ตอนที่ 9 ผ่าตัด
ปลายฟ้าและแม่ยืนรออยู่หน้าห้องผ่าตัดเมื่อเจ้าหน้าที่เข็นพ่อของเธอเข้าไปด้านใน ทั้งสองแม่ลูกยืนมองหน้าห้องไม่วางตา ภีร์ที่เปลี่ยนชุดเสร็จเรียบร้อยแต่ยังไม่ได้เข้าห้องฆ่าเชื้อก็เปิดประตูด้านในออกมาทอดสายตามองไปยังปลายฟ้าที่มองมาก่อนแล้ว มีเพียงประตูกระจกใสชั้นนอกที่กั้นระหว่างทั้งสอง เพียงแป๊บเดียวภีร์ก็เดินกลับเข้าไปด้านในเพื่อเข้าห้องฆ่าเชื้อเพราะการผ่าตัดจะเริ่มขึ้นในอีกยี่สิบนาทีข้างหน้า (หมอหรือเจ้าหน้าที่ที่จะเข้าห้องผ่าตัดที่เป็นห้องปลอดเชื้อได้ต้องสวมชุดปลอดเชื้อและต้องเข้าห้องฆ่าเชื้ออย่างน้อย15นาที)
ห้องผ่าตัด
อากาศเย็นยะเยือกและเสียงที่เงียบกริบจนดูน่าอึดอัด เจ้าหน้าที่ทุกคนมีสีหน้าเคร่งเครียด คนไข้นอนหลับตานิ่งไม่ไหวติงด้วยฝีมือของหมอดมยา (วิสัญญีแพทย์) ภีรภัทรในชุดสีน้ำเงินเข้มสวมหมวกพร้อมด้วยผ้าปิดปาก พยาบาลผู้ช่วยสวมชุดปลอดเชื้อสีฟ้าทับให้อีกชั้นและสวมถุงมือยางให้กับเขา จากนั้นเดินเข้ามายืนประจำตำแหน่งที่คุ้นเคย โดยมีแพทย์ผู้ช่วยคนอื่น ๆ ยืนตามลำดับความสำคัญ
เมื่อสัญญาณไฟสีเขียวถูกเปิดขึ้นพร้อมกับข้อความขึ้นโชว์ In The Operation นั่นหมายความว่าการผ่าตัดได้เริ่มขึ้นแล้ว เสียงเครื่องวัดระดับออกซิเจนและวัดชีพจรยังคงทำงานอย่างต่อเนื่อง น้ำเกลือหยดลงจากกระปุกที่แขวนอยู่ที่เสาและไหลลงตามสายซึมเข้าสู่ร่างกายคนไข้
“Heart rate 100 (อัตราการเต้นของหัวใจ) Bp (blood pressure) ความดันโลหิต 130/80 ครับ” แพทย์ฝั่งหัวเตียงรายงานตามหน้าที่ ภีร์พยักหน้ารับรู้ก่อนจะเริ่มทำการผ่าตัด
สครับเนิร์สวาง blade (มีดผ่าตัด) ลงบนมือหนาที่แบรออยู่ด้วยความคล่องแคล่ว มีดเล็ก ๆ ที่แสนจะคมกริบถูกกรีดลงบนผิวเป็นทางยาวเฉียงตั้งแต่ช่วงใต้ลิ้นปรี่ไปทางชายโครงซ้ายใต้กะบังลม เลือดสีสดไหลซึมออกมาอย่างรวดเร็ว แพทย์ที่อยู่ถัดไปใช้ผ้าก๊อซซับเลือดอย่างรู้หน้าที่โดยที่หมอภีร์ไม่ต้องบอก ทีมแพทย์อีกฝ่ายก็ช่วยกันใช้ retractors (เครื่องมือถ่างแผล) เปิดช่องท้องให้กว้างขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับการผ่าตัด
“non-tooth tissue forceps” (คีมชนิดไม่มีเขี้ยวใช้จับอวัยวะที่บอบบาง) เสียงทุ้มของภีร์บอกกับสครับเนิร์สเพื่อขอเครื่องมือผ่าตัดที่ต้องการ
“mayo scissors” (กรรไกรที่ค่อนข้างใหญ่และหนา ใช้ตัดเนื้อเยื่อที่หนา) เครื่องมือผ่าตัดถูกยื่นให้คุณหมอหนุ่มตามที่เรียกใช้ ซึ่งเครื่องมือที่หมอภีร์ใช้ในการผ่าตัดเป็นเครื่องมือที่เหมาะสมกับอวัยวะภายในแต่ละส่วนแตกต่างกันไป และระหว่างรอกรรไกรอันใหม่จาก สครับเนิร์ส ภีร์ก็ไม่ได้ละสายตาจากจุดผ่าตัดแม้สักนาที
“Metzenbaum scissors (กรรไกรตัดชิ้นเนื้อ) ” ภีร์รับกรรไกรเม็ทเซ็นบอมจากสครับเนิร์สอีกครั้งและรอให้แพทย์ผู้ช่วยดูดเลือดให้ลดน้อยลง เสร็จแล้วจึงทำการตัดเลาะเนื้อเยื่อส่วนที่เป็นเนื้อร้ายออก
มือหนาทั้งสองข้างและสายตาคมทั้งสองข้างทำหน้าที่ประสานกันเป็นอย่างดี เนื้อร้าย ๆ ค่อย ๆ ถูกตัดออกทีละนิดโดยพยายามรักษาเนื้อดีไว้ให้มากที่สุด เม็ดเหงื่อผุดขึ้นเต็มใบหน้าทั้งที่อากาศในห้องเย็นเฉียบ เวลาผ่านไปกว่าสองชั่วโมงการผ่าตัดที่ค่อนข้างกดดันก็สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
“เย็บ” ภีร์เอ่ยสั่งอีกครั้งเมื่อดูจนแน่ใจว่าได้ตัดชิ้นเนื้อร้ายออกจนหมดแล้ว ก่อนที่แพทย์จะลงมือเย็บไหมแบบละลายอย่างคล่องแคล่วโดยมีผู้ช่วยที่คอยช่วยจับอุปกรณ์ เมื่อเย็บปิดกระเพาะเสร็จแล้วขั้นตอนสุดท้ายก็คือการเย็บปากแผลที่ได้ทำการผ่าเปิดช่องท้องเอาไว้อย่างพิถีพิถัน การผ่าตัดผ่านไปได้ด้วยดีทำให้ทุกคนที่อยู่ภายในห้องผ่าตัดอันเย็นเยียบยิ้มได้
“เรียบร้อยครับ เดี๋ยวทำความสะอาดแผลภายนอกอีกครั้งแล้วเคลื่อนย้ายคนไข้ไปห้องพักฟื้นหลังผ่าตัดได้เลยนะครับ” ภีร์บอกกับ สครับเนิร์สก่อนแล้วมองดู Heart rate และ blood pressure อีกครั้งเมื่อแน่ใจว่าอยู่ในภาวะปกติจึงเดินออกจากห้องผ่าตัด
ทางด้านปลายฟ้าได้แต่ภาวนาในใจขอให้การผ่าตัดเนื้อร้ายครั้งนี้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ในขณะที่ความกังวลของปลายฟ้ากำลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพราะพ่อของเธอเข้าไปในห้องผ่าตัดนานแล้ว เป็นจังหวะเดียวกับที่ภีร์เดินออกมาจากห้องผ่าตัดพอดีด้วยสีหน้าเรียบนิ่งหลังจากที่ล้างมือด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อและเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้ว
“การผ่าตัดผ่านพ้นไปได้ด้วยดีครับ” คำพูดของคุณหมอหนุ่มเหมือนสวรรค์ส่งเทวดาลงมาช่วยเหลือครอบครัวเธอ ร่างบางโผลเข้ากอดภีร์ด้วยความดีใจรอยยิ้มปนเสียงสะอื้นและน้ำตาแห่งความดีใจไหลลงอาบแก้มเนียนซีด เมื่อถูกร่างบางกระโดดเข้าสวมกอดแบบไม่ทันตั้งตัวภีร์จึงยกแขนขึ้นกอดตอบเพื่อต้องการสื่อถึงกำลังใจและความรู้สึกโล่งใจไปให้หญิงสาวรับรู้เช่นกัน
“ดีใจแทนญาติคนไข้เหมือนกันนะที่การผ่าตัดเป็นที่น่าพอใจสงสัยจะดีใจมากยืนกอดหมอภีร์กลมเลย” ภาพศัลยแพทย์หนุ่มยืนกอดกับญาติคนไข้หน้าห้องผ่าตัดถูกแชร์และพูดถึงไปทั่วทั้งโรงพยาบาล เสียงซุบซิบต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นภาพที่น่ารักบางคนถึงกลับร้องด้วยความดีใจ การรักษาที่สำเร็จนั่นเป็นความปรารถนาของคุณหมอและพยาบาลทุกคน ความรู้สึกเมื่อการผ่าตัดสำเร็จลุล่วงเป็นสิ่งที่ผู้ให้การรักษาดีใจไม่ต่างจากญาติเลยด้วยซ้ำ
“ขอบคุณมากนะคะขอบคุณที่ช่วยพ่อฉันจนสำเร็จ” เสียงเล็กกล่าวขอบคุณคุณหมอหนุ่มด้วยใบหน้าที่เกลื่อนไปด้วยน้ำตาแห่งความยินดี
“การผ่าตัดเป็นเพียงขั้นตอนหนึ่งของการรักษาเท่านั้น คนไข้ยังต้องทำคีโมต่อด้วยแต่โอกาสที่ท่านจะหายก็มีมากขึ้นครับ”
“ฉันทราบค่ะแต่อย่างน้อยคุณก็ผ่าเอาเนื้อร้ายออกไปจากร่างกายของพ่อฉันสำเร็จ”
“ผมรับปากคุณแล้ว ผมก็ต้องทำให้ได้” น้ำเสียงอบอุ่นพร้อมสายตาที่ดูอาทรถูกส่งไปให้หญิงสาวยามเมื่อพูดออกมา จนภีร์และปลายฟ้ามัวแต่ยืนกอดกันเพราะความดีใจจนลืมไปว่าตอนนี้ทั้งคู่ยืนอยู่หน้าห้องผ่าตัด จนเมื่อพ่อของปลายฟ้าถูกเข็นออกมาเพื่อไปพักดูอาการในห้องพักฟื้นหลังการผ่าตัดทั้งคู่จึงแยกออกจากกัน
“พ่อคุณพึ่งผ่าตัดเสร็จต้องนอนดูอาการในห้อง ICU หลังผ่าตัดสักสองชั่วโมง ถ้าไม่มีอาการแทรกซ้อนอะไรก็กลับไปพักฟื้นที่ห้องผู้ป่วยเดิมได้” ภีร์บอกเมื่อปลายฟ้าตั้งท่าจะถามเมื่อเห็นพ่อของเธอถูกเข็นออกมาจากห้องผ่าตัด
“แล้วอีกหลายวันไหมคะกว่าที่พ่อของฉันจะได้ออกจากโรงพยาบาล”
“ผมขอดูอาการของคนไข้หลังการผ่าตัดสักสามสี่วันก่อนนะครับถ้าหากฟื้นตัวได้ดีตามที่คิดไว้ก็สามารถกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้ แล้วจะนัดมาตรวจติดตามอาการอีกที” ภีร์บอกกับปลายฟ้าถึงขั้นตอนต่อไปของการรักษา ปลายฟ้าที่ได้ฟังจึงส่งยิ้มไปให้คุณหมอหนุ่มอีกครั้งและครั้งนี้เป็นรอยยิ้มที่แสดงออกถึงความรู้สึกของเธอ ภีร์ถึงกับต้องรีบหันหน้าไปทางอื่นเพราะรอยยิ้มของปลายฟ้าครั้งนี้
ตึก ตึก ตึก
“ธรรมดาโลกไม่จำเป็นไงบ้างครับคุณหมอภีรภัทรผู้โด่งดังที่สุดในโรงพยาบาลตอนนี้” เสียงเอ่ยแซวดังมาจากบุคคลผู้มาใหม่ที่ยังเดินมาไม่ถึงโต๊ะด้วยซ้ำ
“แดกดันกูเพื่อ”
“สรุปยังไงกับเด็กคนนั้น”
“อะไรคือยังไง” ภีร์ถามย้ำอีกครั้งคิ้วหนาขมวดเข้าหากันเป็นปม
“ก็ความสัมพันธ์ของมึงกับญาติคนไข้ที่ชื่อปลายฟ้านั่นน่ะ อย่าบอกนะว่ามึงไม่ได้คิดอะไรกับเขา ยืนกอดกันกลมกลางโรงพยาบาลขนาดนั้นถ้าตอบกูว่าไม่มีอะไร..ต่อไปกูคงต้องกินหญ้าแทนข้าวแล้วล่ะ” ภาคย์พูดดักรอไว้ก่อนเพราะคนอย่างภีร์ถ้าไม่ถึงที่สุดจริง ๆ ก็ไม่ยอมรับความจริง
“ก็ไม่มีอะไรไงเขาแค่ดีใจมากไปหน่อยก็แค่นั้น” ภีร์ยังทำหน้าตายตอบภาคย์และสนใจอยู่แต่โทรศัพท์ในมือที่กำลังเลื่อนดูข่าวสารที่สนใจ
“เหตุการณ์ที่หน้าห้องผ่าตัดบอกกูว่าดีใจกูพอเข้าใจ แต่การที่ยอมให้เขามานอนในห้องพักแพทย์และตัวเองทนนั่งหลับบนเก้าอี้คงไม่ใช่เพราะสงสารหรอกนะ” ภาคย์ถามขึ้นราวกับว่าอยู่ในเหตุการณ์ด้วย จนภีร์มีสีหน้าที่เปลี่ยนไป
“มึงมองหาอะไร” ภาคย์ถามขึ้นหลังจากที่ภีร์เอาแต่มองซ้ายมองขวากวาดสายตามองไปรอบ ๆ ห้อง
“กล้องวงจรปิด มึงแอบติดกล้องไว้ในห้องทำงานกูใช่ไหมไอ้ภาคย์” ภีร์ถามขึ้นเสียงดังสีหน้าจริงจัง สายตาคมจ้องหน้าเพื่อนเพื่อรอฟังคำตอบ
“ติดห่าอะไรล่ะ มันละเมิดสิทธิส่วนบุคคลทำแบบนั้นได้ที่ไหนกัน”
“แล้วมึงรู้ความเคลื่อนไหวของกูได้ยังไงอย่างกับว่ามึงอยู่ในกระเป๋าเสื้อกูตลอดอย่างนั้นแหละ” สายตาคมหรี่ตามองเพื่อนอย่างสงสัย
“กูไม่ใช่เศษเหรียญนะที่จะไปอยู่ในกระเป๋ามึงแล้วสรุปว่ายังไงเรื่องมึงกับเด็กคนนั้น” ภาคย์ยังไม่ลดละที่จะเอาคำตอบจากภีร์เรื่องปลายฟ้า
“ก็ไม่มีอะไรก็แค่สงสาร เห็นอดหลับอดนอนมาหลายวันมาหลายวัน” คำพูดข้าง ๆ คู ๆ ของภีร์ไม่ได้ทำให้ภาคย์เชื่อในเหตุผลนั้นเลยสักนิด
“ฮึ..สงสาร มึงระวังจะตกม้าตายเพราะคำว่าสงสาร”
“ไม่มีทางกูก็แค่มีมนุษยธรรม ก็พวกมึงบอกกูเองไม่ใช่หรือไงว่ากูเหมาะที่จะช่วยเคสนี้กูก็ทำแล้วไง” ภีร์ที่รู้สึกว่าตัวเองกำลังจะจนมุมภาคย์เริ่มอ้างเหตุผลที่เพื่อนตัวเองเคยบอกไว้
“มึงอย่ามาอ้างไอ้ภีร์ต่อให้พวกกูพูดยังไงถ้ามึงไม่รับเคสกูจะทำอะไรมึงได้ ไหนมึงบอกไม่ชอบเขาเพราะทำตัวไม่เหมาะสมต่อหน้านักเรียนไม่ใช่หรือไง”
“กูก็ไม่ได้บอกว่ากูชอบสักหน่อย กูก็บอกมึงอยู่นี่ไงว่ามันไม่มีอะไร” ภีร์เอาเสียงเข้มเข้าข่มเพื่อน
“ว่าไงไอ้ภีร์กูเรียกมึงว่าหมาภีร์ได้หรือยัง ไหนบอกว่าไม่มีทางอ่อนไหวกับผู้หญิงคนไหนง่าย ๆ ไง รู้สึกตอนนี้นอกจากจะดังไปทั่วโรงพยาบาลแล้วคุณหมอภีรภัทร ยังยอมให้ผู้หญิงยืนกอดหน้าห้องผ่าตัดด้วย” เวย์ที่พึ่งเคลียร์เคสเสร็จเดินเข้ามาสมทบกับสองหมอหนุ่มในห้องพร้อมส่งเสียงแซวมาทันที
“อะไรของพวกมึงไม่มีอะไรทำหรือยังไงมาคอยแต่จับผิดกูอยู่ได้” คนที่ถูกเพื่อนรุมแซวแกล้งทำท่าหงุดหงิด
“ก็ไม่ต่างจากที่มึงชอบจับผิดกูตอนที่กูกำลังจีบเมียหรอกไอ้ภีร์” เวย์สวนกลับแบบไม่ลดละเช่นกัน
“ตอนนั้นมึงมีอะไรเพราะมึงคิดอะไรกับสไมล์ไงไอ้เวย์ แต่กูไม่มีอะไรเพราะกูไม่ได้คิดอะไรกับปลายฟ้า” คนที่เคยออกตัวแรงว่าจะไม่มีวันยอมใจอ่อนกับผู้หญิงคนไหนยังคงเสียงแข็ง
“สายตามึงมันไม่ได้บอกแบบนั้น กูว่ามึงอยากเรียนดนตรี” ภาคย์พูดจบก็เดินออกไปทันที
“หมอหนุ่มผู้หลงรักในเสียงดนตรี” เวย์ยิ้มและยักคิ้วให้ภีร์แบบกวน ๆ ก่อนจะเดินตามภาคย์ออกไปอีกคน