เช้าวันต่อมาหยางเสี้ยวตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่น ข้อดีของการทะลุมิติมาในโลกคู่ขนานแห่งนี้ก็คือ ที่นี่มีทั้งท่านแม่ที่หน้าตาเหมือนคุณแม่ในโลกเดิมทุกอย่าง รวมถึงลักษณะนิสัยด้วย ตอนนี้หยางเสี้ยวมีความมั่นใจว่าท่านพ่อเองก็คงจะมีหน้าตาเหมือนกับคุณพ่อของเขาด้วยเช่นกัน
ที่สำคัญเขาไม่ได้เป็นลูกคนเดียวโดดเดี่ยวอีกแล้ว เขามีน้องชายที่น่ารักสดใส ถึงแม้ครอบครัวจะยากจนมากก็ตามที และความยากจนนี่ล่ะที่เป็นอุปสรรคสำคัญของหยางเสี้ยว แต่ถึงจะยากจนหยางเสี้ยวก็ไม่คิดเก็บเอามาใส่ใจ มีเพียงพยายามใช้ชีวิตและมีชีวิตอยู่ตราบใดที่เราพยายามพอ ความยากจนก็ไม่ใช่อุปสรรคสำคัญอีกต่อไป ไม่แน่ว่าการที่เขาทะลุมิติมาอาจจะเป็นบททดสอบในการใช้ชีวิต เหมือนกับการรับภารกิจตอนเล่นเกมออนไลน์ หากทำภารกิจสำเร็จย่อมมีรางวัลตามมา หยางเสี้ยวเชื่อเช่นนั้น
หลังจากล้างหน้าล้างตาบ้วนปากเรียบร้อยแล้ว หยางเสี้ยวสะพายตะกร้าเดินมุ่งหน้าไปยังลำธารที่เขาขุดหลุมดักปลาเอาไว้ วันนี้หยางเสี้ยวตั้งใจจะขึ้นเขาเผื่อว่าจะได้อะไรติดไม้ติดมือกลับมาบ้าง ตอนนี้ตัวเขาเองมาอยู่ในร่างของเด็กอายุ 8 ขวบ จึงไม่สามารถทำอะไรได้มากมายนัก สำหรับการล่าสัตว์เขาทำได้เพียงแค่วางกับดักเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้เท่านั้น หากต้องการขุดหลุมดักสัตว์เกรงว่าคงใช้เวลาขุดอยู่หลายวันทีเดียว ยังไงวันนี้ต้องขึ้นไปสำรวจบนภูเขาเสียก่อน ถึงจะสามารถตัดสินใจได้ว่าควรจะวางกับดักหรือขุดหลุมดักสัตว์ดี
หยางเสี้ยวเดินมาถึงหลุมดักปลา หลังจากเอากิ่งไม้และใบไม้ออกจากปากหลุมก็พบว่าเช้านี้มีปลาตัวใหญ่อยู่เป็นจำนวนมาก หยางเสี้ยวไม่รอช้ารีบลงมือจับปลาใส่ถังน้ำที่เตรียมมาทันที หลังจากจับปลาตัวใหญ่ได้ 15 ตัว หยางเสี้ยวยกถังน้ำใส่ลงในตะกร้าจากนั้นก็นำใบไม้มาปิดปากหลุมเอาไว้เหมือนเดิม เด็กชายสะพายตะกร้าที่ใส่ถังปลาเอาไว้ด้านในกลับบ้านทันที หยางเสี้ยวแบ่งปลาเอาไว้ให้ท่านแม่ทำอาหาร 2 ตัว อีกสองตัวเอาไปให้บ้านท่านลุงใหญ่ ที่เหลืออีก 11 ตัวเขาจะนำไปขายให้กับท่านลุงฟู่กุ้ย
“เสี้ยวเอ๋อร์ลูกไปไหนมา นี่ยังเช้าอยู่เลย ทำไมตื่นเช้าขนาดนี้ล่ะลูก”
“ข้าไปดูกับดักที่ดักปลาเอาไว้เมื่อวานขอรับ วันนี้จับได้ 15 ตัว ข้าแบ่งเอาไว้ให้ท่านแม่ทำอาหาร 2 ตัว อีก 2 ตัวจะเอาไปให้บ้านท่านลุงใหญ่ ส่วนอีก 11 ตัวข้าอยากเอาไปขายให้ลุงฟู่กุ้ยขอรับ ท่านแม่เห็นด้วยหรือไม่ขอรับ”
“แม่เห็นด้วยกับเจ้า ลูกชายของแม่โตแล้วตอนนี้ สามารถหาเงินเข้าบ้านได้แล้ว แต่อย่าหักโหมเกินไปนะลูก หากเจ้าเจ็บป่วยขึ้นมาอีกจะแย่เอา”
“ข้าไม่เป็นไรขอรับ ข้าหายแล้วและตอนนี้แข็งแรงดี ท่านแม่รีบไปทำอาหารเถอะขอรับเดี๋ยวน้องชายตื่นขึ้นมาจะหิวเอาได้ ข้าจะรีบไปรีบกลับ”
“เดินระวัง ๆ ด้วยล่ะ”
“ขอรับท่านแม่”
หยางเสี้ยวเดินมุ่งหน้าไปที่บ้านของท่านลุงใหญ่เพื่อนำปลาไปให้ป้าสะใภ้ทำอาหารให้ท่านปู่ท่านย่าและทุกคนในบ้านได้กิน เพราะเสาหลักของครอบครัวไม่อยู่ ที่บ้านเหลือเพียงคนชรา เด็กและสตรีอ่อนแอ อาหารในบ้านไม่พ้นผักป่า หากวันไหนได้กินไข่ก็นับว่าดีมากแล้ว ท่านพ่อกับท่านลุงเข้าป่าไปกับชาวบ้านได้หลายวันแล้ว ไม่รู้ว่าจะกลับมาตอนไหน
จากความทรงจำของร่างเดิม ปกติชาวบ้านรวมตัวกันเพื่อไปล่าสัตว์ไม่ได้ไปนานกันขนาดนี้ อย่างมากก็ 4-5 วัน แต่ครั้งนี้เวลาผ่านไป 6 วันแล้ว ทุกคนยังไม่กลับมา ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือไม่ หยางเสี้ยวเดินคิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนมาถึงบ้านลุงใหญ่ ตอนนี้ยังเช้าอยู่มาก ท่านย่ากำลังกวาดลานบ้าน ท่านปู่นั่งสานตะกร้าอยู่ที่แคร่ไม้ไผ่ ส่วนท่านป้าคงจะอยู่ในครัวเพื่อทำอาหาร ลูกพี่ลูกน้องของเขาทั้งสามคนน่าจะยังไม่ตื่น
“ท่านปู่ ท่านย่า ข้ามาแล้วขอรับ”
“เสี้ยวเอ๋อร์ ทำไมมาแต่เช้าล่ะ เกิดอะไรขึ้นกับแม่และน้องของเจ้าหรือเปล่า” หยางไห่ ถามหลานชายออกไปด้วยความเป็นห่วง
“ไม่มีอะไรขอรับท่านปู่ ท่านแม่กับน้องชายสบายดี ข้าเพียงแค่แวะเอาปลามาให้ท่านป้าทำอาหารเท่านั้นขอรับ”
“ปลาหรือ หลานไม่ต้องเอามาให้แล้ว ที่ให้มาเมื่อวานยังเหลืออยู่ หลานเอาไปขายเถอะ” หานซื่อ
“ท่านย่า ขายก็ส่วนขายสิขอรับ ข้าแบ่งเอาไว้แล้ว ส่วนนี้ข้าตั้งใจเอามาให้ท่านป้าสะใภ้ทำอาหารให้ทุกคนได้กินนะขอรับ ร่างกายจะได้แข็งแรง”
“ยายแก่เอ้ย หลานมีใจกตัญญูเจ้าก็รับเอาไว้เถอะ ลูกสะใภ้เองก็ร่างกายไม่แข็งแรง เจ้าก็หาได้ต่างจากนาง รีบเอาปลาไปให้ลูกสะใภ้ต้มน้ำแกงเถอะ ปู่ขอบใจเจ้ามานะเสี้ยวเอ๋อร์ที่นึกถึงปู่กับย่า”
“ครอบครัวเดียวกันทั้งนั้นขอรับ ท่านปู่ข้าขอตัวก่อนนะขอรับ ข้าจะเอาปลาไปขายที่บ้านท่านลุงฟู่กุ้ย แล้วจะรีบกลับ ท่านแม่รอกินข้าวอยู่ขอรับ”
“ถ้าอย่างนั้นก็รีบไปเถอะ”
จากบ้านของท่านปู่ถึงบ้านของท่านลุงฟู่กุ้ยใช้เวลาเดินไม่นาน หยางเสี้ยวมองไปรอบ ๆหมู่บ้าน โดยรวมแล้วบ้านแต่ละหลังของชาวบ้านสร้างขึ้นจากดินเหนียวผสมฟางข้าว หลังคามุงด้วยหญ้า ส่วนบ้านที่สร้างด้วยอิฐและมุงหลังคาด้วยกระเบื้องนั้นมีไม่มาก หนึ่งในนั้นมีบ้านของท่านลุงฟู่กุ้ยรวมอยู่ด้วย และบ้านที่มั่งคั่งร่ำรวยที่สุดในหมู่บ้านไม่พ้นบ้านหัวหน้าหมู่บ้าน
“ท่านลุงฟู่กุ้ย อยู่หรือไม่ขอรับ”
“อยู่ ๆ ใครมากันล่ะ อ้าวเจ้าหนูหยางเสี้ยวนี่เอง”
“ข้านำปลามาขาย ไม่ทราบว่าท่านลุงรับซื้อหรือไม่ขอรับ”
“ปลาหรือ รับสิรับ ไหน ๆ เอามาให้ลุงดูหน่อย”
หยางเสี้ยวปลดตะกร้าลงจากหลังจากนั้นก็ยกถังน้ำที่มีปลาอยู่ 11 ตัวออกมาให้ลุงฟู่กุ้ยดู
“โอ้ ปลาตัวใหญ่ ๆ ทั้งนั้น ที่สำคัญมันยังไม่ตายด้วย เจ้าหนูเก่งมากเลย ลุงให้ตัวละ 10 อิแปะ ทั้งหมดมี 11 ตัว นี่เงิน 110 อิแปะ ถ้ามีปลาอีกก็สามารถเอามาขายให้ลุงได้ สมุนไพรลุงก็รับซื้อ”
“ขอบคุณท่านลุงฟู่กุ้ยมากขอรับ เอาไว้ถ้าข้าจับปลามาได้อีก จะรีบนำมาขายให้ท่านลุงนะขอรับ ข้ากลับก่อน ท่านแม่รอกินข้าวอยู่ขอรับ”
หยางเสี้ยวรีบเดินกลับบ้าน หลังจากกินข้าวเช้าแล้วเขามีความตั้งใจจะขึ้นเขา วันนี้หัวเด็ดตีนขาดยังไงต้องไปสำรวจภูเขาอู๋หลงให้ได้ จากที่ฟังมาจากน้องชายดูเหมือนว่าลูกชายของหัวหน้าหมู่บ้านยังคงขึ้นเขาอู๋หลงไปล่าสัตว์ แต่ชาวบ้านไม่มีใครกล้าขึ้นเขาอู๋หลงเพราะได้ยินจากลูกชายหัวหน้าหมู่บ้านว่ามีเสือและสัตว์ดุร้ายมากมาย แต่ในเมื่อมีคนกล้าขึ้นไป หยางเสี้ยวเองก็อยากจะลองเสี่ยงเอากับดักไปวางที่เขาอู๋หลงรอบนอกเพื่อดูลาดเลาก่อน ถึงยังไงก็ได้ขึ้นชื่อว่าป่าย่อมมีอันตรายจากสัตว์ป่า
“ท่านแม่ ข้ากลับมาแล้วขอรับ นี่เงินที่ได้จากการขายปลาวันนี้ 110 อิแปะ ท่านแม่เก็บเอาไว้นะขอรับ”
“ขอบใจมากนะลูก รีบมากินข้าวเถอะ วันนี้แม่ทำน้ำแกงปลากับผัดหน่อไม้ตามที่ลูกบอก อร่อยมากเลยล่ะ แม่ไม่คิดว่าหน่อไม้จะอร่อยขนาดนี้ ปกติชาวบ้านจะไม่ขุดมากินเพราะมันขม”
“ท่านแม่ หน่อไม้สามารถนำมาดองเปรี้ยวเก็บเอาไว้กินได้ขอรับ วันนี้ข้าจะขึ้นเขาไปหาของป่า แต่ท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะขอรับ ข้าไม่เข้าป่าลึก เพียงแค่เก็บผักป่าและเก็บฟืนเท่านั้น ท่านแม่ขอรับบ้านเรายังมีเชือกอยู่หรือไม่ขอรับ”
“มีสิ ลูกจะเอาไปทำอะไร”
“ข้าจะลองทำบ่วงดักสัตว์ดูขอรับ ถ้าโชคดีอาจจะได้ไก่ป่าหรือกระต่ายป่า คงต้องลองดูขอรับข้าก็ไม่แน่ใจว่าจะทำได้สำเร็จหรือไม่”
“รีบไปกินข้าวเถอะ แม่จะไปปลุกน้องชายของเจ้าก่อน”
“ขอรับ”
“ข้าตื่นแล้วขอรับท่านแม่ พี่ใหญ่วันนี้เราจะไปขุดหน่อไม้หรือเปล่าขอรับ”
“พี่จะขึ้นเขา ส่วนเรื่องขุดหน่อไม้ น้องไปกับท่านแม่นะ ท่านแม่ขอรับข้าอยากให้ท่านแม่ไปขุดหน่อไม้มาให้มากหน่อย หลังจากที่ท่านแม่ต้มจนหายขมแล้วค่อยเอาไปตากแดด จะได้เก็บเอาไว้เป็นเสบียงในหน้าหนาวด้วย”
“ได้สิแม่ ไม่มีอะไรให้ทำมากมายอยู่แล้ว สวนผักบ้านเราก็เล็กนิดเดียว รดน้ำไม่นานก็เสร็จแล้ว รีบกินข้าวเถอะ”
หลังจากกินมื้อเช้าเรียบร้อยแล้ว หยางเสี้ยวเอามีดตัดฟืนกับเสียมอันเล็กพร้อมด้วยกระบอกน้ำดื่มใส่ลงไปในตะกร้าสะพายหลัง เดินขึ้นเขาตามความทรงจำเดิม เพียงแต่ครั้งนี้เขาไม่ได้เดินผ่านหมู่บ้าน หยางเสี้ยวเลือกที่จะเดินขึ้นเขาอู๋หลงทางด้านหลังบ้านของตัวเอง เทือกเขาอู๋หลงทอดยาวอยู่ข้างหน้า บนยอดเขามีหมอกปกคลุมอยู่บางเบา
หยางเสี้ยวเดินผ่านลำธารและป่าไผ่ เดินลัดเลาะมาตามลำธารสายเล็ก มาถึงป่าเชิงเขาอู๋หลง จากความทรงจำพอเดินผ่านป่าตรงนี้ไปก็จะเป็นเขาอู๋หลงแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะทะลุมิติมาแต่ไม่มีมีพรวิเศษหรือความสามารถพิเศษอะไรเหมือนในนิยายที่เพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยเล่าให้ฟัง มีเพียงความรู้ติดตัวมาเท่านั้น
“ขอให้เจออะไรที่กินได้ด้วยเถอะ จะว่าไปแล้วคนที่นี่รู้จักมันเทศกันหรือยัง แล้วมันฝรั่งล่ะ รู้จักกันหรือยัง” หยางเสี้ยวได้แต่ตั้งคำถามกับตัวเอง
เดิน ๆ หยุด ๆ มองซ้ายมองขวา มองหน้ามองหลัง ก็ไม่เจออะไรที่กินได้เลย หยางเสี้ยวเดินเข้าป่าลึกไปเรื่อย ๆ จนมาถึงเขาอู๋หลง อันดับแรกหยางเสี้ยววางกับดักเอาไว้ก่อน จากนั้นก็เริ่มหาของที่กินได้ นอกจากผักป่าแล้วเขายังไม่เจออะไรที่กินได้เลย หยางเสี้ยวตัดสินใจเดินมุ่งหน้าเข้าป่าลึกไปอีก ระหว่างทางก็วางกับดักเอาไว้และไม่ลืมที่จะทำสัญลักษณ์เอาไว้ด้วยจะได้ไม่หลงป่า
เดินมาเป็นเวลานานตอนนี้เขาเริ่มเหนื่อยแล้ว เด็กชายตัดสินใจนั่งพักที่ลานหินใต้ต้นไม้ใหญ่ ในตอนที่กำลังดื่มน้ำอยู่หยางเสี้ยวตัดสินใจว่าจะไม่เดินเข้าไปในป่าลึกกว่านี้ เพราะกลัวว่าหากยังเดินเข้าไปในป่าลึกอีกจะกลับออกมาไม่ทันประเดี๋ยวจะมืดค่ำเอาเสียก่อน
หลังจากดื่มน้ำแล้วเขาก็เริ่มรวบรวมฟืนได้กองใหญ่ หลังจากใช้เถาวัลย์มัดรวมกันแล้วก็ยกขึ้นวางบนตะกร้าสะพายหลัง เดินกลับออกจากเขาอู๋หลงไป ระหว่างทางหยางเสี้ยวพบเห็ดหูหนูดำขึ้นอยู่ตามต้นไม้ เด็กชายไม่รอช้ารีบเก็บใส่ตะกร้าทันที เห็ดที่เก็บมาได้น่าจะ 5-6 ชั่ง ก่อนออกจากป่าเขาไม่ลืมที่จะแวะดูกับดักที่วางเอาไว้ด้วย