"เอเดรียน" มาเฟียสุดร้าย เจ้าเล่ห์ และอันตราย เขาไม่เคยต้องการใครมาครอบครอง แต่เมื่อเขาพบกับ "อลิซ" แมวน้อยจอมดื้อที่ไม่เคยยอมใคร โลกของเขาก็เปลี่ยนไป เมื่อเขาช่วยชีวิตเธอจากอันตราย เธอกลับต้องชดใช้ด้วยสิ่งที่เธอไม่คาดฝัน เขาไม่ใช่คนที่จะปล่อยเธอไปง่ายๆ แต่ล่อลวงเธอเข้าสู่เกมที่เธอไม่อาจถอนตัวได้ ความร้อนแรงและเสน่หาที่ร้อนรุ่มทุกครั้งที่พวกเขาเผชิญหน้า จนเธอแทบไม่เหลือที่ยืนให้ต่อต้าน ความสัมพันธ์ที่เริ่มต้นจากการชดใช้กำลังจะเปลี่ยนเป็นบ่วงรักที่ผูกเธอไว้ตลอดกาล "ฉันช่วยเธอแล้ว เธอคิดว่าจะหนีไปได้ง่ายๆ อย่างนั้นเหรอ?" อลิซจะทนความร้อนแรงและเล่ห์เหลี่ยมของมาเฟียสุดอันตรายคนนี้ได้นานแค่ไหน หรือสุดท้ายแล้ว เธอจะกลายเป็นของเขาอย่างที่เขาต้องการ...โดยเต็มใจ 🔥
View Moreสาวน้อยผมบลอนดกก้าวออกจากร้านอาหารหลังจากจบกะดึกอย่างเหนื่อยล้า สายลมเย็นยามค่ำคืนกระทบใบหน้า ทำให้เธอต้องกระชับเสื้อแจ็คเก็ตที่เก่าแล้วเข้ากับตัว ผมสีบลอนด์ยาวสลวยของเธอถูกลมพัดจนปลิวไปตามจังหวะที่เธอก้าวเดิน
ร่างเล็กของเธอเดินผ่านตรอกเล็กๆ ความมืดมิดที่เธอคุ้นเคยเพราะเป็นเส้นทางลัดกลับที่พักที่ใช้ประจำ แต่คืนนี้กลับรู้สึกต่างออกไป ความอ่อนล้าจากการทำงานทำให้เธอรู้สึกว่าระยะทางยิ่งยาวไกลกว่าที่เคย
สายตาของอลิซยังคงมองไปข้างหน้า แต่เมื่อเธอเดินผ่านหัวมุมตึก เงาร่างของชายกลุ่มหนึ่งโผล่ขึ้นขวางทางโดยไม่ทันตั้งตัว สี่คน… มากกว่าที่เธอจะรับมือไหว ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความมุ่งร้าย หนึ่งในนั้นยิ้มเยาะอย่างไม่หวังดี
"กลับบ้านคนเดียวเหรอสาวน้อย?" เสียงของมันฟังดูหยามเหยียด อลิซกัดฟันแน่น หัวใจเต้นรัวขึ้น สัญชาตญาณบอกให้เธอเตรียมพร้อม แม้ร่างกายของเธอจะเหนื่อยล้า แต่สมองยังคงสั่งการให้เธอต่อสู้
อลิซถอยหลังหนึ่งก้าว จับจ้องพวกมันด้วยความระมัดระวัง
เธอเคยเรียนศิลปะป้องกันตัวมาก่อน และรู้ดีว่าต้องทำอย่างไรเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ชายคนหนึ่งพุ่งเข้ามา เธอหลบได้อย่างหวุดหวิด ใช้ข้อศอกกระแทกสวนไปยังท้องของมันจนมันสะดุ้ง เธอหมุนตัวอีกครั้ง เตะเข้าที่ขาของอีกคนจนเสียหลัก
แต่การต่อสู้ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เธอสู้ไปสองคน แต่อีกสองคนที่เหลือกลับเข้ามาขนาบจากสองข้าง พวกมันมากเกินไป เธอรู้ว่าพละกำลังของเธอจะหมดลงในไม่ช้า ก่อนที่เธอจะสามารถหลบเลี่ยงได้ หนึ่งในนั้นก็คว้าตัวเธอไว้จากด้านหลัง อลิซพยายามดิ้นรน ตะโกนเรียกความช่วยเหลือ แต่แรงของพวกมันมากเกินไป เธอพยายามจะต่อสู้ แต่ก็ไม่ไหว...
ชายผมเงินดูท่าทางน่าเกรงขามนั่งอยู่ที่เบาะหลังของรถสีดำเรียบหรูของเขาซึ่งจอดอยู่ตรงทางเข้าตรอก และสังเกตเหตุการณ์นั้นด้วยความสนใจ เขากำลังเดินทางกลับจากการนัดพบทางธุรกิจบางอย่าง
ด้วยความสนใจในตัวของเด็กสาวที่ยืนหยัดต่อสู้กับกลุ่มนักเลงอย่างไม่ยอมแพ้ เขาส่งสัญญาณให้คนขับหยุดรถและ
ลอบสังเกตการณ์อย่างเงียบๆ เขาอยากรู้ว่าสาวน้อยคนนั้นจะทำอย่างไร
“บอส คุณอยากให้ผมจัดการเรื่องนี้ไหมครับ?” คนขับรถถามโดยหันกลับไปถามเขาด้วยท่าทางสุภาพ
“ไม่” เขาตอบโดยสายตาของเขาจับจ้องไปที่อลิซ "ฉันจะจัดการเอง"
ชายหนุ่มสุดลึกลับมองดูสถานการณ์ซักครู่ เมื่อเห็นว่าเด็กสาวคนนั้นควรได้รับการช่วยเหลือแล้ว เขาจึงก้าวออกจากรถ รูปร่างของเขาสูงใหญ่ประมาณ 190 เซ็นติเมตร และสายตาที่เย็นชาของเขาดึงดูดความสนใจจากพวกอันธพาลได้ทันที
พวกอันธพาลต่างพากันตกใจเมื่อได้เห็นผู้มาเยือนเหล่านักเลงทำตัวลีบเล็กเมื่อจำเขาได้ 'เอเดรียน' ชื่อเสียงของเอเดรียนนั้นโด่งดังมากในกลุ่มพวกเขา ไม่มีใครกล้ายุ่งกับเขา และพวกคนต่ำต้อยเหล่านี้ยังรู้ดีถึงความโหดร้ายของชายคนนี้
"ไสหัวไปให้หมด!" เอเดรียนตะโกนสั่ง น้ำเสียงเย็นยะเยือก เต็มไปด้วยอำนาจที่สั่งการที่ไม่อาจปฏิเสธได้ พวกอันธพาลมองหน้ากันไปมาด้วยความกังวล ก่อนพากันวิ่งหนีกระเจิดกระเจิงไปคนละทิศคนละทาง
“เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?” เอเดรียนถามด้วยน้ำเสียงทุ้มมีความน่าเกรงขาม เขาก้าวเท้าเข้ามาหาอลิซ ด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไร้ซึ่งอารมณ์ แต่แววตาของเขากลับจดจ้องเธออย่างไม่วางตาราวกับต้องการค้นหาอะไรบางอย่าง
อลิซเงยหน้าขึ้นมองเขา เธอสูงเพียงระดับไหล่ของชายหนุ่มเท่านั้น ความกลัวในตอนแรกค่อยๆ หายไป ถึงแม้ว่าเขาคนนี้จะดูน่ากลัว แต่ไม่มีท่าทีคุกคามเธอเหมือนกับกลุ่มคนเมื่อซักครู่
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณที่ช่วยนะคะ” เธอตอบด้วยน้ำเสียงมั่นคง เธอสบตาเขาโดยตรงอย่างไม่กลัว และเอเดรียนพบว่าตัวเองทึ่งกับความกล้าของเธอ มีคนไม่มากนักที่กล้าจ้องหน้าเขาตรงๆ และพูดคุยกับเขาแบบนี้
เอเดรียนไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่มีรอยยิ้มปรากฏบนริมฝีปากของเขาเล็กๆ
อลิซพยายามซ่อนความกลัว ทำตัวให้ดูไม่สะทกสะท้านกับเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น ถึงแม้จะรู้สึกถึงอะดรีนาลีนที่ยังสูบฉีดอยู่ในร่างกายก็ตาม เธอมองดูชายแปลกหน้า สงสัยว่าเขาจะทำอะไรต่อ
เอเดรียนยื่นมือช่วยเธอลุกขึ้น “เธอสู้ได้ดี แต่โชคร้ายที่พวกนั้นมีเยอะเกินไป..." ชายหนุ่มเว้นช่วงซักครู่ก่อนเอ่ยถามพร้อมกับยื่นมือไปหาเธอ "เธอชื่ออะไร?”
“อลิซค่ะ...” เธอตอบพร้อมจับมือเขาอย่างระมัดระวัง
“ฉันชื่อเอเดรียน” เขาแนะนำตัวเอง สายตาของเขาจ้องมองเธออยู่ “เธอเป็นหนี้ฉันที่ช่วยชีวิตของเธอแล้ว”
ดวงตาของอลิซเบิกกว้าง "คุณหมายความว่าอะไรคะ?"
“มากับฉัน” เอเดรียนพูด น้ำเสียงของเขาไม่มีช่องว่างให้โต้แย้ง “เราจะคุยกันเรื่องการชำระหนี้ชีวิตของเธอ” เอเดรียนพูดออกมาเหมือนเป็นคำสั่ง
อลิซขมวดคิ้ว แววตาของเธอเต็มไปด้วยความสงสัย “ฉันซาบซึ้งในความช่วยเหลือของคุณนะคะ แต่คุณจะมาบังคับกันไม่ได้!!” สาวน้อยโต้แย้งอย่างไม่ยอม เธอเข้าใจดีว่าถ้าไม่มีเขา เธออาจเจอกับสิ่งที่เลวร้ายที่สุดไปแล้ว แต่การตามเขาไปมันไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก
เอเดรียนเหยียดยิ้มเย็น “อ่า... แต่ฉันไม่ได้ช่วยเธอฟรีๆ ...มากับฉันซะ”
เธอก้าวถอยหลังแล้วส่ายหัว “ไม่ค่ะ ฉันไม่รู้จักคุณด้วยซ้ำ”
"คิดซะว่ามันเป็นการตอบแทนบุญก็ได้" เอเดรียนพูดด้วยน้ำเสียงราบรื่น ดวงตาของเขาเป็นประกายด้วยความเจ้าเล่ห์ "ฉันช่วยเธอจากสถานการณ์อันตราย.... ตอนนี้....เธอก็แค่ทำตามที่ฉันบอก ง่ายๆ แค่นี้เอง มาด้วยกัน ฉันสัญญาว่าเธอจะปลอดภัย" เขาจ้องเธอไม่วางตา
อลิซลังเล สัญชาตญาณของเธอเตือนให้เธอหนี แต่มีบางอย่างในแววตาของเอเดรียนที่ดึงดูดเธอไว้ เธอพยักหน้าอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก "ก็ได้ค่ะ.... แต่แค่คุยกันนะคะ"
รอยยิ้มของเอเดรียนกว้างขึ้น “เด็กดี ตามฉันมา”
ด้วยความรู้สึกมึนงง อลิซก้าวตามเขาไปที่รถ คนขับรถหน้าตาเคร่งขรึมเปิดประตูให้เธอ เธอเลื่อนตัวไปนั่งเบาะหลัง หัวใจของเธอเต้นรัวด้วยความกังวล ร่างสูงใหญ่ตามเข้ามานั่งข้างๆ เธอ
ขณะที่รถแล่นออกไป อลิซแอบลอบมองเขาจากหางตา เขาหล่อเหลาอย่างปฏิเสธไม่ได้ ผมสีเงินและใบหน้าที่คมเข้มราวกับถูกแกะสลัก ทำให้เขาดูเหมือนหลุดมาจากโลกอื่น แต่ก็แฝงไว้ด้วยเสน่ห์อันตรายบางอย่างที่ทำให้เธอรู้สึกขนลุกซู่
“เจออะไรหรือเปล่า?” เอเดรียนเอ่ยปากหยอกล้อเธอ เขารู้สึกได้ถึงสายตาที่แอบมองอยู่ซักพักแล้ว
อลิซรีบหันหน้าหนี แก้มของเธอแดงระเรื่อ "ข...ขอโทษค่ะ"
เอเดรียนหัวเราะในลำคอเสียงต่ำ “ไม่เป็นไร ฉันชินแล้ว”
"ทำไมคุณถึงช่วยฉันล่ะคะ?" อลิซเอ่ยถาม พยายามเบี่ยงเบนความสนใจจากแรงดึงดูดที่เธอไม่อาจปฏิเสธที่มีต่อเขา
เอเดรียนจ้องมองเธอและยิ้มมุมปากเล็กน้อย "เอาเป็นว่า...เธอดึงดูดความสนใจของฉันก็แล้วกัน"
อลิซขมวดคิ้ว "คุณหมายความว่ายังไงคะ?"
เขาโน้มตัวเข้ามาใกล้ ลมหายใจร้อนๆ ของเขาสัมผัสเข้ากับใบหูของเธอ มันทำให้อลิซรู้สึกขนลุก "ฉันชอบเล่นกับแมวน้อยที่ดื้อดึง.... และเธอก็ดูไม่ค่อยเชื่องดีน่ะ"
"ฉันไม่ใช่ของเล่นนะคะ" อลิซไม่ค่อยชอบที่ถูกทำเหมือนของเล่นเท่าไหร่
หัวใจของเธอเต้นรัวด้วยความหวาดกลัวและความอยากรู้อยากเห็น เธอรู้ดีว่ากำลังก้าวเข้าสู่เกมที่อันตราย แต่บางอย่างเกี่ยวกับบุคลิกอันน่าค้นหาของเอเดรียนทำให้เธอไม่อาจห้ามใจ
"ใครบอกว่าเธอเป็นล่ะ?" เอเดรียนยิ้มให้เธอและหันหน้ามองไปข้างหน้าโดยที่ไม่ได้พูดอะไรอีก
"พี่..." อลิซครางออกมา ขณะที่มือของเขายังคงสัมผัสร่างของเธอ เขาไม่เพียงแต่แสดงความต้องการทางร่างกาย แต่ยังสื่อถึงความรักและความห่วงใยที่ลึกซึ้ง ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย และเป็นที่รักอย่างสมบูรณ์แบบ เอเดรียนขยับสะโพกเข้าออกช้าๆ อีกครั้ง แต่ละจังหวะหนักแน่นและเต็มไปด้วยความปรารถนา ร่างของอลิซเริ่มตอบสนองต่อสัมผัสของเขาอย่างชัดเจน มือของเธอยึดจับขอบอ่างล้างหน้าแน่น เพื่อควบคุมตัวเองในขณะที่เขาเพิ่มจังหวะมากขึ้น "พี่รักเธอ..." เอเดรียนกระซิบด้วยน้ำเสียงที่เย้ายวนชวนให้หลงใหล อลิซหอบหายใจแรง ร่างของเธอสั่นสะท้านจากความเร่าร้อนที่เพิ่มขึ้น "อย่าหยุดนะคะ...พี่เอเดรียน" อลิซครางออกมา ขณะที่เขาเพิ่มความรุนแรงและลึกซึ้งมากขึ้น จนทำให้เธอรู้สึกเหมือนทุกอย่างหลอมละลายเป็นหนึ่งเดียวกับเขา เอเดรียนไม่หยุดตามคำขอของอลิซ ร่างของเขายังคงขยับเข้าออกอย่างมั่นคงและหนักแน่น มือใหญ่ของเขาเลื่อนลงจากสะโพกของเธอขึ้นไปจับที่เอวและหน้าท้อง ออกแรงกดเล็กน้อยเพื่อปรับมุมและจังหวะตามที่รู้ว่าเธอจะชอบ ทุกครั้งที่ขยับลึกเข้าไป มันทำให้อลิซสั่นสะท้าน ร่างของเธอเกร็งแน่น มือของเธอยึดขอบอ่างล้างหน้าไว้แน่น เพื่อพ
หลังจากอาบน้ำเสร็จ อลิซยืนอยู่หน้ากระจกในห้องน้ำ ผมเปียกชื้นและร่างกายของเธอที่เคยกระชับบัดนี้กลับเต็มไปด้วยร่องรอยของการเปลี่ยนแปลงหลังคลอด เธอมองดูหน้าท้องที่อวบอิ่มและเต็มไปด้วยรอยแตกลาย นิ้วมือสัมผัสลงบนผิวที่เคยเรียบเนียน เธอถอนหายใจ รู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองเอเดรียนที่เพิ่งออกมาจากการอาบน้ำ เห็นท่าทีของเธอ เขาขยับเข้ามาใกล้ ค่อยๆ โอบเธอจากด้านหลัง พรมจูบไปบนไหล่ของเธอ "แมวน้อยของพี่ คิดอะไรอยู่หืม?" เสียงทุ้มต่ำของเขาทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้น"อลิซอ้วนขึ้น... แล้วก็มีรอยพวกนี้เต็มไปหมดเลย" เธอตอบอย่างด้วยน้ำเสียงที่อ่อนอย่างเห็นได้ชัด พลางจ้องมองเงาของตัวเองในกระจกด้วยสายตาที่ไม่มั่นใจเอเดรียนยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเลื่อนสายตามองตามร่างกายของเธออย่างละเอียด ดวงตาเขาฉายแววปรารถนา "พี่กลับคิดว่าเธอสวยมากอยู่แล้วนะ" เขาพูดช้าๆ พร้อมกับลูบไล้ไปตามรูปร่างของเธอ มือลูบไล้ไปตามรอยแตกลายบนหน้าท้อง ราวกับต้องการให้เธอรู้ว่าเขายังชื่นชอบในตัวเธอทุกส่วน "รอยพวกนี้... มันคือเครื่องหมายที่บอกว่าร่างกายของเธอแข็งแกร่งและพิเศษขนาดไหน"อลิซหน้าแดง รู้สึกถึงความร้อนวูบวาบที่เกิดขึ้นจากคำพูดของเขา "
ไม่กี่ปีต่อมา เอเดรียนและอลิซตัดสินใจแต่งงานกัน งานแต่งงานเป็นงานเล็กๆ และเรียบง่าย อลิซไม่ได้เชิญญาติฝ่ายเธอมาเลย เพราะแม่ของเธอได้เสียชีวิตไปแล้ว และเธอก็ได้ตัดขาดจากพ่อที่เคยทำร้ายเธอตั้งแต่เธอยังเด็ก แต่นั่นไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกเหงา เพราะเอเดรียนอยู่ข้างเธอตลอดเวลา งานแต่งงานของพวกเขาเต็มไปด้วยความอบอุ่นและความรัก หลังแต่งงาน ชีวิตของทั้งคู่ก็เต็มไปด้วยความสุข เอเดรียนยังคงบริหารธุรกิจของเขาอย่างมีประสิทธิภาพ และอลิซก็ยังคงทำงานที่เธอรัก ทั้งคู่วางแผนที่จะสร้างครอบครัวไปด้วยกัน แม้ชีวิตจะมีความท้าทายบ้าง แต่ทั้งคู่ก็ผ่านมันไปได้ด้วยความรักและความเข้าใจในกันและกัน ในที่สุด พวกเขาก็มีลูกด้วยกัน ลูกน้อยกลายเป็นแก้วตาดวงใจของเอเดรียนและอลิซ เอเดรียนแม้จะเป็นมาเฟียผู้ทรงอิทธิพล แต่เมื่ออยู่กับครอบครัว เขากลายเป็นคนอ่อนโยนและอบอุ่น รอยยิ้มของลูกน้อยและอลิซคือสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกว่าชีวิตของเขามีความหมายมากกว่าความสำเร็จในธุรกิจ เมื่ออลิซตั้งท้อง อารมณ์ของเธอแปรปรวนอย่างมาก ทั้งเพราะฮอร์โมนที่เปลี่ยนไปและความกังวลเรื่องการเป็นแม่ครั้งแรก บางครั้งเธอรู้สึกหงุดหงิดและร้องไห้โดยไม่มีเ
"พี่ต้องทำความสะอาดก่อนนะ" เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน ขณะที่เริ่มเช็ดคราบต่างๆ บนตัวเธออย่างเบามือ มือที่ใหญ่และอบอุ่นของเขาสัมผัสกับผิวกายที่ยังคงอ่อนไหวจากความรู้สึกเมื่อครู่ อลิซกัดริมฝีปากของตัวเองพยายามไม่ให้ตัวเองรู้สึกเขินมากกว่านี้เอเดรียนทำความสะอาดให้เธออย่างระมัดระวัง ใช้ทิชชู่เช็ดบริเวณต้นขาและจุดที่เปียกชื้นอย่างใจเย็น ก่อนจะจัดเสื้อผ้าให้เธอกลับเข้าที่ "เรียบร้อยแล้ว" เขาพูดพร้อมยิ้มมุมปาก ราวกับทุกอย่างเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเขา"พี่...พี่ทำเกินไปแล้วนะ" อลิซพูดดุเขา ยังรู้สึกเหนียมอายอยู่ แม้ว่าจะเพิ่งผ่านเรื่องราวที่หนักหนามาเมื่อทำความสะอาดเรียบร้อย เอเดรียนก็เลื่อนแขนลงไปโอบรอบเอวของเธอ ขณะที่ยกเธอขึ้นจากตักอย่างง่ายดาย แม้ว่าเธอจะรู้สึกหมดแรงจนขยับตัวเองไม่ไหว แต่เอเดรียนกลับยกเธอเหมือนเป็นสิ่งของที่เบาหวิว เขาโอบเธอไว้แนบอกก่อนจะค่อยๆ วางเธอลงบนเบาะข้างคนขับอย่างนุ่มนวล"นอนพักตรงนี้นะ" เอเดรียนพูดพร้อมยกมือขึ้นลูบผมของอลิซด้วยความรัก ราวกับจะบอกให้เธอผ่อนคลาย ขณะที่เขาจัดเสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อย และเตรียมตัวขับรถกลับเมื่อรถมาถึงบ้าน เอเดรียนจอดรถอย่างเงี
"เร็วอีกสิ เธอทำได้มากกว่านี้ แมวน้อย... " เอเดรียนกระซิบยั่วเย้าเธอเสียงต่ำ กระตุ้นให้เธอตอบสนองตามสัญชาตญาณ ร่างกายของเธอร้อนรุ่มจนแทบจะทนไม่ไหว เธอเร่งจังหวะขึ้นอีกครั้ง สะโพกสวยยกขึ้นลงเร็วและหนักหน่วงกว่าเดิมเอเดรียนยิ้มอย่างพอใจ ร่างกายของเขาเริ่มตอบสนองต่อความเร่าร้อนของเธอมากขึ้น เสียงหอบหายใจหนัก ผสมกับเสียงครางที่ขาดเป็นห้วงๆ ดังก้องไปทั่วห้องโดยสาร ความเสียวซ่านที่ล้นทะลักทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ"อ๊าา พ... พี่เอรียน!! อลิซทนไม่ไหวแล้ว!! " อลิซพูดออกมาด้วยเสียงกระเส่า พรางมองหน้าเอเดรียนด้วยสายตา ที่พร่าเลือนไปด้วยหยาดน้ำตาแห่งความสุขสมเอเดรียนหัวเราะออกมาขณะที่อลิซเริ่มตอดรัดเขาแน่นถี่ขึ้น ดวงตาของเขาฉายแววเจ้าเล่ห์ ก่อนที่จะขยับสะโพกสวนขึ้นเล็กน้อย ส่งแรงเสียดสีจนอลิซสะดุ้ง ร่างกายของเธอเกร็งสั่นสะท้านอย่างห้ามไม่อยู่"ทำไมวันนี้ถึงเสร็จเร็วขนาดนี้ล่ะ หืมม?" เอเดรียนแหย่เธอด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ ใบหน้าของเขาขยับเข้ามาใกล้กระซิบข้างหู ขณะที่มือของเขายังจับสะโพกเธอไว้แน่น "หรือว่าห่างพี่ไปนานเกินจนทนไม่ไหวแล้ว?" คนพี่ยังพูดแกล้งเธอไม่หยุดอลิซหน้าแดงจัด เธอถูกทำให้รู้ส
“พี่ไม่เคยเบื่อ...โดยเฉพาะเมื่อเป็นเธอ” เขาตอบกลับด้วยความมั่นใจ ริมฝีปากของเขายกขึ้นเป็นรอยยิ้มที่มักทำให้เธอหวั่นไหวแต่อลิซไม่ถอยกลับ เธอเลื่อนตัวเข้ามาใกล้ชิดเขามากขึ้น ปลายนิ้วลูบผ่านกรอบหน้าของเขาอย่างยั่วยวน “แต่คราวนี้...อลิซจะเป็นคนคุมเอง” เธอกระซิบชิดริมฝีปากของเขา ดวงตาของเธอเปล่งประกายด้วยความท้าทายเอเดรียนหัวเราะเสียงต่ำ ก่อนที่เขาจะเอนหลังพิงเบาะรถ ราวกับยอมให้เธอทำตามที่ต้องการ “งั้นลองดูสิ...พี่จะรอดูว่าเธอจะคุมเกมได้ยังไง” น้ำเสียงของเขาท้าทายกลับ แต่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอยากรู้ว่าเธอจะทำอะไรต่ออลิซไม่รอช้า เธอจับหน้าของเอเดรียนและโน้มตัวเข้าใกล้ ก่อนที่ริมฝีปากของเธอจะกดลงบนริมฝีปากของเขาอย่างร้อนแรง จูบที่เต็มไปด้วยความโหยหาและท้าทายเอเดรียนตอบรับจูบของเธอทันที แต่คราวนี้เขาให้เธอเป็นฝ่ายนำ ร่างกายของเขาตอบสนองต่อสัมผัสของเธอทุกครั้งที่ ริมฝีปากและมือของเธอเคลื่อนที่ไป เขายกมือขึ้นโอบรอบเอวของเธอ แต่ก็ปล่อยให้เธอเป็นคนคุมจังหวะ“พี่คิดว่าอลิซจะทำได้แค่นี้เหรอ?” อลิซแกล้งกระซิบชิดริมฝีปากของเขา แววตาของเธอเต็มไปด้วยความท้าทายที่เอเดรียนไม่ค่อยเห็นบ่อยนัก“พี่ไ
หลังจากผ่านไปประมาณหนึ่งอาทิตย์ เอเดรียนก็จัดการเรื่องธุรกิจมืดของเขาได้เรียบร้อย แม้เขาจะถอยออกมาอย่างที่สัญญาไว้กับอลิซ แต่บารมีของเขายังไม่ลดลงสักนิด ทุกคนยังคงเกรงกลัวเขา รัศมีอำนาจที่เขามีทำให้ไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่งด้วยวันนี้เอเดรียนขับรถหรูมารับอลิซที่มหาวิทยาลัย เป็นรถสปอร์ตคันสีดำเงางามที่ทำให้ใครต่อใครต้องหันมามองเมื่อเขาจอดตรงหน้า เพื่อนๆ ของอลิซมองตามด้วยความสงสัยและประหลาดใจเมื่อเห็นชายคนนี้ปรากฏตัวตรงหน้าอลิซเบิกตากว้างเล็กน้อยเมื่อเห็นเอเดรียน เธอรีบโบกมือลาเพื่อนๆ และวิ่งขึ้นรถอย่างรวดเร็วทันทีที่เปิดประตู“พี่เอเดรียน! ทำไมต้องขับรถหรูมารับอลิซแบบนี้ด้วยคะ?” อลิซถามด้วยน้ำเสียงกึ่งดุกึ่งเขินเมื่อเธอปิดประตูรถเอเดรียนยิ้มมุมปาก ก่อนจะหันไปสบตาเธอ “พี่อยากเจอเธอเร็วๆ นั่งรอเฉยๆ .... มันน่าเบื่อ”อลิซถอนหายใจ พร้อมกับมองออกไปนอกหน้าต่าง รู้ดีว่าเขามักจะทำตามใจแบบนี้เสมอเอเดรียนขับรถออกไปด้วยความเร็วที่ทำให้หัวใจของอลิซเต้นแรงเล็กน้อย เขาเลี้ยวเข้าไปยังมุมอับของลานจอดรถที่ไม่มีใครเห็น ก่อนจะจอดรถและหันมามองเธอด้วยสายตาที่ชวนให้รู้สึกไม่ค่อยปลอดภัย“พี่ทำอะไรคะ?” อลิซถา
อลิซรู้ว่าต้องทำอะไรสักอย่างเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเธอกับเอเดรียน ความเงียบที่อบอวลรอบตัวทำให้เธอได้แต่คิดทบทวนสถานการณ์นี้ซ้ำไปซ้ำมา โลกของเขาช่างแตกต่างจากโลกของเธออย่างสิ้นเชิง ถึงเขาจะไม่เคยบอกตรงๆ แต่เธอก็ไม่ใช่เด็กน้อยที่จะไม่รู้ว่าเขาคือมาเฟีย ผู้ชายที่มีอำนาจและมีอันตรายตลอดเวลา ส่วนเธอเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาที่ใช้ชีวิตเรียบง่าย ตั้งแต่ที่เขาหายจากบาดแผล เขาก็ยุ่งมากขึ้น ไม่ค่อยได้กลับบ้านตรงเวลา และทุกครั้งที่เธอเจอเขา เธอรู้สึกว่ามีบางสิ่งที่ค้างคาอยู่ระหว่างทั้งคู่ พวกเขายังไม่เคยพูดถึงอนาคต ไม่เคยคุยกันอย่างจริงจัง และนั่นทำให้เธอยิ่งรู้สึกไม่มั่นคงมากขึ้นเรื่อยๆ อลิซสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วตัดสินใจ มันถึงเวลาแล้ว เธอจะต้องคุยกับเขา เธอต้องรู้ว่าเอเดรียนคิดยังไงกับความสัมพันธ์นี้ และเธอไม่สามารถอยู่ในความไม่แน่นอนแบบนี้ต่อไปได้ เธอลุกขึ้นจากโซฟา ก้าวเดินตรงไปที่ห้องทำงานของ เอเดรียน ประตูไม้หนักที่เคยดูคุ้นเคยตอนนี้กลับรู้สึกเหมือนเป็นอุปสรรคที่เธอต้องผ่านไป อลิซยืนอยู่หน้าประตูห้องทำงานของเอเดรียน ลมหายใจของเธอติดขัด มือกำลูกบิดแน่น ก่อนที่จะผลักเข้าไปช้าๆ ภายในห้องเ
"ขอโทษด้วยครับบอส... ผมพยายามห้ามแล้ว" ชายชุดสูทที่อยู่ด้านหลังเธอคนนั้นส่งเสียงเข้ามาก่อนที่จะถอยไปอย่างรู้งานเอเดรียนยิ้มและพูดกับผู้มาใหม่ "ลิซซี่ เธอมักมาในช่วงเวลาที่แย่เสมอเลยนะ หึ" เขาดูหงุดหงิดเล็กน้อยลิซซี่หัวเราะแล้วโค้งคำนับอย่างขี้เล่น “ฉันไม่กวนแล้ว เชิญใช้เวลากันต่อได้เต็มที่เลยนะจ๊ะ” จากนั้นหล่อนก็ปิดประตู ให้ความเป็นส่วนตัวกับทั้งสองคนอีกครั้งอลิซรีบลุกจากเอเดรียนและเริ่มแต่งตัว แก้มของเธอร้อนผ่าวด้วยความเขินอาย “นั่นใครคะ? ฉันเคยเห็นเธอมาก่อน” เธอถามทั้งที่ยังสับสนอยู่เอเดรียนหัวเราะแล้วดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอด “ลิซซี่เป็นหุ้นส่วนธุรกิจ เรารู้จักกันมานานแล้ว เธอชอบหยอกล้อ แต่ก็ไม่เป็นอันตราย”อลิซเงยหน้าขึ้นมองเอเดรียนก่อนจะพูดเหน็บเขาที่ไม่ยอมบอกเธอตรงๆ “หุ้นส่วนทางธุรกิจเหรอ? พี่มีชีวิตที่น่าสนใจจริงๆ นะคะ”เอเดรียนยิ้มและจูบหน้าผากของเธอ “มีเธออยู่ด้วยแล้วน่าสนใจกว่าเยอะนะแมวน้อย”แม้ว่าเธอจะรู้สึกหงุดหงิดใจในตอนแรก แต่อลิซก็อดไม่ได้ที่จะแอบยิ้ม “อลิซไม่หลงคารมพี่หรอกค่ะ”เอเดรียนหัวเราะอย่างเอ็นดูคนตัวเล็ก “อยู่กับพี่นี่แหละ… พี่จะแนะนำเธอให้รู้จักกับเขา”'เขา?'
Comments