Share

ตอนที่ 3 ยอมรับชะตา

last update Last Updated: 2025-02-21 12:37:12

“หมิงอี้!! ลูกข้า เจ้าฟื้นแล้ว”

อิ้เฟินรีบวางไม้ฟืนที่หอบมาลงกองที่พื้น แล้วรีบวิ่งไปหาสาวน้อยที่นั่งอยู่ทันที พอถึงตัวก็คว้ามากอดอย่างรักใคร่

“แม่ดีใจยิ่งนัก เจ้าหิวหรือไม่ นอนหลับไปตั้งหลายวัน”

อิ้เฟินละล้ำละลักถามลูกสาว

“เอ่อ!”

“นี่แม่ได้ปลามา เดี๋ยวรีบทำข้าวต้มให้เจ้ากินเลย นั่งรอข้าประเดี๋ยวนะ”

ด้วยความดีใจที่ลูกสาวฟื้น อี้เฟินจึงกระวีกระวาดรีบตระเตรียมข้าวต้มมาต้ม พร้อมนึ่งปลาเตรียมให้สาวน้อยทันที

อี้หมิงนั่งมองหญิงวัยกลางคนที่ตอนนี้กระวีกระวาดก่อไฟ ทำอาหารให้นางทานอย่างเซ็ง ๆ

” เฮ้อ นี่เธอจะต้องอยู่ที่นี่จริง ๆ หรือนี่ “

ผ่านไปไม่นาน อี้เฟินก็ยกสำรับอาหารมาวางตรงหน้าสาวน้อย

อี้หมิงมองอาหารที่มีเพียงข้าวต้มเปล่าๆ ที่และปลานึ่ง และมีผักต้มอีกเล็กน้อย แล้วเงยหน้ามองนางที่บอกว่าเป็นแม่ของนาง อย่างนึกอนาถ

” นี่ หมืงอี้เจ้ากินเยอะ ๆ นะ ข้าตั้งใจทำสุดฝีมือเลย หลับไปตั้งหลายวันฮึ “เฟินอี้ใช้ตะเกียบคีบเนื้อปลาไปวางบนชามลูกสาว ในขณะที่นางเลือกกินเฉพาะผัก

ด้วยกลิ่นของข้าวต้มถึงแม่จะดูธรรมดาแต่กลิ่นก็หอมยั่วกระเพาะของอี้หมิงใช่ย่อย บอกกับนอนสลบไปหลายวันจึงทนไม่ไหวทรีบยกชามข้าวขึ้นจ่อที่ปากแล้วใช้ตะเกียบเขี่ยเข้าปากอย่างรวดเร็ว

“แค่ก แค่ก”

“ค่อย ๆ สิลูก ประเดี๋ยวก็ติดคอหรอก” อี้เฟินดุแล้วลูบหลังให้ร่างบาง อี้หมิงผงกหัวรับแต่หน้าไม่เงยจากชามข้าวต้มเลยซักนิด ผ่านไปครู่เดียวข้าวต้มก็ลงไปอยู่ในท้องของนางจนหมดเกลี้ยง

” อ่าาา อิ่ม “อี้หมิงส่งเสียงแล้วเลียริมฝีปากอย่างอร่อย

” มา ๆ แม่จะเอาไปเก็บ เจ้านอนอีกสักหน่อยนะอ่ะ “อี้เฟินบอกลูกสาว แล้วยกเอาชามข้าวไปล้างทำความสะอาด

อี่หมิงเมื่อไม่มีอะไรทำก็คิดไปถึงบิดากับมารดาที่นางจากมา ป่านนี้พวกเขาจะคิดถึงนางกันบ้างมั๊ยนะ

~โลกปัจจุบัน~

ทีวีหลายช่อง สื่อ วิทยุต่างประโคมข่าวที่นักศึกษาจาก มอชื่อดังกลางกรุงปักกิ่งเป็มลมและเสียชีวิตขณะไปเข้าค่าย

เสียงซุบซิบดังไปทั่วทั้งมอด้วยความสงสาร ในขณะที่พ่อแม่ของอี้หมิงก็ร่ำไห้ในพิธีฝังศพของลูกสาวอย่างโศกเศร้า

” โถ่วลูกรัก เจ้าช่างมีบุญน้อยเสียจริง ๆ ชาติหน้ามาเกิดเป็นลูกของแม่ใหม่นะลูกนะ”

” ฮึก ๆ ”

“ปึก ปึ๊ก ปึก” เสียงฝ่าฟืนจากหญิงสูงวัยเรียกสติหมิงอี้ที่กำลังเหม่อให้กลับมา

สาวน้อยมองภาพคนที่บอกว่าเป็นแม่นางอย่างนึกเวทนา นางใช้ขวานผ่าฟืนทีละท่อน ในขณะที่มือเหี่ยวย่นก็คอยยกซับเหงื่อไปด้วย จึงลุกเดินเข้าไปหาแล้วขอช่วยทำ แต่ก็โดนอี้เฟินไล่ให้มานั่งพัก โดยให้เหตุผลว่าเธอพึ่งฟื้น ประเดี๋ยวอาการจะกลับมากำเริบอีก จึงได้แต่ถอยมานั่งหงอยอยู่บนตั่งที่เดิม

“พี่หมิงอี้~~~~~พรึบ”

แรงกระโดดกอดจากสาวน้อยทำให้เธอล้มหงายหลังลงไปบนเตียง

“พี่หมิงอี้ ในที่สุดพี่ก็ฟื้นซักที”

“จะ เจ้า คือใครกัน” อี้หมิงขยับกายถอยออกห่างจากสาวน้อยตรงหน้าที่แต่งตัวมอมแมมไม่ต่างจากเธอมากนัก

“นี่พี่เลอะเลือนเหมือนคนเขาลือกันจริงด้วย ฮึ!! เจ็บใจเจ้าพวกอันธพาลนั่นนักที่มาตีพี่ พี่ถึงเป็นแบบนี้” สาวน้อยตรงหน้ากอดอกแล้วทำท่าทางเข็นเขี้ยว

“ข้าชื่อ เฟิน เฟิน” สาวน้อยพูดชื่อตัวเองช้า ๆ ทีละคำ

“เราเป็นพี่น้องที่สนิทกันมาก บ้านข้าอยู่ข้างๆ พี่นี่เอง เราตัวติดกันตลอด ไปไหนไปกันไม่ทอดทิ้งกัน พี่พอจะนึกออกหรือไม่” เฟินๆ กอดอกเล่าอย่างตั้งใจเผื่อจะเรียกความทรงจำของหมิงอี้กลับมา

อี้หมิงขมวดคิ้วมุ่น ส่ายหน้าช้า ๆ

” ไม่เป็นไร ๆ เดี๋ยวค่อย ๆ นึกก็ได้แค่พี่ฟืนขึ้นมาก็ดีแล้ว ถ้าวันนั้นข้าไม่ชวนพี่ไปรอรับอาหารจากเศรษฐีในเมืองพี่คงไม่เป็นแบบนี้ ฮึก ฮึกๆ “เล่าไปมาสาวน้อยนามเฟินเฟิน ก็แบะปากร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมา

อี้หมิงเห็นดังนั้นก็รีบเข้าไปปลอบสาวน้อยขี้แยยกใหญ่

” ไม่เป็นไรๆ อย่าโทษตัวเองเลยนะ ไหนๆ เจ้าเล่าให้ข้าฟังซิว่าข้าเป็นยังไง เผื่อจะจำอะไรขึ้นมาได้บ้าง”

” อื้อๆ ได้เลย “เฟินๆ ยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่เลอะแก้มมอมแมมออก ก่อนจะเล่าย้อนไปถึงต้นตอและที่มาของชุมชนคนเร่ร่อนที่ตนอยู่ให้อี้หมิงฟัง

” แม่ข้า เคยเล่าให้ฟังว่า เดิมเราไม่ใช่คนในแคล้นต้าหลี่แห่งนี้ เราอพยพมาจากแคว้นเหลียนจง แคว้นที่เคยยิ่งใหญ่มากๆ เดิมแคว้นเรายิ่งใหญ่และอุดมสมบูรณ์มาก จึงมีแต่เมืองต่าง ไม่คอยแต่จะจ้องโจมเพื่อครอบครองสมบัติของแคว้นเรา ว่ากันว่าถ้าใครได้ครองแคว้นแห่งเหลียนจงก็เปรียบเสมือนเป็นใหญ่กว่าแคว้นทั้งปวงในดินแดนกว้าใหญ่แห่งนี้ ในเมื่อสวรรค์มีเทียนกง เมืองมนุษย์ก็มีจักพรรดิเเคว้นเหลียนนี่แหละที่ใหญ่ไม่แพ้กัน” เฟินๆ ตั้งอกตั้งใจเล่า ในขณะที่อี้หมิงก็ตั้งใจฟังด้วยความสนใจ

“แต่จุดจบของแคว้นก็มาถึงเมื่อต่างแคว้นเข้ามายุยงปั่นปวนราชสำนัก ขุนนางหลายคนเกิดความโลภ ทำให้เกิดการหักหลังกันขึ้น จนจักพรรดิแห่งต้าหลี่ที่รู้ถึงความระส่ำระส่ายของเหลียนจงในครานั้นถือโอกาสเข้าโจมตีตอนแคว้นที่กำลังเกิดแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกัน ทำให้แคว้นเหลียนที่เคยยิ่งใหญ่แพ้ศึกราบคาบ แต่ไม่มีผู้คนล้มตายมากนักเพราะจักรพรรดิแห่งต้าหลี่ไม่ได้กะจะเอาไพล่พลแคว้นเหลียงให้ถึงตาย แค่จักรพรรดิเหลียนยอมจำนน ต้าหลี่เพียงแต่กวาดต้อนไพล่พลกลับมาที่แคว้นต้าหลี่ก็เท่านั้น ซึ่งหนึ่งในนั้นคือพวกเราเอง”

“อื้อฮึ” อี้หมิงพยักหน้าตาม แล้วสรุปในใจว่าตอนนี้เธอย้อนมาที่ไหนซักยุคไม่รู้จัก เนื่องจากเธอไม่ใช่คนที่สนใจประวัติศาสตร์มากนัก แต่ช่างเหอะในเมื่อมาแล้วก็กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้อยู่ดี

“เฮ้อออ!” อี้หมิงถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างปลงตก ยอมรับในชะตากรรม

………………….

Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (2)
goodnovel comment avatar
kkkkk
ซ้ำนะคนเขียนเคยกับมาอ่านรีวิวไหม
goodnovel comment avatar
Supapond Yodsin
ตอน3นี้ซ้ำกันกับตอน2ก่อนหน้านี้เลย เหมือนกันเป๊ะ
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • หมิงอี้ เศรษฐีนีชาวสวน   ตอนที่ 168 ฟ้าหลังฝนอันสดใส

    เจ็ดวันต่อมาหลังจากคดีความเสร็จสิ้นลง บัดนี้ร้านเทียนฝูกลับมาเปิดตามปกติซึ่งแน่นอนว่ามันคึกคักเกือบเท่าตัว ผักของนางที่สร้างขึ้นมากับมือต่างขายดีเป็นอย่างมากทำให้เวลานี้ทั่วทั้งบริเวณฝั่งหมู่บ้านคนอพยพคึกคักเป็นพิเศษ เฉิงอี้ที่เห็นหมิงอี้ยืนเหม่อมองบรรยากาศร้านอยู่ก็รีบสืบเท้าเข้าไปหาอย่างรวดเร็วด้วยความคะนึงถึง“หมิงอี้”“อ้าวเฉิงอี้”“ยินดีกับเจ้าที่สามารถกลับมาเปิดร้านได้เช่นเดิม ดูคึกคักทีเดียว”“อืม ต้องขอบคุณเจ้าที่ช่วยข้า”“หึ! เรื่องเช่นนี้แน่นอนว่าสำหรับข้าเจ้านั้น...”“แน่นอนสหายเช่นข้า ทั้งงดงามทั้งเป็นคนดี ชาตินี้เจ้าจะไปหาจากที่ใดใช่หรือไม่” หมิงอี้พอเดาออกว่าเฉิงอี้จะกล่าวเช่นไร เรื่องนี้หมิงอี้นั้นนอนคิดมาตลอดทั้งคืนหลังจากก่อนจากกันที่ศาลต้าหลี่วันนั้นระหว่างนั่งรถม้ากลับเฉิงอี้ได้สารภาพความในใจกับตน แต่หมิงอี้นั้นคิดว่าเรื่องนี้เช่นไรย่อมต้องไม่เกิด หมิงอี้นั้นเมื่อทบทวนตัวเองพบว่านางอยากใช้ชีวิตเรียบง่ายกับมารดาและสหายเช่นอู๋ไป๋และเฟิน เฟิน มิได้อยากมียศมีตำแหน่งและต่อสู้แย่งชิงกับสตรีอื่นใดเฉิงอี้ครั้นได้ฟังหมิงอี้กล่าวก็พอรู้ความนัย ใบหน้าคมคายหล่อเหลาราวหยกสลักก

  • หมิงอี้ เศรษฐีนีชาวสวน   ตอนที่ 167 จุดจบ

    ‘พิษปรอทหรือ! ละแล้วที่ข้ากินไปเล่า’ กู้ไห่ซินครางในใจ เมื่อคืนพวกตนจัดงานเลี้ยงให้กับกิจการที่ไปได้ดีโกยเงินได้เป็นกอบเป็นกำจึงคิดจะลองชิมมันซักครั้ง และตนนั้นกินไปมากทีเดียว ครั้นคิดถึงตรงนี้พลันก็เกิดอาการคอแข็งขึ้นอย่างรวดเร็วจนมิอาจอดกลั้นได้ ทำให้เขานั้นต้องรีบวิ่งออกมายังด้านนอกแล้วล้วงคออ้วกออกมาในทันที ซึ่งไม่ต่างกันกับเฉินอ๋องที่พยายามเก็บอาการพะอืดพะอมภายใต้ใบหน้าเรียบนิ่ง“เอาล่ะเรื่องนี้ยังไม่กระจ่าง วันนี้ยังหาข้อยุติไม่ได้!” เหวินกงมู่หน้าซีดเพราะเมื่อคืนตนนั้นก็คิดพิเรนทร์กินกันไปเสียมาก จนเมื่อรู้ต้นตอสาเหตุที่ทำให้ชาวเมืองป่วยในเวลานี้เขานั้นก็อดที่จะเหงื่อตกเสียมิได้ เหวินกงมู่บัดนี้มือชื่นเหงื่อไปเสียหมดหากแต่เขานั้นพยายามเก็บอาการไว้และเร่งตัดสินคดีตรงหน้าแบบขอไปทีเพื่อที่ตนนั้นจะรีบไปให้หมอตรวจดูเสียหน่อย ‘ไม่ได้พึ่งได้เงินก้อนใหญ่มาจะมาชิงตายก่อนได้อย่างไรกัน’ ในขณะที่เขากำลังครุ่นคิดว่าจะตัดสินคดีนี้อย่างไรเสียงหวานของสตรีที่กำลังถูกพิพากษาอยู่ในเวลานี้ก็ทำให้เขาสะดุ้งน้อย ๆ จนจำใจต้องแก้ไขสถานการณ์ไปก่อน“เช่นไรท่านเจ้ากรมหลักฐานข้ามากมายแลครบถ้วนถึงเพียงนี้ ท

  • หมิงอี้ เศรษฐีนีชาวสวน   ตอนที่ 166 ขุนนางกังฉิน

    สิ้นเสียงเอ่ยอนุญาตก็ปรากฏร่างสูงปราดเปรียวใบหน้าเคร่งขรึมเย็นชาไร้อารมณ์ขึ้น เขาเดินเข้ามาอย่างองอาจ ท่าทางหยิ่งผยองของเขานั้นสร้างเสียงฮือฮาให้แก่ชาวเมืองเป็นอย่างมาก และยิ่งเสียงดังเซ็งแซ่ขึ้นไปอีกเมื่อด้านหลังเขานั้นมีเหล่าบุรุษเพศร่างกายผอมกะหร่องดูราวกับคนขี้โรคราวสิบคนเดินเรียงแถวตามหลังกันเข้าไปยังด้านในศ่าลต้าหลี่“นี่หนะหรือพยานที่เจ้าว่า” กู้ไห่ซินระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างดัง เขาหรือก็นึกว่านางจะแน่นึกว่าหลักฐานที่นางว่าจะสร้างปัญหาให้เขาซะอีก“ท่านเสนาบดีอย่าได้พึ่งดีใจไป ลองฟังข้าก่อนสิเจ้าค่ะ” หมิงอี้แสยะยิ้มมุมปากก่อนจะเชิดหน้ากอดอกเอ่ยออกมาอย่างมิได้นึกหวั่นกลัวแต่อย่างใด เอาสิข้าตายแล้วฟื้นแถมย้อนเวลาวันนี้จะไม่ยอมเสียชาติเกิด และเกิดแล้วตาย ตายแล้วฟื้นอย่างเด็ดขาด หึ!“ฮึ ๆ” กู้ไห่ซินลูบเครายาวพร้อมทั้งยิ้มเต็มหน้าอย่างยียวน ก่อนจะละมือจากเครายาวที่กำลังลูบอยู่ก่อนจะผายมือให้นางได้ชี้แจงตัวเองให้เต็มที่ เช่นไรเขานั้นก็ย่อมมีทางหนีทีไร่ ก็แค่ตอบไปว่าเป็นผักที่ซื้อจากร้านของนาง หึ!“ท่านเจ้ากรมคนตรงหน้าท่านในเวลานี้ล้วนเป็นคนงานจากไร่ของตระกูลกู้ ไร่ที่ท่านใช้ปลูกผั

  • หมิงอี้ เศรษฐีนีชาวสวน   ตอนที่ 165 สะสาง

    เสียงกลองร้องทุกข์หน้าศาลต้าหลี่ดังขึ้นแต่เช้าตรู่ เหวินกงมู่รีบวิ่งออกมาดูด้วยอารามตกใจและมีอารมณ์นักด้วยเวลานี้ยังเช้าตรู่ และแน่นอนว่าวันนี้ตนเองนั้นไม่มีงานที่จะต้องสะสาง คดีใหญ่ก็ยังไม่ถึงวันที่จะตัดสินเช่นนั้นค่ำคืนที่ผ่านมาของเขาจึงเป็นดั่งคืนวสันต์เพราะเขาถูกเชิญไปสังสรรค์ในงานลี้ยงอันหรูหราที่ข้าราชการหลายคนใฝ่ฝันอยากไปซักครั้งที่จวนเฉินอ๋องร่างอวบค่อนไปทางเจ้าเนื้อเร่งฝีเท้าวิ่งทั้ง ๆ ที่ยังสวมชุดขุนนางยังไม่เรียบร้อยดี ด้านหลังนั้นมีสาวน้อยหน้าตาหมดจรดหลายนางวิ่งถืออาภรณ์ตามมาติด ๆ แต่ครั้นใกล้ถึงศาลาว่าการท่าทางเขากลับแปรเปลี่ยนไปราวเป็นคนละคน เหวินกงมู่เปลี่ยนจังหวะการเดินเป็นนิ่งสุขุม ก่อนจะยืนนิ่งให้สาวใช้ปรนนิบัติจัดแต่งอาภรณ์ให้เข้าที่ เพียงอึดใจเดียวเขานั้นก็ดูวางมาดผู้ว่าการศาลต้าหลี่ที่แผ่กลิ่นอายน่าเกรงขามและน่าเคารพเลื่อมใสในสายตาของชาวเมืองเสียแล้ว‘หึ! ท่าทางเช่นนี้แน่นอนว่าเขานั้นตลอดหลายปีมานี้แสดงเสียจนชิน’ปึก!“เป็นผู้ใดมาตีกลองร้องเรียนแต่เช้าตรู่เช่นนี้ เงียบ!”แท่นหมึกถูกเหวินกงมู่วางลงกระทบโต๊ะแท่นตัดสินคดีความอย่างแรงจนหมิงอี้เองถึงกลับชะงัก ส่วนผู้ค

  • หมิงอี้ เศรษฐีนีชาวสวน   ตอนที่ 164 แท้จริงคือพิษปรอท

    รถม้าวิ่งลิ่วจากร้านเทียนฝูแต่เช้าตรู่นั้นสร้างความแปลกใจให้แก่มารดาแลสหายเช่นอู๋ไป๋และเฟิน เฟิน เป็นอย่างมาก“นั่นหมิงอี้หรอ นางไปไหนกันช่างดูเร่งรีบนัก” อี้เฟินออกมาทันได้เห็นหลังบุตรสาวไว ๆ แต่ครั้นเรียกนางก็ขึ้นนั่งบนรถม้าไปเสียแล้ว“ไม้รู้เช่นกัน นางมิได้บอกอันใดเลยท่านป้า/ใช่เจ้าค่ะ ไม่ได้บอกข้าเช่นกัน” ทั้งสามมองตามหลังรถม้าด้วยแววตาเป็นห่วง ในใจรู้สึกร้อนรนจนอู๋ไป๋และเฟิน เฟิน ต้องเอ่ยปากว่าพวกตนนั้นจะเร่งตามไป เพราะมองสีหน้าป้าอี้เฟินก็รับรู้ได้ทันทีว่าท่านป้านั้นไม่สบายใจ ยิ่งช่วงนี้อยู่ในระหว่างสืบหาหลักฐานก็ยิ่งต้องระแวดระวังให้มากยู้ววววเสียงรถม้าจอดที่หน้าเรือนหลังใหญ่ที่ปลูกแยกออกมาอย่างเงียบสงบในย่านของชนชั้นสูงของราชวงศ์ หมิงอี้เร่งเดินลงจากรถม้าทันทีที่ล้อรถหยุดลง“เชิญขอรับ” ทหารยามเปิดทางให้หมิงอี้เข้าไปโดยง่ายโดยมิได้ไถ่ถามแต่อย่างใด ซึ่งนั้นสร้างความประหลาดใจให้แก่หมิงอี้อยู่มิน้อย เหตุใดการรักษาความปลอดภัยขององค์รัชทายาทถึงได้หละหลวมเช่นนี้ หรือรู้จักนางเช่นนั้นหรือ แต่หากว่ารู้จักทหารยามแน่นอนว่าย่อมมิเคยเห็นนางแต่เหตุใดถึงให้ผ่านเข้ามาโดยง่ายหมิงอี้ครุ่นคิด

  • หมิงอี้ เศรษฐีนีชาวสวน   ตอนที่ 163 ต้นตอพิษร้าย

    หานเย่รู้สึกไม่ชอบใจกับเจ้าสหายตัวใหญ่ที่บอกกล่าวแก่สตรีตรงหน้าราวตนเป็นขยะเปียกที่เก็บมาเผื่อมีประโยชน์เสียอย่างนั้น แต่กระนั้นก็จำต้องสงบใจเพราะเจ้านี่รับประกันว่าหากติดตามเขามาจะให้งานแลที่อยู่อาศัยที่ดีกว่าหมิงอี้มองทั้งคู่สลับกันไปมาก่อนจะสวมใส่ถุงมือผ้า นางส่ายศีรษะเพียงเล็กน้อยกับอู๋ไป๋ จากนั้นจึงค่อย ๆ หยิบเอาดินที่อู๋ไป๋เก็บมาค่อย ๆ พินิจ“ดินสีเทาออกค่อนไปทางสีดำ อีกทั้งกลิ่นยังฉุนเช่นนี้ อู๋ไป๋ที่ตรงนั้นนอกจากดินเช่นนี้แล้วมีดิน เอ่อสีอื่นรึไม่”“อืม มีนะ เท่าที่ข้าเห็นมีเพียงดินที่ใช้ปลูกผักสลัดพวกนั้นที่มีกลิ่นฉุนและสีเช่นนี้ คิดแล้วก็ช่างน่าประหลาดทั้ง ๆ ที่ตรงนั้นเป็นดินทรายร่วนแท้ ๆ เหตุใดถึงได้มีดินประเภทนี้อยู่กันล่ะ เจ้าหานเย่! เจ้ารู้รึไม่”“ข้าย่อมรู้แน่ก่อนหน้านี้เดือนก่อนกระมัง เจ้าของที่สั่งให้คนงานไปขนดินจากในป่าตรงเขาสมุนไพร ขนมามากทีเดียวว่ากันว่าเป็นดินดีปลูกอะไรก็งามอย่างอัศจรรย์นัก และภูเขานั้นบัดนี้มีคนของทางการปิดล้อมไปแล้วชาวบ้านที่พอรู้เรื่องก็หาเข้าไปเก็บสมุนไพรเฉกเช่นเดิมได้ไม่” หานเย่เอ่ยในสิ่งที่ตนพอรู้และจากที่ชาวบ้านที่เข้ามาเป็นคนงานเช่นกันกับ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status