Mag-log inในฐานะที่ปรางทิพย์รับช่วงการทำงานเป็น Flower Decoration ต่อจากมารดามามากกว่าห้าปีแล้ว ประสบการณ์จึงไม่น้อยหน้าใคร ความพิถีพิถันของเธอทำให้ถูกกล่าวถึงอย่างกว้างขวาง ยิ่งมีสามีอย่างปกรณ์คอยช่วย งานก็ยิ่งราบรื่นประสบความสำเร็จ
งานตกแต่งดอกไม้ในงานแต่งงานถือเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากที่จะช่วยให้วันสำคัญของคู่บ่าวสาวออกมาในคอนเซปต์ที่ต้องการ ที่สำคัญ…. ไม่ใช่เพียงเพราะความสวยงามอย่างเดียว แต่ยังสามารถสื่อถึงเรื่องราวของทั้งสองฝ่ายได้เป็นอย่างดี เหมือนเป็นการบอกเล่าเรื่องราวผ่านรายละเอียดของงาน
เมื่อทุกคนเดินเข้าไปในห้องประชุมแล้วแยกย้ายกันนั่งลงเรียบร้อย พนักงานก็นำของว่างและน้ำผลไม้มาเสิร์ฟให้ ปกรณ์จัดแจงเรื่องการเปิดสไลด์ให้ว่าที่บ่าวสาวได้ชมรายละเอียดและเลือกสรรค์สิ่งที่ต้องการตามคอนเซปต์ที่เคยให้ไว้ว่าตรงตามใจหรือเปล่า
“สำหรับงานแต่งของเพื่อนรักอย่างบัวต้องเป็นแพ็กเกจลักชูรี่เท่านั้น ตามที่คุยกันไว้ ธีมของงานจะเป็นสีขาว สีเงินและสีทอง ในแพ็กก็จะมีในส่วนของแบ็กดรอป ไม้กระดาน ตกแต่งดอกไม้ประดิษฐ์ มีพรมปูด้านหน้า มีป้ายชื่อบ่าวสาว แล้วในส่วนของมุมแกลลอรี่จะมี Photo box มีตกแต่งดอกไม้ให้ตามธีมงานหกจุด ตรงโต๊ะลงทะเบียนจะตกแต่งด้วยแจกันดอกไม้ มีสมุดอวยพรหนึ่งเล่ม ชั้นวางของชำร่วย แล้วก็กล่องใส่ซอง”
ปรางทิพย์ชี้แจงรายละเอียดอย่างที่เคยมีการตกลงกันไว้ ส่วนปกรณ์ผู้เป็นสามีก็ทำหน้าที่เลื่อนสไลด์รูปแบบของงานให้ได้เลือกชม
“การตกแต่งเวทีทำไว้ให้พิจารณาอยู่สองแบบนะ จะมีเวทีแบบฉากผ้าโยงกับเวทีแบบม่านไฟ อยากได้แบบไหนครับ”
“อืม… เอาแบบผ้าโยงดีไหมคะพี่เปรม”
“ดีสิครับ บัวว่าแบบไหนดี พี่ก็ว่าตามนั้น”
“งั้นเอาแบบฉากผ้าโยงก็แล้วกันค่ะพี่กร” หญิงสาวยิ้มหวานที่คู่หมั้นหนุ่มหล่อยังคงตามใจเธอเสมอเหมือนกับวันแรกที่เริ่มคบกัน ก่อนจะหันไปบอกกับปกรณ์
“ประมาณนี้เลยนะ” ปกรณ์กดเลือกแบบที่บงกชเพชรว่าแล้วอธิบายเพิ่ม “เวทีฉากผ้าโยงจะมีขนาดประมาณหกเมตร จะมีโลโก้ของคู่บ่าวสาวติดให้ด้วย แล้วก็ตกแต่งด้วยฟลาวเวอร์สแตนด์พร้อมชุดดอกไม้ประดิษฐ์อีกหนึ่งคู่”
“จริงๆ ในแพ็กเกจนี้จะมีแถมเค้กให้ด้วยนะ แต่เราเห็นว่าบัวอยากได้เค้กแยก เราเลยเปลี่ยนเป็นโต๊ะแชมเปญสามชั้นแทน แบบนี้ถูกใจพี่เปรมไหมคะ” ปรางทิพย์ยิ้มแซว
“แน่นอนครับ แต่ต้องถามว่าภรรยาก่อนนะว่าโอเคไหม”
“ก็แค่แชมเปญ ไม่น่าจะมีอะไรไม่โอเคมั้งคะ ยังไงก็ต้องมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้แขกในงานอยู่แล้ว”
นาราที่นั่งกอดอกไขว่ห้างมองดูว่าที่คู่แต่งงานยิ้มหวานใส่กันจนตาเยิ้มพูดแทรกขึ้นมา ปกรณ์สบตากับภรรยาแวบหนึ่ง สัมผัสได้จากกระแสเสียงของนาราว่าเหมือนไม่พอใจอะไรบางอย่าง
“อย่างที่นาราว่าเลย บัวโอเคค่ะ” บงกชเพชรดีใจที่น้องสาวช่วยออกความเห็น ถึงตัวเธอจะไม่แตะต้องของมึนเมา แต่ก็ใช่ว่าจะห้ามแขกทั้งงานได้ มันไม่เกี่ยวกัน เป็นเพียงแค่ความชอบส่วนบุคคลเท่านั้น
เมื่อเลือกและตกลงรายละเอียดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ปิติภัทรก็จัดการยื่นเช็คจ่ายเงินตามแพ็กเกจ ปกรณ์กับปรางทิพย์พยายามปฏิเสธอย่างไรก็ไม่เป็นผล ใจอยากจะช่วยงานเพื่อนให้ออกมาสมบูรณ์ที่สุด แต่ปิติภัทรกับบงกชเพชรเกรงใจจึงยัดเยียดจ่ายจนสำเร็จ
“ส่วนเรื่องเค้ก พี่นัดเพื่อนที่เป็นเจ้าของร้านเค้กงานแต่งมาให้แล้วนะ อีกสักสิบห้านาทีก็คงมาถึง เดี๋ยวออกไปรอที่ห้องรับรองกันเลยก็ได้ครับ” ปกรณ์พูดต่อไปตามหน้าที่ มองดูนาฬิกาก็คาดเดาได้ว่าเพื่อนสนิทคงใกล้มาถึงแล้ว
“แล้วชุดแต่งงานล่ะพี่บัว สั่งตัดเสร็จไปแล้วหรือยัง นาราอยากเห็นว่าจะสวยแค่ไหน” เป็นอีกครั้งที่นาราพูดแทรกขึ้นมา
“ชุดแต่งงานเรียบร้อยแล้วจ้ะ แต่พี่ไม่ได้สั่งตัดเป็นพิเศษหรอกนะ เลือกซื้อเอาจากแบบที่มีอยู่ก่อนแล้ว พี่ชอบความเรียบง่าย ไม่อยากให้ยุ่งยากน่ะ”
“จะแต่งงานทั้งทีก็เอาให้มันอลังการหน่อยสิคะ ถ้าเป็นนาราก็คงสั่งตัดจากต่างประเทศไปแล้ว” นาราถอนหายใจ ส่ายหน้าน้อยๆ ราวกับเอือมระอาเต็มทน
“ชุดแต่งงานของบัวกับพี่เปรมอลังการแน่นอนค่ะน้องนารา ถึงจะเป็นชุดที่มีอยู่ก่อนแล้ว แต่ก็ไม่ใช่ของมือสองนะคะ แล้วก็ยังเป็นแบรนด์ดังอีกด้วย” ปรางทิพย์อธิบายให้ฟัง ดูเหมือนนารากำลังเข้าใจผิด คิดว่าพี่สาวของเธอไม่ให้ความสำคัญกับชุดแต่งงาน
“ถ้าเลือกเสร็จแล้ว นาราออกไปรอข้างนอกนะคะ” พูดจบสาวงามก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ ก้าวฉับๆ ด้วยท่าทางมั่นอกมั่นใจออกไปจากห้องประชุมทันที
“ไม่ไหวเลยนะ เหมือนหงุดหงิดอะไรอยู่ตลอดเวลา” ปรางทิพย์เดินเข้าไปยืนข้างๆ เพื่อนแล้วบ่นให้ได้ยิน
“อย่าไปว่านาราเลยครับ น้องเพิ่งเดินทางกลับจากต่างประเทศเมื่อคืนก็ต้องตื่นเช้าออกมากับพี่สาว คงจะเพลียแล้วก็หงุดหงิดไปบ้าง” ปิติภัทรรีบออกแทนก่อนที่บงกชเพชรจะทันได้ขยับปากเสียอีก
“ใช่ปราง นาราคงจะเหนื่อยแหละ ปกติแล้วไม่ได้เป็นแบบนี้หรอก” หญิงสาวเสริมขึ้นอีกคน ไม่ว่านาราจะเป็นอย่างไร เธอก็ไม่อยากให้ใครมองน้องในแง่ลบ
“จ้า” ปรางทิพย์ตอบลากเสียง บางคนเจอกันครั้งแรกก็ชัดเจนแล้วว่ามีรังสีแบบไหนแผ่ออกมาจากแววตา แต่ก็ช่างเถอะ… นาราอาจจะเหนื่อยอย่างพี่สาวกับว่าที่พี่เขยว่าก็ได้
นิธิโชติเป็นคนรูปร่างสูงโปร่ง แต่งตัวภูมิฐานด้วยเสื้อเชิ้ตคอวีสีน้ำตาลและกางเกงสแล็กส์สีขาว ผมสีน้ำตาลอ่อนเพราะมีเชื้อสายจากฝั่งยุโรปยาวละต้นคอ ด้านหน้าแสกกลางและแต่งเป็นทรงคอมม่ายอดนิยม ใบหน้าขาวกระจ่างใสมีเครื่องหน้าที่พอดีและลงตัวอย่างเหมาะเจาะ ไม่มากไม่น้อยเกินไป ไม่แปลกที่บงกชเพชรจะจำได้ว่าเขาคือคนที่เดินชนเธออย่างแรงไปเมื่อคืนที่ผ่านมา“อ้าว! ทั้งสองคนรู้จักกันด้วยเหรอคะ” ปรางทิพย์ถาม“พี่รู้จักคุณบัว แต่คุณบัวยังไม่รู้จักพี่หรอก พอดีเมื่อคืนตอนไปจัดการเรื่องเค้กที่งานแต่ง พี่รีบร้อนจนเดินชนคุณบัวเข้าซะเต็มแรงเลย คุณบัวก็เลยจำพี่ได้ ใช่ไหมครับ?” ชายหนุ่มตอบคำถามของภรรยาเพื่อนสนิท ก่อนจะหันไปถามบงกชเพชร“ใช่ค่ะ” หญิงสาวยิ้มจนตาหยี“อ๋อ! งั้นก็ถือโอกาสนี้แนะนำตัวให้รู้จักกันอย่างเป็นทางการเลยก็แล้วกันนะ นี่บัว… เป็นเพื่อนสนิทของปรางเองค่ะพี่เหนือ แล้วนี่พี่เหนือนะบัว เขาเป็นเจ้าของร้านเค้กแต่งงานที่ดังที่สุดในตอนนี้ แล้วก็เป็นเพื่อนรักของพี่กรด้วยจ้ะ”“ผมนิธิโชตินะครับ จะเรียกว่าพี่เหนือเหมือนอย่างที่ปรางเรียกก็ได้” นิธิโชติยิ้มพร้อมยื่นมือออกไปข้างหน้า บงกชเพชรลังเลเล็กน้อยก่อนจะ
ตอนที่เดินออกมาจากบริษัททั้งคู่เพียงแค่เดินควงแขนกัน แต่พอไปถึงลานจอดรถแล้วมือของปิติภัทรกลับเลื่อนลงมาโอบเอวบางอย่างสนิทสนม เขาต้องการดูท่าทีของนาราเสียก่อนว่าเป็นในทิศทางเดียวกันหรือไม่ ของแบบนี้มันตบมือข้างเดียวไม่ดังอยู่แล้วแน่นอนว่านอกจากจะไม่ผลักไส นารายังวาดมือออกไปโอบเอวของชายหนุ่มคืนด้วย อาการวิงเวียนเหนื่อยล้าที่แสดงออกต่อหน้าพี่สาวหายไปเป็นปลิดทิ้ง เธอยิ้มแย้มแจ่มใสเงยหน้าขึ้นมองคนข้างตัวด้วยความพอใจ“นาราเหนื่อยจัง อยากนอนบนเตียงนุ่มๆ ไม่รู้ว่าจะหลับหรือเปล่า ยังไม่ค่อยชินกับเวลาของเมืองไทย คงต้องปรับอีกสักระยะเลยค่ะ แต่ตอนนี้ง่วงจริง คิดว่าคงหลับไม่ยาก”“ถ้าอยากหลับง่ายขึ้นลองหาคนช่วยลูบหลังให้สิ รับรองว่าแค่ไม่กี่นาทีก็หลับสนิท บัวเองก็ชอบให้พี่ลูบหลังให้เหมือนกัน” ชายหนุ่มแสร้งหยอด“ลูบหลังอย่างเดียวเหรอคะ?” เธอบิดริมฝีปากยิ้มเยาะ“ถ้าหมายถึงเรื่องอย่างว่าเลิกคิดไปได้เลยครับ บัวเป็นคนหวงเนื้อหวงตัว พี่ไม่เคยได้อะไรมากไปกว่าก็กอดจูบ ที่บอกว่าเคยลูบหลังให้ก็มีโอกาสน้อยมาก ถ้าไม่ใช่เพราะเจ็บป่วย บัวแทบไม่ยอมให้พี่เข้าไปยุ่งในห้อง”“ตายแล้ว! แบบนี้พี่เปรมก็แย่น่ะสิคะ มีแฟน
หลังจากออกไปนั่งรอที่ห้องรับรองได้ไม่ถึงห้านาที นาราก็หงุดหงิดมากเสียจนเก็บอาการแทบไม่อยู่ ที่ยอมแหกตาตื่นแต่เช้ามาแบบนี้ก็เพราะต้องการใกล้ชิดกับปิติภัทร แต่ปรากฏว่าไม่มีช่องให้เธอได้แทรกเข้าไปเลย บงกชเพชรเอาแต่เกาะชายหนุ่มแจ ตัวติดกันอยู่ตลอดเวลา“เป็นอะไรหรือเปล่าครับนารา” ปิติภัทรถาม“นาราเหนื่อยค่ะ รู้สึกเหมือนจะเป็นลม” ในเมื่อเขาเป็นฝ่ายถามก่อน เธอจึงพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส รีบยกนิ้วขึ้นแตะขมับและปรับสีหน้าที่ฉุนเฉียวให้เปลี่ยนเป็นอ่อนแอ“อยากได้ยาดมหรือดื่มอะไรหน่อยไหมจ๊ะ”บงกชเพชรที่นั่งอยู่ติดกันกับแฟนหนุ่มรีบขยับเข้าไปดูอาการน้องสาว ยกมือขึ้นอังหน้าผากก็พบว่าไม่มีไข้ แต่สีหน้าของนาราดูค่อนข้างย่ำแย่“ไม่อยากได้อะไรหรอกค่ะ นาราอยากนอนมากกว่า ขอโทษนะคะที่มาด้วยแล้วก็ยังทำตัวเป็นภาระ นาราก็แค่อยากมีส่วนช่วยเรื่องงานแต่งของพี่บัว”“ไม่ต้องขอโทษหรอก นาราหวังดีกับพี่นี่นา เอาแบบนี้ดีไหม นารากลับไปพักผ่อนก่อน เรื่องเค้กไม่ได้มีรายละเอียดอะไรมากมาย เดี๋ยวพี่จัดการเองก็ได้จ้ะ”“แล้วจะให้นารากลับยังไงล่ะคะ ถ้าเป็นแท็กซี่ นาราไม่กล้านะ ไม่รู้ว่าเขาจะพาอ้อมหรือพาเปลี่ยนเส้นทางไปไหนหรือเปล่
ในฐานะที่ปรางทิพย์รับช่วงการทำงานเป็น Flower Decoration ต่อจากมารดามามากกว่าห้าปีแล้ว ประสบการณ์จึงไม่น้อยหน้าใคร ความพิถีพิถันของเธอทำให้ถูกกล่าวถึงอย่างกว้างขวาง ยิ่งมีสามีอย่างปกรณ์คอยช่วย งานก็ยิ่งราบรื่นประสบความสำเร็จงานตกแต่งดอกไม้ในงานแต่งงานถือเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากที่จะช่วยให้วันสำคัญของคู่บ่าวสาวออกมาในคอนเซปต์ที่ต้องการ ที่สำคัญ…. ไม่ใช่เพียงเพราะความสวยงามอย่างเดียว แต่ยังสามารถสื่อถึงเรื่องราวของทั้งสองฝ่ายได้เป็นอย่างดี เหมือนเป็นการบอกเล่าเรื่องราวผ่านรายละเอียดของงานเมื่อทุกคนเดินเข้าไปในห้องประชุมแล้วแยกย้ายกันนั่งลงเรียบร้อย พนักงานก็นำของว่างและน้ำผลไม้มาเสิร์ฟให้ ปกรณ์จัดแจงเรื่องการเปิดสไลด์ให้ว่าที่บ่าวสาวได้ชมรายละเอียดและเลือกสรรค์สิ่งที่ต้องการตามคอนเซปต์ที่เคยให้ไว้ว่าตรงตามใจหรือเปล่า“สำหรับงานแต่งของเพื่อนรักอย่างบัวต้องเป็นแพ็กเกจลักชูรี่เท่านั้น ตามที่คุยกันไว้ ธีมของงานจะเป็นสีขาว สีเงินและสีทอง ในแพ็กก็จะมีในส่วนของแบ็กดรอป ไม้กระดาน ตกแต่งดอกไม้ประดิษฐ์ มีพรมปูด้านหน้า มีป้ายชื่อบ่าวสาว แล้วในส่วนของมุมแกลลอรี่จะมี Photo box มีตกแต่งดอกไม้ให้ตามธ
ติภัทรมาที่บ้านของบงกชเพชรตั้งแต่แปดโมงเช้า เพราะวันนี้มีนัดกับ ‘ปรางทิพย์’ เพื่อนสาวคนสนิทของบงกชเพชรที่ เป็นเจ้าของร้านดอกไม้งานแต่งที่มีชื่อเสียงที่สุดในย่านนี้ พิธีแต่งงานจะมีขึ้นในอีกสองเดือนข้างหน้าจึงจำเป็นต้องเริ่มวางแผนและจัดเตรียมสิ่งต่างๆ ให้พร้อม“พี่เปรมทานอะไรมาหรือยังคะ”“พี่เรียบร้อยมาแล้วครับ บัวล่ะ”“บัวทานครัวซองกับกาแฟไปแล้วค่ะ เราจะไปกันเลยไหมคะ เห็นว่าวันนี้ปรางนัดกับเจ้าของร้านเค้กงานแต่งเอาไว้ด้วย เราจะได้คุยเรื่องเค้กไปพร้อมกันเลย”“ไปครับ” เจ้าของร่างสูงโปร่งเดินเข้าไปใกล้ ก้มลงจุมพิตข้างแก้มเบาๆ อย่างเอาใจ ว่าที่เจ้าสาวของเขาไม่ได้แต่งตัวสวยหรูเหมือนเวลาที่ต้องไปทำงาน วันนี้แต่งตัวสบายๆ ด้วยเสื้อเชิ้ตคอวีสีขาวกับกางเกงยีนส์โอเวอร์ไซซ์สีซีด ต่างจากคนที่กำลังเดินตามมาด้านหลังนาราสวมเดรสคอเหลี่ยมแขนพองสีเหลืองอ่อนที่สั้นเพียงต้นขา ผมยาวสลวยที่เคยปล่อยสยาย เช้านี้มัดรวบสูงเป็นพวงหางม้าและปล่อยปอยหวานระอยู่ข้างแก้ม แต่งหน้าด้วยโทนสีส้มจาง ดูไม่แรงเท่าเมื่อวาน แต่ก็ไม่ได้สวยน้อยลงเลยปิติภัทรคลี่ยิ้ม กวาดสายตามองคนที่สวยหรูไปทั้งตัวด้วยความประทับใจ นึกว่าเธอจะลงม
“โอเคๆ เอาไว้พี่จะลองโทรไปหาป้าผินดูนะว่าแกยังว่างอยู่หรือเปล่า ตอนนั้นที่แกลาออกไปก็เห็นบอกว่าจะกลับไปทำไร่ที่ต่างจังหวัด”“โอ๊ย! พวกคนเก่าๆ แก่ๆ ไม่ต้องไปจ้างมาหรอก เดี๋ยวนาราหาคนใช้คนใหม่เอง แต่พี่บัวต้องเป็นคนจ่ายเงินเดือนนะ นาราเพิ่งกลับมาถึงเมืองไทย ยังไม่มีอารมณ์หางานทำหรอก”ไม่ใช่ว่ามีอารมณ์ แต่เรื่องการทำงานไม่เคยอยู่ในหัวของคนอย่างนาราเลยต่างหาก ตอนอยู่ต่างประเทศเธอก็มีคนคอยเลี้ยงดู จนกระทั่งเมียของอีกฝ่ายจับได้นั่นแหละถึงต้องรีบบินหนีกลับเมืองไทย แล้วเรื่องเรียนเธอก็จบแค่ไฮสกูลเท่านั้น ไม่ได้เรียนต่อปริญญาอย่างที่หลอกให้บงกชเพชรส่งเสีย“ได้สิ เรื่องนั้นไม่มีปัญหา เอาไว้พักจนหายเหนื่อยก่อนแล้วค่อยหางานทำก็ได้” บงกชเพชรจัดเรียงของบนโต๊ะเครื่องแป้งเสร็จพอดี เธอหันมายิ้มให้กับน้องสาว เห็นอีกฝ่ายยังคงเช็ดผมอยู่จึงเดินเข้าไปแย่งผ้ามาถือไว้ แล้วค่อยๆ ซับน้ำออกจากผม“นาราถามอะไรหน่อยสิพี่บัว”“หืม ว่าไงจ๊ะ”“ทรัพย์สมบัติที่คุณพ่อคุณแม่ยกให้พี่บัว พี่บัวใช้หมดไปแล้วหรือยัง”“ยัง มันเยอะแยะขนาดนั้น พี่จะใช้หมดได้ยังไง”“แซะนาราเหรอ?” คนที่นั่งอยู่บนเตียงเงยหน้าขึ้นแล้วหันไปมอง“เปล่า







