย แต่กลับให้ความรู้สึกอบอุ่นน่าพึ่งพิงอย่างประหลาด ใบชาเดาได้ไม่ยากว่าภายใต้เสื้อกาวน์สีขาวมีร่างสมส่วนแบบคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำซ่อนอยู่ เธอจ้องมองจนร่างสูงรู้สึกตัว เขาก้มใบหน้าลงสบตาเธอ สายตาสุขุมที่เธอเห็นตอนแรกเริ่มแปรเปลี่ยนราวกับมีประกายอะไรบางอย่างที่เธอมองไม่ออก สายตานิ่งๆ ดูลึกล้ำยากจะเดาความคิด ใบชาเริ่มขมวดคิ้วอย่างหวาดระแวงตามประสาคนมีชนักติดหลังเมื่อเห็นคนตรงหน้าปรากฏรอยยิ้มจางๆ ถึงจะเพียงนิดเดียวจนแทบจะมองไม่ทัน แต่กับเธอที่มองเขาอยู่ตั้งแต่แรกแล้ว มั่นใจว่าเขาต้องยกยิ้มแน่ๆ ซึ่งมันทำให้เธอรู้สึกขนลุกขึ้นมาอย่างประหลาด ทั้งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ทั้งสายตาแบบนั้น มันเหมือนว่าเขารู้...รู้ว่าวันนั้นเป็นเธอที่อยู่กับเขาทั้งคืน!
"ใจเย็นๆ ก่อนนะครับคุณป้าตอนนี้น้องปลอดภัยแล้วเข้าไปดูน้องก่อนดีไหมครับเรื่องอื่นค่อยว่ากัน" เสียงทุ้มต่ำระรื่นหูเอ่ยขึ้นเพื่อแก้ไขสถานการณ์ตรงหน้า ทำให้ปภาวรินทร์รู้สึกดีขึ้นอย่างประหลาด คล้ายน้ำเย็นชโลมจิตใจที่ว้าวุ่นของเธอให้สงบลง แต่ก็อาจจะยังไม่มากพอให้คนสูงวัยตรงหน้าสงบลงได้"มายุ่งอะไรกับเรื่องคนอื่น เป็นหมอไม่อยู่ส่วนหมอ" เมื่อเห็นท่าทางหมอหนุ่มตรงหน้าดูนุ่มนวลไม่มีพิษมีภัย คุณป้าก็ออกอาการเกรี้ยวกราดขึ้นมาอีกครั้ง"เพราะเป็นหมอไงครับถึงต้องยุ่ง คุณกำลังส่งเสียงดังรบกวนทำให้ผู้อื่นตกใจ และได้รับความเดือดร้อน แบบนี้ผิดกฎหมายนะครับ แล้วยิ่งในพื้นที่ของโรงพยาบาลด้วย จำได้ว่าเมื่อกี้ผมบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอ" หมอหมอกเอ่ยย้ำขึ้น ก่อนหน้านี้คุณป้าก็มาโวยวายแบบนี้เหมือนกันกับซอล แต่ไม่ได้รุนแรงเท่านี้ อาจเพราะก่อนหน้านี้มีคนอยู่ด้วยเยอะ ทั้งเฌอริดาคู่สะใภ้และน่านนทีแฟนหนุ่มที่เป็นพี่ชายคู่หมั้นของเธออีกด้วยแต่คราวนี้ดันมีคนตัวเล็กแค่คนเดียว อีกทั้งไม่มีท่าทีตอบโต้ คุณป้าเลยยิ่งได้ใจ"นะ..นี่ขู่กันรึไง!" ถึงแม้น้ำเสียงจะเริ่มหวาดกลัวเพราะคนเป็นหมอดันพูดเรื่องกฎหมายแต่คนสูงวัยก็ยังไม่ยอมแ
"ว่าไงครับ..ไหนว่าไม่รู้จักกัน" คำถามที่เขาถามย้ำยิ่งสร้างบรรยากาศกดดัน เมื่อเห็นเธอหลบหน้าเขาก็ยิ่งไล่ต้อนเธอด้วยการบังคับจับปลายคางให้เงยขึ้น "หืม?""กะ..ก็เพิ่งนึกได้คุณซอลบอกว่าหมอหมอกจะมาช่วยดู ละ..แล้วก็คุ้นๆ หน้าคุณก็เลยคิดว่าใช่" ปภาวรินทร์เอ่ยอธิบายเสียงสั่น ถึงแม้จะพอรู้ว่าเป็นการอธิบายที่ไม่มีหลักการอะไรเลยก็เถอะ แต่เธอจะไม่ยอมรับเด็ดขาด!"อ้อ ผมก็คุ้นหน้าคุณเหมือนกัน คุ้นมากด้วย" ใบชาสบตาคนตรงหน้าที่ส่งยิ้มอย่างมีเลศนัยมาให้ อารมณ์โกรธเริ่มปะทุขึ้นเมื่อดูเหมือนเขาจะแกล้งเธอไม่จบไม่สิ้น"ฉันจะไปแล้ว" จากน้ำเสียงสั่นๆ ทีแรกเมื่อรวบรวมสติได้เธอจึงเอ่ยบอกเขาด้วยน้ำเสียงหนักแน่นทันที"เชิญครับ" เมื่อยังเห็นเขาแสดงท่าทียียวนกวนประสาทไม่เลิกเธอก็ยิ่งหงุดหงิดลุกพรวดขึ้นทันที รีบสาวเท้าเดินไปยังหน้าประตู ก่อนจะสะดุ้งตกใจเมื่อแผ่นหลังรู้สึกถึงความอุ่นซ่านที่ประชิดตัวอยู่"คุณทำอะไร!" ร่างเล็กปรายตามองถามเสียงเรียบท่าทางจริงจัง แต่คนข้างหลังกลับมองว่าน่ารัก จนอยากจะเอื้อมมือไปบิดแก้มที่กำลังพองอยู่ด้วยความโกรธ"ผมไปส่ง""ไม่ต้องค่ะ" ปภาวรินทร์เอ่ยตัดบททันที ตอนนี้ขออยู่ห่างเขาให้ไกลท
"คุณครูขา" เสียงเรียกอ่อนแรงทำใบชาใจอ่อนยวบ เพียงเธอเปิดประตูเข้าห้องพักมาก็เห็นลูกศิษย์ตัวน้อยของตนเองนอนอยู่บนเตียงโรงพยาบาลด้วยท่าทางอ่อนเพลีย หลังจากที่เธอออกจากห้องหมอหมอกเพื่อไปหาน้องชมพู พยาบาลแจ้งว่าย้ายน้องชมพูไปยังห้องพักเรียบร้อยแล้ว ส่วนผู้ปกครองคุณป้าของเด็กให้ลูกสาวลงไปส่งที่รถเพื่อไปเก็บของเตรียมมาเฝ้าคืนนี้ ตอนนี้จึงเหลือแค่พยาบาลที่อยู่เป็นเพื่อนเด็กน้อยก่อน แต่เมื่อเธอและคุณหมอหนุ่มเดินเข้ามา พยาบาลจึงเดินไปคุยรายละเอียดกับหมอหมอกสักพักก่อนจะเดินออกจากห้องพักไป ตอนนี้จึงเหลือเพียงเธอน้องชมพูและหมอหมอกที่เธอพยายามบอกให้เขากลับไปตั้งแต่รู้ว่าคุณป้าไม่อยู่แล้วแต่เขาก็ไม่ยอม"น้องชมพูนอนพักผ่อนก่อนนะคะ" ปภาวรินทร์เห็นอาการพยายามฝืนตาเพื่อคุยกับเธอก็อดสงสารไม่ได้จึงปลอบให้ลูกศิษย์ตนเองนอนพักผ่อนก่อน"คุณครูอย่าเพิ่งไปนะคะ" เสียงออดอ้อนน่าสงสารทำให้เธออดพยักหน้าตอบรับไม่ได้"เดี๋ยวครูจะอยู่กับหนูนะไม่ต้องกลัวค่ะ" เด็กน้อยกำมือเธอแน่นราวกับกลัวว่าเธอจะหายไป เธอจึงต้องยืนอยู่ข้างเตียงไปสักพักจนเห็นว่าลมหายใจของคนหลับผ่อนเป็นจังหวะสม่ำเสมอจึงค่อยๆ ผละตัวออกมา"คุณยังไม่ไปเหรอ
"ใบชาทำอะไรอยู่" "เปล่าค่ะพี่นีให้ชาทำอะไรไหมคะ" เสียงเรียกจากด้านหลังทำให้ใบชารีบละความสนใจจากคนกลุ่มใหญ่ตรงหน้าที่กำลังกินเลี้ยงฉลองกันอยู่ รีบหันไปตอบรุ่นพี่ที่เป็นคนพาเธอเข้ามาทำงานที่นี่ทันที"เดี๋ยวพี่จะให้ขึ้นไปดูห้อง 201 หน่อยเห็นว่าน่าจะมีคนไปพัก อ้อ น่าจะเป็นกลุ่มนั่นแหละ" ใบชามองย้อนกลับไปกลุ่มเดิมอีกครั้ง หลังจากที่พี่นีเพยิดหน้าบอก "กลุ่มนั้นเรียนที่เดียวกับเราไม่ใช่เหรอ""ใช่ค่ะ""อ้าว แล้วรู้จักไหม เห็นว่ารวมหลายคณะเลยนะเลี้ยงฉลองจบกัน เราก็อีกเรียนจบแล้วเหมือนกันไม่ไปฉลองกับเขาบ้าง พักบ้างก็ไม่เป็นไรหรอก""ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่นี ช่วงนี้ต้องรีบใช้เงิน" กัลยาพยักหน้าตอบรับ มองหญิงสาวตรงหน้าด้วยแววตาสงสาร เริ่มจากที่เธอรู้จักเด็กคนนี้จากการเข้ามาสมัครงานที่ร้านแห่งนี้ เธอเป็นคนพาไปเจอเจ๊เจ้าของร้านด้วยตนเอง ทีแรกคิดไว้ว่าเด็กคนนี้ต้องเกิดแน่ๆ เพราะหน้าตาสวยหวาน รูปร่างสูงโปร่ง ทรวดทรงองค์เอวยิ่งส่งผลให้เรือนร่างของเธอเพรียวระหงสวยสง่า เผลอๆ รับไม่กี่งานมีคนขอไปดูแลแน่นอน แต่แปลก เด็กสาวคนนี้กลับขอสมัครในตำแหน่งเด็กเสิร์ฟเท่านั้น ถึงทั้งเธอทั้งเจ๊พยายามยุยงส่งเสริมยังไงก็
"ฟ้าจะถล่มรึเปล่าเนี่ยฉันได้เห็นหน้าลูกชายตัวเอง" "โธ่ แม่ครับผมแค่มาขอกินข้าวเช้าด้วยนี่ถึงกับฟ้าถล่มเลยเหรอครับ" อวัศย์ทำเสียงอ่อยเอ่ยแกล้งมารดาตนเองที่พูดกระทบมาตั้งแต่เดินเข้ามาห้องอาหาร"ใครจะไปรู้ร้อยวันพันปีแกเคยโผล่มาที่ไหนบ้านก็อยู่ตรงข้ามแค่ถนนเล็กๆ คั่นไว้ แต่ฉันแทบไม่เคยเห็นหน้าแก" รัชนียังอดบ่นลูกชายไม่ได้ จะไม่ให้โมโหได้ยังไงหมู่บ้านก็หมู่บ้านเดียวกัน บ้านที่เธออยู่กับลูกสาวก็อยู่ตรงข้ามกับลูกชายคนเล็ก แต่แทบไม่เคยเห็นหน้ากัน"ถึงไม่เห็นหน้าผมก็ยังหลอกผมออกไปกินข้าวกับลูกสาวเพื่อนได้นะครับ" รัชนีมองค้อนกลับไปทันทียิ่งพูดถึงเรื่องนี้ยิ่งโมโห"แกไม่ต้องห่วงไปหรอก ตอนนี้ถ้าฉันจะไปงานเลี้ยงไหนเพื่อนๆ ก็รีบพาลูกสาวหนีหน้ากันหมด คงเพราะกลัวจะจับคู่ให้แกนี่แหละ" "ก็ผมบอกแล้วไงครับว่าจะหาเอง" อวัศย์รีบเอ่ยถึงสิ่งที่เคยเสนอมารดาไปตั้งนานแล้ว แอบลอบยิ้มในสิ่งที่มารดาบ่น แปลว่าที่เขาคอยหลบหลีก หรือแกล้งคุยกับลูกสาวเพื่อนแม่แต่เรื่องงาน ผิดนัดบ่อยๆ มันประสบความสำเร็จ อย่างน้อยแม่ก็คงเลิกจับคู่ให้เขาไปสักพัก"ให้แกหาเองกว่าฉันจะได้เจอหน้าลูกแก ถึงตอนนั้นฉันไม่หูตาฝ้าฟางหมดแล้วรึไง"
"น้องชมพู""คุณครูขาาาา" น้ำเสียงสั่นเครือที่ตอบรับมา ทำเอารอยยิ้มเธอค่อยๆ หายไป ปภาวรินทร์เลิกคิ้วแปลกใจว่าทำไมลูกศิษย์ตัวน้อยถึงร้องไห้น้ำตาคลอแบบนั้น"น้องชมพูเป็นอะไรคะ ร้องไห้ทำไม""คุณแม่ไม่มาหาหนูเลย คุณป้าก็บอกไม่ให้คุณครูมาหา" เด็กน้อยร้องไห้จ้ากว่าเดิมเมื่อเห็นคุณครูเดินเข้ามา กอดเกี่ยวคุณครูไว้แน่นเพราะกลัวจะไม่ได้เจออย่างที่คุณป้าพูดอีก"คุณแม่กำลังเดินทางมาค่ะ หนูไม่ต้องกลัวนะ เดี๋ยวครูอยู่เป็นเพื่อน" ใบชาโอบกอดน้องชมพูแน่นเข้าใจความรู้สึกเด็กว่าคงจะเคว้งคว้างน่าดู "แล้วนี่ผู้ปกครองน้องไปไหนคะ" ก่อนจะหันไปถามพยาบาลสาวที่ยืนเฝ้าอยู่"ก่อนหน้านี้เป็นคุณป้ากับลูกสาวเฝ้าค่ะ แต่เห็นว่าลูกมีเรียนเลยขับรถไปส่ง ให้ฉันเฝ้าน้องก่อนค่ะ" ปภาวรินทร์ลอบถอนหายใจ เด็กตัวแค่นี้คงจะไม่เข้าใจอะไรมากนักหรอก ยิ่งไม่มีคนคุ้นเคยหรือคนในครอบครัวอยู่เลยยิ่งกลัว"น้องชมพูครับ""คุณลุงหมอออ" เสียงเจื้อยแจ้วกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งเมื่อหมอหมอกเปิดประตูเข้ามาทักทาย ใบชาขมวดคิ้วมึนงงเล็กน้อยเมื่อเขาเดินเข้ามา ส่วนพยาบาลที่ทำหน้าที่เฝ้าทีแรกเดินสวนกลับออกไป ในห้องพักจึงเหลือเพียงเธอเด็กน้อยที่นอนอยู่บ
"ตามหาตั้งนานโทรไปก็ไม่รับ" ปภาวรินทร์กำลังจะเอ่ยถามสิ่งที่อยู่ภายในใจ แต่กลับมีเสียงทุ้มเอ่ยแทรกขึ้นมาก่อน เธอหันหลังกลับไปมองทางด้านหลัง ก่อนจะพบว่าเป็นผู้ชายสองคนเดินตรงเข้ามา คนที่เอ่ยพูดยกยิ้มมีเลศนัยมาแต่ไกล สายตามองเธอดูมีประกายบางอย่าง ส่วนอีกคนเดินตามหลังมานิ่งๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ลอบมองเธอสายตาดูสงสัยไม่น้อย"มีอะไร""โอ๊ะ! อยู่กับสาวด้วย สวัสดีครับผมไทม์ครับ" มือขาวสะอาดยื่นมาตรงหน้า ใบชายกยิ้มตอบสุภาพกำลังเอื้อมมือไปจับเพื่อตอบรับคำทักทาย "เห้ย! อะไรวะไอ้หมอก" ก่อนจะต้องผงะตกใจเมื่อคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเธอทีแรก ย้ายมายืนข้างๆ พลางปัดมือเพื่อนออกอย่างแรง"มาทำไมกัน" เสียงเข้มถามย้ำขึ้น"อาจาร์ยคร้าบบบ ไม่มีเคสแบบนี้ผมก็มาชวนเพื่อนไปกินข้าวสิ ว่าแต่..เมื่อไหร่จะแนะนำ""นี่ใบชาเป็น...คุณครูของคนไข้เด็กเมื่อวานที่เกิดอุบัติเหตุ" เมื่อเลี่ยงไม่ได้หมอหมอกจึงต้องจำใจแนะนำไป"อ้อ...""อืม""อืมห่าไรไอ้หมอกแนะนำพวกกูด้วยสิ" "ไม่ต้องไปรู้จักพวกมัน คนไม่ดี""มึงดีตายห่าไอ้หมอก ผมไทม์ครับ ส่วนนี่ไอ้พีร์ เป็นเพื่อนไอ้นี่" เมื่อเพื่อนไม่มีท่าทีจะแนะนำ ธารณ์จึงเป็นฝ่ายแนะนำตัวเองและเพื่อนอ
"คุณพ่อ""พ่อ?" อวัศย์ถึงกับหลุดพูดทวนคำอย่างงงงวย สบตาเด็กน้อยที่ยืนมองเขาตาแป๋วพ่อ? เขาไปมีลูกตอนไหน"นี่คุณลุงของพะแพงเองใบข้าว" ร่างสูงกะพริบตาปริบๆ งุนงงเมื่อหลานสาวตัวน้อยของเขาวิ่งมาสมทบ อธิบายเพื่อนที่ยืนข้างๆ เสียงเจื้อยแจ้ว "สวัสดีค่ะคุณลุงหมอก""สวัสดีค่ะพะแพงแล้วนี่...ใบข้าวใช่ไหม เป็นเพื่อนพะแพงเหรอคะ" เด็กผู้หญิงตัวน้อยยืนมองเขาตาแป๋ว ในแววตามีทั้งความมึนงง กลัว และสงสัย"สวัสดีค่ะคุณลุง" ก่อนจะยกมือทำความเคราพเหมือนที่คุณแม่และคุณครูเคยสอนมา"สวัสดีครับ หนูอยู่บ้านข้างๆ เหรอคะ" เมื่อเห็นท่าทางใบข้าวเริ่มคลายความหวาดกลัวจึงจับมือทั้งหลานตนเองและเพื่อนของหลานคนละข้าง จูงมือกันเดินเข้าบ้าน"ค่ะ""ใบข้าวอยู่ข้างๆ บ้านแล้วก็เป็นเพื่อนพะแพงด้วยค่ะ ใบข้าวเรียนเก่งมากพะแพงชอบให้ใบข้าวสอนภาษาจีน" หลานสาวตัวน้อยอวดเพื่อนเสียงเจื้อยแจ้ว"พะแพงก็เก่งนับเลขค่ะคุณลุง" ใบข้าวรีบบอกคุณลุงของเพื่อนเหมือนกันว่าเพื่อนตนเองก็เก่งไม่แพ้กันอวัศย์ยกยิ้มหัวเราะน้อยๆ เมื่อเด็กน้อยทั้งสองคนแข่งกันพูดแข่งกันเล่าเรื่อง เมื่อเดินเข้ามาถึงภายในบ้านเห็นวีรยุทธ์นั่งทำงานอยู่ตรงห้องนั่งเล่น จึงเอ่ยถ
"หืม ใกล้ถึงแล้วเหรอหมอก" ปภาวรินทร์เปิดกระจกมองทิวทัศน์ด้านนอกที่คุ้นตา ภาพใบชาที่เรียงรายสุดลูกหูลูกตาทำให้เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ ภาพบรรยากาศตอนที่เคยอยู่ที่แห่งนี้วนกลับเข้ามาในความคิดคิดถึงยาย คิดถึงพี่ใบบัวตอนนี้ทั้งสองคนก็คงได้เจอกันแล้ว และคงมองเธออยู่บนฟ้า ใบชาเงยหน้ามองท้องฟ้ากว้างที่สดใส ส่งยิ้มให้คนที่มองลงมาตอนนี้ชามีความสุขมากเลยยาย แล้วก็พี่บัว...ตอนนี้คนที่ชารักเขาอยู่ข้างๆ แล้วนะ ยินดีกับชาด้วยนะ"นอนต่อก่อนก็ได้ อีกสักพักอยู่เหมือนกัน เห็นลมบอกว่ากำลังปรับปรุงทางเข้าหลัก หมอกเลยอ้อมไปอีกทาง" อวัศย์เอ่ยบอกแฟนสาว ก่อนจะเอื้อมมือมากอบกุมมือเล็กปภาวรินทร์ปิดหน้าต่างรถก่อนจะเอนตัวลงซบไหล่คนข้างๆ สูดความหอมจากกลิ่นกายคนร่างสูง"เปี๊ยกหื่น" "หมอก!" เธอเงยหน้าแหวเขาทันที ทุบไหล่กว้างไปสองสามที"ฮ่าๆๆ น่ารักออกยัยเปี๊ยก" ตั้งแต่เขารู้เรื่องวันนั้น สรรพนามใหม่ของเธอก็คือยัยเปี๊ยก ซึ่งเธอเพียรปฏิเสธยังไง เขาก็ดึงดันจะเรียกชื่อนี้ จนสุดท้ายเธอได้แต่เลิกบ่น ยอมๆ ให้เขาเรียก เอาตามที่เขาสบายใจ"ขอโทษนะหมอก ชาไม่ได้อยู่คุยด้วยเลย" เรียกได้ว่าเธอหลับตั้งแต่ยังไม่ครึ่งทางก็ว่าได้วั
"หมอก" ใบชาเอ่ยเรียกคนรักเมื่อเห็นเขาแน่นิ่งไป หลังจากเล่าให้เขาฟังถึงที่มารูปพวกนี้ "หมอกเป็นอะไรรึเปล่า" เขาละสายตาจากรูปภาพที่วางเรียงกันอยู่ เงยหน้าสบตาเธอด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก"ใบชา...""หมอกโกรธเหรอ" ปภาวรินทร์ถามอย่างไม่แน่ใจ กลัวเขาจะโกรธที่ปิดบังมาตลอด เขาไม่ตอบแต่ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขน เขาโอบกอดเธออย่างแนบแน่น เมื่อเห็นท่าทางแบบนั้นเธอจึงเอื้อมมือไปโอบกอดแผ่นหลังของชายหนุ่มลูบขึ้นลงอย่างแผ่วเบา"หมอกขอโทษนะชา..ขอโทษจริงๆ" เสียงเขาสั่นเครือ เอ่ยขอโทษซ้ำไปซ้ำมาอย่างรู้สึกผิด"อะไรกันหมอก เป็นอะไร?" ใบชามึนงง ทำท่าจะผละตัวเขาออก แต่คนร่างสูงไม่ยอม ยังคงโอบกอดเธออย่างแนบแน่น"ขอโทษนะ ที่ลืมชา ขอโทษที่ปล่อยให้ชาต้องยืนมองตรงนั้นอยู่คนเดียว""เฮ้ยหมอก! อย่าพูดแบบนั้นสิ ไม่เกี่ยวกันเลย ชาไม่ได้เป็นอะไร" ยิ่งได้รับคำปลอบโยนว่าไม่เป็นไร ความรู้สึกผิดในใจก็ยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้น"ทำไมล่ะชา ทำไมไม่มาหาหมอก" อวัศย์ยังคงเสียงสั่นอย่างไม่เข้าใจ ในเมื่อเราอยู่ห่างกันแค่นั้นแท้ๆ เราอยู่ในไร่ชาเดียวกันแท้ๆ แต่เธอกับเขากลับไม่มีโอกาสได้เจอกันชื่อใบชา ใกล้ตัวจริงๆ ด้วย"ก็ยายบอกไม่ให้ทัก ไม่อยาก
"หมอก" ใบชาเอ่ยเรียกคนรักเมื่อเห็นเขายืนนิ่งอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า ในขณะที่เธอเดินเข้าไปใกล้อย่างงุนงงว่าทำไมเรียกแล้วเขาไม่ตอบ เมื่อเธอเดินเข้าไปถึงตัวเขาเห็นคนตัวสูงก้มมองสิ่งของในมือก็เบิกตากว้างตกใจ เอื้อมมือไปคว้าสิ่งที่อยู่ในมือคนรักทันที "ดูอะไร!""นี่มันอะไรอะชา หมอกงงไปหมดแล้ว" เขาชูรูปใบสุดท้ายที่เธอดึงไปไม่หมด โชว์ให้คนรักดู ประมวลผลความคิด ถึงประโยคในรูปนั้น"ไม่มีอะไร.." รู้ว่าเป็นประโยคที่โง่มากแต่ใบชาก็เลือกตอบแบบนั้น ก็ไม่รู้จะตอบเขายังไง"ทำไมชามีรูปหมอกเต็มไปหมดเลย" เขาเปิดประเด็นถาม ขมวดคิ้วมึนงงปภาวรินทร์ถอนหายใจยาวในเมื่อเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้วเธอจึงตัดสินใจจะทบทวนความจำให้เขา หญิงสาวเดินไปกุมมือคนรักมานั่งที่ปลายเตียง กางรูปทั้งหมดออกให้เขาดู"อย่างที่หมอกเห็นเลย ชารู้จักหมอกมานานมากแล้ว""ได้ไง.." เขาตอบกลับเหมือนคนละเมอ ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ใบชาหัวเราะน้อยๆ กับท่าทางของเขา "ไม่ต้องมาหัวเราะเลยชา เรื่องมันยังไงกันแน่" อวัศย์ท้วงเสียงเข้ม"หมอกจำชาไม่ได้จริงๆ เหรอ" ใบชาจ้องมองสบตาคนรักนิ่ง ในขณะที่อวัศย์เพ่งมองใบหน้าเธออย่างครุ่นคิด "ยัยเปี๊ยกไง" เมื่อเธอพูดจบเขานิ
"เดจาวู เดจาวูชัดๆ" "อะไรเฮีย บ่นอะไร" เหนือนทีถามพี่ชายเมื่อเขาบ่นพึมพำอะไรสักอย่าง "ก็นี่ไง ทำไมกูรู้สึกเหมือนเดจาวูเลยที่ต้องพามึงกับเฮียมานั่งเฝ้าเมียนี่ไง""แต่คราวนี้ก็มีเมียเฮียด้วยไม่ใช่รึไง""จะบ่นทำไม มึงกลับไปก็ได้นะปล่อยให้ซอลอยู่นี่แหละ ใครจะเข้ามาจีบก็แล้วแต่" น่านนทีบ่นน้องชาย แสร้งทำเป็นขู่ ซึ่งก็ได้ผลเมื่อน้องชายตาลุกวาวทันที"ไอ้มาเฝ้าน่ะเข้าใจ แล้วนี่เอามาด้วยทำไม" เขาเพยิดหน้าไปยังคุณหมอหนุ่มที่กำลังไถหน้าจอดูรูปแฟนสาวในโทรศัพท์อยู่ ก่อนจะเงยหน้ามองคนมีประเด็นแล้วก้มหน้าดูหน้าจอต่อไม่สนใจ"เอาหน่าเฮีย ให้หมอหมอกมาด้วยนั่นแหละ เดี๋ยวถ้าสาวๆ เมาจะได้แยกรับกลับได้เลยไง" เหนือนทีออกความเห็นวันนี้เป็นวันที่ซอลจัดงานเลี้ยงสละโสดเล็กๆ ก่อนแต่งงาน ซึ่งจะมีเฉพาะคนสนิท ที่โซนวีไอพีผับนี้ และจะมีแค่สาวๆ เท่านั้น ทีแรกซอลตั้งใจจะเปิดห้องนอนที่โรงแรมข้างๆ ซึ่งหนาวนทีรีบค้านไม่เห็นด้วย และมีพลังเสียงของพี่น้องช่วยพูด วันนี้สาวๆ เลยต้องกลับไปนอนบ้านเหมือนเดิม ซึ่งเป็นโชคดีของเขา ไม่ต้องออกปากอะไร ก็มีคนพูดแทนให้แล้วความจริงเขาก็เซ็งไม่น้อยที่ต้องปล่อยให้เธอไปเที่ยวตอนกลางคืน
"นี่พวกแกพูดบ้าอะไรกันเนี่ย!" วารุณีตะโกนสุดเสียง ไม่คิดว่าคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีจะกล้าเปิดตัวแบบนี้มันผิดแผนไปหมดความจริงเธอตั้งใจมาเพื่อเรียกคะแนนความสงสารแต่บทสรุปทำไมกลับกลายเป็นว่าเธอโดนแฉ และคนตรงหน้าเปิดเผยในสิ่งที่เธอไม่คิดว่าเขาจะกล้าพูด"พูดความจริงไงวา ความจริงที่พี่บอกวามาโดยตลอด แต่วาไม่เคยฟัง" ดาราสาวชี้หน้าทั้งสองคนน้ำตาคลอด้วยความเจ็บใจ"พวกแกมันพวกผิดเพศ ทุเรศ คิดเหรอว่าจะมีใครให้โอกาสพวกแก""พี่ไม่รู้หรอกนะว่าใครจะให้โอกาสไหม แต่วาหมดโอกาสแล้วล่ะ" "หมายความว่าไง!!" วารุณีเงยหน้ามองคนพูดด้วยสีหน้าหวาดระแวง แววตาหวั่นวิตก"แล้วทำอะไรไว้ล่ะ" อธิปพูดจบนักข่าวหลายคนก็ฮือฮาขึ้นมาทันที เมื่ออยู่ๆ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินเข้ามา วารุณีถอยหลังผงะตกใจ"พะ.พวกแกมาทำอะไร!""ขออนุญาตนะครับ คุณชื่อวารุณีถูกต้องไหมครับ" "ทำไม!" เธอตวาดคนในเครื่องแบบเสียงดัง "อย่าเข้ามานะ!""ขอเชิญคุณวารุณีไปให้ปากคำที่โรงพักด้วยครับ คุณตกเป็นผู้สงสัยในการจ้างวานฆ่าเด็กหญิงประทานพร" นับว่านี่เป็นเรื่องที่น่าตกใจที่สุดในวันนี้ นักข่าวทุกสำนักยกกล้องถ่ายวิดีโอตรงหน้า ในขณะที่อีกหลายคนกรูเข้ามาเพื่อส
ปภาวรินทร์นั่งมองบรรยากาศโดยรอบในห้องบอลรูมขนาดใหญ่ ส่วนมากจะเป็นนักข่าวที่นั่งจับจองพื้นที่อยู่เต็มบริเวณด้านหน้าเวทีชั่วคราวขนาดกลาง ส่วนเธอนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่จัดไว้ให้ มีนักข่าวหลายคนสังเกตเห็นเธอ ทำท่าจะเข้ามาเพื่อขอสัมภาษณ์ แต่โดนสายตาดุของคนข้างๆ ห้ามไว้ก่อน ส่วนใหญ่จึงได้แต่เมียงมองมาทางเธอ แต่ไม่กล้าเข้ามาถึงแม่อธิปจะยืนยันไปก่อนหน้าแล้วว่าใบข้าวเป็นลูกของเขา ส่วนเธอไม่ใช่แม่ แต่ก็มีกระแสด้านลบไม่น้อยที่บอกว่าเป็นเพียงข้ออ้าง เธอคือเมียน้อย เมื่อนักข่าวเห็นเหยื่ออันโอชะ ก็ไม่พลาดที่จะอยากเข้ามาทำข่าว แต่ความอยากก็ย่อมแพ้อิทธิพลของทายาทเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง เมื่อคิดแล้วว่าหากมีเรื่องกับเขาคงไม่คุ้มกัน เลยเลือกที่จะล่าถอยมากกว่าจะชนเมื่อถึงเวลาที่นัดหมายพอดิบพอดี อธิปจึงก้าวออกมาจากประตูด้านหลังเวที เขากวาดสายตามองรอบๆ ก่อนจะหยุดที่เธอ ปภาวรินทร์ส่งยิ้มเป็นกำลังใจให้ เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเดินมานั่งยังพื้นที่ที่ถูกจัดไว้ให้"สวัสดีครับพี่ๆ นักข่าวทุกท่าน ก่อนอื่นผมต้องขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติมางานแถลงข่าวของผม และก็ขอบคุณที่ทุกท่านจะใช้พื้นที่สื่อของตัวเองสื่อสาร
"ใบข้าวหลับไปแล้วเหรอ" อวัศย์ถามแฟนสาวเมื่อขึ้นมาจากการส่งมารดา พอเข้ามาในห้องเห็นคนตัวเล็กออกมายืนอยู่ห้องรับครัวด้านนอก ปอกผลไม้ที่คุณแม่เขานำมาเยี่ยมไข้อยู่"ค่ะ ยิ่งวันนี้มีพะแพงมาคุยด้วยจ้อกันไม่หยุดเลย" อวัศย์หัวเราะน้อยๆ เดินเข้ามากอดแฟนสาวจากทางด้านหลัง "หมอกอย่าเพิ่งสิเดี๋ยวมีดบาด" คนตัวสูงที่ลอบหอมแก้มคนรักไปได้แค่สองทีจึงผละตัวออกหน้ามุ่ยเมื่อโดนว่า"ก็คิดถึงนี่""คิดถึงอะไรหมอก ก็อยู่ด้วยกันตลอด" นี่ก็วันที่สามแล้วหลังจากเกิดเหตุ อาการของใบข้าวดีขึ้นมาก ทีแรกเขาจะทำเรื่องย้ายใบข้าวไปยังโรงพยาบาลของตนเอง แต่เมื่อดูอาการแล้วอีกไม่เกินสองวันน่าจะได้ออกจากโรงพยาบาล เธอเลยให้ใบข้าวรักษาตัวที่นี่ต่อไป ไม่อยากย้ายไปย้ายมาให้วุ่นวายแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเป็นเรื่องใหญ่โตอยู่ดี เมื่อคุณรัชนีเดินทางมาเยี่ยมใบข้าว พบว่าหลานสาวตนเองได้นอนพักอยู่ห้องพิเศษขนาดเล็ก จึงรีบจัดการโทรหาผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่รู้จักกัน ขอให้ทางโรงพยาบาลจัดห้องพิเศษแบบวีวีไอพี แล้วให้ใบข้าวย้ายขึ้นมาอยู่บนห้องด้านบนนี้แทน ซึ่งเธอชักไม่แน่ใจว่านี่คือห้องพักผู้ป่วยหรือโรงแรม ความจริงคุณรัชนีมาตั้งแต่วันแรกที่ทางโ
"ถ้าไม่ไหวก็ไม่ต้องเล่าแล้วชา" มือที่กอบกุมกันอยู่สั่นน้อยๆ อวัศย์บีบมือเธอให้กำลังใจ แค่ได้รับฟังหัวใจก็เจ็บปวดไปด้วย ไม่อยากจะคิดว่าถ้าเป็นเขาจะแบกรับสถานการณ์แบบนั้นไหวไหม"ไม่เป็นไรค่ะ ชาผ่านมันไปได้แล้ว แค่ย้อนคิดมันก็อดเศร้าไม่ได้เท่านั้นเอง" เธอเงยหน้าขึ้นกลั้นน้ำตา แต่ถึงอย่างนั้นก็ยกยิ้มน้อยๆ ให้เขา พยักหน้าเบาๆ เพื่อบอกว่าเธอโอเค ก่อนจะเริ่มเล่าต่อตอนนั้นเธอแค่คิดอย่างเดียวว่าอยากตามพี่สาวไป อยากไปอยู่กับยาย ชีวิตมันเหมือนไม่เหลือใครแล้ว จนเด็กน้อยที่เธอจับวางให้นอนอยู่บนเก้าอี้หน้าห้องฉุกเฉินตื่นขึ้น ใบข้าวขยี้ตามองเธอตาแป๋วด้วยความไม่รู้เรื่องกับเหตุการณ์อะไร แต่เมื่อเห็นผู้เป็นแม่คนที่สองร้องไห้จึงขยับไปโอบกอดตามสัญชาตญาณ ปภาวรินทร์ปล่อยให้น้ำตาไหลอาบแก้มโดยกลั้นเสียงสะอื้น โอบกอดร่างน้อยๆ ในอ้อมแขนแน่น ในเมื่อพี่สาวเธอทำทุกอย่างเพื่อปกป้องดวงใจคนนี้ เธอจะทำลายความตั้งใจของพี่ใบบัวได้ยังไง คืนนั้นเธอจึงกอบกุมมือน้อยๆ นั้น สัญญากับตัวเองและคนที่อยู่บนฟ้า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเธอจะรัก และดูแลเด็กคนนี้ ให้โตมาอย่างดีที่สุด เท่าที่เธอจะทำได้ ให้คนเป็นแม่ได้นอนตายตาหลับเมื่อเ
"หมอก..ไปนอนกับชาไหม" คนที่กำลังขยับรถเข้าช่องจอดเหยียบเบรกทันทีด้วยความตกใจที่คนรักชวนให้ไปนอนด้วย ถึงแม้พวกเขาจะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันมาแล้ว แต่การที่เธอเอ่ยชวนก่อนแบบนี้ก็ทำเอาเขาตกใจไม่น้อย"คิดอะไรเนี่ยหมอก! ชาแค่ชวนไปนอนด้วยเฉยๆ" ปภาวรินทร์ถามคนรักหน้าคว่ำ พอจะเดาไม่ยากว่าเขาคงคิดอะไรที่ไม่ดีขนาดเกิดเรื่องขนาดนี้ยังคิดอะไรหื่นๆ ไม่เลิก"ไม่ได้คิดอะไรแค่ตกใจเฉยๆ อยู่ดีๆ ก็มีผู้หญิงชวนไปนอนด้วย" อวัศย์แสร้งหยอกล้อกลับ ถึงแม้ในใจจะแอบคิดจริงๆ นั่นแหละ"หมอกจะอาบน้ำที่บ้านแล้วค่อยเข้าไป หรือจะไปอาบน้ำที่บ้านชาเลยคะ""เดี๋ยวผมเตรียมเสื้อผ้าไปอาบที่นู่นเลย" ในเมื่อเธอให้ข้อเสนอมาเขาก็ไม่ขัดอยู่แล้วเมื่อได้ข้อสรุปปภาวรินทร์จึงหยิบกุญแจสำรองที่พกติดกระเป๋าไว้ยื่นให้เขา ความจริงตั้งใจจะให้แฟนหนุ่มเก็บไว้อยู่แล้วแหละ เผื่อมีเหตุฉุกเฉินอะไรตอนเธอไม่อยู่ ถือว่าใช้โอกาสนี้เลยแล้วกัน"นี่ค่ะ หมอกเก็บไว้เลยนะ""หืม""กุญแจสำรองค่ะ ชาให้หมอกเก็บไว้เลยชุดนึง""ครับ" เขารีบคว้าเอากุญแจเก็บใส่กระเป๋าทันที ราวกับกลัวว่าเธอจะเปลี่ยนใจปภาวรินทร์เดินลงจากรถก่อนจะเดินไปเปิดประตูบ้านตนเอง ในขณะที่ค