ยามนี้วังหลวงกำลังจะมีงานใหญ่ ฮ่องเต้หงหยวนทรงสั่งให้คนจัดงานวันคล้ายวันพระราชสมภพให้แก่เจียงฮองเฮา จึงมีรับสั่งให้เหล่าพระญาติรวมถึงขุนนางชั้นสูงเข้าร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้ด้วย องค์หญิงหงลี่ทรงรับสั่งให้หาช่างฝีมือดีมาตัดเย็บชุดให้จ้าวไป๋ลู่เพิ่มอีกหลายชุด เพื่อใช้สวมใส่ไปร่วมงานเลี้ยงในวังหลวง ยามนี้อากาศค่อนข้างดีไม่น้อย จ้าวไป๋ลู่รู้สึกว่าอยากสูดอากาศให้เต็มปอด นางจึงพาหมิงอวี้เดินไปที่สวนท้ายจวน ก่อนจะพบกับเหล่าสาวใช้ที่กำลังวุ่นวายอยู่ที่สุสานบรรพชน นางมองดูเสื้อผ้าของสตรีมากมาย ก่อนจะเข้าใจบางสิ่งบางอย่าง ในจวนเคยมีคุณหนูนางหนึ่ง ซึ่งเป็นบุตรสาวขององค์หญิงหงลี่ นามว่าหลี่หลานฮวา องค์หญิงหงลี่มิได้เอ่ยสิ่งใดให้นางฟังมากนัก บอกเพียงว่าหลี่หลานฮวาไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้แล้ว เพราะความเศร้าเสียใจ องค์หญิงหงลี่จึงทำทุกอย่างราวกับหลี่หลานฮวายังมีชีวิตอยู่ เหมือนกับต้องการปลอบประโลมจิตใจของตนเองจ้าวไป๋ลู่เดินตรงมาที่สระบัวท้ายจวน ก่อนจะทิ้งกายลงนั่งที่ศาลาใต้ต้นไม้ใหญ่ สายลมพัดพาความเย็นสบายเข้ามาไม่ขาดสาย หมิงอวี้รินชาร้อนชั้นดีให้ผู้เป็นนายอย่างรู้งาน จ้าวไป๋ลู่ยกถ้วยชาขึ้นดื่ม พล
จ้าวไป๋ลู่คร้านจะใส่ใจกับสายตาที่มองมาของหนิงเสวี่ย นางทิ้งกายนั่งลงที่ศาลาริมสระบัว พลางจ้องมองความงดงามภายในวังหลวงอย่างเบิกบานใจองค์หญิงหงลี่แยกตัวไปจัดการธุระบางอย่าง และบอกให้นางรออยู่ตรงนี้ครู่หนึ่ง จ้าวไป๋ลู่จึงนั่งรอเพียงลำพัง เนื่องจากในวังหลวงไม่อนุญาตให้สาวใช้ติดตามเข้ามารับใช้ด้านในด้วย ด้วยเพราะนางไม่ได้มีสหายที่รู้จักกันมากนัก จึงไม่ได้เอ่ยทักทายผู้ใด แตกต่างจากหนิงเสวี่ยที่มีเหล่าสตรีชั้นสูงรายล้อมมากมาย "นี่เจ้า เจ้าน่ะ" จ้าวไป๋ลู่ที่กำลังจ้องมองสิ่งต่าง ๆ ไปโดยรอบ ได้ยินคล้ายเสียงของใครบางคนกำลังเรียก นางจึงหันไปมองด้วยท่าทีงุนงง ก่อนจะพบกับสตรีน้อยนางหนึ่ง ใบหน้าของนางงดงามอีกทั้งยังแฝงแววขี้เล่น กำลังส่งยิ้มตาหยีมาให้นางอย่างเป็นมิตร"เรียกข้าหรือ?" "ใช่ เจ้านั่นแหละ ข้าเห็นเจ้านั่งอยู่เพียงลำพัง จึงเข้ามาทักทาย" "อ้อ" "ข้าชื่อสวีลั่วลั่ว เจ้าชื่ออันใด" "ข้าชื่อไป๋ไป๋""โอวว ชื่อน่ารักน่าชังยิ่งนัก ข้าขอนั่งด้วยคนนะ" สวีลั่วลั่วทิ้งกายลงนั่งข้างกายจ้าวไป๋ลู่ในทันที แววตาคู่สวยจ้องมองจ้าวไป๋ลู่อย่างพิจารณา "เจ้านี่งดงามไม่เบา" "เอ่อ...เจ้าก็งามนะ" "แน่นอน
งานเลี้ยงยังคงดำเนินต่อไป ฮ่องเต้หงหยวนและฮองเฮาแย้มพระสรวลเบิกบานใจเป็นอย่างยิ่ง ด้านองค์หญิงหงลี่เองก็กำลังนั่งสนทนากับฮ่องเต้หงหยวนผู้เป็นพี่ชายอย่างมีความสุข ด้านจ้าวไป๋ลู่นั้นก็กำลังพูดคุยกับสวีลั่วลั่วอยู่ที่ริมสระบัวอย่างสนุกสนาน นางชอบสวีลั่วลั่วเป็นอย่างยิ่ง สวีลั่วลั่วนั้นพูดเก่ง อีกทั้งยังเป็นสตรีที่ร่าเริงมากอีกด้วย "เอาไว้คราวหน้าข้าจะส่งเทียบเชิญให้เจ้านะไป๋ไป๋ เดือนหน้าจะเป็นวันเกิดของข้า เจ้าต้องมาให้ได้เชียวนะ" "แน่นอนอยู่แล้ว ไว้กลับจวนข้าจะส่งขนมอร่อย ๆ ไปให้เจ้าเช่นกันนะลั่วลั่ว" "เจ้าน่ารักที่สุดข้าชอบเจ้ามาก" "ข้าก็ชอบเจ้า" หนิงเสวี่ยมองดูจ้าวไป๋ลู่และสวีลั่วลั่วที่พูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติก็เบ้ปากทันที เหอะ คนชั้นต่ำย่อมดึงดูดคนชั้นต่ำด้วยกันเสมอ เมื่อคิดได้เช่นนั้นนางจึงเดินตรงไปหาจ้าวไป๋ลู่ในทันที ยามนี้จ้าวไป๋ลู่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ริมสระเพียงลำพัง ส่วนสวีลั่วลั่วนางกำลังไปหาขนมมาเพิ่ม จ้าวไป๋ลู่หันมามองหนิงเสวี่ยเล็กน้อย "พี่รั่วเป็นเช่นไรบ้าง เขาสบายดีใช่หรือไม่?" หนิงเสวี่ยเอ่ยถามจ้าวไป๋ลู่ด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย จ้าวไป๋ลู่เพียงยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจ
ยามนี้เหล่าหมอหลวงกำลังวิ่งวุ่นเข้าออกที่เรือนหลักของจวนโหวอย่างวุ่นวาย เพราะจ้าวไป๋ลู่ถูกงูพิษที่หล่นมาจากต้นไม้ร่วงตกลงไปในน้ำ กัดเข้าที่ขาทำนางบาดเจ็บไม่น้อย โชคดีที่ยามนี้ปลอดภัยแล้ว องค์หญิงหงลี่หันไปปรายตามองหลี่รั่วหานคราหนึ่ง แววตาบ่งบอกถึงความโมโหอย่างไม่ปิดบัง นางมิได้เอ่ยตำหนิบุตรชายเหมือนเช่นทุกครา แต่กลับเดินหนีไปและไม่ยอมมองหน้าเขาอีก หลี่รั่วหานจ้องมองจ้าวไป๋ลู่ที่ยามนี้กำลังหลับสนิทอยู่บนเตียง ใบหน้าสวยซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัด หลี่รั่วหานยื่นมือไปลูบข้างแก้มของนางคราหนึ่ง ก่อนจะครุ่นคิดในใจ เขาผิดที่ใดกันที่เลือกช่วยหนิงเสวี่ยก่อน หนิงเสวี่ยว่ายน้ำไม่เป็น เขารู้เรื่องนี้ดี แต่จ้าวไป๋ลู่ว่ายน้ำเป็น เขาเชื่อว่านางสามารถเอาตัวรอดได้ แต่เขาไม่คาดคิดว่านางจะได้รับบาดเจ็บหนักหนาถึงเพียงนี้ เปลือกตาของนางขยับสั่นไหวคราหนึ่ง ก่อนจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้นช้า ๆ นางยังคงรู้สึกหนักอึ้งที่ศีรษะอีกทั้งยังปวดหนึบมาก ลำคอก็แห้งผากเหลือเกิน "นะ น้ำ!!!" นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า หลี่รั่วหานรีบพยุงนางขึ้นมานั่ง ก่อนจะรินชาที่เตรียมไว้ให้นางดื่มเพื่อดับกระหาย จ้าวไป๋ลู่มองเห็นเขาไม่ชัดเจ
จวนตระกูลหนิง "เจ้าว่าอย่างไรนะ!!!" เสนาบดีหนิงที่ได้ยินคนตรงหน้าเอ่ยเรื่องราวบางอย่างให้ได้ฟังก็ถึงกับลุกพรวดขึ้นมาด้วยความตื่นตระหนก คนของเขากลับมาส่งข่าว ว่าก่อนหน้านี้เขาจะไปส่งจดหมายให้แก่โจรป่าพวกนั้น แต่ทว่าคนของเขากลับพบกับหลี่รั่วหานและจ้าวไป๋ลู่ในป่า หลี่รั่วหานสังหารคนของเสนาบดีหนิงตกตายจนหมด พร้อมกับเก็บจดหมายที่เสนาบดีหนิงลอบส่งให้โจรป่าพวกนั้นอย่างลับ ๆ เอาไว้กับตัว นั่นยิ่งทำให้เสนาบดีหนิงถึงกับเดือดพล่าน มิน่าเล่าระยะหลังมานี้เขาจึงติดต่อกับโจรพวกนั้นไม่ได้เลยแท้จริงแล้วพวกมันไม่ใช่โจร แต่เป็นลูกน้องคนสำคัญที่เขาสั่งให้ไปทำการใหญ่ ลักลอบจับสตรีและเด็กสาวที่มีใบหน้างดงามที่เร่ร่อนไร้บ้าน อีกทั้งยังเป็นสตรีจากตระกูลชนบท ส่งไปค้าประเวณีที่หอนางโลมด้านนอกเมืองหลวง ซึ่งเป็นกิจการใหญ่ที่เขาร่วมสร้างขึ้นมากับเยียนอ๋อง ท่านอ๋องแห่งแคว้นเยียนผู้บงการเบื้องหลัง เยียนอ๋องเป็นคนบ้ากามตัณหามาก เขาเป็นน้องชายของฮ่องเต้หงหยวน ยามนี้ต้าฉินไร้ซึ่งสงครามแผ่นดินสงบศึก รายได้ที่เยียนอ๋องเคยยักยอกจากเสบียงอาหารก็ไม่สามารถทำได้เช่นเดิมอีก จึงร่วมมือกับเขาจับสตรีในเมืองหลวงไปค้าประเวณี
เช้าวันรุ่งขึ้น จ้าวไป๋ลู่และหลี่รั่วหานก็เดินทางไปที่จวนตระกูลจ้าวเพื่อเยี่ยมเยือนบิดามารดาของนาง ระหว่างที่นั่งในรถม้า ทั้งสองไม่ได้เอ่ยวาจาใดต่อกันแม้เพียงครึ่งคำ หลี่รั่วหานแอบมองจ้าวไป๋ลู่เป็นระยะ เขารู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก ภายใต้ใบหน้าเรียบเฉยของนาง ราวกับมีถ้อยคำมากมายที่อยากจะเอ่ยกับเขา เขาจำได้ดีวันแรกที่ได้พบนาง นางดูสดใสและร่าเริงกว่านี้มากนักเป็นเพราะเขาหรือที่ทำให้ความสดใสนั้นจางหายไปเขาไม่ได้ตั้งใจจะตะคอกใส่นางเมื่อวานนี้ แต่เพราะนางเซ้าซี้เขาจนเกินไป ทำให้เขาระงับโทสะไม่ได้ "ไป๋ไป๋" จ้าวไป๋ลู่ที่กำลังนั่งเหม่อมองออกไปนอกรถม้ามีท่าทีชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองหลี่รั่วหานคราหนึ่งก็พบว่ายามนี้ใบหน้าของเขามีท่าทีเก้ ๆ กัง ๆ ยามที่เอ่ยเรียกชื่อนาง "ข้าได้ยินท่านแม่เรียกเจ้าเช่นนี้" "อ้อ นี่คือชื่อเล่นของข้าเอง" หลี่รั่วหานพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยขึ้นมา "เจ้าเรียกข้าว่าอารั่วก็ได้ นี่เป็นชื่อเล่นของข้าเช่นกัน" จ้าวไป๋ลู่รู้สึกตกตะลึงไม่น้อยที่ได้ยินเขาเอ่ยเช่นนี้ อารั่ว? รั่วสมชื่อจริง ๆ! "เจ้าค่ะ ข้าจะเรียกท่านว่าอารั่ว" "ดี" "ซื่อจื่อ เอ่อ อารั่ว ข้
หลายวันต่อมา จ้าวไป๋ลู่ได้ตามองค์หญิงหงลี่เข้าวังหลวง เพื่อเยี่ยมเยือนอาการป่วยของฮองเฮา ได้ยินมาว่าพระนางมีอาการอ่อนเพลีย อีกทั้งยังเสวยสิ่งใดมิค่อยลงอีกด้วย จ้าวไป๋ลู่ที่ได้ยินเช่นนั้นจึงส่งยิ้มให้นางเล็กน้อย และช่วยองค์หญิงหงลี่จัดแจงเตรียมอาหารเข้าวังไปพบกับฮองเฮาในทันที ระหว่างที่นั่งในรถม้า องค์หญิงหงลี่บอกกับจ้าวไป๋ลู่ว่า เจียงฮองเฮากับพระนางเป็นสหายรักกัน เช่นเดียวกับมารดาของจ้าวไป๋ลู่ เจียงฮองเฮามีพระนามเต็ม ว่าเจียงลู่หว่าน อีกทั้งยังบอกนางถึงกฎระเบียบในวัง และให้นางทำตัวตามสบาย เพราะในวังหลวงมิได้เคร่งครัดสิ่งใดมากนัก เมื่อมาถึงวังหลวง ทั้งสองก็มุ่งหน้าไปยังตำหนักเฟิ่งหวงในทันที เจียงฮองเฮาที่ได้เห็นองค์หญิงหงลี่ ใบหน้างามก็เผยรอยยิ้มอย่างดีใจ นางรีบให้คนพยุงตนเองลุกเดินไปหาองค์หญิงหงลี่ทันที"หงลี่ ข้าคิดว่าเจ้าจะไม่มาเสียแล้ว" "ต้องมาอยู่แล้ว ลู่หว่านอาการเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง" "ไม่ดีเอาเสียเลย ข้ากินสิ่งใดไม่ลง อีกทั้งยังรู้สึกอยากอาเจียนด้วย" "ข้ากับลูกสะใภ้ทำอาหารที่เจ้าชอบมาให้ ลองชิมดูสักหน่อยดีหรือไม่?" "เจ้าช่างดียิ่งนัก" องค์หญิงหงลี่ส่งกล่องอาหารให้เหล่านางกำ
จวนตระกูลหวัง "ข้าไม่กิน ไสหัวไป!!!" หวังเจียหมิ่นที่กำลังเดินกลับเข้ามาในเรือน ทำได้เพียงถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยหน่าย เขาแต่งงานกับหนิงเสวี่ยได้ร่วมสองเดือนแล้ว แต่ทั้งสองคนยังไม่เคยหลับนอนด้วยกันเลยสักครา หนิงเสวี่ยเอาแต่เอ่ยวาจาแดกดันเขา เขาเองก็ทำได้เพียงก้มหน้ายอมรับชะตากรรมในครั้งนี้ เดิมทีเขาแอบหลงรักนาง แต่ก็ต้องตัดใจเมื่อรู้ว่านางเป็นคนรักของหลี่รั่วหาน แต่โชคชะตากลับเล่นตลก ทำให้เขาได้แต่งงานกับนางเพราะสมรสพระราชทาน ในคราแรกเขาดีใจยิ่งนัก แต่ทว่าในวันนี้เขากลับทุกข์ใจเหลือเกิน ทุกคราที่หนิงเสวี่ยรับรู้เรื่องราวของหลี่รั่วหานและสตรีนางนั้น หนิงเสวี่ยก็จะทุบตีด่าทอสาวใช้ในจวนอยู่เสมอ จวนของเขานั้น บิดามารดาจากไปนานแล้ว นางจึงเป็นฮูหยินใหญ่ในจวนแต่เพียงผู้เดียว "กลับมาแล้วหรือ!!! คนสารเลว!!! เจ้ารู้เรื่องของพี่รั่วกับนางแพศยานั่น แต่กลับไม่บอกข้า พี่รั่วนำกระต่ายไปมอบให้มัน แต่กลับไม่มอบให้ข้า ทั้งที่เขาก็รู้ว่าข้าชอบกระต่าย ข้าไม่ยอม!!!" "ระงับสติอารมณ์เถิด ต่อให้เจ้าโมโหจนตาย เขาก็ไม่มีวันกลับมาหาเจ้า" "หวังเจียหมิ่น หากไม่มีเจ้าข้าคงแต่งเข้าจวนโหวไปนานแล้ว กลับ
หวังเจียหมิ่นเดินถือกล่องใส่อาหารไว้ในมือ ก่อนจะเดินขึ้นไปบนวัดไป๋หม่า เขาทำเช่นนี้มาร่วมปี เขาเองก็เต็มใจทำโดยไม่เคยปริปากบ่นแม้เพียงน้อยเสียงกวาดพื้นดังมาเป็นระยะ หวังเจียหมิ่นจ้องมองสตรีตรงหน้าที่ยามนี้นางเกล้าผมอย่างเรียบร้อย สวมเพียงเสื้อผ้าธรรมดา กำลังถือไม้กวาดกวาดใบไม้อย่างตั้งใจนางคือหลี่หลานฮวา หรือก็คือ หนิงเสวี่ย นั่นเอง นางเสียสติอยู่ร่วมปี กว่าจะทำใจยอมรับเรื่องราวก่อนหน้านี้ได้ มันไม่ง่ายเลยจริง ๆ ที่นางจะยอมรับว่านางกับหลี่รั่วหานเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกัน และไม่ง่ายเลยกว่านางจะยอมรับว่าสตรีที่นางเกลียดชังนักหนา แท้จริงแล้วคือมารดาผู้ให้กำเนิดนาง แม้จะเป็นเรื่องที่ทำใจได้ยาก แต่ในท้ายที่สุดนางก็ทำใจยอมรับมันได้ แม้จะต้องใช้เวลาบ้างก็ตาม นางอุทิศตัวให้พระโพธิสัตว์ ชาตินี้จะขอสร้างบุญเพื่อไถ่บาปกรรมที่นางเคยทำเอาไว้ทั้งหมด แม่ทัพใหญ่หลี่ องค์หญิงหงลี่และหลี่รั่วหานยังคงมาเยี่ยมนางอยู่เสมอ พวกเขายังคงพูดกับนางเหมือนเช่นทุกครา ว่ายังรอวันที่นางจะยินดีกลับจวนโหวอีกครั้ง ซึ่งนางเองก็ยังไม่รู้ว่าวันนั้นจะมาถึงเมื่อใดนางรู้สึกผิดต่อทุกคน ด้วยความรู้สึกผิดในใจนางจึงเล
จ้าวไป๋ลู่ยื่นน้ำตาลก้อนหนึ่งให้หลี่รั่วหานเพื่อให้เขาใช้แก้อาการแสบร้อนในปาก เขารีบยัดน้ำตาลก้อนนั้นเข้าปากทันที ยามนี้ปากของเขาบวมราวกับโดนฝูงผึ้งรุมต่อย สร้างความขบขันให้แก่นางไม่น้อย "หลี่รั่วหาน" "หืม" "ท่านพ่อท่านแม่ข้าบอกข้าว่า พวกเขาชอบท่านมาก" "จริงหรือ?" "จริงสิ แต่จะให้ข้ากลับเข้าจวนไปง่าย ๆ ก็คงจะไม่ดีเท่าใดนัก" "จ้าวไป๋ลู่ เรามาแต่งงานกันอีกรอบเถิด!!!" "ท่านว่าอย่างไรนะ" "ข้าจะแต่งงานกับเจ้าอีกรอบ เรามาแต่งงานกันเถอะ" "หลี่รั่วหาน ท่านแน่ใจแล้วหรือ ว่าจะแต่งกับข้าอีกครั้ง" "แน่ใจสิ""หากข้าไม่ได้อ่อนโยนเหมือนแต่ก่อนเล่า ไม่ใช่คนที่ท่านสามารถเอาเปรียบได้เช่นแต่ก่อนอีกเล่า" "ข้าก็ยังยืนยันที่จะแต่งกับเจ้าเช่นเดิม" "ท่านจะไม่โกหกข้า ไม่ทำร้ายข้าอีกครั้งใช่หรือไม่" "ข้าจะไม่มีวันทำให้เจ้ากับลูกเสียใจอีกเป็นอันขาด" "หากท่านผิดสัญญา ข้าจะไม่กลับไปหาท่านอีก" "ห้าปีที่ข้ารอเจ้า มันเป็นบทเรียนชั้นดีที่สอนข้าอย่างสาหัสแล้วจ้าวไป๋ลู่" "ตกลง เช่นนั้นข้าจะแต่งงานกับท่านอีกครา" "จริงหรือ เจ้าพูดจริงหรือ!!!" "หน้าข้าเหมือนคนโกหกหรือ?" "ก็ข้าคิดว่าเจ้า..." "หุบปาก!!!"
จวนตระกูลจ้าวหลี่รั่วหานมาตามที่ตกลงกับจ้าวไป๋ลู่เอาไว้ ยามนี้เขากำลังนั่งตัวเกร็งอยู่ที่ห้องโถงด้านในจวนตระกูลจ้าว อดทนกับสายตากดดันของจ้าวเยียน ฮูหยินหลิวอิ๋ง และจ้าวเฉียน ที่มองเขาด้วยแววตาที่เย็นเยียบแต่เพื่อนางกับลูกเขายอม จ้าวเยียนปรายตามองหลี่รั่วหานคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นมา "ซื่อจื่อ ท่านแน่ใจแล้วหรือ ที่จะลดตัวลงมาหาพวกเรา" "แน่ใจขอรับ ข้าเต็มใจทำทุกสิ่งเพื่อจ้าวไป๋ลู่กับลูก" "ก็ดี ท่านทำอาหารเป็นหรือไม่ แม่ครัวเก่าเพิ่งจะลาออกไป ฮูหยินข้ากำลังอยากได้ลูกมือทำครัวอยู่พอดี" "ได้เลยขอรับ" ฮูหยินหลิวอิ๋งปรายตามองหลี่รั่วหานคราหนึ่ง ก่อนจะครุ่นคิดถึงจดหมายที่องค์หญิงหงลี่ส่งมาให้นาง ในจดหมายเขียนเอาไว้ว่า จัดการให้หนัก! ยามนี้นางกับองค์หญิงหงลี่ปรับความเข้าใจกันด้วยดีแล้วหลี่รั่วหานเดินตามฮูหยินหลิวอิ๋งเข้ามาในโรงครัว ก่อนจะจ้องมองนางที่กำลังหยิบมีดคมขึ้นมาถือเอาไว้ ในใจของเขาก็รู้สึกเย็นวาบแปลก ๆ "มีดนี่คมมาก ข้าใช้มันหั่นเนื้อเป็นประจำ เป็นมีดประจำตัวของข้า เดิมทีข้าอยากส่งต่อมันให้กับจ้าวไป๋ลู่ ซื่อจื่อท่านรู้หรือไม่ว่า เหตุใดข้าจึงอยากส่งต่อมีดนี้ให้บุตรสาวของข้า"
ยามนี้เหตุการณ์ทุกอย่างอยู่ในความสงบแล้ว ทุกคนกลับไปใช้ชีวิตปกติเหมือนเช่นเคย และมีเรื่องที่น่ายินดีอีกเรื่องหนึ่งนั่นก็คือ เซียวถงกำลังจะเข้าพิธีแต่งงานกับสวีลั่วลั่ว ทั้งสองพบรักกันเมื่อหนึ่งปีก่อนจ้าวไป๋ลู่ยินดีกับทั้งสองเป็นอย่างมาก และนางดีใจที่เซียวถงจะมีสตรีที่ดีพร้อมมาคอยดูแลเสียที ส่วนนางเองก็ยังไม่ได้ใจอ่อนกับหลี่รั่วหาน แม้ว่าเขาจะพยายามตามง้อนางก็ตาม ยามนี้จ้าวหยางอายุได้สี่ขวบปีแล้ว เป็นวัยที่กำลังช่างพูดช่างคุย บางคราเขาตื่นมาชวนนางคุยกลางดึกก็เคยทำมาแล้ว วันนี้เป็นวันมงคลของเซียวถงและสวีลั่วลั่ว จ้าวไป๋ลู่พาจ้าวหยางไปร่วมงานในครานี้ด้วย งานเลี้ยงจัดอย่างยิ่งใหญ่ ผู้คนต่างมาร่วมยินดีกับบ่าวสาวกันมากมายจ้าวไป๋ลู่มองดูเซียวถงกับสวีลั่วลั่วที่หยอกล้อกันตามประสาคู่แต่งงานก็เผลอยิ้มออกมาเล็กน้อย งานแต่งของนางไม่เคยมีความทรงจำเหล่านี้อยู่เลยแม้แต่น้อย "ไป๋ไป๋" จ้าวไป๋ลู่ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะหันไปพบหลี่รั่วหานที่เดินมาพร้อมกับหลัวเทียนเฉิน นางเพียงมองเขาแต่ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกมา "แม่นางไป๋ไป๋ ดีใจที่ได้พบเจ้าอีกครา" "ใต้เท้าหลัว" "อย่าเรียกบ่อย ข้ากลัวจะตกหลุมรักเจ้
เว่ยจิ่นซางหยิบยาพิษออกมาจากในอกเสื้ออีกขวดหนึ่ง ก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาองค์หญิงหงลี่ช้า ๆ "ตายซะเถอะ ในที่สุดข้าก็ล้างแค้นได้สำเร็จสักที" ฉึก! ยังไม่ทันที่เว่ยจิ่นซางจะสังหารองค์หญิงหงลี่ได้สำเร็จ มีดเล่มหนึ่งก็แทงเข้ามาที่แผ่นหลังของนางทะลุมาที่หน้าท้อง เมื่อนางหันกลับไปช้า ๆ จึงได้พบว่าเป็นฝีมือของหนิงเสวี่ย "นะ!!! นังชั่ว นังเนรคุณ!!!" "ฮือออออ" หนิงเสวี่ยแทงมีดจนสุดด้าม ก่อนจะทิ้งกายลงนั่งบนพื้นแล้วปิดหน้าร้องไห้โฮออกมาอย่างเจ็บปวดเว่ยจิ่นซางตกตายด้วยมีดเล่มนั้นของหนิงเสวี่ย"ท่านแม่!!!"ด้านนอกมีเสียงการต่อสู้ดังขึ้น ก่อนจะมีคนเปิดประตูพุ่งเข้ามา เป็นหลี่รั่วหานนั่นเอง เขามองสภาพศพของเว่ยจิ่นซางที่นอนตายอยู่บนพื้นดวงตาเบิกกว้าง ข้าง ๆ กันมีหนิงเสวี่ยที่นั่งร้องไห้อยู่ เขาไม่มีเวลาสนใจหนิงเสวี่ยมากนัก เขารีบวิ่งเข้าไปแก้มัดให้องค์หญิงหงลี่ ก่อนจะเดินเข้าไปหาจ้าวไป๋ลู่และลูกที่นอนหลับไม่ได้สติอยู่ข้าง ๆ กัน"ไป๋ไป๋!!!" "นางสลบไม่ได้สติมาหลายชั่วยามแล้ว" เสียงของหลี่รั่วหานปลุกหนิงเสวี่ยให้ตื่นจากความสับสนและหวาดกลัวในจิตใจ นางค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นไปมองเขาช้า ๆ เมื่อเขาหันมาส
นางกรอกยาพิษทั้งที่มือก็สั่นไม่น้อย ยิ่งได้เห็นแววตาที่แข็งกระด้างขององค์หญิงหงลี่ที่มองมา มือนางก็สั่นมากยิ่งขึ้น จนทำยาพิษหกลงพื้นไปเสียดื้อ ๆ องค์หญิงหงลี่กินยาพิษนั้นไปไม่ถึงครึ่งขวดด้วยซ้ำ แต่นางก็กระอักโลหิตสีดำออกมาไม่น้อย เว่ยจิ่นซางที่ได้เห็นเช่นนั้นก็ส่งเสียงหัวเราะสะใจออกมาอย่างบ้าคลั่ง แปะ แปะ แปะ หนิงเสวี่ยกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ก่อนจะหันไปมองเว่ยจิ่นซาง "ท่านแม่" เว่ยจิ่นซางหันมามองหนิงเสวี่ยด้วยสายตาที่เย็นชา "ผู้ใดเป็นแม่เจ้ากัน?" "เอ๋? ท่านแม่ เหตุใดท่านจึงเอ่ยวาจาเช่นนี้เจ้าคะ ข้าไม่เข้าใจ" เว่ยจิ่นซางปรายตามองหนิงเสวี่ยอย่างดูแคลน แววตาที่เคยมองนางประดุจลูกในไส้ แววตาที่อ่อนโยนเลือนหายไปจนหมดสิ้น ยามนี้มีเพียงความเกลียดชังเข้ามาแทนที่ นางทุ่มเทแรงกายแรงใจ รอเวลานี้มานานเหลือเกิน นางรอจนกระทั่งถึงวันนี้!!! "ฮ่า ๆ ๆ ๆ การได้มองเห็นบุตรสาวกำลังฆ่ามารดาของตนเองกับมือ ช่างเป็นภาพที่งดงามเสียจริง ๆ" เว่ยจิ่นซางเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่มีความสุข หนิงเสวี่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่น ด้านองค์หญิงหงลี่ที่ได้ยินเว่ยจิ่นซางเอ่ยคำพูดเช่นนี้ออกมา ใจของนางก็เต้นแรงอย่างบ
จ้าวไป๋ลู่ถูกลักพาตัวมาที่เรือนโกโรโกโสหลังหนึ่งบนหุบเขา นางกอดจ้าวหยางเอาไว้แนบอก พยายามปกป้องบุตรชายเอาไว้อย่างสุดชีวิต "ลงมา!!! เดินเข้าไป!!!" ชายฉกรรจ์สี่ห้าคนพากันล้อมตัวนางเอาไว้ ก่อนจะบังคับให้นางเดินเข้าไปในเรือนหลังนั้น เมื่อนางมาถึงก็พบกับองค์หญิงหงลี่ที่ยามนี้ถูกมัดมือมัดเท้าเอาไว้ ใบหน้าขององค์หญิงหงลี่บวมเป่งคล้ายกับถูกตบตีมาอย่างหนัก "ท่านแม่!!!" "ไป๋ไป๋" จ้าวไป๋ลู่ถูกนำมาขังรวมเอาไว้กับองค์หญิงหงลี่ นางกอดจ้าวหยางไว้แนบอก ก่อนจะหันมองไปโดยรอบอย่างระแวดระวัง พวกมันจับตัวนางมาด้วยเหตุใดกัน ไม่นานนักความสงสัยของนางก็กระจ่าง เมื่อได้พบกับ หนิงเสวี่ยและมารดาของนาง หนิงเสวี่ยจ้องมองนางด้วยแววตาที่เย็นชา ก่อนจะสลับมองมาที่จ้าวหยางอย่างเกลียดชัง "หึ!!! ตายยากเสียจริงนะจ้าวไป๋ลู่ เจ้าไม่เพียงไม่ตาย แต่ยังคลอดเด็กนรกนี่ออกมาอีกด้วย!!!" "อย่ายุ่งกับบุตรของข้า" "ฮ่า ๆ ๆ ๆ เจ้ามีสิทธิ์อันใดมาขอร้องข้ากัน" นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เย้ยหยัน ก่อนจะครุ่นคิดถึงเรื่องที่ท่านแม่บอกเล่าให้ฟัง ท่านแม่บอกว่าจ้าวไป๋ลู่รอดตายกลับมาได้อีกทั้งยังมีบุตรชายที่เกิดจากหลี่รั่วหานตามมาอีกด้
เมื่อหลี่รั่วหานกลับมาถึงจวน เขาก็ได้พบข่าวร้ายว่าท่านแม่ของเขาหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ยามนี้ท่านพ่อออกไปตรวจตราชายแดนยังไม่กลับเมืองหลวง เขาเองก็เอาแต่ตามติดจ้าวไป๋ลู่และลูก ระยะนี้จึงไม่ได้สนใจมารดาของตนมากเท่าใดนัก"เจ้าเล่ามา ท่านแม่หายไปได้เช่นไร!!!" "บ่าวไม่ทราบเจ้าค่ะ เดิมทีฮูหยินกำลังเดินเล่นอยู่ที่ริมสระบัวท้ายจวน แล้วเกิดอยากกินขนมกุ้ยฮวา จึงให้บ่าวมาทำ ฮูหยินบอกว่าอยากอยู่เงียบ ๆ เพียงลำพังจึงให้สาวใช้ปลีกตัวออกมาจนหมด พอบ่าวกลับไปก็ไม่พบฮูหยินแล้วเจ้าค่ะ" หลี่รั่วหานที่ได้ยินเช่นนั้นก็หน้าซีดเผือดขึ้นมาทันที เขาสั่งให้คนค้นหาท่านแม่จนทั่วจวน เผื่อว่าจะเป็นลมอยู่ที่ใดสักแห่ง แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่พบตัวขององค์หญิงหงลี่ เขาจึงรีบเข้าวังกราบทูลฮ่องเต้หงหยวนในทันที ด้านจ้าวไป๋ลู่นั้น เมื่อเสร็จธุระจากร้านอาหารแล้ว นางจึงสั่งให้คนขับรถม้ามุ่งหน้าไปยังวัดไป๋หม่า เพื่อจะพาจ้าวหยางไปไหว้พระขอพรแต่ระหว่างทาง รถม้าของนางก็เกิดหยุดลงกะทันหัน จู่ ๆ ก็มีชายชุดดำสี่ห้าคนเข้ามาลักพาตัวของนางและจ้าวหยางไป ข่าวที่องค์หญิงหงลี่หายตัวไปยังไม่ทันได้สืบทราบ หลี่รั่วหานก็ได้รับข่าวร้ายจากจวนต
ยามนี้เข้าสู่ช่วงฤดูใบไม้ผลิ เหล่าราษฎรต่างพากันออกมาทำมาหากิน บ้างก็ทำเรือกสวนไร่นา บ้างก็ออกมาขายของที่ตลาด ช่างเป็นบรรยากาศที่คึกคักเป็นอย่างมาก วันนี้จ้าวไป๋ลู่พาจ้าวหยางที่มีอายุสองขวบกว่าแล้ว มาที่ร้านอาหารของท่านปู่ท่านย่า นางอยากให้เขาเรียนรู้การใช้ชีวิตให้มาก ๆ จึงตั้งใจให้เขาเรียนรู้ทุกอย่างในชีวิต "นี่ เต้าหู้ เด็กดีพูดตามแม่สิ เต้าหู้" "เต้าหู้ ท่านแม่ ท่านแม่ เต้าหู้" "เก่งมากเลยจ้ะลูกรัก" จ้าวไป๋ลู่ตบมือให้จ้าวหยางด้วยความชื่นชม เด็กน้อยที่เห็นเช่นนั้นก็กระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข "ขอหม้อไฟสองที่ ซุปซี่โครงหมูหนึ่งที่" "เชิญ..." จ้าวไป๋ลู่หันไปมองก่อนที่รอยยิ้มบนใบหน้าจะจางหายไป มาอีกแล้ว!!! "แม่นางคนงาม ข้ารอหม้อไฟอยู่นะ" หลัวเทียนเฉินเอ่ยด้วยท่าทียั่วเย้า หลี่รั่วหานที่เห็นเช่นนั้นจึงแอบยื่นมือไปหยิกบั้นท้ายหลัวเทียนเฉินจนเขาสะดุ้งโหยง หึ!!! ถึงข้าจะเหลือแขนเดียวแต่ข้าก็สู้นะ!!! "ใต้เท้ารอสักครู่ พี่เซียวถงนั่งก่อนเถิด" จ้าวไป๋ลู่เดินกลับเข้าไปในโรงครัวพักใหญ่ ก่อนจะเดินออกมาพร้อมกับจ้าวหยาง นางวางหม้อไฟลงบนโต๊ะ พร้อมกับซุปกระดูกหมูที่มีพริกสีแดงสดลอยเต็ม