แชร์

ตอนที่ 3 ยอมรับชะตา

ผู้เขียน: ฟู่จินเฟย
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-02-21 12:37:12

“หมิงอี้!! ลูกข้า เจ้าฟื้นแล้ว”

อิ้เฟินรีบวางไม้ฟืนที่หอบมาลงกองที่พื้น แล้วรีบวิ่งไปหาสาวน้อยที่นั่งอยู่ทันที พอถึงตัวก็คว้ามากอดอย่างรักใคร่

“แม่ดีใจยิ่งนัก เจ้าหิวหรือไม่ นอนหลับไปตั้งหลายวัน”

อิ้เฟินละล้ำละลักถามลูกสาว

“เอ่อ!”

“นี่แม่ได้ปลามา เดี๋ยวรีบทำข้าวต้มให้เจ้ากินเลย นั่งรอข้าประเดี๋ยวนะ”

ด้วยความดีใจที่ลูกสาวฟื้น อี้เฟินจึงกระวีกระวาดรีบตระเตรียมข้าวต้มมาต้ม พร้อมนึ่งปลาเตรียมให้สาวน้อยทันที

อี้หมิงนั่งมองหญิงวัยกลางคนที่ตอนนี้กระวีกระวาดก่อไฟ ทำอาหารให้นางทานอย่างเซ็ง ๆ

” เฮ้อ นี่เธอจะต้องอยู่ที่นี่จริง ๆ หรือนี่ “

ผ่านไปไม่นาน อี้เฟินก็ยกสำรับอาหารมาวางตรงหน้าสาวน้อย

อี้หมิงมองอาหารที่มีเพียงข้าวต้มเปล่าๆ ที่และปลานึ่ง และมีผักต้มอีกเล็กน้อย แล้วเงยหน้ามองนางที่บอกว่าเป็นแม่ของนาง อย่างนึกอนาถ

” นี่ หมืงอี้เจ้ากินเยอะ ๆ นะ ข้าตั้งใจทำสุดฝีมือเลย หลับไปตั้งหลายวันฮึ “เฟินอี้ใช้ตะเกียบคีบเนื้อปลาไปวางบนชามลูกสาว ในขณะที่นางเลือกกินเฉพาะผัก

ด้วยกลิ่นของข้าวต้มถึงแม่จะดูธรรมดาแต่กลิ่นก็หอมยั่วกระเพาะของอี้หมิงใช่ย่อย บอกกับนอนสลบไปหลายวันจึงทนไม่ไหวทรีบยกชามข้าวขึ้นจ่อที่ปากแล้วใช้ตะเกียบเขี่ยเข้าปากอย่างรวดเร็ว

“แค่ก แค่ก”

“ค่อย ๆ สิลูก ประเดี๋ยวก็ติดคอหรอก” อี้เฟินดุแล้วลูบหลังให้ร่างบาง อี้หมิงผงกหัวรับแต่หน้าไม่เงยจากชามข้าวต้มเลยซักนิด ผ่านไปครู่เดียวข้าวต้มก็ลงไปอยู่ในท้องของนางจนหมดเกลี้ยง

” อ่าาา อิ่ม “อี้หมิงส่งเสียงแล้วเลียริมฝีปากอย่างอร่อย

” มา ๆ แม่จะเอาไปเก็บ เจ้านอนอีกสักหน่อยนะอ่ะ “อี้เฟินบอกลูกสาว แล้วยกเอาชามข้าวไปล้างทำความสะอาด

อี่หมิงเมื่อไม่มีอะไรทำก็คิดไปถึงบิดากับมารดาที่นางจากมา ป่านนี้พวกเขาจะคิดถึงนางกันบ้างมั๊ยนะ

~โลกปัจจุบัน~

ทีวีหลายช่อง สื่อ วิทยุต่างประโคมข่าวที่นักศึกษาจาก มอชื่อดังกลางกรุงปักกิ่งเป็มลมและเสียชีวิตขณะไปเข้าค่าย

เสียงซุบซิบดังไปทั่วทั้งมอด้วยความสงสาร ในขณะที่พ่อแม่ของอี้หมิงก็ร่ำไห้ในพิธีฝังศพของลูกสาวอย่างโศกเศร้า

” โถ่วลูกรัก เจ้าช่างมีบุญน้อยเสียจริง ๆ ชาติหน้ามาเกิดเป็นลูกของแม่ใหม่นะลูกนะ”

” ฮึก ๆ ”

“ปึก ปึ๊ก ปึก” เสียงฝ่าฟืนจากหญิงสูงวัยเรียกสติหมิงอี้ที่กำลังเหม่อให้กลับมา

สาวน้อยมองภาพคนที่บอกว่าเป็นแม่นางอย่างนึกเวทนา นางใช้ขวานผ่าฟืนทีละท่อน ในขณะที่มือเหี่ยวย่นก็คอยยกซับเหงื่อไปด้วย จึงลุกเดินเข้าไปหาแล้วขอช่วยทำ แต่ก็โดนอี้เฟินไล่ให้มานั่งพัก โดยให้เหตุผลว่าเธอพึ่งฟื้น ประเดี๋ยวอาการจะกลับมากำเริบอีก จึงได้แต่ถอยมานั่งหงอยอยู่บนตั่งที่เดิม

“พี่หมิงอี้~~~~~พรึบ”

แรงกระโดดกอดจากสาวน้อยทำให้เธอล้มหงายหลังลงไปบนเตียง

“พี่หมิงอี้ ในที่สุดพี่ก็ฟื้นซักที”

“จะ เจ้า คือใครกัน” อี้หมิงขยับกายถอยออกห่างจากสาวน้อยตรงหน้าที่แต่งตัวมอมแมมไม่ต่างจากเธอมากนัก

“นี่พี่เลอะเลือนเหมือนคนเขาลือกันจริงด้วย ฮึ!! เจ็บใจเจ้าพวกอันธพาลนั่นนักที่มาตีพี่ พี่ถึงเป็นแบบนี้” สาวน้อยตรงหน้ากอดอกแล้วทำท่าทางเข็นเขี้ยว

“ข้าชื่อ เฟิน เฟิน” สาวน้อยพูดชื่อตัวเองช้า ๆ ทีละคำ

“เราเป็นพี่น้องที่สนิทกันมาก บ้านข้าอยู่ข้างๆ พี่นี่เอง เราตัวติดกันตลอด ไปไหนไปกันไม่ทอดทิ้งกัน พี่พอจะนึกออกหรือไม่” เฟินๆ กอดอกเล่าอย่างตั้งใจเผื่อจะเรียกความทรงจำของหมิงอี้กลับมา

อี้หมิงขมวดคิ้วมุ่น ส่ายหน้าช้า ๆ

” ไม่เป็นไร ๆ เดี๋ยวค่อย ๆ นึกก็ได้แค่พี่ฟืนขึ้นมาก็ดีแล้ว ถ้าวันนั้นข้าไม่ชวนพี่ไปรอรับอาหารจากเศรษฐีในเมืองพี่คงไม่เป็นแบบนี้ ฮึก ฮึกๆ “เล่าไปมาสาวน้อยนามเฟินเฟิน ก็แบะปากร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมา

อี้หมิงเห็นดังนั้นก็รีบเข้าไปปลอบสาวน้อยขี้แยยกใหญ่

” ไม่เป็นไรๆ อย่าโทษตัวเองเลยนะ ไหนๆ เจ้าเล่าให้ข้าฟังซิว่าข้าเป็นยังไง เผื่อจะจำอะไรขึ้นมาได้บ้าง”

” อื้อๆ ได้เลย “เฟินๆ ยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่เลอะแก้มมอมแมมออก ก่อนจะเล่าย้อนไปถึงต้นตอและที่มาของชุมชนคนเร่ร่อนที่ตนอยู่ให้อี้หมิงฟัง

” แม่ข้า เคยเล่าให้ฟังว่า เดิมเราไม่ใช่คนในแคล้นต้าหลี่แห่งนี้ เราอพยพมาจากแคว้นเหลียนจง แคว้นที่เคยยิ่งใหญ่มากๆ เดิมแคว้นเรายิ่งใหญ่และอุดมสมบูรณ์มาก จึงมีแต่เมืองต่าง ไม่คอยแต่จะจ้องโจมเพื่อครอบครองสมบัติของแคว้นเรา ว่ากันว่าถ้าใครได้ครองแคว้นแห่งเหลียนจงก็เปรียบเสมือนเป็นใหญ่กว่าแคว้นทั้งปวงในดินแดนกว้าใหญ่แห่งนี้ ในเมื่อสวรรค์มีเทียนกง เมืองมนุษย์ก็มีจักพรรดิเเคว้นเหลียนนี่แหละที่ใหญ่ไม่แพ้กัน” เฟินๆ ตั้งอกตั้งใจเล่า ในขณะที่อี้หมิงก็ตั้งใจฟังด้วยความสนใจ

“แต่จุดจบของแคว้นก็มาถึงเมื่อต่างแคว้นเข้ามายุยงปั่นปวนราชสำนัก ขุนนางหลายคนเกิดความโลภ ทำให้เกิดการหักหลังกันขึ้น จนจักพรรดิแห่งต้าหลี่ที่รู้ถึงความระส่ำระส่ายของเหลียนจงในครานั้นถือโอกาสเข้าโจมตีตอนแคว้นที่กำลังเกิดแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกัน ทำให้แคว้นเหลียนที่เคยยิ่งใหญ่แพ้ศึกราบคาบ แต่ไม่มีผู้คนล้มตายมากนักเพราะจักรพรรดิแห่งต้าหลี่ไม่ได้กะจะเอาไพล่พลแคว้นเหลียงให้ถึงตาย แค่จักรพรรดิเหลียนยอมจำนน ต้าหลี่เพียงแต่กวาดต้อนไพล่พลกลับมาที่แคว้นต้าหลี่ก็เท่านั้น ซึ่งหนึ่งในนั้นคือพวกเราเอง”

“อื้อฮึ” อี้หมิงพยักหน้าตาม แล้วสรุปในใจว่าตอนนี้เธอย้อนมาที่ไหนซักยุคไม่รู้จัก เนื่องจากเธอไม่ใช่คนที่สนใจประวัติศาสตร์มากนัก แต่ช่างเหอะในเมื่อมาแล้วก็กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้อยู่ดี

“เฮ้อออ!” อี้หมิงถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างปลงตก ยอมรับในชะตากรรม

………………….

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
Supapond Yodsin
ตอน3นี้ซ้ำกันกับตอน2ก่อนหน้านี้เลย เหมือนกันเป๊ะ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทล่าสุด

  • หมิงอี้ เศรษฐีนีชาวสวน   ตอนที่ 120 ไม้เบื่อไม้เมา

    “หมิงอี้ ไม้ไผ่ที่เจ้าต้องการ ตอนนี้ตัดได้ครบตามจำนวนตามที่สั่งแล้วล่ะ” อู๋ไป๋รีบเดินปรี่เข้ามารายงานหมิงอี้ในทันทีที่ทำงานลุล่วงตามที่หมิงอี้สั่งไว้ ด้วยสภาพที่โชกไปด้วยเหงื่อแต่ก็ทำเพียงใช้หลังมือเช็ดออกเพียงเท่านั้น โดยที่เจ้าตัวนั้นมิได้สนใจที่จะใช้ผ้าเช็ดออกแต่อย่างใดภาพของอู๋ไป๋ตรงหน้านางในเวลานี้ทำให้หมิงอี้ได้แต่ส่ายหน้ายิ้ม ๆ พร้อมทั้งยื่นน้ำเย็นชื่นใจเพื่อเป็นการขอบคุณอยู๋ในที“ครบแล้วเช่นนั้นพวกเราก็เดินทางกลับกันเถิด เดี๋ยวจะค่ำมืดเสียก่อน เฮ้อชินอีหากมีเวลามากกว่านี้ข้าเองก็ยังอยากว่ายน้ำในลำธารนั่นอีกอยู่ดี” หมิงอี้อดที่จะเอ่ยออกมาอย่างนึกเสียดายเสียมิได้ แต่ภาระงานข้างหน้ายังรออยู่อีกอย่างในใจก็ยังเป็นห่วงมารดาอยู่มากจึงเร่งเดินทางกลับในทันที“โธ่ นายหญิงน้ำเย็นเพียงนั้นชินอีล่ะไม่เห็นว่าจะน่าภิรมย์เลยเจ้าค่ะ”“ก็เจ้าไม่ชอบอาบน้ำนี่นา เจ้าไม่เข้าใจหรอกชิ ไปเถอะ ๆ ” หมิงอี้เอ่ยพร้อมทั้งเร่งเดินตามขบวนคนงานเพื่อมุ่งออกจากป่าตรงกลับหมู่บ้านคนอพยพของตนคล้อยหลังเหล่าขบวนขนไม้ของหมิงอี้ เฉิงอี้ที่ซ่อนกายเพื่อซุ่มดูมาครู่ใหญ่ก็ได้เผยตนออกมา พร้อมทั้งหันไปสั่งราชองครักษ์คนสนิ

  • หมิงอี้ เศรษฐีนีชาวสวน   ตอนที่ 119 หมาป่าถ้ำมอง

    เฉิงอี้ไม่ปล่อยให้ถูกความใครรู้ครอบงำ เขาค่อย ๆ ขยับกายอย่างแผ่วเบาย่องเข้าไปประชิดหลบหลังต้นไม้ใหญ่ใกล้ริมธารน้ำ ทันทีที่แลเห็นใบหน้าหญิงงามที่เข้าใจว่าฝ่ายตรงข้ามวางกลอุบายหวังลวงหลอกตนเข้า ฉับพลับใบหน้าคมคายหล่อยเหลาพลันแดงก่ำ ก่อนครู่ต่อมาจะกัดฟันกรอดหันไปสั่งองครักษ์ของตนอย่างรวดเร็วให้รีบหันหน้ากลับไป“บัดซบ เย่หลาง!หยุดตรงนั้นแล้วหันกลับไปซะ!”“....เอ่อ พะย่ะค่ะ” เย่หลางที่กำลังเตรียมเคลื่อนตัวตามผู้เป็นนายพลันชะงักเท้ากึก แล้วหันไปอย่างรวดเร็วในใจสับสนแลสังสัยอยู่มิน้อยกับคำสั่งกะทันหันของผู้เป็นนายเฉิงอี้หลังออกคำสั่งแล้วเสร็จ แต่ทว่าตนนั้นกลับขยับเท้าเข้าใกล้ริมลำธารอย่างเผลอไผล ภาพสตรีเรือนร่างขาวกระจ่างยวนตาท่ามกลางแสงจันทร์รำไรที่ตกกระทบกับสายน้ำจนเกิดเป็นแสงระยิบระยับขึ้น ทำให้ภาพหมิงอี้เวลานี้ที่เขามองซุ่มดูอยู่นั้นดูราวกับนางฟ้านางสวรรค์ก็มิปาน“นายหญิงขึ้นมาได้แล้วเจ้าค่ะ อากาศเริ่มเย็นมากแล้วเดี๋ยวไม่สบายเอานะเจ้าคะ อีกอย่าง ...เอ่อ แถวนี้น่ากลัวพิลึก นายหญิงขึ้นเถอะเจ้าค่ะ”ชินอีที่เริ่มกลัวขึ้นมาเมื่อบรรยากาศโดยรอบถูกปกคลุมด้วยความมืด มีเพียงแสงโคมไฟพอสลัวที่ตนนั้นห

  • หมิงอี้ เศรษฐีนีชาวสวน   ตอนที่ 118 ป่าไผ่อลวน [2]

    ขบวนคาราวานของหมิงอี้และพวกที่เดินทางมุ่งหน้าสู่ชายป่าวัดฉงซิ่งในที่สุดก็มาถึงจุดที่เหมาะแก่การตั้งกระโจมที่พัก พื้นที่พักติดริมธารน้ำ ด้านหลังเป็นป่าไผ่ขนาดใหญ่เกิดเรียงกันเป็นทิวแถวสลับกอกันไปทั้งน้อยใหญ่ซึ่งการเดินทางนั้นต้องเดินให้ลึกเข้ามาพอสมควรเพราะต้นไผ่ที่ตนต้องการนั้นต้องลำอวบใหญ่ ฉะนั้นจำต้องเข้าป่ามาลึกกว่าปกติ และชายป่าที่ตนและพวกกำลังตั้งกระโจมอยู่นี้นั้นได้ยินอู๋ไป๋บอกกับว่าที่ ๆ พวกต้นกำลังตะว่าเกือบสุดเขตเมืองหลี่ก็ว่าได้ เวลานี้เป็นเวลาพลบค่ำแล้วแสงตะวันเริ่มจะลาลับขอบฟ้าทำให้ต้องจุดไฟเสียตั้งแต่ยังไม่มืด สายลมเย็นยะเยือกพัดผ่าน ต้นไผ่เอนไหวโน้มกิ่งเข้าหากันลำต้นเสียดสีไปมาพลันเกิดเป็นเสียงเอี๊ยดอ๊าดคล้ายคนบรรเลงเพลง หากแต่ในความคิดของหมิงอี้คิดว่าเสียงนี้ช่างน่ากลัวและวังเวงยิ่งนักจนอดที่จะยกมือขึ้นมาลูบเรียวแขนของตัวเองเสียมิได้“ชินอี ทำไมข้ารู้สึกว่าเสียงนี้มันช่าง...”ชินอีหันมาสนใจผู้เป็นนายอย่างใคร่สงสัยนางนั้นไม่รู้สึกว่ามีสิ่งใดแปลก ป่าก็คือป่าและเสียงเอี๊ยดอ๊าดสีกันของต้นไผ่ในเวลานี้ก็ย่อมเป็นเรื่องปกติ“ช่างกะไรรึเจ้าคะ”“ก็มันช่างน่ากลัวพิลึกน่ะสิ”หมิงอี

  • หมิงอี้ เศรษฐีนีชาวสวน   ตอนที่ 117 ป่าไผ่อลวน [1]

    “หมิงอี้เจ้าจะไปจริงรึ”อี้เฟินมองบุตรสาวด้วยสายตาเป็นห่วง ในใจนั้นรู้สึกโหวงหวิวพิกล ตั้งแต่เล็กจนโตแม้กระทั่งผ่านความเป็นความตายมาตนและบุตรสาวนั้นล้วนไม่เคยต้องห่างกันเลยซักครา“ท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะเจ้าคะ ข้าไปเพียงสองคืน หากได้ไม้ไผ่ครบแล้วจะรีบกลับมาทันทีเลยเจ้าค่ะ อีกอย่างป่าแถบวัดฉงเซิ่งก็ไม่ไกลล้วนไม่มีอันตรายแน่นอนเจ้าค่ะ อู๋ไป๋ก็ไปด้วยท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วงข้านะเจ้าคะ”หมิงอี้โอบกอดมารดาพลางมือยกลูบหลังผู้เป็นมารดาไปมาก่อนจะผละออกเพื่อเตรียมขึ้นรถม้า ส่วนสาเหตุที่ตนต้องไปคุมการตัดไม้ด้วยตนเองนั้นเป็นเพราะว่าลำไม้หากเล็กเกินไปก็ไม่ดีใหญ่เกินไปก็ไม่ดี งานนี้งานใหญ่และเป็นครั้งแรกจำต้องไปดูด้วยตนเอง“พี่หมิงอี้! รอข้าด้วยสิ”เฟิน เฟิน ที่วิ่งเข้ามาพร้อมกับย่ามในมือท่าทางเตรียมพร้อม“เฟิน เฟิน เจ้าจะไปที่ใดเจ้าอยู่กับท่านแม่ข้าที่บ้านดีกว่านะ ข้าไม่ไว้ใจใครนอกจากเจ้า”“แต่พี่หมิงอี้ เฟิน เฟิน ยะ”“เถอะนะ แค่เพียงสองคืนเท่านั้นเองเจ้าอยู่ที่เรือนนี่แหละ นะข้าจะได้สบายใจอีกอย่างเจ้าอยู่ช่วยแม่ข้าจัดหาพวกฟักนุ่นและผักบวบปห้งดีกว่าเมื่อพวกข้ากลับมาจะได้ลงปลูกได้เลย นะ นะ”หมิงอี้

  • หมิงอี้ เศรษฐีนีชาวสวน   ตอนที่ 116 ออเดอร์ถล่มทลาย [2]

    ‘ผักสะ สลัด รึ อะไรอีกนะ อะออ’‘ชื่อเรียกช่างประหลาดนัก สะ สะ สาลัด ฮะ ฮาย ดะ โอ๊ยชื่อช่างเรียกยากนัก’‘นั่นหนะสิ ชักอยากเห็นแล้วล่ะ’“เอาล่ะทุกท่าน ทุกท่านอาจจะมิคุ้นกับชื่อผักของข้าเท่าใดนัก นั่นเป็นเพราะว่าข้าอยากตั้งชื่อให้แปลกใหม่ ส่วนคำว่า ไฮโดรโปนิกส์ นั้น”ส่วนเหล่าบรรดาลูกค้ารวมไปถึงคนงานในร้าน ไม่เว้นแม้กระทั่งอู๋ไป๋ก็ต่างตั้งอกตั้งใจฟังอย่างใคร่รู้หมิงอี้ตั้งเว้นจังหวะพูดให้ดูน่าสนใจ ก่อนจะแย้มยิ้มออกมาอีกครั้งพลางเอ่ยต่อ“ไฮโดรโปนิกส์ คือ การปลูกพืช/ผักโดยการเลียนแบบธรรมชาติ ซึ่งก็มีหลายอย่างนัก หากผู้ใดสนใจข้ายินดีให้คำแนะนำได้ หากแต่ในครั้งนี้นั้นข้าเลือกใช้การปลูกแบบใช้น้ำแทน โดยที่ผักของข้านั้น...”เมื่อพูดมาจนถึงจุดสำคัญหมิงอี้ก็จับปลายผ้าคลุมและกระตุกเพียงเล็กน้อยผ้าก็เลื่อนหลุดลงพื้นโดยง่ายเผยให้เห็นโครงไม้ไผ่ที่ถูกต่อกันขึ้นเป็นชั้น ๆ สูงเกือบถึงศีรษะโดยแต่ละชั้นถูกเจาะรูและมีผักอยู่ในแต่ละรูที่เจาะมีทั้งสีเขียวสีม่วงสลับกันไป พลันเกิดเสียงฮือฮาขึ้นอีกครั้ง“โอ้โห เฮ้ย! สิ่งใดกันละนั่น”“ดะดูสิ! พวกเจ้าดู ๆ ”หมิงอี้นั้นรู้สึกพอใจเป็นอย่างมากที่เห็นการตอบรับที่เกิ

  • หมิงอี้ เศรษฐีนีชาวสวน   ตอนที่ 115 ออร์เดอร์ถล่มทลาย [1]

    หน้าร้านเทียนฝู ยามซื่อ (09.00 น.)หญิงชายทั้งบุรุษทั้งสตรีทั้งเด็กหญิงเด็กชายต่างทยอยเดินข้ามฝั่งจากตลาดใหญ่ของเมืองข้ามมายังร้านผักร้านใหญ่ที่ตั้งอยู่ลานหน้าทางเข้าหมู่บ้านของคนอพยพ จนทำให้พ่อค้าแม่ค้าในตลาดสงสัยกันใหญ่บัดนี้ผู้คนในตลาดลดลงอย่างหนาตาเมื่อมองหาสาเหตุก็พบว่าผู้คนนั้นต่างเดินมุ่งหน้าข้ามฝั่งไปยังร้านผักชื่อดังในเวลานี้นั่นเอง“เกิดอันใดขึ้นกัน ลูกค้าหายไปเสียหมด แล้วนั่นจะไปที่ใดกันเล่า”พ่อค้าร้านขนมปังเจ้าดังของตลาดถึงกับเดินออกมาส่องดู ปกติยามนี้ตลาดจะคึกครึ้นไปด้วยผู้คนที่ออกมาจับจ่ายซื้อของแต่ยามนี้ช่างหนาตาลงอย่างผิดปกตินัก“อ๋อ ได้ยินประกาศว่าร้านเทียนฝูจะเปิดขายผักชิดใหม่หนะ”พ่อค้าร้านถังหูลู่ที่ได้ยินเสียงประกาศตอนเตรียมตั้งร้านนั้นเอ่ยบอก“อ๋อถึงว่าล่ะ! ปกติแค่ถั่วงอกกับผักบุ้งก็ได้ยินมาว่าแทบจะขายไม่ทัน นี่ ๆ ข้าเห็นสาวใช้ในวังออกมาซื้อด้วยนะ พูดแล้วข้าก็ชักอยากมีบุญลิ้มลองซักครั้งแล้วสิ เช่นนั้น เมิ่งเอ๋อร์ ๆ ”“ว่าไงตาแก่ฮึ ตะโกนโหวกเหวกแต่เช้า มีเรื่องอันใด”เมิ่งเอ๋อร์ที่เจ้าของร้านขนมปังเรียกเดินออกมายืนท้าวสะเอวส่องดูผู้เป็นสามี“ถ้าจะไปร้านเทียนฝูประ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status