เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจแล้ว หลี่รั่วหานจึงเดินออกมาจากด้านหลังต้นสาลี่ แล้วจ้องมองจ้าวไป๋ลู่อย่างเอาเรื่อง
"เจ้านี่มารยาเยอะเสียจริง ทำทีมาบอกว่าจะดูต้นทางให้ข้า แต่แท้จริงแล้ว เจ้าคงอยากดูของข้าจนตัวสั่นสินะ!!!"
จ้าวไป๋ลู่ที่ได้ยินเช่นนั้นก็จ้องมองเขาด้วยความตกใจ ให้ตายเถิด!!! นางแค่แวะผ่านมาเองนะ
"ซื่อจื่อคงเข้าใจผิดแล้วกระมังเจ้าคะ เดิมทีข้าเพียงรู้สึกเบื่อหน่ายจึงอยากจะออกมาเดินเล่นเพื่อผ่อนคลายอารมณ์เพียงเท่านั้น แต่กลับ ได้ยิน เอ่อ... ชักขึ้นชักลง ชักลงชักขึ้น ฮ่า ๆ ๆ ๆ"
"หุบปาก เดี๋ยวนี้นะ!!!"
"ซื่อจื่อ ข้าอุตส่าห์มีน้ำใจดูต้นทางให้ท่านนะเจ้าคะ"
"ใครขอร้องเจ้ากัน!!!"
"ไม่มีเจ้าค่ะ"
"จำไว้!!! อย่าเสนอหน้ามายุ่งเรื่องของข้าอีก!!!"
"เจ้าค่ะ ข้าขอตัวก่อนนะเจ้าคะ อุ๊ย ชักขึ้นชักลง ชักลงชักขึ้น ฮ่า ๆ ๆ ๆ"
จ้าวไป๋ลู่หัวเราะจนตัวงอ สร้างความโมโหให้แก่หลี่รั่วหานเป็นอย่างมาก เขากระชากแขนนางเข้าหาตัวอย่างสุดแรง ก่อนจะจ้องนางเขม็ง
"ท้าทายข้าหรือ!!!"
เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น จ้าวไป๋ลู่จึงพยายามดันตนเองออกจากการเกาะกุมของเขา
"ข้าเจ็บนะเจ้าคะ!!!"
"เจ็บหรือ!!! หึ!!! เมื่อครู่ยังหัวร่อต่อกระซิกอย่างร่าเริงใจอยู่เลยมิใช่หรือ ครานี้มาทำสำออยเสียแล้ว วิธีนี้ใช้ไม่ได้ผลกับข้าหรอก!!!"
"คนเขาอุตส่าห์มีน้ำใจมาช่วย กลับมาด่าทอต่อว่า นิสัยไม่ดี!!!"
"หากเจ้าไม่หุบปากข้าจะโยนเจ้าลงน้ำเดี๋ยวนี้!!!"
"ซื่อจื่อ!!!"
"มานี่!!!"
"ว้าย!!!"
"โอ๊ะ!!!"
เพราะฉุดกระชากกันไปมา ทำให้คนทั้งสองเซล้มลงไปบนพื้นหญ้า จ้าวไป๋ลู่ล้มลงไปนอนทับบนกายของหลี่รั่วหาน ริมฝีปากของทั้งคู่ประกบทาบทับกันในทันที
ความตื่นตระหนกฉายผ่านแววตาของคนทั้งสอง จ้าวไป๋ลู่และหลี่รั่วหานค้างนิ่งอยู่ท่าเดิมเช่นนี้โดยไม่มีผู้ใดขยับ
เป็นหลี่รั่วหานที่ตั้งสติได้ก่อน เขาจึงผลักนางออกทันที
"เด็กผี!!! เจ้ากล้าล่วงเกินข้าหรือ!!!"
"ข้าไม่ได้ทำนะเจ้าคะเป็นท่านที่ดึงข้าล้มลงไปเอง!!!"
"น่าขยะแขยงที่สุดข้าเกลียดเจ้า!!!"
เขารีบเดินจากไปโดยไม่แม้แต่จะพยุงนางที่ล้มอยู่กับพื้นขึ้นมาแม้แต่น้อย จ้าวไป๋ลู่ถลึงตามองเขาคราหนึ่ง ก่อนจะค่อย ๆ ลุกขึ้นมาช้า ๆ และพาตนเองเดินกลับเรือนทันที
สำรับยามเย็นในวันนี้มีเพียงจ้าวไป๋ลู่ที่นั่งกินอยู่เพียงลำพัง แต่นางเองก็มิได้สนใจสิ่งใดแม้แต่น้อย ยังคงตั้งหน้าตั้งตาลิ้มรสชาติอาหารตรงหน้าอย่างอารมณ์ดี
ด้านหลี่รั่วหานในยามนี้นั้น เขากำลังนั่งดื่มสุราเลิศรสและอาหารรสชาติเยี่ยมยอดกับหนิงเสวี่ยที่ภัตตาคารชิงชาง ภัตตาคารอันดับหนึ่งในเมืองหลวง ที่มีทั้งสุราและอาหารมากมายสำหรับชนชั้นสูง
"เสวี่ยเอ๋อร์ นี่เป็นปิ่นปักผมที่ทำจากหยกเนื้อดี ข้ามอบมันให้เจ้า มีเพียงเจ้าที่คู่ควรกับหยกล้ำค่าเช่นนี้"
"พี่รั่วช่างดีต่อเสวี่ยเอ๋อร์ยิ่งนัก"
"เสวี่ยเอ๋อร์ เจ้าน่ะงดงามบริสุทธิ์ราวกับดวงจันทร์บนฟากฟ้า สตรีอื่นย่อมเป็นได้เพียงเงาเลือนรางอยู่ใต้จันทราเช่นเจ้า มิอาจเทียบเคียงเจ้าได้เลยแม้แต่น้อย"
เมื่อได้ยินถ้อยคำเกี้ยวพานเช่นนี้จากปากของหลี่รั่วหาน หนิงเสวี่ยก็รู้สึกเขินอายไม่น้อย ใบหน้าสวยหวานขึ้นสีแดงระเรื่อ ทำให้หลี่รั่วหานใจอ่อนยวบ
เมื่อหนึ่งปีก่อนเขาได้พบนาง ยามนั้นนางกำลังเดินเที่ยวเล่นอยู่ในตลาด แต่กลับถูกอันธพาลรังแก เขาจึงช่วยเหลือนางเอาไว้ นับแต่นั้นเขากับนางก็มีใจตรงกันเรื่อยมา
"เสวี่ยเอ๋อร์ข้าทำผิดต่อเจ้ายิ่งนัก"
"พี่รั่ว อย่ากล่าวโทษตนเองเลยเจ้าค่ะ หากไร้หนทางได้เป็นภรรยาเอก เสวี่ยเอ๋อร์ยินยอมเป็นภรรยารองของท่านอย่างเต็มใจเจ้าค่ะ"
"เสวี่ยเอ๋อร์ ข้าจะต้องทำทุกทางให้เจ้าได้เป็นภรรยาเอกในสักวัน"
"ข้าจะรอพี่รั่วนะเจ้าคะ"
สองสายตาสบประสานกันอย่างหวานซึ้ง หลี่รั่วหานยกจอกสุรามอบให้นาง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
"สุราจอกนี้แทนคำสัญญา ว่าข้าจะรักเจ้าตลอดไป"
จวนโหวตระกูลหลี่
เมื่อส่งหนิงเสวี่ยที่จวนตระกูลหนิงเรียบร้อยแล้ว หลี่รั่วหานจึงกลับมาที่จวนของตนในทันที ในขณะที่เขากำลังก้าวเข้าจวน ก็มีแส้เส้นหนึ่งฟาดเข้ามาที่กลางหน้าผากของเขาอย่างเต็มแรง
"อ๊าา!!! ใครตีข้า!!!"
"ข้าเอง!!! แม่เจ้า!!!"
"ท่านแม่!!!"
"ใช่! ข้าเอง ลูกชั่ว เจ้าทำได้เช่นไร!!! เจ้าปล่อยไป๋ไป๋ให้นางกินข้าวเพียงลำพังผู้เดียว แต่เจ้ากลับไปเสวยสุขกับนางจิ้งจอกผู้นั้น เจ้าแต่งงานมีภรรยาแล้ว ไป๋ไป๋คือภรรยาของเจ้า เจ้าอย่าได้ลืมเรื่องนี้!!!"
"ท่านแม่ ลูกแต่งนางเข้าจวนมาเป็นภรรยาเอกก็มากพอแล้ว ยังจะให้ลูกเอาใจนางอีกหรือ!!! ลูกไม่สน ลูกจะต้องแต่งเสวี่ยเอ๋อร์เข้ามาเป็นภรรยารองให้ได้!!!"
เพียะ!!!
"ท่านแม่!!!"
"ขืนเจ้าพูดอีก ข้าจะฟาดเจ้าให้ตาย!!!"
หลี่รั่วหานอับจนหนทางแล้ว เขาจึงต้องยอมอ่อนข้อให้ผู้เป็นมารดา ก่อนจะรีบมุ่งหน้าไปหาจ้าวไป๋ลู่ที่เรือน เมื่อเห็นว่านางกำลังจิบชาอย่างสบายอารมณ์ เขาก็ตรงไปปัดถ้วยชาในมือนางทิ้งทันที จ้าวไป๋ลู่ขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะมองเขาด้วยความสงสัย
โรคประสาทกำเริบหรืออย่างไรกัน!!!
"เป็นเจ้าที่ไปฟ้องท่านแม่ใช่หรือไม่!!!"
"ฟ้องเรื่องอันใดเจ้าคะ?"
"ก็เรื่องที่ข้าไปหาหนิงเสวี่ย ปากมากนักนะ!!! วันนี้ข้าจะอุดปากเจ้าเสีย!!!"
"ซื่อจื่อ ท่าน!!! อื้ออ!!!"
หลี่รั่วหานกระชากตัวจ้าวไป๋ลู่ขึ้นมา ก่อนจะบดขยี้ริมฝีปากนางอย่างรุนแรง จ้าวไป๋ลู่ผลักไสเขาอย่างสุดกำลัง หลี่รั่วหานที่เห็นเช่นนั้นจึงผละออกจากนาง ก่อนจะเอ่ยวาจาถากถางนางอย่างดูแคลน
"เจ้าอยากเป็นภรรยาของข้ามากไม่ใช่หรือ เช่นนั้นวันนี้ข้าจะสนองเจ้าให้ถึงใจดีหรือไม่!!!"
"อย่าเข้ามานะเจ้าคะ!!!"
"กลัวหรือ!!! หึ คืนนี้ข้าจะตอบสนองเจ้าให้สาแก่ใจ เรื่องสตรีข้าย่อมเก่งกาจอยู่แล้ว เจ้าก็เป็นเพียงดอกไม้รายทางที่ข้าจะเขี่ยทิ้งเมื่อใดก็ย่อมได้!!!"
"ข้าบอกว่าอย่าเข้ามา!!!"
"หึ!!! กลัว หรือ ฮ่า ๆ ๆ ๆ โอ๊ย!!!"
พลั่ก!!!
"ก็บอกแล้วว่าอย่าเข้ามา!!! หึ!!!"
จ้าวไป๋ลู่ยกเข่ากระทุ้งเข้าไปที่หว่างขาของหลี่รั่วหานอย่างเต็มแรงจนเขาหน้าดำเขียวคล้ำเพราะความจุก ไม่เพียงแค่นั้นนางยังกระทุ้งซ้ำเข้าไปอีกเป็นรอบที่สองจนเขาทรุดลงไปนอนตัวงออยู่กับพื้น
"ขออภัยนะเจ้าคะซื่อจื่อ ข้าจำเป็นต้องทำ มิเช่นนั้นท่านจะล่วงเกินข้าเอาได้ แม้เราจะแต่งงานกันแล้ว แต่ก็มิได้มีใจรักใคร่ต่อกัน ข้าเองไม่มีวันยินยอมให้ท่านดูหมิ่นข้าเป็นแน่!!!"
นางเอ่ยเพียงเท่านั้นก่อนจะเดินออกจากห้องนอนไป และมุ่งหน้าไปที่ห้องตำราพร้อมกับผ้าห่มและหมอน จากนั้นก็ผล็อยหลับในห้องตำราจนถึงรุ่งสาง
หลี่รั่วหานกัดฟันกรอด สตรีนางนี้ร้ายกาจไม่เบา
เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาก็ยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะคิดแผนการหนึ่งออกมาได้
หากเขายอมตบตาท่านแม่สักครา รอจนท่านแม่วางใจ เขาก็จะสามารถตบแต่งหนิงเสวี่ยเข้ามาเป็นภรรยารองได้เป็นแน่
หลี่รั่วหานลืมตาตื่นขึ้นมาในยามเช้าของอีกวัน วันนี้เขามิต้องเข้าไปที่ค่ายทหารเนื่องจากเป็นวันหยุดพัก จึงคิดจะนอนต่ออีกสักหน่อย ตระกูลหลี่ของเขานั้น แม้ท่านพ่อจะเป็นถึงราชบุตรเขยของราชวงศ์ แต่เพราะมีใจซื่อสัตย์และรักชาติบ้านเมือง ต่อสู้เพื่อบ้านเมืองมาโดยตลอด จึงยังดำรงตำแหน่งท่านแม่ทัพใหญ่ได้อย่างสมเกียรติ อีกทั้งยังได้รับความไว้วางใจจากเสด็จลุงเป็นอย่างมากอีกด้วย ในขณะที่เขากำลังจะล้มตัวลงนอนต่อ พลันก็ได้กลิ่นอาหารลอยโชยมาเตะจมูก กลิ่นหอมของเครื่องเทศทำให้ความอยากอาหารของเขามีมากขึ้นกว่าเดิม เดิมทีที่คิดว่าจะนอนต่ออีกสักหน่อย เขาจึงเปลี่ยนใจมุ่งหน้าไปที่โรงครัวทันที ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้ใจของเขาสั่นระรัวอย่างแปลกประหลาด จ้าวไป๋ลู่ในยามนี้กำลังวุ่นวายอยู่กับการทำอาหาร ใบหน้าสวยมีเม็ดเหงื่อผุดพรายขึ้นมาเต็มใบหน้า ทรงผมยาวสลวยถูกรวบขึ้นอย่างลวก ๆ ทุกท่วงท่าของนางงดงามและอ่อนช้อย จนเขาสัมผัสได้ว่ายามที่นางทำอาหารช่างน่ามองยิ่งนัก น่ามองกับผีน่ะสิ!!! แม้ในใจจะก่นด่านาง แต่ยามนี้เขาต้องทำตามแผนที่วางเอาไว้ให้ลุล่วงเสียก่อน แสร้งทำดีให้นางตายใจ ท้ายที่สุดก็ค่อยไล่นางออกจากจวน หรือไม
เมื่อรถม้าหยุดลงที่หน้าตลาด หลี่รั่วหานและจ้าวไป๋ลู่ก็เดินเที่ยวชมตลาดโดยรอบ เขามองดูนางที่ยิ้มแย้มอารมณ์ดี บางคราก็หัวเราะชอบใจกับสิ่งต่าง ๆ ที่ได้เห็นรอบกาย ทำให้เขาเผลอยิ้มตามไปด้วย บางทีนางอาจจะไม่ได้เลวร้ายดั่งเช่นที่เขาคิดใช่หรือไม่!!! เมื่อเดินตามตรอกต่าง ๆ มาเรื่อย ๆ ก็มาถึงร้านเครื่องประดับร้านหนึ่ง หลี่รั่วหานเลือกซื้อปิ่นหยกแกะสลักลวดลายเป็นดอกโบตั๋นมอบให้จ้าวไป๋ลู่ นางรับมันมาพิจารณาก่อนจะยิ้มตาหยี "ข้าชอบ ซื่อจื่อ ท่านช่วยซื้อกำไลหยกวงนั้นให้ข้าอีกสักอันได้หรือไม่?" "เจ้านี่โลภไม่เบานะ!!!" "ไหนท่านบอกว่าเราต้องแกล้งเล่นละครตบตาผู้คน เหตุใดเพียงเท่านี้จึงซื้อให้ข้าไม่ได้เล่า!!!" "หุบปาก!!! มิเช่นนั้นข้าจะลากคอเจ้าออกจากร้านนี่เสีย!!!" "ชิ!!!" ท้ายที่สุดเขาก็ยอมซื้อปิ่นหยกและกำไลหยกให้นางอย่างละชิ้น "ไป๋ไป๋" ระหว่างทางที่กำลังจะกลับไปที่รถม้า ก็มีเสียงบุรุษผู้หนึ่งเอ่ยเรียกชื่อของจ้าวไป๋ลู่ขึ้นมา เมื่อนางหันไปมองก็ยิ้มให้เขาทันที "พี่เซียวถง ท่านมาได้เช่นไรเจ้าคะ" "ข้ามาซื้อขนมให้ท่านแม่น่ะ เจ้าเล่า" "ข้ามาเดินเที่ยวตลาดเจ้าค่ะ" "ดีเลย นี่หมั่นโถวไส้เนื้อที่เจ
ห้องทรงอักษร "โอ้วววว ซี้ดดด ได้ยินว่าราษฎรแถบชนบทขาดแคลนอาหาร เจ้าจัดการหรือยังรัชทายาท!""อ๊าาา เรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ!!!'"หงหลี่หยวน เจ้าอย่าให้มันพุ่งมาทางนี้โอ้ววว มันจะเปื้อนฎีกาของข้า!!!""ไม่ไหวแล้วพ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ มันจะพุ่งแล้วพ่ะย่ะค่ะ อ๊าาาา!!!""บัดซบ!!! ฎีกาข้า!!! ซี้ดดด!!!"หลี่รั่วหานที่กำลังเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องทรงอักษร เมื่อได้ยินเสียงโหยหวนจากด้านในก็ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยรีดพิษกันอีกแล้วสินะ!!!เสด็จลุงมีรับสั่งเรียกเขาเข้าวังเพื่อหารือเรื่องภัยแล้ง เพราะได้รับความโปรดปรานเขาจึงสามารถเข้าออกห้องทรงอักษรได้อย่างตามใจชอบ"ครื้นเครงกันแต่เช้าเลยนะพ่ะย่ะค่ะ""อารั่ว!!!""พี่รั่ว!!!"ฮ่องเต้หงหยวนและองค์รัชทายาทหงหลี่หยวนหันมาส่งยิ้มทักทายให้หลี่รั่วหาน หลี่รั่วหานมองภาพตรงหน้าก่อนจะเผลอขบขันออกมาให้ตายเถิด!!! ยุคสมัยของเสด็จลุง ยามหารือราชกิจต้องแก้ผ้าไปด้วยเช่นนี้หรือ?เฮ้อ!!! คงไม่ดีเท่าใดกระมังเขาต้องร่วมแก้ด้วยจึงจะถูก!เมื่อคิดได้เช่นนั้นหลี่รั่วหานจึงปลดเปลื้องอาภรณ์ของตนออกก่อนจะสาวชักลำแท่งเอ็นร้อนอย่างเมามันเช่นเดียวกัน ฮ่องเต้หงหยวนและองค์รัชทา
หนทางจากเมืองหลวงไปยังหมู่บ้านชนบทใช้เวลาเดินทางร่วมสิบวัน ระหว่างทางที่พัก จ้าวไป๋ลู่และหมิงอวี้สาวใช้ข้างกาย จะช่วยกันจัดเตรียมอาหารอย่างใส่ใจเสมอการเดินทางครานี้มีท่านพ่อและพี่ชายของนางติดตามมาด้วย อีกทั้งยังมีเซียวถงตามมาด้วยเช่นเดียวกัน "ฮูหยินน้อยเจ้าคะ พักก่อนเถิดเจ้าค่ะ ท่านเพิ่งจะเดินทางมาถึง คงจะเหนื่อยล้ามิใช่น้อย" จ้าวไป๋ลู่ไม่ได้เอ่ยสิ่งใด นางมองดูบรรยากาศโดยรอบของหมู่บ้านชนบทก่อนจะถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง เดิมทีนางมิอยากติดตามหลี่รั่วหานมา แต่เมื่อได้มาเห็นสภาพตรงหน้าความคิดของนางก็พลันเปลี่ยนไปช่างน่าเวทนายิ่งนัก ต้นไม้ใบหญ้าแห้งเฉาเหี่ยวตาย เด็กและคนชราผอมโซเสียจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก "ข้าติดตามมาที่นี่เพื่อช่วยเหลือซื่อจื่อ มิได้มาพักผ่อนสบายใจ เจ้าจงเร่งรีบไปที่โรงครัว ข้าจะทำอาหารให้มากเสียหน่อย" "เจ้าค่ะ ฮูหยินน้อย" หมิงอวี้รับคำก่อนจะรีบเร่งไปที่โรงครัว เพื่อให้เหล่าทหารช่วยตระเตรียมโรงครัวให้พร้อม เมื่อจ้าวไป๋ลู่มาถึง นางก็จัดการปรุงอาหารทันทีอย่างไม่รอช้า โชคดีที่ระหว่างการเดินทางมีการหยุดพัก ทำให้นางเก็บผักป่ามาได้จำนวนไม่น้อย แม้มันจะไม่สดใหม่เท่าใดนัก แ
จ้าวไป๋ลู่อารมณ์เสียแล้ว นางจึงเดินมาทิ้งตัวนั่งที่สะพานไม้แห่งหนึ่ง ก่อนจะมองดูที่ใต้สะพาน ยามนี้น้ำแห้งเหือดจนเห็นได้ชัด ภัยแล้งช่างรุนแรงถึงเพียงนี้เชียวหรือ"น้องสาว เหตุใดจึงมานั่งคนเดียวเล่า" "พี่เซียวถง" จ้าวไป๋ลู่เงยหน้าไปมองเซียวถงที่กำลังเดินมาหานาง ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงข้างกายนาง พร้อมกับยื่นสาลี่มาให้นางผลหนึ่ง จ้าวไป๋ลู่รับมันมาก่อนจะกัดกินอย่างเอร็ดอร่อย ความหวานและฉ่ำน้ำจากผลสาลี่ทำให้นางรู้สึกสดชื่นเป็นอย่างยิ่ง "เขาดีต่อเจ้าหรือไม่?" "เอ๋?" "สามีเจ้าน่ะ เขาดีต่อเจ้าหรือไม่?" เซียวถงเอ่ยถามจ้าวไป๋ลู่ด้วยความห่วงใย ตั้งแต่นางแต่งเข้าจวนโหว เขาก็พยายามทำใจมาตลอด ถึงขนาดเกือบจะออกบวช แต่เพราะท่านพ่อท่านแม่ห้ามปรามเอาไว้เขาจึงไม่ได้ทำเช่นนั้น "ดีเจ้าค่ะ" "จริงหรือ แต่ข้าได้ยินมาว่าเขามีคนรักอยู่ก่อนแล้ว" คำพูดนี้ของเซียวถงทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของจ้าวไป๋ลู่เลือนรางลงไปเล็กน้อย นางไม่ได้เอ่ยเรื่องข้อตกลงระหว่างหลี่รั่วหานให้เซียวถงฟังเพราะคิดว่าไม่จำเป็นเท่าใดนัก "ข้าแต่งเป็นภรรยาของเขาแล้ว อีกอย่างแม่สามีก็รักและเอ็นดูข้าไม่น้อย ขอบคุณพี่ชายที่เป็นห่วง" "ไป๋ไป๋ หากย
เพราะสายน้ำที่พัดมาอย่างรุนแรงและเชี่ยวกราก ทำให้หลัวเทียนเฉินและเซียวถงมิอาจส่งทหารออกติดตามหลี่รั่วหานและจ้าวไป๋ลู่ได้ในยามนี้ ด้านจ้าวเยียนและจ้าวเฉียน บิดาและพี่ชายของจ้าวไป๋ลู่ก็ร้อนใจจนแทบจะกระโดดลงน้ำไปตามหาบุตรสาวของตนแล้ว สายฝนตกโหมกระหน่ำราวกับฟ้ารั่ว ยามนี้จ้าวไป๋ลู่เริ่มอ่อนแรงลงไปทุกขณะ นางพยายามประคองสติของตนเองเอาไว้ มือของนางกอดรัดหลี่รั่วหานเอาไว้แน่น หลี่รั่วหานนั้นเป็นทหาร ร่างกายของเขาย่อมกำยำแข็งแรงกว่าจ้าวไป๋ลู่ที่เป็นสตรี ท่ามกลางกระแสน้ำที่ไหลแรงทั้งคู่ลอยมาติดที่ริมฝั่งซึ่งมีต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งยืนต้นตระหง่านอยู่ หลี่รั่วหานไม่รอช้าเขารีบพานางขึ้นมาบนฝั่งด้วยความเหนื่อยหอบ "แค่ก แค่ก!!!" "จ้าวไป๋ลู่ เจ้าไหวหรือไม่!!!" "ไหวเจ้าค่ะ น้ำแรงมากข้าแทบหมดแรงแล้ว!!!" ทั้งสองนั่งพิงที่โคนต้นไม้ใหญ่พลางหายใจด้วยความเหนื่อยหอบ จนกระทั่งหลี่รั่วหานพอจะประคองตนเองลุกขึ้นมาได้บ้าง เขามองดูเสื้อผ้าที่เปียกโชกและสายฝนที่โหมกระหน่ำก็ครุ่นคิดในใจ หากปล่อยเอาไว้เช่นนี้เขากับนางต้องป่วยตายเป็นแน่!!! หลี่รั่วหานมองไปโดยรอบ แถวนี้มีเพียงป่าขนาดใหญ่รายล้อมไปหมด เขากับนางลอยมาติ
เหล่าโจรป่าถือว่ามีการระแวดระวังตนไม่น้อย พวกมันพุ่งทะยานมาล้อมหลี่รั่วหานและจ้าวไป๋ลู่เอาไว้ ดวงตาของพวกมันเปล่งประกายเมื่อมองเห็นสตรีใบหน้างดงามตรงหน้า ยามนี้เสื้อผ้าของนางเปียกชื้นจึงทำให้มองเห็นสัดส่วนที่เย้าตายวนใจได้อย่างชัดเจน พวกมันแลบลิ้นเลียริมฝีปากตนพร้อมกับแสดงสีหน้าหื่นกระหาย สายตาของพวกมันจ้องมองแทะโลมจ้าวไป๋ลู่อย่างไม่ปิดบัง จ้าวไป๋ลู่จับชายแขนเสื้อของหลี่รั่วหานเอาไว้แน่น หลี่รั่วหานใช้มือดันนางไปอยู่ที่ด้านหลังของเขา ดวงตาคมจ้องมองเหล่าโจรป่าพวกนั้นอย่างเย็นชา "ส่งสตรีน้อยนางนั้นมาแล้วข้าจะปล่อยเจ้าไป" หนึ่งในโจรป่าเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่อำมหิต หลี่รั่วหานที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยกยิ้มมุมปากคราหนึ่ง ในขณะที่จ้าวไป๋ลู่ในยามนี้ใบหน้าของนางซีดเผือดไร้สีเลือดอย่างเห็นได้ชัด หากเขามอบนางให้พวกมันจริง ๆ เล่า! "พวกเจ้าอยากได้ตัวนางจริง ๆ หรือ?" หลี่รั่วหานเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่กลั้วหัวเราะ รอยยิ้มร้ายกาจของเขาราวกับปีศาจที่หลุดออกมาจากการคุมขัง "หากพวกเจ้าอยากได้นางจริง ๆ ข้าก็ยินดียกนางให้กับพวกเจ้า" "ซื่อจื่อ!!!" จ้าวไป๋ลู่ตื่นตระหนกจนมือไม้สั่น นางคลายมือออกจากการเกาะก
ท่ามกลางสายฝนที่ตกโปรยปรายลงมาอีกครา ทำให้อากาศในยามนี้ค่อนข้างเหน็บหนาวไม่น้อย แต่ทว่าร่างกายของหลี่รั่วหานและจ้าวไป๋ลู่กลับร้อนระอุตรงข้ามกับสภาพอากาศที่หนาวเย็นเป็นอย่างยิ่งยามนี้คนทั้งสองเข้ามาหลบในเรือนไม้หลังนั้นที่เหล่าโจรสร้างทิ้งเอาไว้ คนทั้งสองนั่งหันหลังชนกัน มีบางคราที่จ้าวไป๋ลู่ขยับกายหลี่รั่วหานก็จะสะดุ้งเป็นพัก ๆ บัดซบ!!! เขากับนางกินยาปลุกกำหนัดเข้าไป ในน้ำเต้าขวดนั้นผสมยาปลุกกำหนัดเอาไว้!!! พวกมันนำยานี้มาใช้กับผู้ใดกันในกลางป่าลึกเช่นนี้!!! "ซื่อจื่อ ข้าร้อนเจ้าค่ะ" "เจ้าอย่าขยับสิ!!! บัดซบ!!!" มันแข็ง!!! แข็งจนเขาแทบจะทนไม่ไหวแล้ว หลี่รั่วหานพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ของตนเองเอาไว้ ยานี้แรงยิ่งนัก เขาสั่นสะท้านไปทั้งกายแล้ว "ซื่อจื่อ" "อย่าหันมา หน้าอกเจ้าถูกแขนข้า!!! โอ้วววว" ไม่ไหวแล้วโว้ย!!! "ซื่อจื่อ" "หยุดเรียกสักที!!! จ้าวไป๋ลู่ เจ้าทำเช่นไรก็ได้ให้ตัวเจ้ารู้สึกดีขึ้น" "เอ๋?"จ้าวไป๋ลู่หันมามองเขาด้วยความสงสัย ใบหน้างามยามนี้แดงระเรื่ออย่างเห็นได้ชัด หลี่รั่วหานเบือนหน้าหนีทันที เขาไม่รู้ว่าจะบอกนางเช่นใดดี!!! เจ้าใช้มือแหย่...อืมม!!! มันจะไม่ดีเอาน
หวังเจียหมิ่นเดินถือกล่องใส่อาหารไว้ในมือ ก่อนจะเดินขึ้นไปบนวัดไป๋หม่า เขาทำเช่นนี้มาร่วมปี เขาเองก็เต็มใจทำโดยไม่เคยปริปากบ่นแม้เพียงน้อยเสียงกวาดพื้นดังมาเป็นระยะ หวังเจียหมิ่นจ้องมองสตรีตรงหน้าที่ยามนี้นางเกล้าผมอย่างเรียบร้อย สวมเพียงเสื้อผ้าธรรมดา กำลังถือไม้กวาดกวาดใบไม้อย่างตั้งใจนางคือหลี่หลานฮวา หรือก็คือ หนิงเสวี่ย นั่นเอง นางเสียสติอยู่ร่วมปี กว่าจะทำใจยอมรับเรื่องราวก่อนหน้านี้ได้ มันไม่ง่ายเลยจริง ๆ ที่นางจะยอมรับว่านางกับหลี่รั่วหานเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกัน และไม่ง่ายเลยกว่านางจะยอมรับว่าสตรีที่นางเกลียดชังนักหนา แท้จริงแล้วคือมารดาผู้ให้กำเนิดนาง แม้จะเป็นเรื่องที่ทำใจได้ยาก แต่ในท้ายที่สุดนางก็ทำใจยอมรับมันได้ แม้จะต้องใช้เวลาบ้างก็ตาม นางอุทิศตัวให้พระโพธิสัตว์ ชาตินี้จะขอสร้างบุญเพื่อไถ่บาปกรรมที่นางเคยทำเอาไว้ทั้งหมด แม่ทัพใหญ่หลี่ องค์หญิงหงลี่และหลี่รั่วหานยังคงมาเยี่ยมนางอยู่เสมอ พวกเขายังคงพูดกับนางเหมือนเช่นทุกครา ว่ายังรอวันที่นางจะยินดีกลับจวนโหวอีกครั้ง ซึ่งนางเองก็ยังไม่รู้ว่าวันนั้นจะมาถึงเมื่อใดนางรู้สึกผิดต่อทุกคน ด้วยความรู้สึกผิดในใจนางจึงเล
จ้าวไป๋ลู่ยื่นน้ำตาลก้อนหนึ่งให้หลี่รั่วหานเพื่อให้เขาใช้แก้อาการแสบร้อนในปาก เขารีบยัดน้ำตาลก้อนนั้นเข้าปากทันที ยามนี้ปากของเขาบวมราวกับโดนฝูงผึ้งรุมต่อย สร้างความขบขันให้แก่นางไม่น้อย "หลี่รั่วหาน" "หืม" "ท่านพ่อท่านแม่ข้าบอกข้าว่า พวกเขาชอบท่านมาก" "จริงหรือ?" "จริงสิ แต่จะให้ข้ากลับเข้าจวนไปง่าย ๆ ก็คงจะไม่ดีเท่าใดนัก" "จ้าวไป๋ลู่ เรามาแต่งงานกันอีกรอบเถิด!!!" "ท่านว่าอย่างไรนะ" "ข้าจะแต่งงานกับเจ้าอีกรอบ เรามาแต่งงานกันเถอะ" "หลี่รั่วหาน ท่านแน่ใจแล้วหรือ ว่าจะแต่งกับข้าอีกครั้ง" "แน่ใจสิ""หากข้าไม่ได้อ่อนโยนเหมือนแต่ก่อนเล่า ไม่ใช่คนที่ท่านสามารถเอาเปรียบได้เช่นแต่ก่อนอีกเล่า" "ข้าก็ยังยืนยันที่จะแต่งกับเจ้าเช่นเดิม" "ท่านจะไม่โกหกข้า ไม่ทำร้ายข้าอีกครั้งใช่หรือไม่" "ข้าจะไม่มีวันทำให้เจ้ากับลูกเสียใจอีกเป็นอันขาด" "หากท่านผิดสัญญา ข้าจะไม่กลับไปหาท่านอีก" "ห้าปีที่ข้ารอเจ้า มันเป็นบทเรียนชั้นดีที่สอนข้าอย่างสาหัสแล้วจ้าวไป๋ลู่" "ตกลง เช่นนั้นข้าจะแต่งงานกับท่านอีกครา" "จริงหรือ เจ้าพูดจริงหรือ!!!" "หน้าข้าเหมือนคนโกหกหรือ?" "ก็ข้าคิดว่าเจ้า..." "หุบปาก!!!"
จวนตระกูลจ้าวหลี่รั่วหานมาตามที่ตกลงกับจ้าวไป๋ลู่เอาไว้ ยามนี้เขากำลังนั่งตัวเกร็งอยู่ที่ห้องโถงด้านในจวนตระกูลจ้าว อดทนกับสายตากดดันของจ้าวเยียน ฮูหยินหลิวอิ๋ง และจ้าวเฉียน ที่มองเขาด้วยแววตาที่เย็นเยียบแต่เพื่อนางกับลูกเขายอม จ้าวเยียนปรายตามองหลี่รั่วหานคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นมา "ซื่อจื่อ ท่านแน่ใจแล้วหรือ ที่จะลดตัวลงมาหาพวกเรา" "แน่ใจขอรับ ข้าเต็มใจทำทุกสิ่งเพื่อจ้าวไป๋ลู่กับลูก" "ก็ดี ท่านทำอาหารเป็นหรือไม่ แม่ครัวเก่าเพิ่งจะลาออกไป ฮูหยินข้ากำลังอยากได้ลูกมือทำครัวอยู่พอดี" "ได้เลยขอรับ" ฮูหยินหลิวอิ๋งปรายตามองหลี่รั่วหานคราหนึ่ง ก่อนจะครุ่นคิดถึงจดหมายที่องค์หญิงหงลี่ส่งมาให้นาง ในจดหมายเขียนเอาไว้ว่า จัดการให้หนัก! ยามนี้นางกับองค์หญิงหงลี่ปรับความเข้าใจกันด้วยดีแล้วหลี่รั่วหานเดินตามฮูหยินหลิวอิ๋งเข้ามาในโรงครัว ก่อนจะจ้องมองนางที่กำลังหยิบมีดคมขึ้นมาถือเอาไว้ ในใจของเขาก็รู้สึกเย็นวาบแปลก ๆ "มีดนี่คมมาก ข้าใช้มันหั่นเนื้อเป็นประจำ เป็นมีดประจำตัวของข้า เดิมทีข้าอยากส่งต่อมันให้กับจ้าวไป๋ลู่ ซื่อจื่อท่านรู้หรือไม่ว่า เหตุใดข้าจึงอยากส่งต่อมีดนี้ให้บุตรสาวของข้า"
ยามนี้เหตุการณ์ทุกอย่างอยู่ในความสงบแล้ว ทุกคนกลับไปใช้ชีวิตปกติเหมือนเช่นเคย และมีเรื่องที่น่ายินดีอีกเรื่องหนึ่งนั่นก็คือ เซียวถงกำลังจะเข้าพิธีแต่งงานกับสวีลั่วลั่ว ทั้งสองพบรักกันเมื่อหนึ่งปีก่อนจ้าวไป๋ลู่ยินดีกับทั้งสองเป็นอย่างมาก และนางดีใจที่เซียวถงจะมีสตรีที่ดีพร้อมมาคอยดูแลเสียที ส่วนนางเองก็ยังไม่ได้ใจอ่อนกับหลี่รั่วหาน แม้ว่าเขาจะพยายามตามง้อนางก็ตาม ยามนี้จ้าวหยางอายุได้สี่ขวบปีแล้ว เป็นวัยที่กำลังช่างพูดช่างคุย บางคราเขาตื่นมาชวนนางคุยกลางดึกก็เคยทำมาแล้ว วันนี้เป็นวันมงคลของเซียวถงและสวีลั่วลั่ว จ้าวไป๋ลู่พาจ้าวหยางไปร่วมงานในครานี้ด้วย งานเลี้ยงจัดอย่างยิ่งใหญ่ ผู้คนต่างมาร่วมยินดีกับบ่าวสาวกันมากมายจ้าวไป๋ลู่มองดูเซียวถงกับสวีลั่วลั่วที่หยอกล้อกันตามประสาคู่แต่งงานก็เผลอยิ้มออกมาเล็กน้อย งานแต่งของนางไม่เคยมีความทรงจำเหล่านี้อยู่เลยแม้แต่น้อย "ไป๋ไป๋" จ้าวไป๋ลู่ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะหันไปพบหลี่รั่วหานที่เดินมาพร้อมกับหลัวเทียนเฉิน นางเพียงมองเขาแต่ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกมา "แม่นางไป๋ไป๋ ดีใจที่ได้พบเจ้าอีกครา" "ใต้เท้าหลัว" "อย่าเรียกบ่อย ข้ากลัวจะตกหลุมรักเจ้
เว่ยจิ่นซางหยิบยาพิษออกมาจากในอกเสื้ออีกขวดหนึ่ง ก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาองค์หญิงหงลี่ช้า ๆ "ตายซะเถอะ ในที่สุดข้าก็ล้างแค้นได้สำเร็จสักที" ฉึก! ยังไม่ทันที่เว่ยจิ่นซางจะสังหารองค์หญิงหงลี่ได้สำเร็จ มีดเล่มหนึ่งก็แทงเข้ามาที่แผ่นหลังของนางทะลุมาที่หน้าท้อง เมื่อนางหันกลับไปช้า ๆ จึงได้พบว่าเป็นฝีมือของหนิงเสวี่ย "นะ!!! นังชั่ว นังเนรคุณ!!!" "ฮือออออ" หนิงเสวี่ยแทงมีดจนสุดด้าม ก่อนจะทิ้งกายลงนั่งบนพื้นแล้วปิดหน้าร้องไห้โฮออกมาอย่างเจ็บปวดเว่ยจิ่นซางตกตายด้วยมีดเล่มนั้นของหนิงเสวี่ย"ท่านแม่!!!"ด้านนอกมีเสียงการต่อสู้ดังขึ้น ก่อนจะมีคนเปิดประตูพุ่งเข้ามา เป็นหลี่รั่วหานนั่นเอง เขามองสภาพศพของเว่ยจิ่นซางที่นอนตายอยู่บนพื้นดวงตาเบิกกว้าง ข้าง ๆ กันมีหนิงเสวี่ยที่นั่งร้องไห้อยู่ เขาไม่มีเวลาสนใจหนิงเสวี่ยมากนัก เขารีบวิ่งเข้าไปแก้มัดให้องค์หญิงหงลี่ ก่อนจะเดินเข้าไปหาจ้าวไป๋ลู่และลูกที่นอนหลับไม่ได้สติอยู่ข้าง ๆ กัน"ไป๋ไป๋!!!" "นางสลบไม่ได้สติมาหลายชั่วยามแล้ว" เสียงของหลี่รั่วหานปลุกหนิงเสวี่ยให้ตื่นจากความสับสนและหวาดกลัวในจิตใจ นางค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นไปมองเขาช้า ๆ เมื่อเขาหันมาส
นางกรอกยาพิษทั้งที่มือก็สั่นไม่น้อย ยิ่งได้เห็นแววตาที่แข็งกระด้างขององค์หญิงหงลี่ที่มองมา มือนางก็สั่นมากยิ่งขึ้น จนทำยาพิษหกลงพื้นไปเสียดื้อ ๆ องค์หญิงหงลี่กินยาพิษนั้นไปไม่ถึงครึ่งขวดด้วยซ้ำ แต่นางก็กระอักโลหิตสีดำออกมาไม่น้อย เว่ยจิ่นซางที่ได้เห็นเช่นนั้นก็ส่งเสียงหัวเราะสะใจออกมาอย่างบ้าคลั่ง แปะ แปะ แปะ หนิงเสวี่ยกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ก่อนจะหันไปมองเว่ยจิ่นซาง "ท่านแม่" เว่ยจิ่นซางหันมามองหนิงเสวี่ยด้วยสายตาที่เย็นชา "ผู้ใดเป็นแม่เจ้ากัน?" "เอ๋? ท่านแม่ เหตุใดท่านจึงเอ่ยวาจาเช่นนี้เจ้าคะ ข้าไม่เข้าใจ" เว่ยจิ่นซางปรายตามองหนิงเสวี่ยอย่างดูแคลน แววตาที่เคยมองนางประดุจลูกในไส้ แววตาที่อ่อนโยนเลือนหายไปจนหมดสิ้น ยามนี้มีเพียงความเกลียดชังเข้ามาแทนที่ นางทุ่มเทแรงกายแรงใจ รอเวลานี้มานานเหลือเกิน นางรอจนกระทั่งถึงวันนี้!!! "ฮ่า ๆ ๆ ๆ การได้มองเห็นบุตรสาวกำลังฆ่ามารดาของตนเองกับมือ ช่างเป็นภาพที่งดงามเสียจริง ๆ" เว่ยจิ่นซางเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่มีความสุข หนิงเสวี่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่น ด้านองค์หญิงหงลี่ที่ได้ยินเว่ยจิ่นซางเอ่ยคำพูดเช่นนี้ออกมา ใจของนางก็เต้นแรงอย่างบ
จ้าวไป๋ลู่ถูกลักพาตัวมาที่เรือนโกโรโกโสหลังหนึ่งบนหุบเขา นางกอดจ้าวหยางเอาไว้แนบอก พยายามปกป้องบุตรชายเอาไว้อย่างสุดชีวิต "ลงมา!!! เดินเข้าไป!!!" ชายฉกรรจ์สี่ห้าคนพากันล้อมตัวนางเอาไว้ ก่อนจะบังคับให้นางเดินเข้าไปในเรือนหลังนั้น เมื่อนางมาถึงก็พบกับองค์หญิงหงลี่ที่ยามนี้ถูกมัดมือมัดเท้าเอาไว้ ใบหน้าขององค์หญิงหงลี่บวมเป่งคล้ายกับถูกตบตีมาอย่างหนัก "ท่านแม่!!!" "ไป๋ไป๋" จ้าวไป๋ลู่ถูกนำมาขังรวมเอาไว้กับองค์หญิงหงลี่ นางกอดจ้าวหยางไว้แนบอก ก่อนจะหันมองไปโดยรอบอย่างระแวดระวัง พวกมันจับตัวนางมาด้วยเหตุใดกัน ไม่นานนักความสงสัยของนางก็กระจ่าง เมื่อได้พบกับ หนิงเสวี่ยและมารดาของนาง หนิงเสวี่ยจ้องมองนางด้วยแววตาที่เย็นชา ก่อนจะสลับมองมาที่จ้าวหยางอย่างเกลียดชัง "หึ!!! ตายยากเสียจริงนะจ้าวไป๋ลู่ เจ้าไม่เพียงไม่ตาย แต่ยังคลอดเด็กนรกนี่ออกมาอีกด้วย!!!" "อย่ายุ่งกับบุตรของข้า" "ฮ่า ๆ ๆ ๆ เจ้ามีสิทธิ์อันใดมาขอร้องข้ากัน" นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เย้ยหยัน ก่อนจะครุ่นคิดถึงเรื่องที่ท่านแม่บอกเล่าให้ฟัง ท่านแม่บอกว่าจ้าวไป๋ลู่รอดตายกลับมาได้อีกทั้งยังมีบุตรชายที่เกิดจากหลี่รั่วหานตามมาอีกด้
เมื่อหลี่รั่วหานกลับมาถึงจวน เขาก็ได้พบข่าวร้ายว่าท่านแม่ของเขาหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ยามนี้ท่านพ่อออกไปตรวจตราชายแดนยังไม่กลับเมืองหลวง เขาเองก็เอาแต่ตามติดจ้าวไป๋ลู่และลูก ระยะนี้จึงไม่ได้สนใจมารดาของตนมากเท่าใดนัก"เจ้าเล่ามา ท่านแม่หายไปได้เช่นไร!!!" "บ่าวไม่ทราบเจ้าค่ะ เดิมทีฮูหยินกำลังเดินเล่นอยู่ที่ริมสระบัวท้ายจวน แล้วเกิดอยากกินขนมกุ้ยฮวา จึงให้บ่าวมาทำ ฮูหยินบอกว่าอยากอยู่เงียบ ๆ เพียงลำพังจึงให้สาวใช้ปลีกตัวออกมาจนหมด พอบ่าวกลับไปก็ไม่พบฮูหยินแล้วเจ้าค่ะ" หลี่รั่วหานที่ได้ยินเช่นนั้นก็หน้าซีดเผือดขึ้นมาทันที เขาสั่งให้คนค้นหาท่านแม่จนทั่วจวน เผื่อว่าจะเป็นลมอยู่ที่ใดสักแห่ง แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่พบตัวขององค์หญิงหงลี่ เขาจึงรีบเข้าวังกราบทูลฮ่องเต้หงหยวนในทันที ด้านจ้าวไป๋ลู่นั้น เมื่อเสร็จธุระจากร้านอาหารแล้ว นางจึงสั่งให้คนขับรถม้ามุ่งหน้าไปยังวัดไป๋หม่า เพื่อจะพาจ้าวหยางไปไหว้พระขอพรแต่ระหว่างทาง รถม้าของนางก็เกิดหยุดลงกะทันหัน จู่ ๆ ก็มีชายชุดดำสี่ห้าคนเข้ามาลักพาตัวของนางและจ้าวหยางไป ข่าวที่องค์หญิงหงลี่หายตัวไปยังไม่ทันได้สืบทราบ หลี่รั่วหานก็ได้รับข่าวร้ายจากจวนต
ยามนี้เข้าสู่ช่วงฤดูใบไม้ผลิ เหล่าราษฎรต่างพากันออกมาทำมาหากิน บ้างก็ทำเรือกสวนไร่นา บ้างก็ออกมาขายของที่ตลาด ช่างเป็นบรรยากาศที่คึกคักเป็นอย่างมาก วันนี้จ้าวไป๋ลู่พาจ้าวหยางที่มีอายุสองขวบกว่าแล้ว มาที่ร้านอาหารของท่านปู่ท่านย่า นางอยากให้เขาเรียนรู้การใช้ชีวิตให้มาก ๆ จึงตั้งใจให้เขาเรียนรู้ทุกอย่างในชีวิต "นี่ เต้าหู้ เด็กดีพูดตามแม่สิ เต้าหู้" "เต้าหู้ ท่านแม่ ท่านแม่ เต้าหู้" "เก่งมากเลยจ้ะลูกรัก" จ้าวไป๋ลู่ตบมือให้จ้าวหยางด้วยความชื่นชม เด็กน้อยที่เห็นเช่นนั้นก็กระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข "ขอหม้อไฟสองที่ ซุปซี่โครงหมูหนึ่งที่" "เชิญ..." จ้าวไป๋ลู่หันไปมองก่อนที่รอยยิ้มบนใบหน้าจะจางหายไป มาอีกแล้ว!!! "แม่นางคนงาม ข้ารอหม้อไฟอยู่นะ" หลัวเทียนเฉินเอ่ยด้วยท่าทียั่วเย้า หลี่รั่วหานที่เห็นเช่นนั้นจึงแอบยื่นมือไปหยิกบั้นท้ายหลัวเทียนเฉินจนเขาสะดุ้งโหยง หึ!!! ถึงข้าจะเหลือแขนเดียวแต่ข้าก็สู้นะ!!! "ใต้เท้ารอสักครู่ พี่เซียวถงนั่งก่อนเถิด" จ้าวไป๋ลู่เดินกลับเข้าไปในโรงครัวพักใหญ่ ก่อนจะเดินออกมาพร้อมกับจ้าวหยาง นางวางหม้อไฟลงบนโต๊ะ พร้อมกับซุปกระดูกหมูที่มีพริกสีแดงสดลอยเต็ม