Share

บทที่ ๘ เปิ่นหวางไม่คิดว่าน่ารังเกียจ

last update Last Updated: 2025-09-13 14:35:18

บทที่ ๘

เปิ่นหวางไม่คิดว่าน่ารังเกียจ

“เฮ้ย! ผีหลอก”

ที่ข้างโลงศพมีเพียงจินเทียนหลุนเท่านั้นที่ยังอยู่ที่เดิม แม้แต่เฉียวเหอก็ยังเผลอถอยหลังไปหลายก้าว แต่เมื่อเห็นเจ้านายยังยืนกำดาบไว้แน่นเขาจึงเดินเข้ามายืนอยู่ข้างกายร่างสูงทำใจแข็งจ้องร่างในโลงศพ

“ท่านอ๋อง นาง…”

“นางยังไม่ตาย”

แม้แต่คนพูดประโยคนี้ยังสะท้านยิ่งไม่ต้องพูดถึงเฉียวเหอที่จับชีพจรจิ่วเหลียนฮวาแล้วพบว่านางสิ้นใจแล้ว

“จะเป็นไปได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ ก็ในเมื่อกระหม่อมจับชีพจรนางแล้วไม่เต้น”

“โดยทั่วไปชีพจรและหัวใจจะหยุดเต้นพร้อมกัน แต่บางกรณีชีพจรอาจหายไปก่อนที่หัวใจจะหยุดเต้น…”

“เป็นไปได้ว่านางยังไม่ตายตั้งแต่แรกหรือพ่ะย่ะค่ะ”

จินเทียนหลุนพยักหน้ารับ ยื่นมือไปจับแก้มจิ่วเหลียนฮวาพบว่าร่างกายนางเริ่มอุ่นขึ้นแล้ว เพื่อความมั่นใจจึงคิดยื่นมือไปตรวจชีพจรตรงคอให้นาง

ทว่ามือเขากลับถูกนางคว้าเอาไว้หมับ!

“ท่านอ๋องกำลังทำอะไรเพคะ”

จินเทียนหลุนถอนหายใจอย่างเบาใจเมื่อนางเอ่ยกับเขามาเป็นคำพูด ในตอนนั้นเองที่เฉียวเหอรู้ว่าเจ้านายตนก็หายใจไม่ทั่วท้องให้กับสถานการณ์นี้

“เจ้า…ขออภัย ก่อนหน้านี้เปิ่นหวางคิดว่าเจ้าเสียชีวิตไปแล้วจึงได้พามาฝังที่สุสานตระกูลหม่า”

จินเทียนหลุนคิดจะพูดว่า ‘เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า’ แต่เมื่อเห็นท่าทางงงงวยของนางแล้วจึงเปลี่ยนคำพูด

“ตายไปแล้วหรือเพคะ”

จิ่วเหลียนฮวายกมือสัมผัสอกข้างซ้ายเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ได้แล้ว

นอกจากเลือดที่แห้งกรังติดเสื้อแล้ว นางไม่ได้รู้สึกเจ็บที่หน้าอกอีกต่อไป ในใจคิด…

ท่านเทพไม่ได้โกหกข้า ตอนนี้ข้าต้องตายอีกแปดครั้งสินะถึงจะกลับแดนบุปผาได้

“จิ่วเหลียนฮวา กลับตำหนักเทียนหลุนไปแล้วเปิ่นหวางจะให้หมอหลวงมาตรวจอาการเจ้า”

จิ่วเหลียนฮวากลับมาอยู่กับปัจจุบัน รีบโบกมือปฏิเสธในทันที

“มิได้เพคะ หม่อมฉันไม่ได้เป็นอันใดแล้ว ขอบพระทัยท่านอ๋องที่เปิดฝาโรงก่อนที่หม่อมฉันจะขาดอากาศหายใจตายจริง ๆ”

“เจ้าเสียดสีเปิ่นหวาง”

จิ่วเหลียนฮวาหน้าเสีย ลุกออกจากโลงศพมาคุกเข่าที่พื้นเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ

“หม่อมฉันมิกล้าเพคะ ได้โปรดท่านอ๋องและท่านองครักษ์ทั้งหลายช่วยเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ”

จิ่วเหลียนฮวาผสานมือโค้งตัวแนบหน้าผากจรดพื้นดิน เพียงสถานะบุตรหลานของตระกูลหม่าก็ทำให้นางใช้ชีวิตลำบากแล้ว นางไม่อยากเพิ่มสถานะผีดิบฆ่าไม่ตาย

“ไม่ต้องขอร้อง เปิ่นหวางสั่งไม่ให้คนแพร่งพรายเรื่องของเจ้าแล้ว แต่เปิ่นหวางไม่ให้คำมั่นว่าเรื่องจะไม่ถึงหูคนในวังเลย เมื่อวานเหตุการณ์ชุลมุนมาก อาจจะมีคนที่รู้จักเจ้าอยู่ในเหตุการณ์เมื่อวานนี้ก็ได้”

จิ่วเหลียนฮวาพยักหน้ารับ ได้ยินแบบนี้แล้วนางจะได้เตรียมใจตั้งรับ ชีวิตนางไม่ง่ายมาตั้งแต่เกิด นางไม่คิดว่าตนจะโชคดีที่ไม่มีคนรู้จักเห็นเหตุการณ์

ณ จวนจือเล่อ

เมื่อจิ่วเหลียนฮวาไม่ยอมให้จินเทียนหลุนเชิญหมอหลวงมารักษา เขาจึงให้หมอทั่วไปมารักษานางที่จวนจือเล่อ นางจะเป็นนางกำนัลคนแรกที่ได้โอกาสเลือกที่พักก่อนโดยมีเจ้าของจวนหนุนหลัง

จิ่วเหลียนฮวาจึงเลือกห้องที่มีทิวทัศน์นอกหน้าต่างเป็นสระบัวตามนามของตนเอง

ห้องที่นางเลือกมีสองเตียงด้วยกัน ตอนอยู่ตำหนักเทียนหลุนจือเล่อห้องนางก็มีสองเตียง แต่ไม่มีสหายนางกำนัลคนใดเลือกนอนห้องเดียวกับนาง

มายามนี้อยู่จวนจือเล่อแล้ว นางก็อยากรู้ว่าใครจะเลือกนอนห้องเดียวกับนางหรือไม่ หรือจะให้นางคนเดียวอีกตามเคย

“เชิญท่านหมอ”

จิ่วเหลียนฮวาเลิกสำรวจห้องเมื่อได้ยินเสียงเฉียวเหอดังขึ้นหน้าเรือนพักนางกำนัลที่มีห้องพักมากกว่าสิบห้อง

“คารวะท่านหมอเจ้าค่ะ”

จิ่วเหลียนฮวาโล่งใจที่ท่านหมอเป็นสตรี

“แม่นางมิต้องมากพิธี”

จิ่วเหลียนฮวาผายมือเชิญหมอหญิงไปนั่งศาลาแปดเหลี่ยมเพราะในห้องยังไม่ได้รับการทำความสะอาด

เฉียวเหอรู้มารยาท เดินออกจากศาลาแปดเหลี่ยมทันทีเพราะจิ่วเหลียนฮวาต้องเผยเนื้อหนังบริเวณกลางอกให้หมอหญิงดู ที่นี่ไม่มีใครอื่นอีก นางจึงไม่กังวลว่าจะมีผู้ใดลอบมองหรือไม่

ไม่คิดเลยว่าคนที่นางมิคิดว่าจะลอบมองตนต้องเบือนหน้าหนีทันทีที่เห็นจิ่วเหลียนฮวาดึงเสื้อลงจนเผยเนื้อนวลไร้บาดแผลเหวอะหวะ

“...แม่นางเพิ่งได้รับบาดเจ็บมาจริงหรือ”

เพราะบนผิวจิ่วเหลียนฮวาปรากฏเพียงรอยแผลเป็นเล็ก ๆ สวนทางกับเสื้อที่มีคราบเลือดเปื้อนเต็มหน้าอก

จิ่วเหลียนฮวาก้มลงมองแผลของตนเอง ไม่รู้จะอธิบายสถานการณ์ของตนเองอย่างไรดี

“เอ่อ คือว่า…”

“เอาเถอะ! ข้าเป็นหมอมานานหลายปีรู้ว่าสิ่งใดควรรู้สิ่งใดไม่ควรรู้ ข้าเก็บข้อมูลผู้ป่วยได้เก่งมาก ความนี้จะอยู่ที่ข้าเพียงผู้เดียวจนกระทั่งตัวตาย”

จิ่วเหลียนฮวาไม่เชื่อคำพูดของหมอหญิงเพราะคิดว่าอีกฝ่ายจะต้องไปรายงานจินเทียนหลุนต่อ

“เจ้าค่ะ”

แต่สุดท้ายนางก็ตอบสั้น ๆ พร้อมรอยยิ้ม รอหมอหญิงเขียนเทียบยารักษาอาการภายในให้

“ดื่มยาตำรับนี้สามวัน อาการภายในดีขึ้นแน่ แต่เรื่องรอยแผลเป็นอาจจะต้องใช้ยาดีหน่อยถึงจะไม่ทิ้งรอยเรื่องนี้แม่นางต้องขอความกรุณาจากท่านอ๋องเองแล้ว”

ยาภายนอกที่ไม่ให้ทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้ราคาแพงนัก จิ่วเหลียนฮวามีทุนทรัพย์ไม่พออย่างที่หมอหญิงคิดจึงไม่ได้โกรธเคืองที่อีกฝ่ายมองทะลุ

“ข้าเป็นนางกำนัลต่ำต้อย มีรอยแผลเป็นก็ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ เรื่องนี้เรื่องเล็ก”

จิ่วเหลียนฮวามองเทียบยาในมือ ตั้งใจไว้แล้วว่าจะเก็บเทียบยานี้เอาไว้ไม่คิดใช้เงินตัวเองซื้อหรือรบกวนใคร

ข้าต้องตายอีกตั้งแปดครั้ง เสียดายของ

“แม่นางอย่าได้กล่าวเช่นนั้น รูปโฉมแม่นางงดงามอยู่แล้ว ออกจากวังเมื่อใดย่อมแต่งให้กับบุรุษรูปงามที่มีฐานะหน่อยได้ อย่าให้ร่างกายเป็นแผลเป็นเลย”

จิ่วเหลียนฮวาเห็นสายตาจริงใจของหมอหญิงจึงส่งยิ้มให้บางเบา ไม่คิดพูดความในใจอันดื้อรั้นออกไป หมอหญิงที่ผ่านประสบการณ์มามากย่อมเดาความคิดนางออก ลอบถอนหายใจแผ่วเบา ในใจคิด…

เห็นแกความเอ็นดูที่ข้ามีต่อเจ้าจะช่วยพูดต่อหน้าท่านอ๋องให้ก็แล้วกัน

หมอหญิงเดินออกไปแล้วแต่จิ่วเหลียนฮวายังนั่งอยู่ที่เดิม นั่งมองโคมไฟดวงน้อยแสงสลัว ถอนหายใจให้กับเรื่องราวมากมายในวันนี้

ทางด้านหมอหญิงได้ถูกเชิญมาเรือนรับแขกโดยมีจินเทียนหลุนนั่งรออยู่แล้ว

นางรายงานผลการตรวจทุกอย่างให้เขาฟังรวมถึงเรื่องแผลเป็นที่อาจทิ้งร่องรอยเอาไว้

“มิทราบว่าหม่อมฉันปากมากไปหรือไม่ แต่ว่าผิวพรรณของสตรีสำคัญยิ่ง หากทิ้งรอยแผลเป็นไว้ ว่าที่สามีของนางอาจรังเกียจเอาได้”

“มีรอยแผลเป็นน่ารังเกียจหรือ”

หมอหญิงนิ่งไปเพราะคิดนำจินเทียนหลุนไปก้าวหนึ่งแล้ว ด้านเฉียวเหอคิดทันหมอหญิงแล้วจึงกระแอมให้เจ้านายตนเบา ๆ

จินเทียนหลุนหันไปมองคนสนิท เริ่มแสดงท่าทางกระอักกระอ่วนเพราะคิดตามทันทั้งสองแล้ว

“เปิ่นหวางไม่ได้หมายความว่าจะเป็นสามีนางในอนาคต แต่เปิ่นหวางไม่คิดว่าสตรีมีแผลเป็นน่ารังเกียจ อย่างไรเจ้าก็ขอความเมตตาแทนนางแล้ว เปิ่นหวางจะให้คนเอายาไปให้นาง”

หมอหญิงยิ้มเต็มใบหน้า คำนับขั้นสูงสุด

“แล้วเทียบยาเล่าทานเล่า ให้นางไปแล้วใช่หรือไม่”

“เพคะ”

“เขียนให้เปิ่นหวางอีกแผ่น”

หมอหญิงยิ้มเต็มใบหน้า รีบเขียนเทียบยาอีกชุดให้จินเทียนหลุน ทีนี้นางก็หมดกังวลเรื่องผู้ป่วยไม่ทานยาแล้ว

“หม่อมฉันขอตัวก่อนเพคะ”

“รบกวนท่านหมอเก็บเรื่องอาการของนางเป็นความลับด้วย…เฉียวเหอส่งแขก”

เฉียวเหอภายมือเชิญหมอหญิง ภายในห้องจึงเหลือเพียงเขา เฉียวฉือยังไม่กลับจากการไปจัดการเรื่องมือสังหารที่ลอบปลิดชีพชายคลั่ง

แต่ข้อมูลที่เขาทราบเบื้องต้นพบว่าร่างกายของชายคลั่งได้รับยาเสพติดตัวใหม่ที่ลอบนำเข้ามาจากแคว้นจู

เขามีลางสังหรณ์ว่าจะได้เดินทางไปเยือนแคว้นจูเพื่อสืบที่มาและทำลายบ่อเกิดยาเสพติดนี้

“คืนนี้ต้องลอบเข้าวังถวายรายงานฝ่าบาทแล้ว”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • หม่าจิ่วเหลียนฮวาบุปผาเก้าชีวิต (ภาคต่อบุปผาเยียวยาใจ)   บทที่ ๔๒ ส่งพันลี้ก็ต้องลาจาก

    บทที่ ๔๒ส่งพันลี้ก็ต้องลาจาก วันสถาปนาแคว้นสิ้นสุดลงแล้วสำหรับแขกบ้านแขกเมือง จินเทียนหลุนและจินหลี่จินในฐานะตัวแทนราชวงศ์จินเดินทางมาที่ประตูเมืองจิ้งอันส่งราชทูตทั้งสี่แคว้นออกจากเมืองหลวง วันนี้จะไม่น่าใจหายสำหรับใครบางคนหากว่า… ไช่จงซินไม่เดินทางไปกับขบวนด้วย! จินหลี่จินกับไช่จงซินอยู่ด้วยกันตั้งแต่เกิด เติบโตแล้วก็ยังย้ายไปสร้างสำนักยุทธ์ด้วยกัน ความสัมพันธ์มากกว่าสี่สิบปีมิใช่พูดว่าจะจากกันวันนี้ก็จากกันได้เลย จินเทียนหลุนเห็นเสด็จอามีสีหน้าไม่สู้ดีแล้วก็อดเป็นห่วงความรู้สึกเขาไม่ได้ “เสด็จอา หากทำใจลำบาก ตามท่านอาจารย์ไปด้วยดีหรือไม่ ท่านอาจารย์เองก็คงรู้สึกไม่ต่างจากเสด็จอา”&nb

  • หม่าจิ่วเหลียนฮวาบุปผาเก้าชีวิต (ภาคต่อบุปผาเยียวยาใจ)   บทที่ ๔๑ ใช้ชีวิตเป็นของตัวเองมานานมากแล้ว

    บทที่ ๔๑ใช้ชีวิตเป็นของตัวเองมานานมากแล้ววงสนทนาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่ไช่จงซินจะสูดน้ำมูก เมื่อทุกคนมองไปหาเขาก็เห็นว่าอีกฝ่ายน้ำตาไหลอาบแก้มเทพบุปผาที่เห็นน้องชายตัวโตผมเริ่มหงอกที่โคนแล้วร้องไห้เหมือนเด็กน้อยก็ยื่นมือไปจับแก้มเขา“น้องพี่ ร้องไห้ทำไม”“พี่รองไม่มาเยี่ยมพวกเราหลายปีแล้ว แม้แต่ท่านแม่ก็ไม่ไปเยี่ยม ตอนนี้ท่านพ่อแก่มากแล้ว ข้าลงจากเขาเหลียงซานครั้งนี้เพราะท่านแม่ส่งสารถึง”เทพบุปผาดวงตาไหววูบ แม้การบำเพ็ญเพียรจะช่วยให้นางตัดจากโลกมนุษย์ แต่เมื่อได้สัมผัสกับญาติสนิทอีกครั้งก็ดึงนางให้กลับมาสู่ห้วงอดีตเพราะเช่นนี้นางจึงปฏิเสธที่จะเจอกับไช่จงซิน!“ท่านแม่ตามเจ้ากลับไปเป็นประมุขตระกูลหรือ”ไช่จงซินพยักหน้ารับ จินหลี่จินเห็นสหายเงียบไปก็เป็นเสียงแทนเขา“ตระกูลไช่ไม่มีทายาทเป็นบุรุษอีกแล้ว เขาเตรียมใจมานานแล้วว่าวันนี้ต้องมาถึง ประมุขตระกูลไช่ต้องมีคนสืบทอดสักวันหนึ่ง”“เจ้าล่ะหลี่จิน”

  • หม่าจิ่วเหลียนฮวาบุปผาเก้าชีวิต (ภาคต่อบุปผาเยียวยาใจ)   บทที่ ๔๐ ทุกคนต้องรู้ว่าเจ้าเป็นคนโปรดของข้า          

    บทที่ ๔๐ทุกคนต้องรู้ว่าเจ้าเป็นคนโปรดของข้านางรักข้า ไม่ขอรับความเห็นต่าง เห็นทีว่าจะมีโอกาสพูดเรื่องนี้ให้นางคล้อยตามแล้วจินเทียนหลุนลำดับความคิดลำดับคำพูดไว้ในใจ ก่อนที่จะทำน้ำเสียงจริงจังใส่นาง“ไม่ว่าความรักหรือความยึดติดหรืออะไรก็ตาม ในเมื่อเจ้าพูดแล้ว ห้ามคืนคำเป็นอันขาด ห้ามรู้สึกเช่นนี้กับใครนอกจากข้า…”“...”“เจ้าไม่ยอมให้ข้าสละตำแหน่งอ๋อง เช่นนั้นข้าจะทำอย่างไรทุกคนถึงจะรู้ว่าเจ้าเป็นของข้า ต้องทำอย่างไรถึงจะถูกใจเจ้า ช่วยบอกได้หรือไม่”คำก็ข้าสองคำก็ข้า เขาไม่คิดจะแทนตัวเองว่าเปิ่นหวางแล้วหรือ“ทำเหมือนเดิมที่เป็นมาเถิดเพคะ”...ไม่แน่ว่าหม่อมฉันจะตายวันตายพรุ่งจิ่วเหลียนฮวาเว้นคำพูดนี้เอาไว้ในใจ นางหลุบตาอยู่จึงไม่เห็นว่าชายหนุ่มดวงตาไหววูบ“เหมือนเดิมก็ไม่มีความเปลี่ยนแปลงนะสิ ต่อไปหากมีใครเข้ามายุ่มย่ามกับเจ้าจะว่าอย่

  • หม่าจิ่วเหลียนฮวาบุปผาเก้าชีวิต (ภาคต่อบุปผาเยียวยาใจ)   บทที่ ๓๙ เจ้าไม่ต้องเป็นนางกำนัลแล้ว

    บทที่ ๓๙เจ้าไม่ต้องเป็นนางกำนัลแล้วจินเทียนหลุนเดินจับข้อมือจิ่วเหลียนฮวาเข้ามาในห้องหนังสือแทนที่จะเป็นห้องบรรทมเขาเพราะไม่อยากใช้สถานที่ที่สุ่มเสี่ยงต่อหัวใจเช่นนั้นในหัวเห็นภาพตัวเองเหวี่ยงจิ่วเหลียนฮวาเข้ากับผนังแล้วบดขยี้จุมพิตนาง ไม่ให้ปากน้อย ๆ ได้มีโอกาสโต้เถียงหรือว่าเม้มปากยามที่เขาขึ้นเสียงใส่ทว่าเขาไม่อาจชนะภาพในหัวได้ เมื่อปิดประตูในห้องหนังสือก็ทำเพียงดึงนางมานั่งที่โต๊ะน้ำชา สนทนากันด้วยเหตุผลไม่ใช้อารมณ์“นั่ง”จิ่วเหลียนฮวาถูกดันไหล่ให้นั่งเก้าอี้ ชายหนุ่มรู้ว่าหากไม่ทำเช่นนี้ จิ่วเหลียนฮวาจะต้องนั่งลงที่พื้นแน่“ดื่มชา”จิ่วเหลียนฮวาทำตามที่เขาบอก จับป้านชาเทใส่ให้เขาก่อนถึงค่อยเทใส่ให้ตัวเอง“เชิญท่านอ๋องก่อนเพคะ”จิ่วเหลียนฮวาไม่ยอมดื่มหากไม่เห็นเขาดื่มก่อน จินเทียนหลุนจึงยกชาเย็นชืดดื่มจนหมด จิ่วเหลียนฮวาถึงดื่มชาตาม สีหน้าฉายความสดชื่นในทันทีเมื่อได้ดื่มน้ำหลังอาหารจินเทียนหลุนเห็นเช่นนั้น ความคุกร

  • หม่าจิ่วเหลียนฮวาบุปผาเก้าชีวิต (ภาคต่อบุปผาเยียวยาใจ)   บทที่ ๓๘ ไม่พอพระทัยหม่อมฉันหรือเพคะ

    บทที่ ๓๘ไม่พอพระทัยหม่อมฉันหรือเพคะจิ่วเหลียนฮวาแปลกใจในตัวเองเล็กน้อยที่ท้องหิวเหมือนอดอาหารสามวันทั้งที่นางรู้สึกว่าตนจากโลกไปเพียงครึ่งเค่อตามระยะเวลาสวรรค์เท่านั้น“อีกถ้วยหรือไม่ เปิ่นกงเลี้ยงเจ้าได้โดยไม่สะเทือนคนหน้าแข้งอยู่แล้ว”ฝูเจี้ยนถานเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามทานหมดไปหนึ่งถ้วยแล้ว“ไม่เจอกันเกือบสี่วัน อย่าบอกว่าเจ้าไม่ได้ทานอันใดเลย” เขาถามโดยไม่ได้คิดอะไร ไม่นึกว่าจิ่วเหลียนฮวาจะพยักหน้ารับ“จะว่าอย่างนั้นก็ได้เพคะ ร่างกายจดจำได้ดียิ่ง แต่ว่า…ต่อให้จดแค่ไหน ท้องหม่อมฉันก็ใส่ได้เพียงเท่านี้”จิ่วเหลียนฮวาตอบชายหนุ่มก่อนที่จะกวาดตามองหาร้านน้ำชา แต่เมื่อคิดได้ว่าจะเดือดร้อนคนตรงหน้าอีก นางถึงได้ถือวิสาสะยกถ้วยบะหมี่ขึ้นซดน้ำ“เสียมารยาทต่อหน้าองค์รัชทายาทแล้ว”“เช่นนี้เรียกว่าประหารก่อนแล้วค่อยรายงานหรือไม่ ไฉนทำไปแล้วเพิ่งมาคิดได้”จิ่วเหลียนฮวาหน้าซีด ไม่ได้ตั้งตัวว่าอีก

  • หม่าจิ่วเหลียนฮวาบุปผาเก้าชีวิต (ภาคต่อบุปผาเยียวยาใจ)   บทที่ ๓๗ เกือบสี่วันทุกคืนที่ไม่ได้นอน

    บทที่ ๓๗เกือบสี่วันทุกคืนที่ไม่ได้นอน“เด็กสมัยนี้ แสดงความรักกันไม่เลือกที่”เสียงของสตรีวัยกลางคนดังขึ้นลอย ๆ ขัดจังหวะคู่รักทั้งสองวัดความคิดถึงกันด้วยคำพูดและการกระทำ สองหนุ่มสาวผละกอด หลงฮ้าวยังมีสีหน้าปรกติต่างจากเทพบุปผาที่ตีหน้ายุ่งไล่หลังสตรีวัยกลางคนนั้น“อยู่ ๆ ก็โดนคุณน้าอิจฉา เราไปแสดงความรักกันเพียงสองคนเถอะหลงฮ้าว”“ตามใจเจ้า แล้วนางเล่า”หลงฮ้าวมองมาที่จิ่วเหลียนฮวา หญิงสาวจึงย่อกายลงคารวะเขา มั่นใจว่า ‘ท่านเขย’ ที่ซูเมี่ยวพูดถึงก็คือเขา“เดี๋ยวข้าไปส่งนางที่จวนจือเล่อก่อน…ไปเสี่ยวจิ่ว!”“มิเป็นไรเจ้าค่ะท่านเทพ”จิ่วเหลียนฮวารีบโบกมือปฏิเสธเพราะไม่อยากขัดความสุขของเทพที่นางเคารพ“มิเป็นไรได้อย่างไร ข้าพาเจ้าไปก็ต้องพากลับ ทำอะไรครึ่ง ๆ กลาง ๆ เช่นนี้มิใช่ข้า”“ท่านเขยเพิ่งออกจากด่านมิใช่หรือเจ้าคะ กว่าจะได้พบท่านเทพไม่ง่ายเลย ไปใช้เวลาด้วยกันเถอะเจ้าค่ะ จวนจือเล่ออยู่ใกล้แค่นี้ ข้าเดินกลับเองได้เจ้าค่ะ”เทพเซียนทั้งสองมีสีหน้าพอใจไม่น้อยเมื่อได้ยินคำว่าท่านเขยจากปากจิ่วเหลียนฮวา“ข้าไปเดินเล่นทางนั้นนะเจ้าคะ ลาท่านเทพทั้งสองเจ้าค่ะ” ว่าแล้วก็ย่อกายลงทำความเคารพหนึ่งคร

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status